ครั้นได้ยินว่าท่านผู้เฒ่าก่อเื่วุ่นวายเช่นนี้ก็เพราะกลัวว่าคนสกุลเหอจะมาหาเื่ถึงในจวน สตรีแซ่ซ่งรีบอธิบายแทนอวี๋เจียวว่า “ในเมื่อคนสกุลเหอปล่อยตัวแม่หนูเมิ่งกลับมา ย่อมต้องเป็เพราะไม่ถือสาหาความเื่นี้อีกแล้วเ้าค่ะ ท่านพ่อ เหตุใดต้องทำเช่นนี้เ้าคะ? ก่อนหน้านี้ตอนคนสกุลเหอจะจับตัวท่านไปให้ได้ ยังคงเป็แม่หนูเมิ่งที่ลั่นวาจา พวกเขาจึงได้พานางไปเพียงผู้เดียว แม่นางน้อยผู้หนึ่งรับผิดชอบทุกอย่างแทนท่านหมดแล้ว ยามนี้โชคดีกลับมาอย่างปลอดภัย เหตุใดท่านกับท่านแม่ถึงทำดีกับนางสักนิดไม่ได้เ้าคะ?”
สตรีแซ่อวี๋โจวได้ยินดังนั้นใบหน้าพลันมืดครึ้ม "อะไรคือการบอกว่านางรับผิดชอบแทนท่านพ่อของเ้า? เดิมทีนางก็เป็คนเขียนเทียบยา เกี่ยวอะไรกับท่านพ่อเ้า?”
อวี๋หรูไห่โมโหยิ่งนัก พยายามโก่งลำคอไอออกมาครู่หนึ่ง อัดอั้นจนใบหน้าแดงก่ำ พยายามอย่างสุดชีวิตถึงคายเสมหะในลำคอออกมาได้ มือเหี่ยวย่นสั่นเทาเส้นเืปูดโปนทุบลงบนโต๊ะอย่างแรง ร้องบริภาษสตรีแซ่ซ่งด้วยความเดือดดาลว่า "เ้าคนเหลวไหล! เ้ากำลังจะทำให้ข้าโมโหตาย!”
ครั้นสตรีแซ่ซ่งเห็นท่าทางดุร้ายเช่นนี้ของผู้เฒ่า นางกลัวว่าจะทำให้เขาโกรธจนเป็อะไรไปจึงเอ่ยเสียงเบาว่า “ท่านพ่อท่านแม่ พวกท่านคลายโทสะสักหน่อย ลูกจะพาแม่หนูเมิ่งกลับห้องเ้าค่ะ”
หลังกล่าวจบ นางดึงอวี๋เจียวเดินออกไปด้านนอก คิดว่าหากอวี๋เจียวไม่ได้อยู่ต่อหน้าท่านผู้เฒ่า บางทีพวกเขาอาจจะไม่โกรธเคืองถึงเพียงนั้น
แต่สตรีแซ่อวี๋โจวกลับไม่ยอม นางเอ่ยด้วยความโมโหว่า “หยุด! ให้นางไสหัวไป สกุลอวี๋ของข้าไม่มีคนผู้นี้!”
ยังไม่ทันที่สตรีแซ่ซ่งจะเปล่งเสียงใด อวี๋ฉี่เจ๋อชิงเอ่ยตัดหน้าว่า “ท่านย่า เมิ่งอวี๋เจียวเป็คนในครอบครัวของข้า เป็ภรรยาของข้า เป็คนสกุลอวี๋ หากนางอยากอยู่ต่อ ไม่ว่าผู้ใดก็ไล่นางออกไปไม่ได้ หากท่านปู่กับท่านย่ายืนกรานจะให้นางจากไป เช่นนั้นก็ต้องแยกบ้านกับครอบครัวรองของพวกเราขอรับ”
ใบหน้าของเขาเรียบเฉย ทว่าวาจาที่เอ่ยออกมากลับดังกังวาน
อวี๋เจียวเงยหน้ามองเขา อวี๋ฉี่เจ๋อกำลังมองมายังนางเช่นกัน ครั้นเห็นดวงตาของอวี๋เจียวมีประกายหยาดน้ำ ราวกับนางกำลังมองเข้าไปในหัวใจของเขา อวี๋ฉี่เจ๋อรีบเบนสายตาออกทันที
“เ้าห้า ป่วยจนเลอะเลือนแล้วหรือ? เพื่อนังเด็กชั้นต่ำผู้นี้ นึกไม่ถึงว่าครอบครัวรองของพวกเ้าถึงกับจะแยกบ้าน?” สตรีแซ่อวี๋โจวคิดไม่ถึงว่าอวี๋ฉี่เจ๋อจะเอ่ยออกมาเช่นนี้
อวี๋เฉียวซานช่วยเอ่ยเสริม "แม่หนูเมิ่งเป็คนในครอบครัวของเ้าห้า เขากลัวว่าท่านพ่อกับท่านแม่จะไล่นางออกไปถึงได้พูดเช่นนี้ ย่อมไม่ได้้าแยกบ้านจริงๆ หรอกขอรับ”
อวี๋หรูไห่โกรธจนพูดไม่ออก ภายในหัววิงเวียนสับสน ทั้งร่างเผยกลิ่นอายหดหู่และหันไปจ้องอวี๋เฉียวซานชั่วครู่
สตรีแซ่อวี๋โจวตำหนิ “ธุระกงการอะไรของครอบครัวใหญ่ของเ้า ยุ่งวุ่นวายซี้ซั้วให้น้อยลงหน่อยเถิด!”
สตรีแซ่จางดึงแขนเสื้อของอวี๋เฉียวซานไม่ให้เขาเอ่ยสิ่งใดอีกเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ท่านผู้เฒ่าและฮูหยินเฒ่าพาลขุ่นเคืองครอบครัวใหญ่
อวี๋หรูไห่มองคนครอบครัวรองไม่กี่คนที่คอยปกป้องอวี๋เจียว แม้ว่าอวี๋ฝูหลิงจะไม่เอ่ยสิ่งใดั้แ่เข้ามาในห้อง ทว่านางก็ตั้งท่าปกป้องอวี๋เจียวเช่นกัน
เสียงแหบชราของเขาเจือความเหนื่อยล้า ภายในใจเต็มไปด้วยความผิดหวัง “ครอบครัวรองของพวกเ้าล้วนแต่วิเศษวิโสกันทุกคน นางกรอกยาเสน่ห์อะไรให้พวกเ้ากิน? พวกเ้าถึงกับไม่เคารพและอกตัญญูต่อผู้าุโเพื่อตัวหายนะเช่นนี้ ...นึกไม่ถึงว่าจะแยกบ้าน ช่างดียิ่งนัก..."
เขาลุกขึ้นเดินไปทางทิศตะวันออกอย่างสับสนเลื่อนลอย
ดวงตาของสตรีแซ่อวี๋โจวเป็ประกาย นางรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว อวี๋ฉี่เจ๋อไม่อาจยกมือขึ้นทำงานอะไร อีกทั้งอวี๋เมิ่งซานก็ขาขาด แต่เดิมก็ทำงานได้ไม่มากนัก การแยกบ้านรองออกไปอาจไม่ใช่เื่ไม่ดี น่าเสียดายที่ตาแก่คนนี้แม้โมโหถึงเพียงนี้ นึกไม่ถึงว่าจะไม่ตกปากรับคำ
เมื่อเห็นอวี๋หรูไห่กลับเข้าห้อง ภายในใจของสตรีแซ่อวี๋โจวพลันรู้ดีว่าวันนี้ไร้วิธีไล่อวี๋เจียวออกไปแล้ว นางหน้าบึ้งตึง เอ่ยอย่างมุ่งร้ายว่า “ครอบครัวรองของพวกเ้าไม่รู้สึกผิดต่อพระคุณเลี้ยงดูของบิดาของเ้างั้นหรือ? เพื่อคนนอกคนหนึ่งกลับไม่สนใจความเป็ความตายของบิดา ช่างกตัญญูรู้คุณจริงๆ”
เอะอะโวยวายใหญ่โตถึงเพียงนี้ นึกไม่ถึงว่ายังไม่อาจขับไล่อวี๋เจียวออกไปได้ ครั้นเห็นท่านผู้เฒ่าและสตรีแซ่อวี๋โจวต่างหยุดลั่นกลองรบ อวี๋ฮั่นซานจึงไม่อาจวางอำนาจบาตรใหญ่ เพียงแต่ยังคงทิ้งวาจาเอาไว้หนึ่งประโยค “พี่รอง หากท่านพ่อถูกครอบครัวรองของพวกท่านยั่วโมโหจนเป็อะไรไป เื่นี้ไม่จบแต่เพียงเท่านี้แน่!”
อวี๋เมิ่งซานเป็คนกตัญญูซื่อตรง ครั้นถูกอวี๋ฮั่นซานตำหนิเช่นนี้และนึกถึงคำกล่าวของท่านผู้เฒ่า ในใจจึงรู้สึกเ็ปอย่างไม่อาจเลี่ยง อวี๋เฉียวซานที่อยู่ด้านข้างตบบ่าเขา “เ้าอย่าเก็บคำพูดของเ้าสามไปใส่ใจ ท่านพ่อร่างกายแข็งแรงดี ไม่มีทางเกิดเื่อะไรแน่นอน รอกระทั่งเขาคลายโทสะก็จะดีขึ้น”
อวี๋เมิ่งซานพยักหน้า เปล่งเสียงหัวเราะขมขื่นครู่หนึ่ง
บรรยากาศภายในห้องโถงซบเซา คนทั้งสองครอบครัวต่างแยกย้ายกันกลับเรือน อวี๋เจียวคิดจะฉวยโอกาสนี้เอาสัญญาซื้อขายตัวคืนมา แต่น่าเสียดายที่ท่านผู้เฒ่าและสตรีแซ่อวี๋โจวช่างรู้จักพลิกแพลงกลับไปมาเสียจริง ทันทีที่จู่โจมก็ทั้งด่าทั้งทุบตี ไม่ปล่อยโอกาสให้นางปริปากเอ่ยถึงใบสัญญาซื้อขายตัวสักนิด
อวี๋เจียวกลับห้องไปหยิบสมุนไพรที่ซื้อมาจากสำนักหุยชุน จากนั้นไปห้องครัวเพื่อต้มยาให้อวี๋ฉี่เจ๋อ
สตรีแซ่ซ่งไม่วางใจ นางดึงอวี๋ฉี่เจ๋อมาถามว่า “แท้จริงแล้วทางฝั่งสกุลเหอเป็อย่างไรกันแน่? พวกเขาจะมาหาเื่ที่จวนหรือไม่?”
เพื่อให้บิดามารดาสบายใจ อวี๋ฉี่เจ๋อกล่าวตามความจริงว่า “โดยรวมแล้วน่าจะไม่ขอรับ เพราะเทียบยาที่อวี๋เจียวจัดให้ท่านผู้เฒ่าเหอได้ผลดีอย่างยิ่ง”
สตรีแซ่ซ่งและอวี๋เมิ่งซานได้ยินเขาเอ่ยเช่นนี้ต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก อวี๋เมิ่งซานกล่าวว่า "ถ้าเช่นนั้นสกุลเหอคงไม่ให้คนมาจับตัวท่านปู่ของเ้าอีกใช่หรือไม่?”
อวี๋ฉี่เจ๋อพยักหน้า น้ำเสียงของเขาเ็าขึ้นสามส่วน “ไม่ขอรับ เทียบยาใหม่ที่อวี๋เจียวจัดขึ้นมาทำให้อาการของท่านผู้เฒ่าเหอใกล้จะหายดีแล้วขอรับ ท่านปู่ท่านย่า...”
เขาไม่อยากพูดลับหลังผู้าุโ ครั้นเอ่ยไปครึ่งทางจึงชะงักวาจา
สตรีแซ่ซ่งและอวี๋เมิ่งซานต่างก็ถอนหายใจ ผู้ใดจะรู้ว่าแท้จริงแล้วในใจของท่านผู้เฒ่าและฮูหยินเฒ่าคิดอย่างไร เื่ในครั้งนี้นับว่าโชคดีเพราะมีอวี๋เจียว พวกเขาไม่รู้สึกซาบซึ้งแม้แต่นิดก็ช่างเถิด นี่กลับจะขับไล่คนออกจากจวน
ตกเย็น อวี๋จิ่นเหยียนกับอวี๋จิ่นซูรีบกลับมาจากสถานศึกษาทั้งที่ยังไม่ถึงวันหยุด มิหนำซ้ำยามนี้จวนสกุลอวี๋ยังเกิดเื่มากมาย หากถูกลากเข้าไปพัวพันเื่สกุลเหอ หนทางในภายหน้าของพวกเขาทั้งสองคงถูกทำลายจนสิ้น
สตรีแซ่จ้าวยังไม่ทันได้ดีใจก็รีบไล่คนให้กลับไป “พวกเ้ากลับมาได้อย่างไร? ในจวนเกิดเื่เล็กน้อย พวกเ้ารีบกลับไปสถานศึกษา รออีกสักพักหนึ่งค่อยกลับจวน”
“ข้ากับจิ่นเหยียนรู้เื่ที่เกิดขึ้นในจวนแล้วขอรับ” อวี๋จิ่นซูเอ่ยถามออกมา “ท่านปู่เล่า?”
“พวกเ้ารู้ได้อย่างไร?" สตรีแซ่จ้าวเอ่ยต่อไปว่า “ท่านปู่ของเ้าถูกคนในครอบครัวรองทำให้โมโหเสียแล้ว ยามนี้นอนอยู่ในห้อง!”
อวี๋จิ่นเหยียนขมวดคิ้ว "เกิดอะไรขึ้นขอรับ?”
สตรีแซ่จ้าวเบะปาก “จะไม่ใช่เื่ที่นังเด็กชั้นต่ำแซ่เมิ่งผู้นั้นก่อขึ้นมาได้อย่างไร เทียบยาของนางทำร้ายคน ท่านปู่ของเ้ากลัวว่าผู้อื่นจะมาหาเื่เพื่อคิดบัญชีอีก คิดจะไล่นางออกจากจวนสกุลอวี๋ของพวกเรา แต่พี่รองสองผัวเมียกลับคอยปกป้อง แม้แต่คนป่วยผู้นั้นก็ยังขวางเอาไว้”
หลังอวี๋จิ่นเหยียนได้ฟัง เขาไม่เสียเวลาใส่ใจสิ่งที่สตรีแซ่จ้าวเอ่ยมากนัก รีบหันกายเดินไปหาอวี๋หรูไห่ที่ห้องฝั่งตะวันออก
อวี๋จิ่นซูเอ่ยกับสตรีแซ่จ้าวว่า "โจวสือโถววิ่งไปที่สถานศึกษาเพื่อแจ้งข่าวให้ข้ากับจิ่นเหยียนฟัง บอกว่าท่านปู่รักษาคนสกุลเหอในเมืองจนอาการแย่ลงและเกือบจะถูกคนสกุลเหอจับตัวไป แต่คนสกุลเหอจับตัวเมิ่งอวี๋เจียวไปแล้ว เหตุใดถึงยังปล่อยนางกลับมาอีกขอรับ”
“ผู้ใดจะไปรู้กันเล่า? นางบอกว่านายท่านสกุลเหอปล่อยนางกลับมาเอง แม้ว่าท่านปู่ของเ้าจะเป็คนตรวจอาการป่วยของนายท่านผู้เฒ่าเหอ แต่เทียบยานั้นมาจากมือของเมิ่งอวี๋เจียว” สตรีแซ่จ้าวกระซิบว่า “ตอนนี้เมิ่งอวี๋เจียวถูกปล่อยตัวกลับมา เกรงว่าคนสกุลเหอคงจะมาหาเื่ท่านปู่ของเ้าอีก จะเกิดเื่กับปู่ของเ้าไม่ได้ ความอยู่รอดของครอบครัวเราล้วนแต่ฝากฝังไว้ที่วิชาหมอของปู่เ้า การผลักภาระไปให้เมิ่งอวี๋เจียวนับเป็วิธีที่เหมาะสมที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นเทียบยานั้นยังเกี่ยวของกับนาง”
