“สิบล้านเหรียญทอง? เด็กอย่างเ้ามีเงินมากมายขนาดนี้เลย”
เริ่นเสี้ยวเทียนที่นั่งอยู่ข้างๆ รู้สึกใ เขาไม่ได้ขาดเงิน แต่ก็รู้ว่าสิบล้านเหรียญทองหมายถึงอะไร
“ไม่ใช่ว่าข้ามีเงิน แต่กระดานหมากของคุณชายมีแรงดึงดูดมากพอ หากได้ผลักดันออกสู่ตลาดจริงๆ จะเป็อย่างไรกับประชากรหมื่นล้านคนในทวีปหลิงโซ่ว”
เฝิงเป่าเป่ากล่าวด้วยรอยยิ้ม ตอนที่คุยกับเสิ่นเสวียน เขาคิดไว้แล้วว่าจะผลักดันออกไปอย่างไร และตั้งราคาเท่าไร
สำหรับตระกูลเฝิงแล้ว การผลักดันนี้สามารถเกิดขึ้นจริงได้
แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือตัวสินค้า ของดีสามารถดึงดูดคนได้คือหลักสำคัญ ไม่อย่างนั้นต่อให้ผลักดันเท่าไรก็เสียเปล่า
“สหายเสิ่น ข้าคิดว่าเ้าลองดูได้ เหรียญทองในโลกนี้ค่อนข้างสำคัญ หากมีเงินมากพอจะหาศาสตราวิเศษขั้นปฐีสักชิ้นก็ไม่ใช่ปัญหา”
เริ่นเสี้ยวเทียนกล่าวกับเสิ่นเสวียน หากเป็เขาคงตอบรับไปนานแล้ว
ทว่าเสิ่นเสวียนในตอนนี้กำลังครุ่นคิดถึงอย่างอื่นอยู่
แม้ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรเขาจะเก็บตัวอยู่ตลอด แต่ตอนยังหนุ่มได้ติดตามฝึกฝนกับอาจารย์หลี่ฉุนเฟิง นับว่าได้ใช้ชีวิตอยู่ในโลกค่อนข้างนาน จนกระทั่งร่างแตกสลายกลายเป็เซียนพเนจรก็ต้องอยู่ในโลกวุ่นวาย่ปลายราชวงศ์ถังอีกหลายสิบปี กษัตริย์ผู้ก่อตั้งสิบแคว้น อย่างเช่นจูเวิน จูโหย่วกุย หลี่เค่อย่ง และอีกหลายคน ต่างเคยเข้าหาเขามาก่อน ในตอนนั้นเขาได้เรียนรู้สิ่งดีๆ มาจากที่แห่งนั้นด้วย
อย่างเช่น หมากรุกจีน[1] หมากห้าเม็ด[2] และอื่นๆ หากสิ่งเหล่านี้ได้รับความนิยมในโลกนี้ อีกไม่นานเขาต้องได้กำไรมหาศาลอย่างแน่นอน
ตอนนี้ที่นี่โดนจักรพรรดิเซียนเพ่งเล็งไว้แล้ว หากเขาเข้าฝ่าด่านเคราะห์ตอนนี้เท่ากับรนหาที่ตาย
ทว่าหากไม่รีบฝ่าด่านเคราะห์ การฝึกฝนในโลกนี้ไปก่อนก็นับเป็ตัวเลือกที่ไม่เลว
“ข้าตอบตกลงได้ แต่ข้ามีเงื่อนไข ต้องดัดแปลงมันก่อนและห้ามบอกว่าได้มาจากข้า”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับเฝิงเป่าเป่า
“ทำไมล่ะ” เฝิงเป่าเป่ารู้สึกสงสัย ของล้ำค่าชิ้นนี้ ใครก็ตามที่ประดิษฐ์มันขึ้นมาต้องมีชื่อเสียงไปทุกยุคทุกสมัย!
“ไม่ทำไม หากทำไม่ได้ก็ช่างเถอะ”
“ทำได้สิ ทำได้อยู่แล้ว”
เฝิงเป่าเป่าตอบตกลงในทันที กลัวว่าเสิ่นเสวียนจะเปลี่ยนใจ
เสิ่นเสวียนทำอย่างนี้ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล สิ่งของจากโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรได้รับความนิยมที่นี่ จักรพรรดิเซียนเ่าั้ไม่ได้โง่เขลา ยังไม่ได้เข้าฝ่าด่านเคราะห์และอยู่ในโลกนี้ หากเผยร่องรอยไปเพียงเล็กน้อยอาจก่อให้เกิดความเดือดร้อนขึ้นได้
“อย่างนั้นพวกเราจะเริ่มดำเนินการเมื่อไร” เฝิงเป่าเป่าถาม
“ไม่รีบ ลงจากเรือแล้วค่อยว่ากัน เล่นต่อเถอะ”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับเริ่นเสี้ยวเทียนแล้วหยิบหมากขาววางลงบนกระดาน
บนดาดฟ้าเรือเสวียนอู่ในตอนนี้มีคนนอนกองอยู่จำนวนหนึ่ง คนเหล่านี้บ้างก็โดนตัดแขนตัดขา บ้างก็นอนหมดแรงอยู่ที่พื้น ไม่มีพลังต่อสู้หลงเหลืออีกแล้ว
ในจำนวนนั้น คนที่น่าเวทนาที่สุดคือขั้นราชันเจ็ดคนนั้น บุรุษวัยกลางคนร่างท้วมที่ออกหน้ามาคนแรกหมอบอยู่ที่พื้นราวกับก้อนโคลน เขาโดนเสิ่นเลี่ยนหักกระดูกไปสามสิบหกจุดทั่วทั้งร่าง ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปีครึ่งจึงจะฟื้นฟูกลับมาได้ และใน่เวลานี้พลังต่อสู้ของเขาไม่ต่างจากคนธรรมดา ไม่ว่าใครก็สามารถสังหารเขาได้
ส่วนยอดฝีมือขั้นบรรพบุรุษหลายร้อยคนนั้น ก็เหมือนกับมีดเล่มเดียวที่แทงเข้าไปท่ามกลางฝูงชน ภายใต้พลังโจมตีของเสิ่นเสี่ยวเม่ยและเสิ่นเลี่ยน นอกจากหมดพลังแล้ว คนเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเสิ่นเสี่ยวเม่ยและเสิ่นเลี่ยนสักเท่าไร
การเคลื่อนไหวของยอดฝีมือเหล่านี้ ค่อนข้างเชื่องช้าและไร้พลังในสายตาของพวกเขาทั้งสองคน
หากเป็ขั้นราชันระดับสูงสุดอยู่ในกลุ่มคนนี้ด้วย สู้มาถึงตอนนี้คงเหนื่อยล้าเช่นกัน แต่ทั้งสองคนเคยถูกหล่อเลี้ยงด้วยพลังหกธาตุมาก่อน ร่างกายของพวกเขาหาใช่สิ่งที่ผู้ฝึกฝนทั่วไปจะเทียบเคียงได้
อีกทั้งขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้กัน พวกเขามุ่งความสนใจไปยังผู้ที่้ารวมกลุ่มกันเ่าั้ หลังจากทำลายแผนการรวมกลุ่มกันไปแล้ว คนที่เหลืออยู่ก็เหมือนเม็ดทรายที่กระจายออกไป มิอาจรวมพลังกันได้อีก
หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม
คนเหล่านี้ต่างนอนหมอบอยู่ที่พื้น ร้องไห้คร่ำครวญ คนที่เหลือและยังมีพลังต่อสู้อยู่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาสู้กับพวกเขาสองคนแล้ว
“เข้ามาเลย”
เสิ่นเลี่ยนกล่าวกับคนเ่าั้ด้วยท่าทีเอาเื่
ความตั้งใจของเสิ่นเสวียนที่มีต่อเขาค่อนข้างชัดเจน นั่นคือ้าให้เขาควบคุมพลังตนเองและปลดปล่อยตัวตนออกไป ตอนนี้เขาเพิ่งเริ่มรู้สึกบางอย่าง คนเหล่านี้กลับหมดเรี่ยวแรงไปแล้ว
ดังนั้นเขาจึงลากคนที่ยังพอมีพลังต่อสู้ออกมาอีกเพื่อฝึกฝนต่อไป
และคนที่เขาลากออกมาในตอนนี้กำลังเ็ปอย่างแสนสาหัส
แม้จะสู้ แต่ก็สู้ไม่ได้
หากว่าไม่สู้ อีกฝ่ายโจมตีรุนแรงมากจริงๆ และอีกฝ่ายลงมือได้อย่างพอเหมาะพอดี แม้จะโจมตีโดนแต่ก็ยังยั้งมือให้พวกเขาอยู่ หลังจากโดนทรมานอยู่หลายครั้ง จึงตัดแขนสองข้างด้วยตัวเอง ทำให้หมดพลังต่อสู้ไป
หนึ่งชั่วยามผ่านไป
เสิ่นเลี่ยนและเสิ่นเสี่ยวเม่ยปรบมือพร้อมกัน พลางเดินแหวกฝูงชนไปด้วยความพอใจ
ด้านหลังพวกเขามีคนนอนกองอยู่เต็มพื้น
เสียงร้องโห่ดังก้องไปทั่ว แต่ทุกคนไม่มีใครทำได้อย่างที่พูดเลย
พลังของเสิ่นเลี่ยนและเสิ่นเสี่ยวเม่ยอยู่ในขั้นที่พวกเขามิอาจล่วงเกินได้
เดิมทีพวกเขาได้เห็นศาสตราวิเศษขั้นปฐีแล้วจึงเกิดความคิดขึ้นในใจ ้าใช้คนหมู่มากเพื่อรับส่วนแบ่งเล็กน้อย ทว่าความจริงคือ อีกสองคนไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เด็กสองคนนี้กลับทำให้พวกเขาหมดสิ้นทุกอย่างไปแล้ว
หากยังคิดไม่ได้อีกในตอนนี้ คงไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย
ผู้คุมเรือสามคนนั้นขาอ่อนแรง มองเสิ่นเลี่ยนและเสิ่นเสี่ยวเม่ยเดินจากไปด้วยร่างกายที่สั่นเทิ้ม
“เอื๊อก!” หนึ่งในผู้คุมเรือกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
“พวกเราควรทำอย่างไรดี”
เสิ่นเลี่ยนและเสิ่นเสี่ยวเม่ยไม่ได้ทำอะไรพวกเขาสามคน ด้วยพลังของสองคนนั้น แม้จะปล้นเรือเสวียนอู่ทั้งลำก็ไม่ใช่เื่ยาก
“ไปห้องควบคุมเรือแล้วส่งทุกคนถึงที่หมายอย่างปลอดภัยกันเถอะ”
“ได้”
ผู้คุมเรืออีกสองคนกล่าวขณะที่สติยังเลื่อนลอย จากนั้นก็เดินโซเซไปยังห้องควบคุมเรือ
ส่วนคนที่ได้รับาเ็เ่าั้ พวกเขาไม่มีเวลาดูแล ต้องปล่อยเลยตามเลยไป
นับแต่วันนี้ไป ไม่กี่ห้องที่พวกเขาอาศัยอยู่จะถูกผู้คุมเรือกำหนดให้เป็ห้องของผู้โดยสารระดับสูง ในทุกวันจะมีลูกเรือเข้ามาดูว่า้าอะไรบ้างไหม ซึ่งเสิ่นเสวียนไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย ปิดประตูฝึกฝนต่อไป
ส่วนเฝิงเป่าเป่ากลับไม่เกรงใจลูกเรือเ่าั้เลย ทำให้เริ่นเสี้ยวเทียนรู้สึกเวียนหัวมาก
ตูม!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวทำให้เรือเสวียนอู่สั่นะเืไปทั้งลำ เสิ่นเสวียนที่ฝึกฝนอยู่ลืมตาขึ้น พลังจิติญญาค่อยๆ แผ่กระจายออกไปด้านนอกเพื่อััสิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้เขารู้ว่าถึงที่หมายแล้ว
“สหายเสิ่น พวกเราใกล้ถึงแล้ว”
ขณะนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมกับเสียงของเริ่นเสี้ยวเทียน
“ประตูไม่ได้ลงกลอน เข้ามาได้เลย”
เสิ่นเสวียนกล่าวตอบกลับไป จากนั้นก็ลงจากเตียงเพื่อจัดเตรียมสิ่งของ
เริ่นเสี้ยวเทียนเดินเข้ามาแล้ว
“เมื่อสักครู่นี้เรือเสวียนอู่เข้าสู่น่านฟ้าของเมืองชางฉงแห่งเขตตะวันตกแล้ว ตอนนี้กำลังลดระดับลง”
“เมืองชางฉง เล่าให้ข้าฟังหน่อย!”
เสิ่นเสวียนเดินออกไปยังระเบียงด้านนอกเพื่อมองทิวทัศน์ ทะเลเมฆเบื้องนอกสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และสิ่งก่อสร้างขนาดเล็กก็ค่อยๆ เปิดเผยสู่สายตา
ในขณะนั้น เสิ่นเสี่ยวเม่ยและเสิ่นเลี่ยนเดินออกมาดูทิวทัศน์เช่นกัน
ถึงแล้ว... เขตตะวันตก
“เมืองชางฉงยิ่งใหญ่มาก ใหญ่กว่าเมืองเสียเยว่หลายเท่าเลยทีเดียว เมืองชางฉงคือเมืองหลวงของแคว้นเฟิงเหลยแห่งเขตตะวันตก เหมือนกับแคว้นชิงหยุน เป็เมืองสำคัญที่มีอยู่ไม่มากในทวีปหลิงโซ่ว ที่นี่เต็มไปด้วยยอดฝีมือ ผู้คนหนาแน่น อำนาจยิ่งใหญ่ต่างๆ แทรกซึมเข้ามา ว่ากันตามตรง ข้ารู้สึกว่าที่นี่อันตรายยิ่งกว่าแคว้นชิงหยุนเสียอีก”
“อันตรายยิ่งกว่าแคว้นชิงหยุน? หมายความว่าอย่างไร”
เสิ่นเสวียนสนใจในคำที่เริ่นเสี้ยวเทียนกล่าว จึงถามกลับไป
“แคว้นชิงหยุนถูกควบคุมโดยราชวงศ์ แบ่งอำนาจยิ่งใหญ่ออกเป็หลายส่วน สถานการณ์ค่อนข้างชัดเจน มีกฎหมายที่เข้มงวด แต่ที่นี่มีขนาดใหญ่กว่าแคว้นชิงหยุน อำนาจไม่แน่ชัด หากเทียบระดับความวุ่นวายแล้ว หุบเขาสุขาวดียังเทียบที่นี่ไม่ได้เลย” เริ่นเสี้ยวเทียนกล่าวกับเสิ่นเสวียน แต่สายตาของเขาไม่มีความหวาดกลัวแสดงออกมาเลย กลับเปี่ยมไปด้วยความสนใจและกระตือรือร้น
ผู้ฝึกตนจะกระตือรือร้นมากขึ้นเมื่ออยู่ในโลกที่วุ่นวาย
.........................................................
[1] หมากรุกจีน เป็เกมหมากรุกชนิดหนึ่ง มีที่มาจากประเทศจีน มีผู้เล่น 2 คน การตั้งหมากต้องตั้งไว้ที่จุดไล่มาจากซ้ายมือแถวล่างสุดคือ กือ (เรือ) แบ้ (ม้า) เฉีย (ช้าง) สือ (องครักษ์) ตี่ (ขุน) สือ เฉีย เบ๊ กือ แถวที่ 2 เว้นไว้ แถวที่ 3 ตั้งเผ่า (ปืนใหญ่) 2 ตัวไว้หน้าแบ้ และแถวที่ 4 ตั้งจุก (เบี้ย) 5 ตัวไว้หน้ากือ เฉีย และตี่
[2] หมากห้าเม็ด เรียกอีกอย่างว่า โกโมกุ เป็เกมกระดานชนิดหนึ่ง โดยทั่วไปแล้วเล่นกับตัวเดินหมากล้อม (โกะ) บนกระดานหมากล้อม (19x19) อย่างไรก็ตามเพราะเดินได้ทีละหนึ่งครั้ง และตัวหมากไม่สามารถย้ายที่หรือออกจากกระดานได้ โกโมกุอาจเล่นด้วยกระดาษกับปากกา เกมชนิดนี้เป็ที่รู้จักในหลายประเทศภายใต้ชื่อที่แตกต่างกัน