บทที่ 5 การเดินทางข้ามเวลาของอ้วนน้อยรั่วซี
หลังจากการช็อกหมดสติเพราะความหล่อเหลาของชายหนุ่มที่นางตื่นมาเห็น ทำให้ิญญาของเ้าอ้วนน้อยรั่วซีนั้นหลุดออกจากร่าง เวลาผันผ่านไปเท่าใดมิอาจทราบได้ในที่สุดก็มีแสงสว่างวาบขึ้นรอบกายของหลิวรั่วซี ิญญาของนางล่องลอยผ่านม่านหมอกขาวโพลนไปยังห้วงมิติที่ไม่คุ้นเคย เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง นางพบว่าตัวเองลอยอยู่กลางอากาศในห้องที่เต็มไปด้วยเครื่องมือแปลกตา แสงไฟสว่างจ้าราวกับกลางวัน อากาศเย็นฉ่ำด้วยกลิ่นแปลกๆ แต่ให้ความรู้สึกสะอาดมากในความคิดของเ้าอ้วน
"ที่นี่..." นางกวาดตามองไปรอบๆ ด้วยความตื่นตะลึง "นี่มันที่ใดกัน? ทำไมถึงได้สะอาดและสว่างไสวเช่นนี้?"
เสียงฝีเท้าดังมาจากระเบียงทางเดิน ก่อนที่ประตูจะเปิดออก หญิงสาวในชุดกาวน์สีขาวก้าวเข้ามาพร้อมแฟ้มเอกสารในมือ ผมยาวสลวยรวบเป็หางม้าสูง ใบหน้าสวยคมดูสดใสแม้จะอยู่ในชุดทำงาน นางชะงักกึกเมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวผู้นั้น
"นี่มัน... หน้าของข้า เหตุใดนางจึงได้มีใบหน้าเหมือนกันกับข้างราวกับแพะ…ราวกับแกะเช่นนี้?"
เ้าอ้วนหลิวรั่วซีอุทานอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ดวงตาของนางเบิกกว้างมองจ้องไปที่ร่างที่กำลังเร่งเดินตามนางพยาบาลไป เ้าอ้วนรีบลอยตามไปดูใกล้ๆ อีกครั้ง ใบหน้าแสนสวยของหญิงผู้นี้ ไม่ใช่ใบหน้าอ้วนกลมที่นางคุ้นเคย หากเป็เวอร์ชั่นที่งดงามราวกับหยกสลัก ดวงตาคมกริบฉายแววเฉลียวฉลาด ริมฝีปากบางเฉียบพริ้มยิ้มอย่างมั่นใจ แต่ว่าอาจจะมีบางมุมที่ข้านั้นย่อมงดงามกว่าอย่างแน่นอนเ้าอ้วนคิด พลางพยักหน้าขึ้นลงกับความคิดของตัวเอง..ไม่รู้หล่ะถึงจะเหมือนกันแต่ว่านางต้องงดงามกว่าอยู่หนึ่งส่วน นางไม่สามารถยินยอมให้ร่างนี้งดงามกว่านางแน่นอน..คิดเช่นนั้นเ้าอ้วนก็หรี่ตาเล็กและมองดูร่างสูงโปร่งในชุดกาวน์ขาวดูสง่างามน่าเกรงขามนั้น
ฉับพลันดวงตาของนางก็เบิกกว้างอีกครั้ง เหตุใด!!!เหตุใดเอวของร่างนี้ถึงได้เล็กเช่นนั้นเหล่า…นี่วันๆ นางไม่ได้กินอะไรเป็อาหารเลยเช่นนั้นรึ…หรือว่าชีวิตของนางผู้นี้ก็ยากลำบากกว่านางกันนะ…เพราะว่ารางนี้นั้นช่างเอวบางร่างสมส่วนช่างแตกต่างจากร่างอ้วนท้วมของนางราวฟ้ากับเหว เ้าอ้วนมองจ้องไปที่เอวบอบบางของหญิงผู้นี้และก้มลงมองเอวที่อวบใหญ่จนมองไม่เห็นปลายเท้าของตัวเองพลางคิดว่า…มันต้องมีอะไรผิดพลาดอย่างแน่นอน!!! เหตุใดคนๆ ถึงได้มีเอวที่เล็กบางจนสามารถใช้มือเดียวโอบรวบได้ ในขณะที่เอวของนางนั้น จำเป็ต้องใช้คน 5-6 คนใช้มือโอบถึงจะรอบ….มันต้องมีสิ่งผิดพลาดอย่างแน่นอน!!! เ้าอ้วนเงยหน้าขึ้นมอง์ทันที….'เป็พวกท่านใช่หรือไม่ที่ทำให้ข้าเป็เช่นนี้' นางคิด
์: …อะไรๆ เ้าก็เอาแต่โทษพวกข้า ทำไมไม่โทษว่าเ้ากินราวกับหมูบ้างเล่าที่ทำให้เอวเ้าใหญ่ขนาดนั้น…
ขณะที่เ้าอ้วนน้อยกำลังหาคนผิดที่ทำให้เอวนางใหญ่โตและนางก็ได้โทษ์อยู่นั้น เสียงของหญิงสาวที่เดินมาตามคนที่ถูกเรียกว่าหมอหลิวก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
"คุณหมอหลิวคะ" พยาบาลสาวเดินเข้ามารายงาน
"คนไข้ห้อง 305 มีอาการทรุดลงค่ะ ้าให้คุณหมอไปดูด่วน"
"ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้" หมอสาวตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มทว่าหนักแน่น ก่อนจะรีบก้าวออกจากห้อง
ิญญาของหลิวรั่วซีหันมองซ้ายขวาและรีบลอยตามไปทัน ด้วยความสนใจใคร่รู้ว่าเหตุใดหญิงสาวที่มีชื่อและใบหน้าเหมือนนางจึงได้แตกต่างจากนางมากมายถึงเพียงนี้นั้นจะไปทำอะไร…
เมื่อหมอหลิวรั่วซีวิ่งตามนางพยาบาลมาถึงห้องผู้ป่วยที่อากาศทรุดนางก็ลงมือรักษาทันทีด้วยความชำนาญและเชี่ยวชาญ และเต็มไปด้วยความมั่นใจในฝีมือตัวเอง
ท่ามกลางบรรยากาศที่เคร่งเครียดในห้องผู้ป่วย หมอหลิวรั่วซีพุ่งตัวเข้าไปทันที ดวงตาคมกริบจับจ้องร่างของชายชราที่นอนตัวสั่นระริก สีหน้าเขาซีดเผือด หายใจติดขัดอย่างเห็นได้ชัด เครื่องวัดชีพจรกะพริบแสดงค่าความดันโลหิตที่ลดฮวบจนน่าเป็ห่วง
“คนไข้มีภาวะช็อก! เตรียมอุปกรณ์ช่วยชีวิตเดี๋ยวนี้!” เสียงของหลิวรั่วซีดังขึ้นอย่างเฉียบขาด สายตาแน่วแน่ไม่แสดงความลังเลแม้แต่น้อย
พยาบาลรีบส่งเครื่องช่วยหายใจ นางจับมันด้วยมืออันมั่นคงก่อนรีบช่วยพยุงคนไข้ให้อยู่ในท่าที่เหมาะสม “ให้ออกซิเจนแรงดันสูง! เราต้องเพิ่มปริมาณออกซิเจนเข้าสู่ปอด”
แต่แล้ว ชีพจรของคนไข้กลับลดลงอย่างรวดเร็ว! เครื่องวัดชีพจรส่งเสียงเตือนต่อเนื่อง พยาบาลหน้าซีดเผือด “หมอคะ หัวใจหยุดเต้น!”
“เตรียมเครื่องกระตุ้นหัวใจ! พวกเราต้องรีบแล้ว!” หลิวรั่วซีออกคำสั่งพลางถอดเสื้อของคนไข้ออก เผยให้เห็นแผ่นอกที่ไร้ซึ่งการขยับเขยื้อน
“ถอยให้ฉัน! เร็วเข้าเร่งมือ” หมอหลิวะโก่อนกดอุปกรณ์กระตุ้นไฟฟ้าลงบนหน้าอกคนไข้
“หนึ่ง…สอง…สาม! ปล่อย!”
ร่างของชายชรากระตุกอย่างรุนแรงจากแรงกระตุ้นของไฟฟ้า แต่ยังไม่มีสัญญาณชีพ
“อีกครั้ง! เพิ่มแรงกระตุ้นขึ้นอีก 50 จูล! หนึ่ง…สอง…สาม!”
ร่างของชายชรากระตุกอีกครั้ง ท่ามกลางความเงียบงันของทุกคน ก่อนเสียงชีพจรยังคงเงียบ
“มาสิ... ฟื้นขึ้นมา” หมอหลิวพึมพำกับตัวเองขณะที่มือก็เร่งการทำงาน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตั้งใจและแรงกดดันที่ถาโถมเข้ามา
ร่างของคนไข้อยู่ในสภาวะเสี่ยงสุดขีด อุณหภูมิในห้องเหมือนลดต่ำลง ท่ามกลางบรรยากาศที่หนักอึ้ง ทุกสายตาจับจ้องไปที่หมอหลิวรั่วซี นางทำงานแข่งกับเวลา…เวลาชีวิตของคนไข้ที่นางกำลังช่วยเหลืออย่างไม่หวาดหวั่น หัวใจของทุกคนเต้นระรัวตามจังหวะการช่วยเหลือที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ
“ตีด….. ตีด….. ตีด….” เครื่องวัดชีพจรส่งเสียง
“หมอคะ! หัวใจกลับมาเต้นแล้ว!” พยาบาลร้องเสียงสั่นเครือ น้ำตาคลอด้วยความโล่งอก
หลิวรั่วซีเช็ดเหงื่อบนหน้าผากก่อนสูดลมหายใจลึก นางหันไปสั่งงานต่อด้วยน้ำเสียงมั่นคง
“คอยเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ให้น้ำเกลือและเฝ้าสังเกตอาการทุกห้านาที”
พยาบาลพยักหน้ารับคำสั่งก่อนรีบแยกย้ายไปดำเนินการ ทิ้งให้หลิวรั่วซีมองดูชายชราด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นและเคร่งขรึม
ณ มุมห้อง ิญญาของเ้าอ้วนน้อยหลิวรั่วซีลอยนิ่ง ใบหน้ากลมอ้วนของนางเต็มไปด้วยความตกตะลึง
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าข้าจะสามารถเป็หมอที่เก่งกาจได้ถึงเพียงนี้…เอะ...ข้าอย่างนั้นรึ??” ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่นางรู้สึกได้ว่าหญิงผู้นี้อาจจะเป็นางในอีกชีวิตหนึ่ง..
นางได้เห็นการทำงานของคุณหมอหลิวรั่วซี มือเรียวสวยจับเครื่องมือแพทย์ด้วยความชำนาญ ดวงตาคมกริบวิเคราะห์อาการคนไข้อย่างแม่นยำ น้ำเสียงนุ่มนวลปลอบโยนผู้ป่วยและญาติ แต่กลับเด็ดขาดเฉียบคมเมื่อต้องสั่งการทีมแพทย์
"น่าทึ่งเหลือเกิน..." เ้าอ้วนหลิวรั่วซีพึมพำ ดวงตาเป็ประกายด้วยความชื่นชมนางพึมพำเบา ๆ พลางมองหมอหลิวรั่วซีที่ยืนสงบนิ่ง ราวกับนักรบที่เพิ่งเอาชนะศึกใหญ่ ขณะที่พยาบาลทุกคนล้วนมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความนับถือ
วันแล้ววันเล่า นางติดตามดูการใช้ชีวิตของคุณหมอหลิวรั่วซี ั้แ่ยามเช้าตรู่ที่คุณหมอตื่นขึ้นมาออกกำลังกาย วิ่งรอบสวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้สวยงาม ก่อนจะกลับมาอาบน้ำแต่งตัวในห้องพักที่ทันสมัยและสะดวกสบาย
"ช่างแตกต่างจากบ้านของข้าโดยสิ้นเชิง" นางอดคิดไม่ได้ขณะมองห้องพักที่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าครบครัน "ที่นี่ไม่มีความยากลำบากเลยแม้แต่น้อย"
อาหารการกินก็ช่างน่าตื่นตาตื่นใจ คุณหมอรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ทั้งผักผลไม้สดใหม่ เนื้อสัตว์คุณภาพดี และขนมปังนุ่มๆ ที่หาซื้อได้ง่ายดาย ไม่เหมือนในยุคของนางที่แม้แต่ข้าวสารก็ยังต้องประหยัด
"โลกนี้ช่างวิเศษจริงๆ" นางรำพึง "ไม่มีใครต้องทนหิวโหย ไม่มีใครต้องทนทุกข์กับโรคภัยไข้เจ็บโดยไม่มีทางรักษา"
แต่สิ่งที่ทำให้นางประทับใจที่สุดคือการที่ได้เห็นคุณหมอช่วยเหลือผู้คน ทั้งการผ่าตัดที่ซับซ้อน การรักษาโรคร้ายแรง และการดูแลคนไข้ด้วยความเอาใจใส่ ทุกครั้งที่เห็นรอยยิ้มของผู้ป่วยที่หายดี น้ำตาแห่งความยินดีของญาติ นางก็รู้สึกอิ่มเอมใจไปด้วย
"หากข้าได้เป็เช่นนี้บ้าง..." นางคิดฝันขณะดูคุณหมอทำงานในห้องทดลอง "ได้ช่วยเหลือผู้คน ได้เห็นรอยยิ้มของพวกเขา..."
นางเฝ้าดูคุณหมอศึกษาตำราทั้งการแพทย์สมัยใหม่และแพทย์แผนโบราณ ทดลองผสมยา วิจัยสมุนไพร และพัฒนาวิธีการรักษาใหม่ๆ บางครั้งคุณหมอก็นั่งทำงานจนดึกดื่น แต่ก็ไม่เคยย่อท้อ
"เหตุใดข้าจึงไม่เคยคิดจะพัฒนาตัวเองเช่นนี้บ้าง?" นางถามตัวเองขณะดูคุณหมอนั่งจดบันทึกยามดึก "หากข้าได้กลับไป ข้าก็จะ..."
แต่ความคิดของนางถูกขัดจังหวะด้วยเสียงะเิดังสนั่น ไฟลุกท่วมห้องผ่าตัดที่คุณหมอกำลังทำงานอยู่ ควันดำพวยพุ่ง เสียงกรีดร้องและเสียงะโดังระงม
"รีบพาคนไข้ออกไป!" คุณหมอะโสั่ง มือยังคงจับเครื่องมือผ่าตัดไม่ปล่อย "ฉันจะเย็บแผลให้เสร็จก่อน!"
"คุณหมอ! อันตรายเกินไป!" พยาบาลร้องเตือน
"ถ้าไม่เย็บแผลให้เสร็จ คนไข้จะเสียเืตาย!" คุณหมอยืนกราน น้ำตาไหลอาบแก้มขณะที่ควันกัดตา แต่มือยังคงทำงานต่ออย่างมั่นคง
เ้าอ้วนหลิวรั่วซีได้แต่มองอย่างหวาดผวา น้ำตาคลอเมื่อเห็นความกล้าหาญและความเสียสละของคุณหมอ นางเข้าใจแล้วว่าทำไมทุกคนถึงได้เคารพรักคุณหมอนัก
เปลวเพลิงลุกลามหนักขึ้น เพดานเริ่มถล่ม และในที่สุดร่างของคุณหมอก็ล้มลงท่ามกลางกองเพลิง หลังจากที่เย็บแผลให้คนไข้เสร็จสิ้น
**** test!! test!! ..ยังอยู่กันหรือเปล่าคะ รีดที่รัก..ทราบแล้วตอบด้วย****