ภายในมิติเบื้องล่างหนองน้ำ งูจิ่นเมี่ยนที่ถูกวางไว้ตรงมุมหนึ่งกวาดตามองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง
ร่างงูคดเคี้ยวไปมา ส่งเสียงขู่ออกมาไม่หยุด พร้อมแสดงท่าทางป้องกันตัว
ขณะที่เสิ่นเสวียนแยกจิติญญาออกจากร่างตนเองและส่งเข้าไปในร่างแม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิ ร่างงูจิ่นเมี่ยนก็เปล่งประกายแสงออกมาเลือนราง
เสิ่นเสวียนไม่ได้ใส่ใจท่าทางแปลกๆ ของงูจิ่นเมี่ยน เขาในตอนนี้กำลังหลอมรวมร่างของแม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิอย่างสุดความสามารถ
กลุ่มจิติญญาออกจากร่างของเขาไปแล้วแปดส่วน และแปดส่วนนี้กำลังไหลเวียนอยู่ภายในร่างของแม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิ
ระหว่างแม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิและเสิ่นเสวียน มีร่างจิติญญาเป็ดั่งสะพานเชื่อม และยังมีกลุ่มจิติญญาหลั่งไหลเข้าไปยังร่างของอีกฝ่าย เริ่มเข้ายึดครองร่างอีกฝ่ายไปทีละน้อย
ไม่กล่าวไม่ได้เลยว่าขั้นจักรพรรดิแข็งแกร่งมากจริงๆ โดยเฉพาะแม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิผู้นี้ เขาอยู่ในขั้นจักรพรรดิมาอย่างน้อยสิบปีแล้ว มีพลังค่อนข้างหนาแน่น แม้จะตายไปแล้วแต่พลังภายในร่างกายยังคงต่อต้านเสิ่นเสวียนได้อยู่
โชคดีที่ร่างจิติญญาของเสิ่นเสวียนแข็งแกร่งมาก แม้ถูกต่อต้านแต่ยังไม่ส่งผลกระทบต่อการยึดครองร่างของเขา
แม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิยืนนิ่งอยู่กับที่ แขนของเขาพลันเคลื่อนไหว ข้อต่อนิ้ว ข้อต่อแขน ข้อต่อขา ต่างสั่นไหวไม่หยุดราวกับมีชีวิตขึ้นมา มีเพียงใบหน้าที่ยังคงไร้อารมณ์เหมือนเดิม
ทว่าจิติญญาของเสิ่นเสวียนถูกแยกออกมาจากร่าง ในมิติแห่งนี้ก็หนาวเย็นลงมาก ดูน่ากลัวขึ้นกว่าเดิม มิติดำมืดรอบด้านคล้ายมีดวงตาหลายคู่จับจ้องเขาอยู่
กร๊อบ! กร๊อบ! กร๊อบ!
สองเท้า สองมือ และคอ บิดเบี้ยวไปไม่หยุด
จากนั้นกล้ามเนื้อใบหน้าของแม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิที่เคยนิ่งเฉยพลันกระตุกเบาๆ ดวงตาเปิดกว้างดูสดใส
จิติญญาหลอมรวมเข้าสู่ร่างของแม่ทัพเทพไปแล้ว
“เป็ร่างที่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว น่าเสียดายที่เ้าฝึกฝนมานานขนาดนี้”
เสิ่นเสวียนงอแขนเล็กน้อย จากนั้นก็กำหมัดแล้วแสดงพลังออกไปอย่างรุนแรง แม้จะเป็ร่างของขั้นจักรพรรดิแต่เสิ่นเสวียนไม่ใช่เ้าของร่าง พลังที่แสดงออกมายังไม่ถึงแปดส่วนของร่างนี้เลยด้วยซ้ำ
แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร ต่อจากนี้ถึงเวลากลืนกินร่างไร้ิญญาอื่นๆ แล้ว จะทำให้เขาทะลวงเลื่อนไปถึงระดับกลางได้ในที่สุด
หลังจากควบคุมร่างของแม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิได้แล้ว เสิ่นเสวียนก็เดินหน้าไปสองก้าวเพื่อตามหาร่างที่เข้ากันได้ เมื่อเจออีกร่างจึงเดินเข้าไปหาทันที
แรงดึงดูดพวยพุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขา จึงตบฝ่ามือลงไปบนหัวของร่างไร้ิญญานั้นและดูดกลืนพลังที่หลงเหลืออยู่เข้ามาอย่างบ้าคลั่ง
วิชากลืนกินนี้เขาเรียนรู้ได้ั้แ่พันปีก่อน ตอนนั้นเขายังอยู่ในโลกมนุษย์ธรรมดา ได้เรียนรู้มาจากยอดฝีมือในยุทธภพผู้หนึ่งโดยบังเอิญ ทว่ายอดฝีมือในยุทธภพผู้นี้เรียกได้ว่าเป็ยอดฝีมือแต่กำเนิด สิ่งที่ฝึกฝนมีเพียงกำลังภายใน ทว่าเสิ่นเสวียนกลับต่างออกไป เขาใช้การโคจรลมปราณทำให้พลังแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้ไม่รู้เท่าไรแล้ว พลังกลืนกินที่แข็งแกร่งสามารถกลืนกินพลังและจิติญญาของคนคนหนึ่งมาใช้เองได้อย่างสมบูรณ์
ร่างไร้ิญญาตรงหน้านี้ซูบลงอย่างรวดเร็วด้วยการกลืนกินของเขา กล้ามเนื้อค่อยๆ สลายไป เหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกเท่านั้น
ภายใต้หนังมีเพียงกระดูก ทำให้ดูน่ากลัวอย่างน่าประหลาด
เมื่อดูดพลังมาแล้ว เสิ่นเสวียนมองฝ่ามือของตนเองแล้วพบว่า ใจกลางฝ่ามือมีจุดสีดำปรากฏขึ้น
เดิมทีมันไม่ได้มีผลข้างเคียงรุนแรงขนาดนี้ แต่เสิ่นเสวียนดูดพลังจากร่างกายที่แข็งแกร่งมาก ทำให้เกิดผลข้างเคียงชัดเจนอย่างนี้ได้
แต่สำหรับเสิ่นเสวียนแล้วไม่ใช่เื่น่าใ ร่างนี้จะกลายเป็หุ่นเชิดให้เขาได้ หลังจากสร้างหุ่นเชิดเรียบร้อยแล้ว ร่างนี้จะสงบนิ่งลง ไม่มีทางทำร้ายเขาได้เด็ดขาด
เสิ่นเสวียนดึงมือกลับมาแล้วถอนหายใจเบาๆ และเริ่มกลืนกินร่างต่อไปทันที
แล้วร่างนี้ก็เหมือนกับก่อนหน้านี้ ผ่านไปราวครึ่งเค่อก็กลายเป็ร่างที่เหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกแล้ว
ร่างไร้ิญญาถูกกลืนกินไปอย่างต่อเนื่อง จุดสีดำใจกลางฝ่ามือเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน แล้วมันก็เริ่มส่งผลเสียต่อร่างจิติญญาของเสิ่นเสวียน ทว่ายังขาดพลังอีกเล็กน้อยเพื่อเลื่อนขั้นเป็ขั้นจักรพรรดิระดับกลาง เสิ่นเสวียนจึงดูดกลืนพลังต่อไป
ยังเหลืออีกสามร่าง หลังจากดูดกลืนเรียบร้อยแล้วเขารับรองว่าจะเลื่อนไปถึงขั้นจักรพรรดิระดับกลางได้แน่ แต่ร่างจิติญญาจะยังสมบูรณ์ดีหรือเปล่าก็ยังบอกไม่ได้
ร่างที่ตายไปแล้วยังเพิ่มพลังได้ต่อ ขอเพียงรวบรวมพลังได้มากพอก็จะโจมตีได้อย่างแข็งแกร่ง
ตอนที่ดูดกลืนพลังไปจนถึงร่างสุดท้าย มือของเขากลายเป็สีดำไปทั้งมือแล้ว ภายในร่างกายมีไอพลังสีดำโจมตีเข้าใส่จิติญญาของเสิ่นเสวียนอย่างบ้าคลั่ง ไอพลังสีดำเหล่านี้โจมตีออกมาทำให้จิติญญาจำนวนมากถูกกลืนกิน จนร่างจิติญญาของเสิ่นเสวียนได้รับความเสียหายไปไม่น้อย
กระทั่งไอพลังสีดำเหล่านี้กลายเป็ิญญาชั่วร้ายขึ้นมา และไอพลังสีดำเหล่านี้ก็เริ่มกลืนกินร่างจิติญญาของเสิ่นเสวียน
ตอนนี้เสิ่นเสวียนมีทางเลือกอยู่สองทาง ทางแรก ค่อยๆ ถอยออกมาอย่างเป็ระบบ ไม่ให้ร่างจิติญญาได้รับความเสียหายมากเกินไป เขายังสามารถหลอมรวมร่างนี้ได้เหมือนเดิม แต่มิอาจเลื่อนไปถึงขั้นจักรพรรดิระดับกลางได้
อีกทางหนึ่งก็คือกลืนกินเข้าไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจผลที่ตามมา ฝืนเพิ่มพลังต่อไปจนกว่าจะเทียบเท่าระดับกลาง แต่อาจทำให้ร่างจิติญญาของเขาได้รับความเสียหายไปมากกว่าครึ่ง ซึ่งไม่คุ้มเอาเสียเลย
“ข้าอยากรู้นักว่าเ้าจะอดทนได้มากแค่ไหน”
เสิ่นเสวียนเบื่อหน่ายปัญหาที่ต้องเลือกแบบนี้ที่สุด เขาไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะทำให้ร่างจิติญญาของเขาได้รับความเสียหายได้
ฝ่ามือของเขาทาบลงไปบนหัวของอีกฝ่าย แล้วพลังกลืนกินก็ปะทุออกมาดูดพลังเข้าไป
พลังยุทธ์ของเขาค่อยๆ ทะลวงผ่านป้อมปราการไปถึงขั้นจักรพรรดิระดับกลางทีละน้อย ภายใต้การดูดกลืนพลังอย่างบ้าคลั่ง
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาก็คือ ไอพลังสีดำแข็งแกร่งขึ้น ส่วนร่างจิติญญาของเสิ่นเสวียนกลับอ่อนแรงลง ด้วยเหตุนี้เสิ่นเสวียนจึงแสดงค่ายกลป้องกันออกมาจากร่างกายครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อต้านทานพลังกลืนกินของไอพลังสีดำเอาไว้
น่าเสียดายที่ไม่เป็ผลเลย ไอพลังสีดำมีพลังทะลุทะลวง มันบุกเข้าไปจนถึงทะเลจิตสำนึกของเสิ่นเสวียนแล้ว ทำให้ร่างจิติญญาส่วนใหญ่ของเสิ่นเสวียนถูกขังไว้ภายในทะเลจิตสำนึก
“มนุษย์ที่หอมหวาน ขอบใจมากที่เ้าสร้างข้าขึ้นมา”
ไอพลังสีดำกลายร่างเป็เงาสีดำร่างหนึ่ง อานุภาพของมันรุนแรงมากราวกับออกคำสั่งให้กองกำลังเข้าล้อมทะเลจิตสำนึกเอาไว้
“จงสลายไปซะ”
ทันใดนั้นเสียงของเสวียนหลิงเอ่อร์พลันดังขึ้น น้ำเสียงของนางผสมผสานคลื่นเสียงที่น่ากลัว แผ่กระจายไปยังไอพลังสีดำเหล่านี้ ทำให้ร่างเงาสีดำนั้นแตกสลายไปในพริบตา
จากนั้นร่างจิติญญาของเสวียนหลิงเอ่อร์ก็กลับเข้าไปด้านใน
“ข้ารังเกียจพวกกิ้งก่าได้ทองแบบนี้ที่สุด”
เสวียนหลิงเอ่อร์ทำลายไอพลังสีดำไปด้วยประโยคเดียว และยังไม่ลืมกล่าวออกมาด้วยความโกรธอีกด้วย นางและเสิ่นเสวียนเป็พันธมิตรกัน ซึ่งนางไม่มีทางปล่อยให้เสิ่นเสวียนได้รับอันตรายเด็ดขาด
“ขอบคุณมาก ท่านแข็งแกร่งยิ่งนัก”
เสียงของเสิ่นเสวียนดังขึ้นท่ามกลางความใ ประโยคเดียวทำให้ร่างนั้นแตกสลายไปเลย พลังขนาดนี้ไม่ใช่คนที่เขาจะทำให้ขุ่นเคืองใจได้ในตอนนี้
“เ้าทำต่อไปเถอะ แต่ข้าขอเตือนเ้าสักหน่อย เ้ากำลังเล่นกับไฟอยู่ และไฟจะลวกตัวเ้าเอง เคล็ดวิชาชั่วร้ายเช่นนี้ใช้ให้น้อยลงเพื่อตัวเ้า”
เสวียนหลิงเอ่อร์เหลือบตามองเสิ่นเสวียนเล็กน้อย แล้วร่างจิติญญาของนางก็ค่อยๆ จางหายไป
ไม่มีไอพลังสีดำแล้ว มือของเขาก็กลับมาเป็สีเดิมแล้ว ทำให้การดูดกลืนพลังของเสิ่นเสวียนเป็ไปตามที่เขาหวัง
แล้วร่างไร้ิญญาร่างสุดท้ายก็เหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก
“ทะลวง!”
เสิ่นเสวียนะโเสียงดัง พลังของแม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิแข็งแกร่งขึ้นอย่างบ้าคลั่งราวกระแสน้ำหลาก แข็งแกร่งกว่าเดิมหลายเท่าในพริบตา
เลื่อนขั้นแล้ว! ขั้นจักรพรรดิระดับกลาง
เลื่อนขั้นได้หลังจากตายไปแล้ว เรียกได้ว่าเป็คนแรกในทวีปหลิงโซ่ว
ลึกเข้าไปในมิติที่มืดสนิท มีคนผู้หนึ่งกำลังอ้าปากค้างด้วยสีหน้าตื่นใ