ดวงอาทิตย์ลอยสูง หลินหวั่นชิวจุดไฟในท้องเตาจนลุกโชน ตักน้ำมันครึ่งช้อนจากกระปุกน้ำมันมาใส่ในหม้อ เมื่อน้ำมันร้อนจึงใส่เนื้อกระต่ายที่หมักเครื่องปรุงไว้แล้วลงไป
แต่เนื่องจากนี่เป็เตาดิน ควบคุมความแรงไฟกับอุณหภูมิน้ำมันเหมือนเตาแก๊สไม่ได้ หลินหวั่นชิวจึงใส่ขิง กระเทียม ฮวาเจียวและพริกลงไปพร้อมกับเนื้อกระต่าย เครื่องปรุงพวกนี้จะได้ไม่ไหม้เสียก่อน
แรงไฟของเตาดินรุนแรงมาก เนื้อกระต่ายเพิ่งลงหม้อก็ส่งกลิ่นหอม หลินหวั่นชิวเพิ่มความเร็วในการผัด นางใส่น้ำมันน้อย กลัวติดกระทะ ส่วนไฟก็แรง กลัวว่าอาหารยังไม่ทันสุกก็ไหม้เสียก่อน
กลิ่นหอมโชยออกนอกห้องครัว เจียงหงหย่วนแค่ออกมาจากห้องก็ได้กลิ่น
“เจียงต้าเกอ บ้านท่านทำกับข้าวอะไรหรือ หอมจริงเชียว” หวางกุ้ยเซียงถือตะกร้าไม้ไผ่ใบหนึ่งเข้ามาจากด้านนอก
“พี่สะใภ้เ้าผัดเนื้อกระต่ายอยู่” หวางกุ้ยเซียงเป็น้องสาวของหวางฟู่กุ้ย ร่างกายกำยำ ถูกที่บ้านใช้งานเป็เด็กรับใช้
และเป็หนึ่งในไม่กี่คนในหมู่บ้านที่ไม่ค่อยกลัวรูปลักษณ์น่ากลัวของเขา
“พี่สะใภ้ นี่เป็ไข่ไก่ที่แม่ข้าฝากมา ให้ท่านกับเจียงเหล่าเอ้อร์บำรุง” หวางกุ้ยเซียงวางตะกร้าลงข้างกำแพงห้องครัวอย่างเปิดเผย จากนั้นจึงเดินมาชะโงกหน้ามองเตา
แม่เ้า แค่ดมก็รู้ว่าอร่อย แค่เห็นก็อยากกิน
หลินหวั่นชิวไม่รู้ควรรับไข่ไก่ไว้หรือไม่ นางจึงไม่พูดอะไร ปล่อยให้เจียงหงหย่วนเป็คนตัดสินใจ แต่เนื้อกระต่ายในกระทะ…ลูกตาคนอื่นแทบจะถลนออกมาแล้ว นางไม่เชื้อเชิญคงเสียมารยาท
อีกอย่าง หวางกุ้ยเซียงก็ไม่ได้ด่านางว่านังแพศยาปีศาจจิ้งจอกเหมือนคนอื่นในหมู่บ้าน วันนั้นยังคอยช่วยพูดให้นางด้วย
“น้องกุ้ยเซียงอยู่ทานก่อนเถิด”
“ไม่ล่ะๆๆ แม่ข้ายังรอให้ข้ากลับไปอยู่” หวางกุ้ยเซียงส่ายมือปฏิเสธ หลินหวั่นชิวพูดอีกว่า “เช่นนั้นข้าจะตักเนื้อใส่ถ้วยให้เ้าเอากลับไปกิน”
หวางกุ้ยเซียงสาวเท้าวิ่งทันทีที่ได้ยินดังนี้ “เหล่าซานบ้านเ้าเอากระต่ายมาให้บ้านข้าแล้ว ข้าแค่จะดูว่าพี่สะใภ้ทำกินอย่างไร”
เมื่อนางพูดประโยคนี้จบ ตัวนางก็วิ่งออกนอกลานบ้านไปแล้ว
หลินหวั่นชิว “…”
เจียงหงหย่วนเดินเข้ามาพูดว่า “เก็บไข่ไว้กินเถอะ แม่นางคนนี้ก็โผงผางแบบนี้แหละ ไม่ได้ทำเ้าใใช่หรือไม่?”
หลินหวั่นชิวยิ้ม “ข้าจะใไปทำไม กลัวว่าจะต้อนรับได้ไม่ดีมากกว่า”
“เ้าทำได้ดีมาก!” เจียงหงหย่วนพูด
“อืม…” หลินหวั่นชิวรู้สึกแปลกๆ คุยเื่หวางกุ้ยเซียงอยู่ไม่ใช่หรือ
“ข้าจะยกน้ำแกงไก่ต้มไปให้น้องรอง” เจียงหงหย่วนยิ้มในใจ เมียตัวน้อยมองตัวเองเป็คนตระกูลเจียงแล้ว เริ่มคำนึงว่าจะต้อนรับแขกได้ไม่เหมาะสม
วันนี้อากาศดี หลินหวั่นชิวย้ายโต๊ะกินข้าวออกมาวางใต้ชายคา จะได้สูดอากาศไปด้วย
แต่กระทั่งอาหารบนโต๊ะจัดวางเสร็จแล้ว เจียงหงหนิงก็ยังไม่กลับมา หลินหวั่นชิวถามเจียงหงหย่วน “หย่วนเกอ เหตุใดหงหนิงยังไม่กลับมา? ท่านไปตามหน่อยดีหรือไม่?”
จังหวะที่พูด เจียงหงหนิงเดินเข้ามาในลานบ้านพอดี แต่ทั้งตัวเขาเปื้อนเศษหญ้ากับดินโคลน ตะกร้าบนหลังก็ว่างเปล่า ใบหน้ามีรอยช้ำ
“เจียงหงหนิง เ้าถูกใครรังแกมาหรือ?” หลินหวั่นชิวถาม
“ข้าสะดุดล้มโดยไม่ทันระวัง” เจียงหงหนิงวางตะกร้าลงที่มุมลานบ้าน เดินไปล้างหน้าล้างมือแล้วเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
เขามองห้องที่เก็บกวาดจนสะอาดกับเตียงที่ว่างเปล่า รวมเข้ากับเครื่องนอนที่เขาเห็นตากไว้ด้านนอกตอนเข้ามา ไม่รู้ในใจควรรู้สึกอย่างไร
ต้าเกอทำงานพวกนี้ไม่เป็ ดังนั้นต้องเป็ฝีมือผู้หญิงคนนั้นอย่างแน่นอน
แต่เขาไม่รู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจนาง
ใครใช้ให้นางเป็ผู้หญิงที่ไม่รู้จักสงบเสงี่ยม เก่งแต่ล่อลวงผู้ชายกันล่ะ
นางเพิ่งมาอยู่บ้านนี้ได้ไม่กี่วันก็กล้าขนาดนี้แล้ว ไม่ประหยัดเลยสักนิด วันนี้มีทั้งข้าวสวยทั้งเนื้อกระต่าย
ฟุ่ยเฟือยขนาดนี้ คิดจะให้ต้าเกอเขาเหนื่อยตายหรือ?
เจียงหงหนิงโมโหแต่ก็รู้สึกว่าหากไม่กินจะติดกับหลินหวั่นชิว ทำให้หลินหวั่นชิวได้เปรียบ เขาจึงแบกอารมณ์โมโหที่มีอยู่เต็มท้องออกไปกินข้าว
ทว่า…
เนื้อกระต่ายเพิ่งเข้าปาก ตาเขาก็ประกายทันที นี่มันทำได้อย่างไร?
เหตุใดจึงอร่อยขนาดนี้?
เจียงหงหนิงลืมว่าตัวเองโกรธที่หลินหวั่นชิวไม่ประหยัดไปจนหมดสิ้น ตักข้าวสองชามเข้าปากอย่างไม่รู้ตัว
เจียงหงหย่วนกินอย่างเอร็ดอร่อยเช่นกัน หลินหวั่นชิวหุงข้าวไว้เยอะ เขากินไปห้าชาม
กินจนตอนสุดท้ายแทบเลียจาน
“ภรรยาจ๋า เดี๋ยวเ้าช่วยอบขนมเปี้ยะหยาบสักสองสามชั่งให้ข้าหน่อยนะ ข้าจะขึ้นเขา” อาหารที่เมียทำอร่อยมากจริงๆ แต่หากกินด้วยความเร็วเช่นนี้ต่อไป อีกไม่นานบ้านเขาจะไม่เหลือเงิน เขาต้องรีบขึ้นเขา
“ได้” หลินหวั่นชิวตอบตกลง จะเก็บชามกับตะเกียบไปล้าง
แต่เจียงหงหย่วนดึงนางไว้ “เ้าไม่ต้องทำ เหล่าซานไปล้างจาน” เจียงหงหนิงได้ยินดังนี้ก็รีบเก็บชามกับตะเกียบเข้าไปล้างในห้องครัว
“ข้าจะไปหาบน้ำ” เขาจะขึ้นเขา ต้องเตรียมน้ำและฟืนให้เรียบร้อย
“ได้ งั้นข้าจะไปอบขนม”
เมื่อนึกขึ้นว่าการขึ้นเขาล่าสัตว์เป็งานอันตราย หลินหวั่นชิวจึงตัดสินใจใส่แป้งหมี่ที่เหลือลงไปทั้งหมด เพิ่มแป้งธัญพืชหยาบลงไปเล็กน้อยแล้วตอกไข่ลงไปห้าหกฟอง
เจียงหงหนิงล้างชามอยู่ด้านข้างไปด้วย มองพร้อมหางตากระตุกไปด้วย ไข่หกฟองเชียวนะ!
เ้าคนล้างผลาญ!
แต่เพราะขนมเปี้ยะนี่ทำให้เจียงหงหย่วน เจียงหงหนิงจึงไม่ได้พูดอะไร
เขารู้ที่มาของไข่ไก่ ตอนเอาเนื้อกระต่ายไปส่ง บ้านหวางกับบ้านจ้าวต่างก็บอกให้เขาเอาไข่ไก่กลับไป แต่เขาปฏิเสธ ดูแล้วไข่ไก่นี่ไม่มาจากบ้านหวางก็บ้านจ้าว
หลินหวั่นชิวใส่ต้นหอมซอยลงไปในแป้ง นวดให้เข้ากันสักพักแล้วเริ่มอบ
เจียงหงหย่วนตักน้ำจนเต็มสองอ่าง ฝ่าฟืนให้เรียบร้อยและจัดวางที่มุมกำแพงให้ดี หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้นจึงเก็บเครื่องนอนที่ตากไว้ด้านนอกเข้าห้องเจียงหงหนิงกับเจียงหงป๋อ ช่วยปูให้พวกเขา จากนั้นจึงอุ้มเจียงหงป๋อกลับเข้าด้านใน
ผ้าห่มผึ่งแดดมาแล้ว แม้จะยังมีกลิ่นแต่ห่มแล้วนุ่มและอุ่นมาก
เจียงหงป๋อนอนแล้วสบายมากเช่นกัน
“ภรรยาจ๋า น้องรองอาบน้ำแล้ว เสื้อผ้าที่ใส่ก็สะอาดเช่นกัน” เจียงหงหย่วนพูดกับหลินหวั่นชิว เขากลัวนางจะรังเกียจที่เตียงถูกเจียงหงป๋อนอนมา “ที่นอนข้าก็พลิกด้านแล้ว ไว้เดี๋ยวข้าจะเข้าเมืองไปซื้อผ้ามาไว้เปลี่ยนซัก”
ขนมเปี้ยะอบเสร็จแล้ว ซ้อนเป็กองหนา หลินหวั่นชิวช่วยใส่ขนมลงในถุงผ้าที่เจียงหงหย่วนยื่นให้ กำชับเขาว่า “ไม่ต้องทำใจให้กินไม่ลง…อยู่ข้างนอกต้องระวังความปลอดภัยด้วย”
“อื้ม วางใจเถอะ ข้ายังไม่ได้นอนกับเมียเลย ตายไม่ได้หรอก” ในที่สุดก็มีวันที่เขาออกไปล่าสัตว์แล้วมีคนคอยเป็ห่วงเป็ใย ทั้งยังทำขนมให้เขาพกติดตัวด้วย เมื่อก่อนเขาต้องทำเองทั้งหมด
เจียงหงหนิงยังเด็ก ของที่ทำยังพอกินที่บ้านได้ แต่จะพกออกไป…ของนิดๆ หน่อยๆ ที่เขาทำพวกนั้นไม่พอให้กินแม้แต่มื้อเดียวด้วยซ้ำ
ให้หวังพึ่งเจียงหงหนิง…เขาคงได้หิวตายกลางป่า
หลินหวั่นชิวมองเขาอย่างหมดคำจะพูด
ผู้ชายคนนี้ช่างพูดจา…
ไม่พูดทะลึ่งหน่อยจะตายหรืออย่างไร?
“กล่องที่ข้าให้เ้ายังพอจะมีเงินอยู่ หากอาหารที่บ้านไม่พอก็ไปหากุ้ยเซียงได้ ให้นางไปซื้อในตำบลเป็เพื่อนเ้า หรือจะซื้อจากคนในหมู่บ้านก็ได้ ไม่ต้องสนใจเหล่าเอ้อร์ เหล่าซานดูแลเองได้ เ้าแค่ช่วยทำอาหารให้พวกเขาหน่อยก็พอ แต่ถ้าไม่อยากทำก็ไม่เป็ไร ให้เหล่าซานทำเอง”
เจียงหงหย่วนแค่พูดเื่ที่ให้เจียงหงหนิงทำอาหารไปแบบนั้นเอง อย่างไรเสีย หลังจากเขาชิมฝีมือหลินหวั่นชิวแล้วก็ไม่อยากกินที่เจียงหงหนิงทำอีก