“ช่วยกันหน่อยสิเ้าเซ่อ อย่าแล้งน้ำใจไปหน่อยเลยน่า!” ซูเหยียนกระซิบเบาๆที่ข้างหูของข้า
ข้ามองออกไปอย่างจนปัญญานี่มันผลักไสให้ข้าไปประจันหน้ากับลั่วเหยียนชัดๆ!จะช้าหรือเร็วข้าก็จะต้องเผชิญหน้ากับลั่วเหยียนอยู่ดีทว่า...เจอกันตอนนี้มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอ?
“เ้าเป็ใคร?”
ลั่วเหยียนมองมาทางข้างด้วยท่าทีนิ่งสงบนี่ถ้าไม่เห็นว่าเขากำลังกำหมัดแน่น ข้าก็คงไม่รู้หรอกว่าเขากำลังโกรธอยู่ซึ่งบอกให้รู้อย่างชัดเจนว่าเขาเป็คนฉลาด มีความคิด และความอดทนสูงมากเรียกได้ว่าเป็คู่ต่อสู้ที่น่ากลัวมากเลยทีเดียว
พอข้าเลื่อนมือไปขยับเนกไทให้เข้าที่ขณะเดียวกันสายลมก็ได้พัดเข้ามาเบาๆ ปัดให้ผมของข้าปลิวขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นความรู้สึกเอือมระอาบนใบหน้าของข้าอย่างชัดเจน “ใช่ ข้าเองข้าคบกับเสี่ยวเหยียนแล้ว...ลั่วเหยียน เ้ายอมรับเื่นี้เสียเถอะเมื่อวาน...ข้ากับเสี่ยวเหยียนยังไปเปิดห้องกันที่ร้านรังรักอัญมณีข้างนอกสำนักด้วยกันอยู่เลยขอโทษด้วยจริงๆ นะ...”
ตึก!
ซูเหยียนกางฝ่ามือออกแล้วตรงมาที่อกข้าจากนั้นเปลวไฟจางๆ บนฝ่ามือก็ตกลงที่กลางอกของข้าทันทีดวงตาคู่สวยของนางเต็มไปด้วยความเขินอายและความโกรธแก้มของนางจึงแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “ข้าไม่ได้ให้เ้าพูดอะไรแบบนี้เ้าเซ่อ!!”
ทว่าลั่วเหยียนกลับจ้องมาที่ข้าอย่างเืเย็นพลังลมปราณภายในร่างของเขากำลังค่อยๆ เกาะกลุ่มกันหนาแน่นจนมีพลังแผ่กระจายออกมาช่างน่ากลัวจริงๆ จากนั้นเขาก็พูดอย่างเ็า “เ้าพูดจริงเหรอ? นี่เ้ากล้าแตะต้องคู่หมั้นของลั่วเหยียนเชียวเหรอ?!”
ภายใต้บรรยากาศอันคุกรุ่นจากพลังอำนาจของลั่วเหยียนข้ายิ้มขึ้นเล็กน้อย จากนั้นจึงปล่อยพลังอันแข็งแกร่งจากภายในร่างออกมามันจัดการพลังอันน่าเกรงขามของลั่วเหยียนได้ทันทีทว่าความรู้สึกอึดอัดภายในใจนั้นยังคงอยู่ อีกอย่างบนร่างของลั่วเหยียนยังมีพลังโบราณปรากฏขึ้นอยู่ด้วยคงเป็พลังของวิชาลมหายใจั เพราะมันทั้งรุนแรงและเอาแน่เอานอนไม่ได้คือพลังวิชาลมหายใจัขั้นที่สิบสามอย่างามัจฉาัอันทรงพลังแน่ๆ!
ข้าจ้องมองไปที่แรงกดดันอันทรงพลังนั้นด้วยแววตาที่นิ่งสงบจากนั้นจึงยิ้มขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดออกไป “ลั่วเหยียนที่จริงแล้วเมื่อกี้ข้าแค่พูดเล่นเฉยๆ แต่ในเมื่อซูเหยียนไม่อยากคบกับเ้าแล้วเ้าจะบังคับนางทำไม? ถ้าข้าเป็เ้าละก็ข้าคงจะเดินจากไปอย่างเงียบๆ อย่างน้อยทั้งคู่ก็จะได้เหลือความทรงจำดีๆ ให้กันเ้าว่าไหม?”
“เดินจากไปเงียบๆ อย่างนั้นเหรอ?”
ลั่วเหยียนพูดด้วยความแค้นใจ“ข้าชอบซูเหยียน ข้ารักนาง แล้วเ้าจะให้ข้าเดินออกไปจากนางเงียบๆ อย่างนั้นเหรอ?”
“ความรักต้องเกิดขึ้นจากคนสองคน แต่ถ้าเป็ความรักที่เกิดขึ้นเพียงฝ่ายเดียวเราก็ไม่ควรจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกลำบากใจไหมไม่อย่างนั้นความรักของเ้าจะเป็แบบไหนกันล่ะ? เ้าแค่เอาความ้าของตัวเองมายัดเยียดให้นางซึ่งอาจทำให้นางเ็ปและเป็ทุกข์ได้เพราะฉะนั้นความรักแบบนี้จึงแทบจะไม่มีค่าใดๆ เลย แต่เป็เพียงความเห็นแก่ตัวของเ้าเท่านั้นเอง”ข้าพูดออกไปอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมา
“เ้าคนกินจุ...”
ซูเหยียนอึ้งไปเล็กน้อยพลางมองข้าด้วยท่าทีต่างไปจากเดิมราวกับว่าเราเพิ่งจะรู้จักกันครั้งแรก
ถังเชวียหรานเลยก้าวออกมาข้างหน้าแล้วพูดเสริม“ลั่วเหยียน ข้ารู้นิสัยของซูเหยียนดี ถ้านางไม่ชอบนางก็ไม่มีวันยอมรับหรอกข้าคิดว่าเ้าไม่ควรจะบังคับนางแบบนี้ แต่ถึงอย่างไรพวกเราก็ยังเป็เพื่อนกันได้นะเ้าว่าไหม?”
ลั่วเหยียนขมวดคิ้วขึ้น“เชวียหราน เ้าก็คิดแบบนี้เหรอ?”
“ใช่”
เชวียหรานจึงพูดเสริมเข้าไปอีก“โชคชะตามันบังคับกันไม่ได้หรอกนะ ในเมื่อไม่ใช่เ้าเ้าดิ้นรนทำไปแล้วจะมีความหมายอะไรล่ะ? หรือถึงแม้เ้าจะใช้วิธีบังคับแต่ก็อาจจะไม่เป็ตามที่เ้าคิดไว้อยู่ดี”
ลั่วหว่านพยักหน้าเห็นด้วย“อาเหยียน อย่ากังวลไปเลย เื่งานหมั้นก็ปล่อยให้มันเป็ไปตามธรรมชาติเถอะ”
“ก็ได้ท่านพี่ แต่ว่าก่อนหน้านั้น...”
ลั่วเหยียนกำหมัดพลางยกขึ้นพร้อมกับปล่อยพลังิญญาอันแข็งแกร่งดั่งหินผาพุ่งตรงเข้ามา แล้วตวาดเสียงดังลั่น“ข้ารู้ว่าเ้าคือปู้อี้เชวียน ผู้ที่ได้อันดับหนึ่งจากการประลองที่สนามเซินยวนไหนมาดูสิว่าเ้าจะแกร่งมากแค่ไหน!”
เขาพุ่งหมัดทะลุผ่านอากาศเข้ามาถึงแม้จะเป็แค่หมัด แต่ว่าบริเวณรอบๆหมัดกลับมีพลังกระบี่ที่แข็งแกร่งล้อมรอบอยู่!
เคล็ดวิชากระบี่เทพวรยุทธ์ขั้นหนึ่ง วิชาที่สาบสูญของตระกูลลั่วแห่งเมืองลั่วเฉินเหอ!
เพลงหมัดนี้ไม่ธรรมดาแน่ๆ!
ข้าใช้เวลาเพียงแวบเดียวในการดึงวิชาลมหายใจัออกมาใช้จนถึงขีดสุดของัทะเลทรายเหนือเท่านั้นพลังการผสานหกพลังรวมเป็หนึ่งผสานลงไปที่หมัดขวาจากนั้นก็ปล่อยออกไปพร้อมกับพลังกระบี่หมัดขวาของข้าพุ่งตรงออกไปะเิที่ลั่วเหยียนทันที ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วข้าก็อยากจะดูให้รู้ว่าหนึ่งในจอมยุทธ์ทั้งสี่แห่งสำนักหยุนต้งจะเก่งกาจสักแค่ไหนกันเชียว!
พลังการโจมตีอันแข็งแกร่งของเคล็ดวิชากระบี่เทพทำให้ิัแสบร้อนไปหมดแม้แต่ผู้คนที่ยืนห่างออกไปไม่กี่เมตรก็รู้สึกได้ถึงมันแต่ว่าหมัดของข้าก็ยังมีพลังของเพลงกระบี่ดินแดนหิมะกระบวนท่าที่หนึ่งอย่างกระบี่ผลึกน้ำแข็งแฝงอยู่ด้วยมันจึงทรงพลังมาก เพราะอย่างน้อยข้าก็ฝึกฝนมันไปถึงขั้นเซียนแล้ว ดูๆแล้วไม่น่าจะแพ้ให้กับเคล็ดวิชากระบี่เทพได้แน่ และไม่แน่อาจจะชนะก็เป็ได้ทว่าเมื่อเพลงหมัดทั้งสองปะทะกันข้าก็รู้ได้ทันทีว่าข้าแพ้แล้ว!
ตูม!
พลังกระบี่ปะทะกันอย่างรุนแรงทำให้เกิดความแปรปรวนในอากาศขึ้นมาซูเหยียนและถังเชวียหรานทั้งสองคนนั้นจึงต้องถอยหลังออกไปหรือแม้แต่ลั่วหว่านที่ยืนอยู่ด้านหลังของลั่วเหยียนก็ได้ดึงวิชาลมหายใจัเพื่อใช้ป้องกันแรงปะทะของพลังที่แผ่ออกมา
หวึ่งหวึ่ง หวึ่ง หวึ่ง...
เพลงหมัดของข้าราวกับถูกพลังของเคล็ดวิชากระบี่เทพทะลุทะลวงจนแตกละเอียดแรงกระแทกอันทรงพลังนี้ทำให้ข้าไถลถอยหลังไปเกือบสิบก้าวแล้วชนกับผนังห้องเรียนเข้าอย่างจังด้วยแรงสั่นะเือย่างรุนแรงจึงทำให้ผนังแตกออกเป็ชิ้นๆ เลยทีเดียวช่างทรงพลังยิ่งนัก
ทว่าลั่วเหยียนกลับมีสีหน้าใมากกว่าข้าด้วยซ้ำไปเพราะเขาเองก็ไถลถอยหลังไปตั้งห้าก้าวเขาได้แต่ก้มลงมองที่ฝ่ามือของตนเองอย่างตกตะลึงสีหน้าท่าทางเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ“เป็แค่คนที่บำเพ็ญได้ถึงผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์่แรกเท่านั้น...ไม่นึกเลยว่าจะปล่อยพลังอันแข็งแกร่งขนาดนี้ออกมาได้...เป็ไปได้อย่างไร?”
ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างตะลึงงันจนอ้าปากหวอกลมเป็ไข่เป็ดเลยทีเดียว
“แข็งแกร่งมาก...เ้าคนเพี้ยนทั้งสองคนนี้นำพลังกระบี่ผสานลงไปสู่หมัดได้และท่ามกลางพลังกระบี่ยังมีพลังการฝึกฝนขั้นเซียนรวมอยู่ด้วยอีก...ช่างอัจฉริยะจริงๆน่ากลัวเกินไปแล้ว...”
“ปู้อี้เชวียนแข็งแกร่งมาก คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะรับหมัดของลั่วเหยียนได้นี่ถ้าเป็คนอื่นละก็ข้าเกรงว่าพวกหัวกะทิทั่วทั้งสำนักสีเลี้ยนก็คงรับไว้ไม่ได้แน่!”
“นั่นมัน ลั่วเหยียนผู้อัจฉริยะที่บำเพ็ญไปถึงผู้พิทักษ์ระดับพิภพ่กลางและฝึกวิชาลมหายใจัถึงขั้นที่สิบสามแล้วเชียวนะ พลังของเขามีมากกว่านักรบิญญาบางคนเสียอีกแล้วปู้อี้เชวียนจะเป็คู่ต่อสู้เขาได้ยังไง?”
“เป็คู่ต่อสู้ที่เหมาะสมกันจริงๆ ต่อไปคงจะได้เห็นอะไรสนุกๆ อีกเยอะเลยล่ะการต่อสู้ระหว่างลั่วเหยียนที่เป็หนึ่งในจอมยุทธ์ทั้งสี่แห่งสำนักหยุนต้งและอัจฉริยะอันดับหนึ่งอย่างปู้อี้เชวียนน้องชายของท่านรองเ้าสำนักปู้เสวียนยินมันจะต้องยอดเยี่ยมมากแน่ๆ!”
...
“ปู้อี้เชวียน เ้าเป็ยังไงบ้าง?”
ซูเหยียนรีบเดินเข้ามาพยุงข้าให้ลุกขึ้นและเงยหน้ามองลั่วเหยียนนางพูดตำหนิพร้อมกับใบหน้าอันงดงามที่เต็มไปด้วยความเ็า “ลั่วเหยียนเ้าบ้าไปแล้วเหรอ? ไม่นึกเลยว่านักเรียนหัวกะทิจากสำนักหยุนต้งจะลงไม้ลงมือกับนักเรียนของสำนักจวี๋ฉีได้เ้าละอายใจบ้างไหม?”
ลั่วเหยียนที่ถูกนางตำหนิไปก็สีหน้าแย่ลงทันที
ลั่วหว่านขมวดคิ้วพูดขึ้น“อาเหยียน พอได้แล้ว เ้าจะเอาแต่ใจตัวเองไปถึงเมื่อไรกัน? เ้าก็รู้อยู่ว่ามันเป็ไปไม่ได้ แล้วเ้ายังจะรั้นทำต่อไปทำไมเื่ง่ายๆ แค่นี้เ้ายังไม่เข้าใจอีกเหรอ? อีกอย่าง...ปู้อี้เชวียนเป็ใครเ้าก็รู้อยู่แก่ใจอย่างชัดเจนนะ!”
“ข้ารู้”
ลั่วเหยียนมองค้อนมาทางข้าแล้วพูดขึ้น“ปู้อี้เชวียน เพลงหมัดที่ปล่อยออกมาเมื่อครู่เ้าใช้พลังไปกี่ขั้น?”
ข้าตอบตามความจริง“ทั้งหมดที่มี”
ลั่วเหยียนหัวเราะร่าแล้วพูดด้วยใบหน้าอันหล่อเหลาอย่างสง่างาม“ข้าใช้เพียงแค่สามขั้นเอง เ้าก็พยายามฝึกเข้าล่ะเพราะเ้าจัดได้ว่าเป็คู่ต่อสู้ที่มีฝีมือพอสมควรเลย
“ทว่าเื่ซูเหยียน...”
เขามองไปทางซูเหยียนแล้วพูดขึ้น“เสี่ยวเหยียนข้าจะไม่หยุดตามจีบเ้าหรอกนะเพราะเ้าคือสิ่งที่ข้าปรารถนาและนับถือมาโดยตลอด อีกอย่างข้าก็ดูออกว่าเ้ากับปู้อี้เชวียนไม่ได้เป็อะไรกันเพราะฉะนั้นข้าจะไม่ยอมแพ้หรอก”
ซูเหยียนคิ้วขมวดเล็กน้อย“เ้าจะทำแบบนี้ไปทำไม? ข้าบอกเ้าตรงๆ ไปเลยก็ได้เ้าไม่ใช่คนในแบบที่ข้าชอบ”
ลั่วเหยียนกัดฟันกรอดแล้วพูดตอบ“ข้าชอบเ้า เ้าก็คงรู้สึกได้ และข้าก็จะไม่หยุดตามจีบเ้าจนกว่าเ้าจะชอบข้าส่วนปู้อี้เชวียน เ้าควรรีบแกร่งขึ้นได้แล้วเพราะถ้าดูจากสภาพเ้าตอนนี้แน่นอนว่ายังไม่ดีพอที่จะสู้กับข้าข้าอาจใช้แค่พลังสักสองขั้นก็สามารถเอาชนะเ้าได้แล้ว นี่มันไม่ท้าทายเลย!อีกอย่างข้าได้ยินมาว่าเ้าซื้อโสมโลหิตสามพันปีที่ข้าจองไว้ที่ร้านหอเจ็ดเทพไปด้วยถ้าอย่างนั้นก็รีบแข็งแกร่งขึ้นสักที ไม่อย่างนั้นนี่คงไม่สนุกแล้ว”
แววตาของเขาเ็าเสียจนอาจทำให้คนกลัวจนหยุดหายใจไปเลยก็ได้“ใช่แล้ว เ้าคงจะได้รับคำเชิญของการจัดอันดับัเขตตะวันตกแล้วสินะข้าจะแสดงให้เ้าเห็นที่ป่าร้างบูรพาเองว่าอะไรคือความสิ้นหวัง!”
ข้าเอามือปัดเศษฝุ่นบนเสื้อผ้าออกถึงแม้จะไม่รู้ว่าคำเชิญคืออะไร แต่ข้าก็ยังยิ้มตอบพลางว่าปรามอีกฝ่าย“อย่าพูดให้มากนักเลย ให้เวลาข้าหนึ่งปีสิ ตราบใดที่เ้ายังเรียนไม่จบข้าจะทำให้เ้ารู้เองว่าท้ายที่สุดแล้วใครคืออันดับหนึ่งของสำนักหมื่นิญญา!”
“เอาสิ ข้าจะรอ!”
ลั่วเหยียนยิ้มหวานพูดขึ้น“ข้าไปก่อนนะเสี่ยวเหยียน ต่อไปเราคงจะได้เจอกันบ่อยๆ แน่”
ซูเหยียนพูดออกไปอย่างอึดอัดใจ“ลั่วเหยียน ตลอดมาข้าไม่มีโอกาสได้พูดถึงเื่ถอนหมั้นเลยแต่ว่าคราวนี้ถ้าท่านพ่อกลับมาที่เมืองหลินเสี่ยอีกครั้ง ข้าจะต้องคุยเื่นี้อย่างจริงจังสักทีแล้วเ้ากับข้าจะได้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”
ลั่วเหยียนหันหลังกลับไปด้วยความผิดหวังแล้วซบลงที่ไหล่ของลั่วหว่าน ชั่วพริบตาเดียวพวกเขาก็หายเข้าไปในฝูงชนทันที
ข้าได้แต่ลูบข้อมือข้างขวาไปมาแล้วมองตามหลังลั่วเหยียนที่ค่อยๆ เดินลับหายไปจากนั้นก็มองกลับมาที่ซูเหยียนพร้อมกับพูดขึ้นด้วยความหดหู่ “นี่มันฉากเด็ดชัดๆไม่นึกเลยว่าจะถอนหมั้นและไม่นึกเลยว่าคนที่ถูกถอนหมั้นจะไม่ใช่ข้า...นี่ข้าเป็พระเอกหรือเปล่าเนี่ย?”
ตั้นไถเหยาตบฉาดเข้าที่ไหล่ของข้าพร้อมกับพูดขึ้น“คนไร้ยางอายอย่างเ้า ถ้าไม่เป็พระเอกแล้วใครจะเป็ล่ะ?”
ซูเหยียนหัวเราะพร้อมกับหันหลังกลับมามองข้า“ขอโทษด้วยนะเ้าคนกินจุที่ข้าพาเ้าเข้ามาเกี่ยวข้องกับเื่ระหว่างตระกูลซูกับตระกูลลั่วเื่นี้ข้าควรจะบอกก่อนแท้ๆ”
ข้าเอียงหัวมองนาง“ถ้าอย่างนั้นทำไมเ้าไม่บอกข้าก่อนล่ะ?”
“ข้า...”
นางพูดอ้ำอึ้งอยู่นานจากนั้นก็หน้าแดงระเรื่อ “ข้ากลัวว่าเ้า...เ้าจะโกรธไง...”
“แล้วข้าจะโกรธทำไมล่ะ?”
ข้าพูดออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันคิดแต่พริบตาเดียวเท่านั้นก็รู้สึกได้เลยว่าประโยคที่ข้าพูดออกไปมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลจากนั้นข้าก็เห็นใบหน้าอันงดงามของซูเหยียนผิดหวังลงไปแวบหนึ่ง จึงพูดต่อ“แต่ว่าถ้าบอกข้าก่อนละก็ ข้าอาจจะโกรธจริงๆ ก็ได้นะ”
“ฮะ?”
ซูเหยียนยิ้มขึ้นมาทันที“จริงเหรอ?”
“...”
...
“อืม จริงสิ อีกอย่างข้าช่วยเ้าไปตั้งเยอะเห็นทีเ้าคงต้องเลี้ยงข้าวกลางวันข้าแล้วล่ะ”
“ได้สิ รีบไปกันเถอะ ไม่อย่างนั้นเนื้อที่โรงอาหารคงจะขายหมดแล้ว!”
“อืม ไปกัน ข้าจะสั่งให้เต็มโต๊ะแล้วกินให้หมดเลย”
“...”
ตั้นไถเหยาหัวเราะออกมาเบาๆ
ส่วนถังเชวียหรานกลับมองข้ากับซูเหยียนด้วยสายตาเหงาหงอยอยู่แวบหนึ่งไม่รู้ว่าอิจฉาหรือว่าอะไร
หลิวถงเอ๋อร์ก็เดินตามพวกข้ามาอย่างน่าเอ็นดูกระโปรงตัวสั้นปลิวไสวเล็กน้อยเสื้อคลุมที่รัดแน่นเห็นสัดส่วนได้อย่างชัดเจนช่างดึงดูดสายตาที่อิจฉาตาร้อนของพวกนักเรียนชายได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็อย่างไรแต่ข้าเชื่อว่าลั่วเหยียนคงไม่ยอมเลิกราไปง่ายๆ เป็แน่นี่ข้าทำให้อัจฉริยะอันดับหนึ่งของสำนักหมื่นิญญาไม่พอใจโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยนะเนี่ยแต่ว่าเมื่อมองไปยังซูเหยียนที่สวยสดงดงามแล้วนั้น ช่างเถอะ มีหญิงงามเมืองมาอยู่ข้างกายหากลำบากสักหน่อยคงไม่เป็ไรหรอก!
อีกอย่างข้าก็มีสิ่งสำคัญที่ไม่ได้พูดออกไป
ข้าชอบซูเหยียนเหมือนกันและถ้านางแต่งกับลั่วเหยียนจริงๆ ละก็
บางทีข้าอาจจะเสียใจมากก็ได้?
ใครจะรู้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้