หลังจากหวังซื่อได้รับบทเรียนในครานี้ ก็สงบเสงี่ยมไปได้หลายวัน ทำให้ิเป่าจูครึ้มอกครึ้มใจยิ่ง
สมุนไพรหลังเขาก็เติบโตขึ้นทุกวัน ที่น่ายินดียิ่งกว่านั้นก็คือนางเปิดพื้นที่ใหม่อีกแห่งอยู่เหนือน้ำตก
วันนั้นิเป่าจูใช้ความเพียรพยายามอย่างหนักที่จะขนอุจจาระเด็กปีนขึ้นเขาไป คิดหมายจะเอาไปเป็อาหารอันโอชะให้กับสุดที่รักของตนเองเ่าั้
ระหว่างนั้นเกิดโคลงเคลงทำให้มูลสกปรกกระฉอกออกมาเปื้อนบนกางเกงจนเป็ด่างดวง ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว แม้แต่ตัวเองยังทนกลิ่นไม่ได้
ทว่าก็จำต้องกล้ำกลืนฝืนทนต่อกลิ่นรดลงไปจนเสร็จ หลังจากนั้นิเป่าจูก็แทบจะรอไม่ได้อีกแม้แต่ชั่วขณะเดียว วิ่งไปอาบน้ำซักผ้าที่ธารน้ำตกทันที
ขณะแช่ตัวอยู่ในน้ำ ก็แหงนหน้าขึ้นมองไปตามกระแสน้ำตกที่เทลงมา แต่ก็จินตนาการภาพบนนั้นไม่ออก
ตนเองมาที่นี่หลายครั้งหลายครา แต่ไม่เคยขึ้นไปบนนั้นสักที บางทีอาจจะพบกับสมุนไพรใหม่ๆ บ้างก็ได้ใครจะรู้
เมื่อเกิดความคิดเช่นนี้ ิเป่าจูก็ทนรอต่อไปไม่ไหว สวมเสื้อผ้าที่ตากแห้งแล้ว สะพายกระบุงขึ้นหลังแล้วปีนขึ้นไปตามกำแพงหินด้วยความลำบากยากเย็น
ที่น่าแปลกก็คือสถานที่ที่นางไปไม่มีน้ำตก แต่โขดหินกลับกลมเกลี้ยงเหมือนถูกกระแสน้ำชะมาตลอดทั้งปี น้อยนักที่พบหินเหลี่ยมสักก้อน ทำให้ิเป่าจูต้องชะลอความเร็วในการเดินไปข้างหน้ามากขึ้น
ปีนมาได้ครึ่งทาง พอมองลงไปก็ถึงกับหน้ามืดเวียนศีรษะ สูงอะไรขนาดนี้!
ตอนอยู่ข้างล่างไม่รู้สึกอะไรสักนิด นางเอาชีวิตมาเสี่ยงกับการปีนหน้าผาจริงๆ
แต่มาถึงขนาดนี้แล้ว นางไม่อยากล้มเลิกกลางคัน หลังจากผ่านอันตรายมาหลายครั้ง ไม่ว่าจะเหยียบพลาด หินร่วง จับหลุดมือ แต่ในที่สุดิเป่าจูก็ได้มายืนอยู่บนยอดเขา
ลมเย็นสบายบนยอดเขาพัดมาเป็ระลอก ิเป่าจูยืนรับลมด้วยความรู้สึกฮึกเหิมคึกคะนองประหนึ่งได้เหยียบทุกสรรพสิ่งไว้ใต้ฝ่าเท้า
หลังสูดอากาศสดชื่นบริสุทธิ์จนชุ่มปอดแล้ว ก็เริ่มทำการสำรวจ
บางครั้งความอยากรู้อยากเห็นก็ไม่ใช่สิ่งที่ฆ่าแมว [1] เสมอไป แต่นำพามาซึ่งผลประโยชน์ที่ไม่คาดคิดว่าจะได้รับ
“์!” ิเป่าจูเริ่มพึมพำกับตัวเอง “นะ...นะ...นี่!”
นางทอดสายตามองไป ส่วนใหญ่ล้วนมีแต่พืชสมุนไพรประหลาดและหาได้ยากยิ่งในโลกนี้ที่นางรู้จัก แม้ไม่อาจกล่าวได้ว่ามีไปทุกหนแห่ง แต่ทุกสามถึงห้าก้าวเป็ต้องพบหนึ่งต้น
ในสายตาของิเป่าจู นี่ก็คือเงินทองที่เปล่งประกายระยิบระยับ คือสิ่งล่อตาล่อใจที่นำพามาซึ่งการใส่ร้ายป้ายสี!
ทุกอย่างคือความแปลกใหม่ที่ยังไม่เคยถูกค้นพบ แต่ก็ไม่น่าแปลกใจที่การขึ้นสู่ยอดเขาจะไม่มีทางลัดอื่นนอกเสียจากต้องปีนขึ้นมาทางหน้าผา
หากมิใช่เพราะกิจกรรมที่นางชอบที่สุดตอนอยู่ในยุคปัจจุบันนอกเหนือจากการแพทย์คือการปีนเขา ก็คงไม่อาจค้นพบขุมสมบัติท่ามกลางขุนเขาเช่นนี้
อาจเป็เพราะบริเวณนี้คือต้นกำเนิดของน้ำตก สมุนไพรที่นี่จึงเจริญงอกงามและมีสรรพคุณทางยาสูงกว่าข้างล่าง
ิเป่าจูไม่ได้รีบเก็บ แต่กลับเยื้องกรายไปอย่างช้าๆ ราวกับผู้บัญชาการทหารที่กำลังเยี่ยมชมกองทัพของตนเอง
ยิ่งเดินก็ยิ่งไม่อาจซ่อนรอยยิ้มไว้ได้ นางมองเห็นไปถึงวันเปิดโรงหมอ ผู้คนจะต้องคึกคักและหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย สามารถช่วยชีวิตคนเจ็บไข้ได้อย่างคล่องมือ เสมือนมีเทพเ้าคอยช่วยเหลือ
ขณะครุ่นคิด นางก็หยุดฝีเท้าลงกะทันหัน สิ่งแรกที่ต้องแก้ปัญหาให้ได้ก่อนก็คือการคำนวณเงินสำหรับเปิดร้าน
หลังจากนั่งขัดสมาธิลงกับพื้นข้างทาง ิเป่าจูก็เริ่มคำนวณบัญชี
ั้แ่ขายสมุนไพรครั้งแรกจนถึงบัดนี้ หักค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและเงินมัดจำสิบตำลึงที่วางไว้ให้ิเถี่ยจู้ก่อนหน้านี้ เงินสามสิบตำลึงที่เหลืออยู่ในมือตอนนี้ก็คือเงินก้อนสุดท้ายที่ได้มาจากการขายสมุนไพรให้เถ้าแก่หวัง
ผ่านไปอีกสักพัก ก็ยังต้องควักเงินอีกสิบตำลึงออกมาเป็ค่าใช้จ่ายในการตัดความสัมพันธ์ส่วนสุดท้าย
คำนวณออกมาแล้วก็เหลืออยู่เพียงยี่สิบตำลึง
ิเป่าจูนอนแผ่ไปบนพื้นหญ้า ใช้แขนข้างหนึ่งรองหลังศีรษะต่างหมอน มองขึ้นไปบนท้องนภาสีครามพลางรำพึงออกมา
“อา... ์ทรงโปรด ดีที่ท่านยังมีตาเปิดลู่ทางเล็กๆ น้อยๆ ให้ข้าอยู่บ้าง มิเช่นนั้นข้าจะสาปแช่งท่านแล้ว”
นับั้แ่ตนเองเดินทางข้ามภพมายังโลกใบนี้ก็ประสบแต่ความยากลำบากนานัปการ ั้แ่ครอบครัวแตกสลาย มีญาติที่ทั้งโเี้และตระหนี่ถี่เหนียว มีชีวิตที่อาภัพอับจนแสนสาหัส
มีเพียงน้องชายที่เป็เสมือนแรงผลักดันให้นางก้าวเดินต่อไปภายใต้ชีวิตที่แสนพิเศษ ซึ่งมีแต่ความยากเข็ญรออยู่ในทุกย่างก้าว ไร้ซึ่งรสชาติหอมหวาน จนบางครั้งนางก็แทบจะสิ้นหวัง
นางเด็ดใบพืชต้นหนึ่งข้างกายขึ้นมาเคี้ยวในปาก ทันใดนั้นกลิ่นหอมสดชื่นก็กำจายไปทั่วโพรงปาก
พุ่งตรงจากโพรงจมูกขึ้นสู่เหนือศีรษะ
ทำให้สมองปลอดโปร่ง หายใจโล่งสะดวกไม่ติดขัด ก่อนที่นางจะล้มตัวลงนอนก็สังเกตเห็นป้อเหอ [2] ต้นนี้เข้าพอดี เมื่อหันไปด้านข้าง สีเขียวละลานตากับกลิ่นหอมของสมุนไพรที่เตะจมูกเข้าเต็มๆ ช่วยให้ผ่อนคลายและปลอดโปร่ง
เอ๊ะ นั่นมัน...
สายตาดีเยี่ยมของิเป่าจูมองทะลุผ่านม่านใบไม้แต่ละชั้น จดจ้องพืชต้นหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกล
ก่อนรีบลุกขึ้นมานั่ง สายตาเพ่งกำหนดตำแหน่งเป้าหมาย จากตำแหน่งของตนเองเมื่อครู่จึงไม่อาจยืนยันให้แน่ใจ นางต้องเข้าไปดูให้ละเอียดกว่านี้
พืชชนิดนี้...
พอจะฝืนเรียกมันว่าพืชอยู่ได้กระมัง
ลักษณะภายนอกแตกต่างจากพืชใบเขียวหรือพืชที่มีดอกเล็กๆ สีอ่อนจางที่กระจัดกระจายอยู่รอบบริเวณนี้โดยสิ้นเชิง
กิ่งก้านของมันเหี่ยวเฉาเป็สีน้ำตาลเข้ม ยังมีรอยเป็จุดกระดำกระด่าง เหมือนรอยขีดข่วนมากมายบนิั
สภาพเป็เหมือนรากไม้ที่เติบโตบนพื้นดิน เป็พืชที่แห้งตายไปแล้ว ไม่มีน้ำมาหล่อเลี้ยงรากแม้แต่น้อย ดูรกเรื้อรุงรังไม่เป็ระเบียบ
หากมองจากภายนอก มันจะดูเหมือนเป็วัชพืชทั่วไป แต่ในสายตาของิเป่าจูกลับเป็สมบัติที่ประเมินค่ามิได้
นางวิ่งกลับไปหยิบกระบุงสะพายหลังจากอีกด้าน ก่อนจะวิ่งกลับมา แล้วหยิบพลั่วออกมาขุดหลุมลึกโดยรอบ ด้วยเกรงว่าจะทำให้รากฝอยของมันเสียหาย
ิเป่าจูค่อยๆ ขุดรากของมันออกมาพร้อมกับดินใส่ในกระบุง
นางเกาะขอบกระบุงมองลงไป คิดจะแบกขึ้นหลัง แต่ไม่สบายใจ จึงวางลงก่อนมองดูอีกหน
ทำเช่นนี้กลับไปกลับมาหลายหน จนแน่ใจว่าตนเองได้พบกับต้นอวี๋คู พืชที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ซึ่งสูญพันธุ์จากโลกนี้ไปนานแล้ว พบเห็นได้จากในตำราเพียงเท่านั้น
จะเรียกว่าเป็โอสถเทพก็ไม่นับว่าเกินจริง
หากได้รับการดูแลอย่างดี มันจะผลิดอกบานสะพรั่งทุกๆ ห้าถึงเจ็ดปี แต่ถ้าดูแลไม่ดีก็บอกได้ยาก ต่อให้สิบปีก็ไม่แน่ว่าจะสามารถออกดอกได้
อายุขัยหลังจากดอกเบ่งบานคือสิ่งที่ล้ำค่า ่เวลาที่มันเบ่งบานไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง เพราะทั้งกระบวนการั้แ่ดอกเบ่งบานจนถึงร่วงโรยใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น หากเก็บไม่ทันก็ต้องรอคอยอีกหลายปี
ระยะออกดอก ยิ่งไม่ต้องถามถึงว่าเป็่เวลาใด เพราะมันไม่เคยมี่เวลาออกดอกที่แน่นอน เมื่อถึงกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสม ในหนึ่งวันสิบสองชั่วยามก็อาจเป็ระยะออกดอกของมันได้ทั้งสิ้น
หากคลาด่ออกดอกไปแล้ว ก็ต้องรออีกหลายปี ยิ่งไปกว่านั้นระยะการออกดอกก็ไม่มีกำหนดที่แน่นอน ต้องเสี่ยงโชคเอา
มิเช่นนั้นต่อให้ถึง่ที่ออกดอกครั้งถัดไปของมัน เ้าก็ยังคงพลาดวันที่มันเบ่งบานไปอยู่ดี
แน่นอนว่าที่มันถูกเรียกว่าเป็โอสถเทพย่อมมิได้มาจากธรรมชาติที่มันเป็ แต่เพราะสรรพคุณทางยาของมันเองทั้งสิ้น ถึงได้รับคำชื่นชม
ต้นอวี๋คูทั้งต้นมีความสอดคล้องกับร่างกายมนุษย์ั้แ่หัวจรดเท้า
ดอกสามารถรักษาโรคต่างๆ ที่เกิดจากเส้นประสาทได้ รากช่วยบำรุงสุขภาพและบำรุงเื รวมถึงช่วยเร่งให้การฟื้นฟูาแภายนอกให้หายเร็วขึ้น กิ่งก้านล้วนเป็ดั่งผู้พิทักษ์อวัยวะภายในทุกส่วน
ที่น่าอัศจรรย์ที่สุดก็คือ เมื่อนำไปผสมกับสมุนไพรใดก็ตาม จะช่วยเพิ่มประสิทธิผลของฤทธิ์ยาให้สูงขึ้น
กล่าวได้ว่าเป็โอสถเทพที่มีสรรพคุณครอบจักรวาลโดยแท้
ครั้งแรกที่นางได้อ่านคำแนะนำเกี่ยวกับพืชชนิดนี้ในตำราโบราณเล่มหนึ่ง ยังคิดว่าผู้เขียนคงจะทดสอบหญ้าพิษมากเกินไปจนเกิดจิตหลอน คิดจินตนาการของแปลกๆ เช่นนี้ขึ้นมาเอง
ไม่นึกว่าตนเองจะได้มาพบเจอในโลกใบนี้
หลังจากความปีติยินดีจนแทบคลั่งสิ้นสุดลง ก็เกิดความว้าวุ่นใจอย่างหาที่สุดไม่ได้ ว่านางควรขายต้นอวี๋คูต้นนี้ไปดีหรือไม่
เชิงอรรถ
[1] มาจากสำนวน “ความอยากรู้อยากเห็นคือสิ่งที่ฆ่าแมว” หมายถึงการสอดรู้สอดเห็นผู้อื่นจนเกินควรอาจนำภัยอันตรายมาสู่ตนเอง เปรียบเหมือนกับแมวที่เป็สัตว์ที่มักขี้สงสัย ไม่กลัวอันตราย จึงอาจนำภัยมาถึงตัวได้โดยไม่คาดคิด
[2] ป้อเหอ คือใบสะระแหน่ เป็พืชในวงศ์ตระกูลมินต์ ใบมีกลิ่นหอมคล้ายใบมะนาว นิยมนำมาทำอาหารคาวหวานหลายชนิด มีสรรพคุณหลายอย่างเช่น ขับลม แก้จุกเสียดแน่น ขับเหงื่อ ฆ่าเชื้อโรค ช่วยย่อยอาหาร หากนำมาขยี้ทาช่วยแก้พิษแมลงกัดต่อย แก้ผดผื่น ลดการอักเสบของาแ
