เมื่อเห็นว่าตำรวจควบคุมตัวกลุ่มอันธพาลไปแล้วทุกคนจึงแยกย้ายกันกลับ
เซี่ยโม่พาเซี่ยเฉินเฟิงกับสือโถวน้อยไปยังรถจักรยานที่จอดอยู่มุมหนึ่งแถวหน้าโรงเรียน
ทุกคนมัวแต่สนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่มีใครทันสังเกตเห็นว่าด้านหลังต้นไม้ต้นหนึ่ง มีหญิงชรายืนมองเซี่ยโม่ที่กำลังขี่จักรยานจากไปด้วยแววตาโกรธแค้น
ใบหน้าของหญิงชราเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น ทั้งยังสกปรกมอมแมม และให้ความรู้สึกแปลกพิกล
หญิงชราพึมพำด้วยความเคียดแค้น “วันนี้โชคดีที่พวกแกรอดตัวไป แต่สักวันฉันต้องเอาชีวิตพวกแกให้ได้ เพื่อแก้แค้นให้ลูกชายของฉัน!”
หากเดินเข้าไปใกล้จะเห็นว่า หญิงชราหลังค่อมคนนี้คือคนเดียวกับที่เคยปรากฏตัวที่หน้าโรงเรียน และหากพินิจให้ละเอียดจะค้นพบว่า แท้จริงแล้วคนผู้นี้คือหวางลี่ลี่ปลอมตัวมา!
ตอนอยู่ในค่ายแรงงาน พอทราบข่าวว่าผู้เป็สามีถูกส่งตัวมาที่ค่ายแรงงานด้วยเช่นกัน เธอด่าทออีกฝ่ายด้วยความโมโหอยู่หลายวัน
“โง่จริงๆ ไม่ได้เื่ ไร้ประโยชน์ที่สุด”
ด่าจบถึงค่อยนึกถึงเซี่ยเฉินซีขึ้นมาได้ บุตรชายเพียงคนเดียวซึ่งเป็ดั่งความหวังในอีกครึ่งชีวิตที่เหลือของเธอ
นับั้แ่นั้นหวางลี่ลี่ก็พยายามประจบเอาใจผู้ดูแลของค่ายแรงงานสารพัด จนในที่สุดเธอก็ถูกปล่อยตัวก่อนกำหนดครึ่งเดือน
ครั้นเดินทางกลับถึงบ้าน หวางลี่ลี่กลับต้องพบความจริงอันโหดร้ายว่าบุตรชายเพียงคนเดียวได้จากโลกนี้ไปแล้ว เธอมองบุตรสาวด้วยดวงตาแดงก่ำ “ทำไมเฉินซีถึงตายได้ บอกความจริงมา!”
“แม่คะ นี่ยังไม่ทันสามเดือนเลย ทำไมแม่ถึงกลับมาได้คะ” เซี่ยอวิ๋นตอบเสียงตะกุกตะกัก เธอใเป็อย่างยิ่งเมื่อเห็นว่ามารดาถูกปล่อยตัวกลับมาก่อนกำหนด
นิสัยของบุตรสาวเป็อย่างไรทำไมเธอจะไม่ทราบ หวางลี่ลี่ถามย้ำเสียงเข้มอีกครั้ง “ฉันถามเื่น้องชายแก แต่แกมาถามฉันกลับเนี่ยนะ!”
เซี่ยอวิ๋นคุกเข่าลงกับพื้นในทันใด “แม่คะ ก่อนนี้น้องชายป่วยแต่ที่บ้านไม่มีเงิน หนูไม่รู้จะทำยังไงเลยไปหาเซี่ยโม่เพื่อขอยืมเงิน เงินของบ้านเราถูกมันเอาไป ได้ยินว่าเอาไปซื้อจักรยาน แต่หนูคิดว่าก็น่าจะยังพอมีเหลืออยู่บ้าง”
“แล้วยืมได้ไหม” หวางลี่ลี่ถามต่อ
บุตรสาวตอบด้วยน้ำเสียงแค้นเคือง “ไม่ได้ค่ะ แถมมันยังบอกอีกว่าเงินที่เอาไปซื้อจักรยานเป็เงินที่มันหาได้เอง ไม่ใช่เงินค่าชดเชยที่ได้จากพวกเราไป”
หวางลี่ลี่กัดฟันกรอดด้วยความเจ็บแค้น “รถจักรยานคันนั้นคือของพวกเราชัดๆ!”
พอเห็นว่ามารดาคล้อย เซี่ยอวิ๋นเลยแสดงละครต่อ “วันนั้นหนูหอบความน้อยเนื้อต่ำใจกลับมาบ้าน พอมาถึงก็เห็นน้องชายนอนนิ่งแล้ว เลยต้องเอาศพน้องไปฝังที่สวนหลังบ้าน แม่รู้ไหมคะว่าหนูร้องไห้เสียใจแทบตาย”
หวางลี่ลี่นึกว่าที่บุตรสาวเล่ามาคือเื่จริง น้ำตาพลันรินไหลด้วยความเศร้าเสียใจ “เฉินซีที่น่าสงสารของแม่ แม่ผิดเอง ตอนนั้นแม่น่าจะจัดการสองพี่น้องคู่นั้น ไม่ควรให้มันมีชีวิตอยู่ ไม่งั้นเฉินซีของแม่คงไม่ต้องมาตายไปก่อนวัยอันควรแบบนี้ ฮือ…”
ด้านเซี่ยอวิ๋นอกสั่นขวัญแขวนไม่น้อย ทั้งกลัวความจริงจะเปิดเผย และกลัวว่าแม่จะไปได้ยินสิ่งที่คนในหมู่บ้านกำลังลือกันอยู่ตอนนี้ หากเป็แบบนั้นมีหวังได้แย่แน่ เธอเลยพูดยุยงออกไปว่า “แม่คะ อย่าร้องไห้เลยนะคะ มาหาวิธีแก้แค้นสองพี่น้องนั้นดีกว่าค่ะ”
หวางลี่ลี่หยุดร้องไห้ทันที “แกมีวิธีอะไรบ้างไหม”
“แม่คะ ไอ้เด็กโง่เฉินเฟิงเข้าโรงเรียนแล้ว ถึงนังเซี่ยโม่จะคอยไปรับไปส่งอยู่ แต่ก็ใช่ว่าจะหาโอกาสลงมือไม่ได้”
“นังเด็กเซี่ยโม่นั่นเรียนมัธยมปลายอยู่ที่โรงเรียนในตำบลไม่ใช่เหรอ แล้วมีเวลาไปรับไปส่งน้องมันได้ยังไง”
“มันไปส่งน้องมันก่อนแล้วค่อยไปเรียนค่ะ มันเลิกเรียนทีหลังเลยไปรับน้องชายช้าหน่อย ไอ้เด็กโง่นั่นจะเล่นอยู่กับเพื่อนในโรงเรียนระหว่างที่รอมัน”
หวางลี่ลี่ยิ้มยกอย่างชั่วร้าย เมื่อหาโอกาสได้แล้วก็ลงมือในวันพรุ่งนี้เสียเลย
ด้วยเหตุนี้จึงเกิดเหตุการณ์อลหม่านในโรงเรียนขึ้น
“เมื่อกี้ถ้าพี่ไม่มาเราได้ถูกอันธพาลพวกนั้นเล่นงานแน่” ระหว่างขี่จักรยานกลับบ้าน เซี่ยโม่ก็ดุน้องชายไปด้วย “จริงๆ เื่นี้ต้องโทษพี่เอง ต่อไปไม่ว่าใครจะมาบอกว่ามีคนรออยู่ที่หน้าโรงเรียน เราก็ไม่ต้องไปสนใจรู้ไหม”
“พี่ครับ เพื่อนนักเรียนคนนั้นบอกว่าคุณตามารอรับ ผมกลัวคุณตาจะมารับจริงๆ ก็เลย…”
“เราโง่หรือเปล่า ถ้าคุณตามารับเราจริงๆ ก็ต้องเข้าไปหาเราในโรงเรียนสิ อีกเดี๋ยวพอกลับถึงบ้านพี่จะเล่าเื่นี้ให้พวกผู้ใหญ่ฟัง จะได้ระวังตัวกันไว้”
“ครับ”
เมื่อเห็นว่าตักเตือนพอประมาณแล้ว เธอจึงพูดปลอบเป็การตบท้าย
“แต่ตอนะโเรียกคนมาช่วยทั้งสองคนทำได้ดีมาก สมควรแก่การชื่นชม แต่ว่าต่อไปถ้าเจอเื่แบบนี้อีกให้แยกกันหนีดีกว่า อย่าอยู่รวมกลุ่มกัน แบบนั้นจะมีโอกาสรอดมากกว่า”
สือโถวกับโฉ่วหวามีพ่อมีแม่เช่นกัน เธอไม่้าให้ทั้งคู่เดือดร้อนหรือได้รับาเ็ไปด้วย
เด็กชายทั้งสองคนพยักหน้ารับรู้
เธอพูดปลอบต่ออีกว่า “โบราณกล่าวไว้ว่า ธรรมะย่อมชนะอธรรมเสมอ คนเลวพวกนั้นถูกตำรวจจับไปแล้ว จากนี้ตอนไปเรียนพวกเธอก็ไม่ต้องกลัวอีกแล้ว”
หลังจากส่งสือโถวเรียบร้อยแล้ว เซี่ยโม่ก็ขี่จักรยานพาน้องชายกลับบ้าน
ระหว่างกินข้าว เธอเล่าเื่ที่หวางลี่ลี่ถูกปล่อยตัวออกมาก่อนกำหนด รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่โรงเรียนประถมในวันนี้ให้ผู้ใหญ่ทั้งสามคนฟัง
“พวกนั้นใจกล้าเกินไปแล้ว เื่ต่ำช้าแบบนี้จะต้องเป็ฝีมือหวางลี่ลี่แน่นอน!” คุณยายเอ่ยด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยว
เซี่ยโมพยักหน้าเชิงเห็นด้วย “หนูก็คิดแบบนี้เหมือนกันค่ะ แต่ตอนหนูเฝ้าอยู่แถวๆ หน้าโรงเรียน หนูไม่เห็นผู้หญิงคนนั้นเลย”
“เด็กโง่ หวางลี่ลี่ถนัดกับการคอยใส่ไฟอยู่ข้างหลัง หลายปีที่ผ่านมาอีกฝ่ายทำแบบนี้มาตลอด ให้คนอื่นไปทำเื่ไม่ดีแทน ส่วนตัวเองแกล้งทำตัวเป็คนดี หลานลองคิดดู ั้แ่หลานออกจากบ้านหลังนั้นมา ทุกครั้งที่เกิดเื่ ผู้หญิงคนนั้นก็ทำแบบนี้ตลอด”
เมื่อเซี่ยโม่ลองพิจารณาตามแล้ว ผู้หญิงคนนั้นเอาแต่คอยยุยงอยู่ข้างหลังจริงอย่างที่คุณยายว่ามา ทันใดนั้นภาพหญิงชราหลังค่อมพลันแวบเข้ามาในหัว
หรือหญิงชราหลังค่อมคนนั้นจะเป็หวางลี่ลี่ปลอมตัวมา?!
แกล้งทำเป็หลังค่อมใครบ้างทำไม่ได้ ส่วนรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าก็แค่เอาถ่านสีดำมาทาก็ใช้ได้แล้ว
เธอเห็นหน้าหญิงชราคนนั้นไม่ชัดเท่าใดนัก เห็นแค่อีกฝ่ายคุยกับเด็กนักเรียนอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ให้ลูกอมเด็กคนนั้นไปหนึ่งเม็ด
ผู้คนในยุคนี้ล้วนฐานะยากจน แค่ลูกอมหนึ่งเม็ดก็สามารถซื้อใจเด็กคนหนึ่งให้ทำเื่ที่ตัวเอง้าได้แล้ว
“คุณยายคะ หนูรู้แล้วค่ะ วันนี้หวางลี่ลี่มาที่หน้าโรงเรียน แต่ปลอมตัวเป็คนแก่หลังค่อม”
คุณตาได้ยินเช่นนั้นจึงอดพูดอย่างเป็ห่วงไม่ได้ “ถึงตำรวจจะจับตัวอันธพาลพวกนั้นไปสอบสวน แต่ก็ไม่แน่ว่าจะสาวถึงคนที่อยู่เื้ัหรือเปล่า หวางลี่ลี่ฉลาดแล้วก็เ้าเล่ห์ อีกฝ่ายน่าจะใช้เื่ที่ผ่านมาเป็บทเรียน ครั้งนี้ไม่น่าทิ้งร่องรอยให้สาวไปถึงตัวได้ คงคิดว่าถ้าปลอมตัวก็จะไม่มีใครรู้ว่าตัวเองเป็คนทำ ตาว่าพรุ่งนี้เฉินเฟิงอย่าไปโรงเรียนเลย มันอันตรายเกินไป”
เซี่ยเฉินเฟิงตัวน้อยรีบเอ่ยออกมาด้วยท่าทางน่าสงสาร “แต่คุณตาครับ ผมอยากไปโรงเรียน…”
“แต่…” คุณตากำลังจะท้วงด้วยความเป็ห่วง ทว่าเซี่ยโม่ตัดบทเสียก่อน
“หลังจากนี้พี่ขอลาหยุดกับคุณครูไว้หลายวัน ขอแค่ระหว่างเรียนเราไม่ออกมาข้างนอกโรงเรียน ส่วนพี่ก็จะไปรับไปส่งให้ตรงเวลา ทำแบบนี้เราก็น่าจะปลอดภัย”
“ขอบคุณครับพี่” เซี่ยเฉินเฟิงยิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่ต้องขาดเรียน
ส่วนผู้ใหญ่ทั้งสามคนได้แต่มองหน้ากันพร้อมกับถอนหายใจ
หลานสาวถึงขนาดขอลาหยุดกับคุณครูเพราะไม่วางใจเื่น้องชาย หลังจากนี้คงต้องมาดูกันว่าจะสามารถสาวไปถึงตัวหวางลี่ลี่ได้หรือไม่
พอถึงเวลาเข้านอน เซี่ยโม่ถึงค่อยรู้สึกเจ็บบริเวณที่ถูกกระบองฟาด เธอถูกตีบริเวณด้านหลังเลยไม่สามารถเห็นร่องรอยของแผลได้
ตรงต้นขาก็โดนฟาดด้วย เพราะตอนนั้นจวนตัวเธอจึงหลบไม่ทัน
เซี่ยโม่หันไปมองน้องชาย พอเห็นว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้วจึงเข้าไปในโกดังสินค้าเพื่อตรวจดูร่างกาย เธอเลิกกางเกงขึ้นเพื่อดูแผลบริเวณต้นขา แล้วก็ต้องพบว่ามีรอยแดงนูนจากการโดนของแข็งฟาดไว้เป็ทางยาว
เธอหยิบเอาน้ำมันหงฮวาซึ่งมีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดออกมา แล้วทาไปที่ต้นขาอย่างเบามือ
จำได้ว่าในโกดังสินค้ามีกระจกบานยาวสำหรับใช้ในห้องแต่งตัว ถึงอย่างไรในนี้ก็ไม่มีคน เธอจึงถอดเสื้อที่สวมออก หันหลังเข้าหากระจกเพื่อจะดูแผล บนแผ่นหลังขาวเนียนปรากฏรอยแดงนูนเป็ทางยาวขึ้นมาเช่นกัน
เธอมองหาไม้เกาหลังมาใช้เป็ตัวช่วย พอเจอก็นำสำลีที่ชุบน้ำมันหงฮวาผูกติดกับไม้ แล้วยื่นไปทางด้านหลังเพื่อทายาที่แผล
ใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าจะเสร็จสิ้น ทายาเรียบร้อยเธอก็ออกจากโกดังสินค้า ล้มตัวลงนอนบนเตียงอุ่นก่อนจะหลับไป
เช้าวันต่อมาขณะที่กำลังจะลุกไปทำอาหารเช้า เซี่ยโม่รู้สึกปวดร้าวไปทั้งร่าง ั้แ่แผ่นหลังลงไปจนถึงต้นขา
ให้ตายเถอะ ตอนนี้เธอกลายเป็คนป่วยแล้วใช่ไหม?
