เจิ้งหยวนคาดไม่ถึงว่าคำพูดนี้จะขู่ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งไม่ได้ผล เธอยังเชิดหน้าขึ้นเหมือนรู้จริงๆ
“คนรักเธอทำงานอยู่ที่โรงงานเครื่องจักร ฉันพูดถูกไหมล่ะ!”
เจิ้งหยวนหรี่ตาลง นี่เจิ้งเจวียนก็บอกหรือ? หน็อยแน่ กลับมาเธอจะตีสักฉาดข้อหาซี้ซั้วพูด! ทว่ายังไม่ทันที่เจิ้งหยวนจะตอบ เฉินชุ่ยอวิ๋นก็จับแขนของเจิ้งหยวนอย่างลนลานแล้วว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ หยวนหยวนกับ…”
“ใครจากโรงงานเครื่องจักร้หรอ!” เจิ้งหยวนขัดคำพูดเฉินชุ่ยอวิ๋นฉับพลัน รั้งไม่ให้คุณแม่ยืนยันความจริงเื่นี้ อย่างไรเสีย ก็ไม่มีหลักฐานอยู่แล้ว เธอไม่ยอมรับ ไฉนเลยใครจะมากดหัวเธอได้? เธอจ้องตาป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งเขม็งแล้วพูดพลางฉีกยิ้ม “ป้าสะใภ้ พูดมาสิ คนรักที่อยู่อำเภอเมืองในข่าวลือของฉัน เขาเป็ใครจากโรงงานเครื่องจักร ฉันน่ะอยากรู้ชะมัดว่าคุณเอาสหายคนไหนมาสวมตำแหน่งคนรักของฉัน? ”
สายตาเจิ้งหยวนราวกับซ่อนคมมีดไว้ ในอดีตเธออยู่จุดสูงสุดของพีระมิดหลายปีต่อหลายปี ได้ห้ำหั่นดุเดือดกับเหล่าเ้าพ่อค้าขายในวงการธุรกิจนับครั้งไม่ถ้วน ปกติยิ้มแย้มแจ่มใสเลยมองไม่ออก แต่สามารถปล่อยกลิ่นอายความน่าเกรงขามได้ตลอดเวลา ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งไฉนเลยจะเคยพบคนประเภทนี้ แค่สายตาก็ทำเธอใจนขวัญกระเจิงแล้ว อีกอย่างเธอยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าคู่รักของเจิ้งหยวนที่มาจากโรงงานเครื่องจักรเป็ใคร เจิ้งเทียนหู่ไม่ได้บอกเธอเื่นี้
จะว่าไปเจิ้งเทียนหู่ผู้นี้ก็น่าสนใจเช่นกัน วันนั้นเจิ้งหยวนเข้าอำเภอเมือง เขาตามเธอต้อยๆ จากข้างหลัง จนเห็นกับตาว่าเจิ้งหยวนไปโรงงานเครื่องจักร แล้วเรียกสหายชายคนหนึ่งออกมาพบ โรงงานเครื่องจักรตั้งอยู่ข้างอำเภอเมืองจินสุ่ย ประตูโรงงานโล่งกว้างไร้สิ่งกีดขวาง เขาไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้อีก ได้เพียงมองทั้งสองคนสนทนากันอยู่ห่างๆ ไม่รู้พวกเขาพูดอันใดบ้าง ก็ฟันธงแล้วว่าทั้งสองต้องมีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นอน หลังเจิ้งหยวนผละออกไป จึงไม่เข้าไปลองสอบถามตัวตนของผู้ชายคนนั้น กลับหันหลังนำเงินที่แม่ให้ไปซื้อเหล้าและกับแกล้มกินที่ร้านอาหารของรัฐในตัวอำเภอ ตกเย็นพอกลับมาบ้าน ก็นั่งยันนอนยันกับป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งว่าผู้ชายคนนั้นมาจากโรงงานเครื่องจักร ส่วนหน้าตาเป็อย่างไร ชื่ออะไร เขาอยู่ไกลขนาดนั้นใครจะไปรู้!
ดังนั้น ในเวลานี้ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งจึงไม่รู้ลึกตื้นหนาบางเท่าที่ควร
พอเห็นป้าสะใภ้ใหญ่โดนตนสกัดจนพูดไม่ออก เจิ้งหยวนเลยค่อยเก็บรังสีรอบตัว เธอเหยียดยิ้มมุมปาก ก่อนเอ่ยอย่างมีน้ำหนักและจริงจัง “ป้าสะใภ้ใหญ่ ต่อไปถ้าจะสาดโคลนใส่ฉันอีก กุคำโกหกให้ละเอียดหน่อยนะคะ อย่างน้อยก็ต้องสืบมาก่อนว่าคนในโรงงานเครื่องจักรนั่นคือใคร ว่างั้นไหม? ทำแบบคุณน่ะ ฉันก็เอาไปพูดได้เหมือนว่าพี่เสี่ยวสยาคบหาสหายที่สหกรณ์ในอำเภอ ฉันยังเคยเห็นพวกเขาสนทนากันเลย!”
“แกๆๆ…” ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งโกรธจัดจนพูดไม่ออก เธอข่มอารมณ์หน้าดำหน้าแดงไปหมด สุดท้ายทนไม่ไหวเลยชี้หน้าด่าสาปแช่งเจิ้งหยวน “นังเด็กหลายใจหน้าไม่อาย แกมั่วผู้ชายเองยังมาใส่ความพี่เสี่ยวสยา! เื่นี้มีหรือไม่มีแกรู้ดีอยู่แก่ใจ คิดว่าฉันรู้คนเดียวเหรอ? เด็กเหลือขออย่างแก ฉันบอกไว้เลยนะ ยกงานแต่งให้พี่เสี่ยวสยาเขาง่ายๆ เสียดีกว่า มิฉะนั้น พอถึงเวลาอย่ามาโทษที่ฉันแฉธาตุแท้แกให้คนทั้งกองรู้ ดูซิ สกุลเฝิงยังจะอยากสู่ขอแกอีกหรือเปล่า!”
เจิ้งหยวนไม่มีท่าทีตื่นตระหนกสักนิด เธอก้าวเท้าไปข้างหน้า จับนิ้วมือป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งที่จ่อจมูกออก และขู่เสียงเด็ดขาด “ป้าสะใภ้ใหญ่ ปลาหมอมันตายเพราะปากนะ คุณคิดว่าตัวเองปลุกปั่นเป็คนเดียวแล้วฉันทำไม่ได้หรือไง? ” เธอสะบัดมืออีกฝ่ายทิ้ง แล้วชี้ไปยังประตู “ไสหัวออกไปเถอะค่ะ!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้