“ข้าขอเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าสักครู่ ถังเยี่ยนเ้ารีบเอากระดาษนี้ไปให้ชายผู้นั้นแทนข้าหน่อยนะ” ถังเยี่ยนรับกระดาษไป ก่อนเสี่ยวเอินจะเปลี่ยนจากชุดนอนสีขาวเป็ชุดที่รัดกุมกว่าเดิม แล้ววิ่งตรงไปยังหน้าประตูวัง
“ชายผู้นั้นอยู่ที่ใด เขาไปไหนแล้วล่ะถังเยี่ยน” หญิงสาวถามหาชายคนดังกล่าวด้วยท่าทางกังวลใจอย่างถึงที่สุด
“เขารับกระดาษจากข้าเสร็จ เขาก็จากไปแล้วล่ะ บอกว่าอีกสองวัน เวลาเที่ยงคืนให้ไปพบกันที่ที่ศาลากลางน้ำ เลยตลาดไปทางทิศเหนือ เขาจะรอเ้าอยู่ที่นั่น”
“อีกสองวันงั้นเหรอ” เสี่ยวเอินทวนคำพูดของถังเยี่ยนพลันยิ้มออกมาอย่างมีความหวัง ด้วยคิดว่าน้องชายที่พลัดพรากกันั้แ่เด็กอาจรับรู้ว่านางขึ้นเป็พระสนมแห่งรัชทายาท จึงพยายามติดต่อกลับมา
เฟยหยางมองหม้อต้มสมุนไพรแล้วกำมือแน่น ทบทวนเื่ราวต่าง ๆ ในอดีตด้วยความเ็ป
“ถังเยี่ยน เ้าหักหลังข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า” นางพูดพลางเอื้อมไปหยิบหม้อต้มปลาสมุนไพร ก่อนเสียงฝีเท้าของใครบางคนจะเดินเข้ามา เฟยหยางหันไปพบว่าเป็รัชทายาท นางชะงักนิ่งแล้วรีบน้อมกายลงเคารพทันที
“รัชทายาทมีสิ่งใดให้หม่อมฉันรับใช้เพคะ” นางถามด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อม ก่อนเขาจะมองไปยังหม้อต้มปลาสมุนไพรที่ตั้งอยู่บนเตา
“ข้ามาเพื่อดูว่าเ้าทำปลาต้มสมุนไพรที่เสด็จแม่ทรงโปรดได้หรือไม่ อาหารมื้อค่ำนี้สำคัญอย่างมาก เพราะเป็อาหารมื้อแรกในรอบหลายเดือนที่ฮ่องเต้กับฮองเฮาจะทรงเสวยพร้อมกัน”
“เพคะ หม่อมฉันจะตั้งใจทำอย่างสุดความสามารถ” พูดจบเฟยหยางก็หันไปยังหม้อต้ม แล้วเทอาหารในหม้อทิ้งทั้งหมด ก่อนรัชทายาทจะเบิกตากว้าง รีบเดินเข้าไปจับแขนนางด้วยความรวดเร็ว
“เ้าทำอันใด” เขาถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ก่อนหญิงสาวจะตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เทปลาต้มสมุนไพรทิ้งเพคะ”
“เททิ้ง? เ้าคิดจะทำอันใด ข้าเพิ่งบอกอยู่ว่าอาหารมื้อนี้สำคัญมาก”
“ก็เพราะว่าสำคัญ หม่อมฉันจึงต้องเททิ้งเพคะ” หญิงสาวพูดพลางหยิบช้อนตักน้ำที่อยู่ติดก้นหม้อยื่นให้รัชทายาท ก่อนเขาจะชะงักนิ่ง
“ลองชิมสิเพคะ หากเป็รสชาตินี้ฮองเฮาจะทรงเสวยได้หรือไม่” รัชทายาทตัดสินใจชิมดู ก่อนจะรีบคายทิ้งในทันที
“เหตุใดรสชาติจึงเป็เช่นนี้” เขาถาม ก่อนเฟยหยางจะจับจ้องไปยังใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่าย หากไม่เพราะว่าอาหารมื้อนี้สำคัญ เขาคงไม่ลดตัวลงมาตรวจดูความเรียบร้อยถึงในครัว
“อาหารในหม้อ เป็ฝีมือของคุณหนูถังเยี่ยนเพคะ นางตั้งใจให้หม่อมฉันทำรสชาตินี้ขึ้นถวายฮองเฮา” เฟยหยางตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะหันไปยังไหเก็บปลา นางเลือกเอาปลาที่ใกล้ตายขึ้นมาสับ ก่อนรัชทายาทจะเอ่ยขึ้น
“ฝีมือของถังเยี่ยนไม่ใช่รสชาตินี้”
“เพคะ ไม่มีผู้ใดทำอาหารรสชาติแย่เพียงนี้ นอกจากนางตั้งใจแกล้งหม่อมฉัน” เฟยหยางตอบด้วยน้ำเสียงตั้งมั่น และนั่นทำให้รัชทายาทขมวดคิ้วสงสัย
“เ้าไม่เหมือนผู้ที่เพิ่งเข้ามาวังหลวงเป็ครั้งแรก รู้หรือไม่ว่าการกล่าวหาผู้อื่น มีโทษร้ายแรงเช่นไร”
“แล้วพระองค์รู้หรือไม่เพคะ ว่าการถูกกล่าวหา อาจทำให้ถึงตายได้เช่นกัน เฉกเช่นพระสนมเสี่ยวเอินที่นางโดนปะาจนสิ้นใจท่ามกลางสายตาฝูงชน ทุกคนต่างสาปแช่งประณามว่านางเป็คนต่ำช้าเลวทราม ทั้งความจริงนางอาจไม่ได้ทำผิดเลยแม้แต่น้อย” เฟยหยางพูดพลางจับจ้องมายังรัชทายาท ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ไม่เพียงเขาไม่คิดปกป้อง ซ้ำยังไม่เคยสนใจว่านางจะเป็ตายร้ายดีอย่างไร
“เ้าพูดอยู่กับใครรู้ตัวหรือไม่” ท่าทางอาจหาญของนางทำให้เขาเอ่ยเตือน ก่อนหญิงสาวจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“หม่อมฉันพูดอยู่กับรัชทายาทผู้สูงศักดิ์เพคะ ขนาดลมหายใจสุดท้ายของนาง พระองค์ก็ไม่ทรงเหลียวแล” เฟยหยางพูดพลางจับจ้องไปยังใบหน้าของเขา ก่อนจะได้สติกลับมา
“หม่อมฉันเพียงแค่ฟังผู้อื่นมาเพคะ ขอตัวทำอาหารก่อน” นางเบี่ยงตัวเดินออกไปทำหน้าที่ ปล่อยให้รัชทายาทนิ่งอึ้งกับคำต่อว่าของนาง ก่อนเขาจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“นั่นเพราะข้า ไม่เคยรักนาง เช่นเดียวกับเ้า ที่ไม่ว่าต่อไปเสด็จแม่จะยกเ้า ขึ้นเป็พระสนมของข้า อย่างไรข้าก็ไม่มีวันรัก” คำพูดของเขา ย้ำเตือนหญิงสาว ว่านางไม่มีวันได้กุมหัวใจของเขา
“เมื่อถึงเวลานั้น หม่อมฉันจะจำไว้เพคะ หม่อมฉันจะเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่ทำให้พระองค์ต้องอึดอัดพระทัย” คำพูดของนาง ทำให้เขาขมวดคิ้ว ไม่ว่าจะเป็กิริยาท่าทางล้วนแล้วแต่เหมือนเสี่ยวเอินแทบจะเป็คนเดียวกัน ชายหนุ่มค่อย ๆ เบี่ยงตัวเดินกลับตำหนัก ระหว่างนั้นคำพูดของนางก็สะกิดใจเขาตลอดเวลา
“เหตุใดข้าต้องใส่ใจด้วย ก็แค่นางกำนัลไร้ค่าคนหนึ่งเท่านั้น” เขาพูดพลางจ้ำอ้าวตรงไปยังท้องพระโรง
ท่ามกลางแสงของตะเกียงและโคมไฟสว่างไสว อาหารมากมายหลายอย่างถูกเหล่านางกำนัลยกมาตั้งไว้ พร้อมด้วยฮ่องเต้ ฮองเฮา และรัชทายาทนั่งรออยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
“ปลาต้มสมุนไพรที่เ้าทำ เสร็จแล้วใช่หรือไม่” ถังเยี่ยนเอ่ยถามด้วยสายตาแน่นิ่ง ก่อนเฟยหยางจะยิ้มเล็กน้อยแล้วน้อมกายลง
“เสร็จแล้วเ้าค่ะ อยู่ในมือข้า”
“เช่นนั้น เ้าก็นำไปวางไว้ตรงหน้าพระพักตร์ของฮองเฮา”
“เ้าค่ะ” เสี่ยวเอินในร่างของเฟยหยางเบี่ยงตัวเดินถือถาดอาหารเข้าไป พลันน้อมกายลงเล็กน้อย
