ป้าหลี่ซานเสิ่นทอดถอนใจตามหลี่ชุ่ยฮัว ส่วนหลี่ชุ่ยฮัวเองก็เริ่มกังวลใจแทนหลิวเต้าเซียง จึงเอ่ย “ท่านแม่ แล้วถ้าเป็เยี่ยงนั้น หลิวเต้าเซียงออกเรือนไม่ได้จะทำเช่นไรดี?”
โทษนางไม่ได้ที่ถามเช่นนี้ ่นี้ป้าหลี่ซานเสิ่นพร่ำบอกทุกวันว่าการเย็บปักถักร้อยจะใช้หารายได้ได้ การที่สอนให้บุตรสาวทำเป็ก็เพื่อต่อไปจะได้มีเงินสินเดิมติดตัวเยอะๆ
ดังนั้นเด็กสาวตัวน้อยอย่างชุ่ยฮัวก็เริ่มกังวลใจอีกหน
“ฮ่าๆ เ้าเด็กนี่ ช่างเขินอายไม่เป็เลย” ป้าหลี่ซานเสิ่นหัวเราะแกมต่อว่า แล้วยื่นมือไปตบหลังเบาๆ รู้สึกว่าบุตรสาวของตนช่างเป็คนที่มีอารมณ์ขัน
“ท่านแม่ ข้าพูดจริงนะ!” หลี่ชุ่ยฮัวไม่พอใจ หลิวเต้าเซียงเป็ถึงสหายวัยเด็กของนาง นางหวังว่าหลิวเต้าเซียงจะได้ออกเรือนกับคนดีๆ อืม หากว่าได้แต่งกับคนๆ เดียวกัน ทั้งสองก็จะได้เป็พี่น้องกันไปตลอดชีวิต นั่นคงเป็การดี
น่าเสียดายที่หลิวเต้าเซียงไม่รู้ความคิดของหลี่ชุ่ยฮัว มิฉะนั้นคงจะใกลัวแล้ววิ่งหนีเตลิดไปไกล
“ได้ ชุ่ยฮัวของเราโตแล้ว แม่ก็ไม่ต้องเป็ห่วง เฮ้อ แม่ช่างเศร้าใจเหลือเกิน เพิ่งจะได้เลี้ยงเ้าไม่กี่ปีเอง หรือไม่ ให้แม่คลอดน้องสาวออกมาอีกสักคนดี?” ป้าหลี่ซานเสิ่นล้อเล่นกับบุตรสาวตนเอง
“ไม่เอา ใคร้าน้องสาวกัน ข้าไม่อยากช่วยเลี้ยงเด็ก แล้วยังต้องช่วยเช็ดขี้เช็ดเยี่ยว ซักผ้าอ้อม ท่านแม่ ท่านมีข้าเป็บุตรสาวเพียงคนเดียวก็พอแล้ว” หลี่ชุ่ยฮัวมองค้อนแม่หนึ่งที
ป้าหลี่ซานเสิ่นถูจมูกของตน ช่างไม่น่ารักเลยจริงๆ เต้าเซียงสิดี ไม่เคยอิจฉาน้องสามของนางแต่อย่างใด
“เอาเถอะๆ แม่ไม่คลอดก็ได้” นางมองดูบุตรสาวที่เอาแต่มองค้อน นั่นทำให้ตนเองต้องยอมแพ้ทันที
“ท่านแม่ ท่านช่วยเต้าเซียงคิดหาหนทางหน่อยสิ นางดื้อรั้นแบบนี้ไม่ดี ต่อไปถ้าแต่งไปจะถูกสามีทุบตีได้ เฮ้อ แต่นางก็เปลี่ยนไม่ได้ คงต้องให้นางหาค่าสินเดิมเยอะๆ ” หลี่ชุ่ยฮัวผายมือ ทำท่าเหมือนผู้ใหญ่
หลิวเต้าเซียงกลั้นยิ้มไว้ สาวน้อยชุ่ยฮัวคนนี้ช่างน่ารักเสียจริง ในเมื่อนางดีกับตนเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องตอบแทนให้ดีถึงจะถูก
ป้าหลี่ซานเสิ่นมองบุตรสาวอย่างช่วยไม่ได้ แล้วพูดกับหลิวเต้าเซียงว่า “ที่จริงแล้วข้าไม่ควรพูดแบบนี้ แต่พ่อกับแม่ของเ้าก็ซื่อสัตย์เกินไปเช่นกัน เ้าต้องโน้มน้าวพ่อและแม่ของเ้าให้ดีหลังจากเ้ากลับไป ควรวางแผนสําหรับอนาคตของเ้าด้วย”
หลิวเต้าเซียงได้ยินก็ดีใจ จึงรีบอาศัยจังหวะเอ่ยตอบ พร้อมกับทำหน้านิ่วคิ้วขมวด “ป้าหลี่ ข้าเองก็ขอไม่ปิดบังท่าน ย่าข้านิสัยเป็เช่นไร คนในชุมชนมีใครไม่รู้บ้าง พ่อข้าวันๆ ต้องแบกหามทำสวนอยู่ข้างนอก พอถึงเวลาย่ากลับบอกว่าต้องเอาข้าวไปแลกเป็เงินเพื่อส่งเสียอาสี่ข้าร่ำเรียน แล้วพ่อข้าจะไปพูดเช่นไรได้? หากเขาคัดค้าน ไม่ต้องพูดถึงปู่กับย่าข้า กระทั่งคนนอกก็คงบอกว่าเขาอกตัญญู ไม่รู้คุณ ส่วนแม่ข้ายิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง ตลอดหลายปีก็ถูกย่าควบคุมให้อยู่แต่ในสวนผัก ลำพังส่งให้บ้านลุงรองก็ไม่พอ แล้วยังมีบ้านลุงใหญ่ที่อยู่ในเมืองหลวงอีก มักจะเรียกคนมาลากกลับไปเป็คันรถ ทั้งยังเอาข้าวเปลือกไปหลายกระสอบ บอกว่าในเมืองหลวงนั้นผักเกลือล้วนแพง ต้องประหยัดกินประหยัดใช้”
ป้าหลี่ซานเสิ่นถอนหายใจแล้วพูดว่า “ครอบครัวของเ้าอาศัยอยู่กับผู้าุโ เื่เงินคงจัดการยาก ลำพังจะเลี้ยงแค่ไก่หรือเป็ดเพื่อเกื้อหนุนครอบครัวก็คงเป็ไปไม่ได้”
หลิวเต้าเซียงยิ้มอย่างเ็าและตอบว่า “อืม ไม่ใช่ว่าข้าพูดนินทาย่าลับหลังหรอกนะ แต่ความเป็จริงแม้ว่าแม่ข้าจะเป็คนเลี้ยง แต่ย่าก็จะมองว่าเป็สมบัติของนางอยู่ดี”
เล้าไก่นั่นอยู่ในผืนดินของนาง อาหารไก่ก็เป็ของนาง หากใช้คำพูดของหลิวฉีซื่อก็คือ จางกุ้ยฮัวแค่ช่วยให้อาหารไก่ ไม่ใช่งานที่เปลืองแรงอะไรนัก อีกอย่าง นางคิดว่าการที่สะใภ้ช่วยทำงานที่บ้าน นับว่าเป็เื่ที่ฟ้าดินเห็นสมควร
ขณะนี้ชุ่ยฮัวซุกเข้าอ้อมอกของป้าหลี่ซานเสิ่นแล้วทำเสียงออดอ้อน “ท่านแม่ ท่านช่วยเต้าเซียงหาหนทางหน่อยสิ หากเกิดว่าเต้าเซียงออกเรือนไม่ได้ จะทำเช่นไรดี? รับไปบ้านสามีข้าดีไหม? ถ้าเช่นนั้นคงไม่ได้ พ่อแม่นางคงไม่ยินยอม”
หลิวเต้าเซียงมองไปที่เด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังออดอ้อน หางตาถึงกับกระตุก เด็กนี่คิดอะไรของนางกัน คิดจะพาตนเองออกเรือนไปด้วยอย่างนั้นหรือ?
ป้าหลี่ซานเสิ่นถูกนางกอดเกี่ยวจนหมดหนทาง แหงนศีรษะขึ้นสี่สิบห้าองศามองบนฟ้า เพียงแต่นางยังคิดหาหนทางดีๆ ไม่ออกจริงๆ ครั้นจะให้สอนเย็บปักถักร้อย หากหลิวฉีซื่อรู้เข้า คงด่ากราดอย่างหยาบคาย ตัวนางเองยังไม่ยอมสอนหลานสาว ก็คงไม่ยอมให้ผู้อื่นสอนเช่นกัน
จะตีเหล็ก? แต่ร่างเล็กจ้อยของหลิวเต้าเซียงแค่ลมพัดก็ปลิวได้ อีกอย่างในบ้านของนางที่ตีเหล็กก็มีแต่พวกผู้ชาย หลิวเต้าเซียงไปที่นั่นคงไม่เหมาะสม
ในขณะที่ป้าหลี่ซานเสิ่นกําลังไตร่ตรอง เสี่ยวหวงฮัวก็ะโออกมาจากกรงไก่ทันใด และยืดคอตั้ง “กระต๊ากๆๆ!”
“ใช่แล้ว!” ป้าหลี่ซานเสิ่นเอื้อมมือออกไปตบต้นขาอย่างแรง
“ใช่แล้วคืออะไรหรือ?” หลิวเต้าเซียงและหลี่ชุ่ยฮัวมีดวงตาเป็ประกาย
ทันใดนั้น ป้าหลี่ซานเสิ่นก็กำเนิดแผนการที่นับว่ามีไหวพริบทีเดียว
“ไยเ้าจึงไม่ขอให้แม่เอาไก่มาเลี้ยงที่บ้านข้าเล่า ทำเครื่องหมายไว้ก็ได้ หรือบางทีก็ให้พ่อเ้าเอามาไว้อีกฟากของเล้าไก่บ้านข้า ให้ไก่อยู่ที่นั่น แต่ว่าพวกอาหารไก่ เ้าอาจจะต้องคิดหาทางเอาเอง”
หลิวเต้าเซียงดีใจในตอนแรก หนทางหาเงินได้น่ะมีแล้ว แต่ก็คิดไม่ตกเื่อาหารไก่นี่สิ? หรือนางต้องวิ่งเข้าเมืองเพื่อซื้อในร้านหรือ? เวลาผ่านไปนานเข้าเื่ต้องรู้ถึงคนในชุมชนอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นอาจเป็เื่ราวใหญ่โต ไม่แน่ว่าอาจจะเปลืองแรงเปล่า สุดท้ายเงินก็ตกอยู่ในมือของหลิวฉีซื่ออยู่ดี
“โฮสต์ ตอบรับนาง ตอบรับนางเร็วเข้า” ศูนย์ศูนย์เจ็ดรีบร้อนจนส่ายกลีบถั่วงอกสองใบเสียงดังพั่บๆ
“นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอก ก็แค่ให้อาหารไก่ไม่ใช่หรือ?” หลิวเต้าเซียงตอบรับป้าหลี่ซานเสิ่นอย่างรวดเร็ว แต่ในใจกลับถามศูนย์ศูนย์เจ็ดอย่างร้อนรน “เ้าสัตว์ปีศาจตัวน้อย เื่มันเป็มาอย่างไรกัน?”
“โฮสต์ครับ เพื่อให้คุณกลายเป็เด็กสาวชนบทที่ทั้งผ่านเกณฑ์มาตรฐาน สวยงามและขยัน ผมจะอาสาออกไปเจรจากับฝ่ายโปรดิวเซอร์ คุณสามารถเอาไก่กับไข่ในเขตเพาะเลี้ยงที่เกินออกมาไปแลกอาหารไก่ได้นี่ครับ คืออย่างนี้ครับ อาหารไก่ของเราไม่เพียงรสชาติดี น่าทาน แต่ยังอุดมสมบูรณ์ รับประกันได้ว่าไก่ทุกตัวจะได้รับสารอาหารที่เหมาะสม และเติบโตอย่างแข็งแรงแน่นอนครับ”
“เ้าสัตว์ปีศาจตัวน้อยจ๋า นี่นายกำลังขายฉันอยู่สินะ!” หลิวเต้าเซียงสงสัยกับความพยายามของมัน ว่า้าทำยอดหรือรับรางวัลอะไรเทือกนั้นหรือไม่
ใบถั่วงอกเล็กสองใบของศูนย์ศูนย์เจ็ดสั่นเล็กน้อย เธอรู้ได้อย่างไร? อย่างไรก็ตาม ตีให้ตายมันก็ไม่มีทางยอมรับ
“หืม โฮสต์ ผมเป็เพื่อนร่วมงานที่สนิทสนมกับคุณที่สุด ทำไมถึงไม่เชื่อใจกันแบบนี้ล่ะครับ?”
หลิวเต้าเซียงเพียง้าบอกว่า นี่คือความสัมพันธ์ระหว่างผู้ตรวจสอบและผู้ใช้แรงงาน แต่เธอก็ไม่้าทำให้ผู้ตรวจสอบคนนี้เคือง เพราะกลัวว่าต่อไปมันจะหาทางกำจัดตนเองในอนาคต จึงได้แต่คิดในใจ
“เข้าใจแล้ว ราคาอาหารไก่เท่าไร?”
“ลูกไก่กินไม่เยอะครับ อาหารไก่ที่เราผลิตนั้นทั้งปลอดสารและไม่มีสิ่งปนเปื้อน เป็ของออร์แกนิคครับ” ศูนย์ศูนย์เจ็ดตอบในสิ่งที่ไม่ได้ถาม
หลิวเต้าเซียงมั่นใจมากว่ามันกำลังทำยอดขายอยู่แน่นอน ทันใดนั้นก็นึกถึงห้วงมิติผืนนาที่มันเคยเกริ่นไปก่อนหน้านี้ว่าเป็ของสมนาคุณ ดังนั้นอาหารไก่ก็น่าจะถูกมาก
นางกะพริบตาแล้วพูดว่า “ถ้ามันแพงเกินไป ฉันจะไม่พิจารณาแน่นอน”
“ไม่แพงครับ ไข่หกใบสามารถแลกเป็อาหารไก่ได้ครึ่งกิโลกรัม เพียงพอให้ไก่กินได้สิบวันครับ”
“จริงหรือ? ฉันจําได้ว่าสิ่งที่นายให้ไก่คือข้าวผสมแกลบชิ้นเล็กๆ” หลิวเต้าเซียงยังคงพูดดักเขาต่อไป
เ้าสัตว์ปีศาจตัวน้อยผู้น่าสงสาร มันไม่มีทางคิดได้แน่ว่า โฮสต์ของตนที่ดูท่าทางใสซื่อ อันที่จริงนั้นเ้าเล่ห์เหลือเกิน
“ที่ไหนล่ะครับ ในนั้นมีส่วนผสมของอาหารไก่ไม่น้อยนะครับ แต่ว่า หากไข่ของคุณมีจำนวนน้อย คุณจะเอาไก่มาแลกก็ได้ครับ อืม เมล็ดข้าวของทางนี้ถูกกว่าของข้างนอกนะครับ ทางนี้ใช้ไข่สามใบก็แลกข้าวได้ครึ่งกิโลกรัมกล้ว ส่วนรำข้าวล่ะก็ ไข่แค่หนึ่งใบก็แลกได้ครึ่งกิโลกรัมแล้ว”
ในความเป็จริง ศูนย์ศูนย์เจ็ดเองก็หน่ายใจ เมล็ดข้าวกับรำข้าวนั้นเป็ภารกิจที่เบื้องบนกำชับลงมา บอกว่าเปลืองพื้นที่จัดเก็บ ขอร้องให้ทุกคนพยายามถ่ายสิ่งของเหล่านี้ออกไป เพียงแค่เป็ผลผลิตจากสัตว์เลี้ยงก็ล้วนนำมาแลกได้
มันไม่มีทางอื่นนอกจากหลอกล่อหลิวเต้าเซียง ยิ่งได้มากก็ยิ่งดี มันถึงรีบโน้มน้าวให้หลิวเต้าเซียงรับปากกับป้าหลี่ซานเสิ่น
ส่วนทางนี้ ป้าหลี่ซานเสิ่นคิดไม่ถึงว่าหลิวเต้าเซียงจะรับปากง่ายดาย นางเองก็เอ่ยอย่างไม่ค่อยวางใจ “หรือไม่ เ้าลองไปถามแม่เ้าดูก่อน?”
การเลี้ยงไก่ไม่ใช่เื่ง่าย ต้องใช้อาหารเลี้ยงไก่ไม่น้อย และต้องอาศัยไข่ในการแลกเงิน
เดิมทีหลิวเต้าเซียงอยากจะบอกว่าไม่จำเป็ แต่พอคิดดู อย่าทำให้มีช่องโหว่ดีกว่า “ได้ ขอบคุณท่านป้าหลี่มาก ใช่สิ ป้าหลี่ ต่อไปเล้าไก่บ้านท่าน ให้ข้าช่วยทำความสะอาดเถอะ”
“เต้าเซียง ข้าด้วย ข้าจะช่วยเ้าทำความสะอาดเอง” หลี่ชุ่ยฮัวรู้สึกว่าตนเองคลายความกังวลเื่เงินสินเดิมบ้างแล้ว แต่ก็มากังวลเื่การทำความสะอาดเล้าไก่ของหลิวเต้าเซียงต่อ
“ชุ่ยฮัว เ้าจะแย่งถ้วยข้าวข้าไม่ได้นะ แค่แม่เ้าช่วยเหลือข้าก็ซาบซึ้งมากพอแล้ว” หลิวเต้าเซียงรู้ดี การที่ป้าหลี่ซานเสิ่นยอมช่วยก็เพราะเห็นแก่บุตรสาวของตน ไม่อย่างนั้นใครจะยินดีหาเื่ลำบากใส่ตัวเช่นนี้กัน?
อีกอย่าง ลานบ้านของนางใหญ่มาก นางเลี้ยงไก่ของตนเพิ่มเองได้ไม่ใช่หรือ? แต่ก็เห็นแก่ชุ่ยฮัวทั้งนั้น
“แต่ เต้าเซียง เราคือสหายกันไม่ใช่หรือ?” หลี่ชุ่ยฮัวไม่เข้าใจว่าเหตุใดหลิวเต้าเซียงจึงไม่ตกลง ช่วยกันทำความสะอาดเสร็จแล้วก็จะเล่นด้วยกันได้ไม่ใช่หรือ!
หลิวเต้าเซียงคาดเดานิสัยของหลี่ชุ่ยฮัวได้อย่างแม่นยำ จึงปลอบนาง “เ้าดูสิ ตอนที่ข้าทำความสะอาดเล้าไก่ เ้าก็เย็บปักถักร้อยไป เท่านี้หากข้าทำความสะอาดเรียบร้อย เ้าก็ปักได้ไม่น้อยแล้ว เช่นนี้ป้าหลี่ก็จะได้ไม่ต้องบ่นเ้าทุกวัน เราต่างคนต่างทำเื่ของตนเองให้เสร็จ แล้วยังสามารถเล่นด้วยกันได้อีก ไม่อย่างนั้น เ้ามาช่วยข้าทำความสะอาด แล้วข้ายังต้องรอเ้าเย็บปักถักร้อยอีก”
หลี่ชุ่ยฮัวถูกนางทำให้หัวหมุน เหมือนว่านางพูดได้อย่างมีเหตุมีผลยิ่ง “เต้าเซียง ความคิดเช่นนี้มีเพียงเ้าที่คิดได้ ช่างฉลาดล้ำเลิศเสียจริง”
หน้าผากของหลิวเต้าเซียงมีเครื่องหมายจุดจุดจุด นี่มันคิดได้ง่ายดายเหลือเกินต่างหาก!
ป้าหลี่ซานเสิ่นได้ฟังและหัวเราะว่า “ชุ่ยฮัว เต้าเซียงพูดไม่ผิด ข้าคอยสอนทุกสิ่งทุกอย่างให้เ้า เ้าต้องฝึกไว้ให้มาก ไม่อย่างนั้นรอเต้าเซียงหาเงินค่าสินเดิมได้มากมาย ส่วนเ้าคงมีเงินเพียงแค่หยิบมือเดียว”
หลิวเต้าเซียงะโในใจว่า ป้าหลี่ ท่านนี่ช่างให้เกียรติกันเกินไปแล้ว! ท่านรู้ได้อย่างไรว่าต่อไปข้าจะกลายเป็เศรษฐินีที่รุ่งโรจน์?
“ใช่ ชุ่ยฮัว อนาคตเราจะมีเงิน ถึงตอนนั้นค่อยไปเช่าบ้านเล็กๆ ข้างนอกกัน ได้ยินป้ารองข้าบอกว่า ในตำบลเรือนหลังเล็กนั้นต้องจ่ายสองตำลึงเงินต่อหนึ่งปี”
“จริงหรือ? นั่นสามารถซื้อเครื่องประดับได้มากมายเลยไม่ใช่หรือ? แล้วยังซื้อต่าไป๋ถังได้อีกด้วย” เดิมทีหลี่ชุ่ยฮัวก็มีใบหน้ากลมอยู่แล้ว คราวนี้ยิ่งกลมไปใหญ่ ดวงตาทั้งสองกลายเป็รูปพระจันทร์เสี้ยว
-----