บทที่ 106 ฉันชื่อโพ่โฮวหลง
เย่จื่อเฉินเดินแกว่งแขนไปทางมหาวิทยาลัย
พอนึกถึงท่าทางของหลินซีเยว่ ท่าทางแบบนั้นอย่างกับแม่เสือที่โดนก่อกวน
“ยัยบ๊อง พูดไม่เข้าหูก็จะลงไม้ลงมือ”
“แกจะทำอะไร!”
เสียงร้องอ่อนแรงได้ดังขึ้นมาจากซอยเล็กๆ ข้างถนน เย่จื่อเฉินจึงได้เดินไปตามเสียง ถึงได้เห็นว่ามีกลุ่มเด็กอันธพาลล้อมหญิงสาวที่ตัวเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าคนหนึ่งอยู่
“คนสวย ให้พวกพี่ไปส่งบ้านไหม?”
เด็กอันธพาลหัวเขียวกระตุกมุมปากยิ้มร้าย มือเอื้อมไปหาแก้มของหญิงสาว คนอื่นๆ จึงได้ถือโอกาสนี้เข้าไปลวนลาม แม้ว่าหญิงสาวจะออกแรงต่อต้าน แต่ก็ยังโดนอันธพาลกลุ่มนั้นรังแกเอาเปรียบอยู่ดี
“พวกแกหลบไปเลยนะ”
หญิงสาวผลักพวกเขาออกไปสุดแรง อันธพาลกลุ่มนั้นกลั้นยิ้ม พวกเขาไม่ถอยแต่กลับต้อนหญิงสาวให้อยู่ในวงล้อมของพวกเขา
“อย่าทำแบบนี้สิ เมื่อกี้ที่ผับทุกคนยังสนุกกันอยู่เลยไม่ใช่เหรอ จู่ๆ จะมาบอกว่าไม่โอเคแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน?”
ในขณะที่พูด เ้าอันธพาลหัวเขียวก็ยื่นมือเข้าไปคว้าแขนของหญิงสาว
“นายปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
หญิงสาวกรีดร้องก่อนจะสะบัดแขนออก เมื่อครู่นี้ตอนอยู่ในผับพวกเขาสนุกกันก็จริง แต่เธอก็แค่อยากให้พวกเขาซื้อเหล้าให้เท่านั้น
ผู้หญิงที่เที่ยวผับมีใครใช้เงินตัวเองซื้อเหล้ากินบ้าง มีแต่ให้คนอื่นเลี้ยงทั้งนั้นแหละ
แต่ก่อนเวลาเธอเที่ยวก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไร ใครจะไปรู้ว่าครั้งนี้จะเจอกับกลุ่มอันธพาลแบบนี้
“นายถอยไปเลยนะ ถ้ายังไม่ถอยฉันจะร้องให้คนช่วย”
หญิงสาวดวงตาขุ่นเคือง ปากเล็กกระจับเม้มเข้าหากัน คิ้วโก่งขมวดขึ้น ท่าทางโกรธจัดราวกับลูกสิงโต
จู่ๆ อันธพาลกลุ่มนั้นก็หัวเราะขึ้นมา เ้าคนหัวเขียวยิ้มด้วยใบหน้านึกสนุก
“เธอร้องสิ ต่อให้เธอร้องหาโพว่โฮวหลงก็ไม่มีใครมาช่วยเธอหรอก”
“เอ่อ…” เ้าอันธพาลหัวเขียวยังพูดไม่ทันจบ เย่จื่อเฉินก็ยกมือขึ้นพร้อมกับพูดด้วยใบหน้าเยาะเย้ย “อย่างฉันนี่เรียกว่าโพว่โฮวหลงได้ไหม?”
เมื่อเห็นเย่จื่อเฉินที่เดินออกมาจากมุมมืด ดวงตาคู่สวยของหญิงสาวที่เมาอยู่ก็เป็ประกายขึ้นทันที
“ช่วยฉันด้วย แจ้งตำรวจที!”
หญิงสาวโบกมือสุดแรง อันธพาลหลายคนในกลุ่มนั้น พอเห็นว่ามีคนจะมาทำให้พวกเขาเสียเื่ ก็พากันกระจายตัวเดินเข้ามาล้อมเย่จื่อเฉินไว้
“เ้าหนู ถือโอกาสตอนที่ฉันยังอารมณ์ดีอยู่รีบไสหัวไปซะ ไม่งั้น…”
ชิ้ง!
มีดพกเล่มเล็กแวววาวปรากฏขึ้นในมือของเ้าอันธพาลหัวเขียว ในขณะเดียวกันอีกสองสามคนที่รายล้อมอยู่ก็ได้ล้วงเอามีดพกออกมา
“นายไม่รู้จักฉันเหรอ?”
เย่จื่อเฉินชี้จมูกของตัวเอง
“แกเป็ใครวะ ทำไมฉันถึงต้องรู้จักแก”
ถอนหายใจออกมาเบาๆ ่นี้กลุ่มอันธพาลที่เย่จื่อเฉินเจอต่างรู้จักเขาทั้งนั้น เลยคิดว่าเขาจะมีชื่อเสียงขึ้นมาในวงการนี้เสียอีก
ดูท่าว่าชื่อเสียงของเขามันจะยังดังไม่พอสินะ
“ได้ นายไม่รู้จักฉันก็ไม่เป็ไร ฉันจะให้นายได้รู้จักฉันหน่อยก็แล้วกัน”
สิ้นเสียง เย่จื่อเฉินก็ยกมือขึ้นคว้าแขนของเ้าอันธพาลหัวเขียวไว้ ก่อนจะพลิกตัวตวัดขาถีบเ้าพวกอันธพาลสองสามคนที่ล้อมอยู่จนล้มลงไปกองกับพื้น
พวกอันธพาลที่เหลืออยู่ พอเห็นอย่างนั้นก็พุ่งเข้าไป แต่การเผชิญหน้ากับเย่จื่อเฉินนั้นพวกเขาไม่ใช่ศัตรูที่คู่ควรสักนิด
เย่จื่อเฉินจัดการกับอันธพาลที่เหลืออยู่ภายในเวลาแค่แป๊บเดียว เย่จื่อเฉินปัดมือแล้วจึงหันไปยิ้มให้กับเ้าอันธพาลหัวเขียว
“เย่จื่อเฉิน ครั้งนี้รู้จักหรือยัง”
“แม่เ้า ฉันฝากไว้ก่อนเถอะ ไป!”
เ้าอันธพาลหัวเขียวพาลูกน้องรอบตัววิ่งล้มลุกคลุกคลานหนีไป หลังจากนั้นเย่จื่อเฉินถึงได้หันกลับมา เพื่อจะบอกหญิงสาวคนนั้นว่าปลอดภัยแล้ว
แต่พอเขาหันมา กลับพบว่าหญิงสาวได้หายไปแล้ว
“โห ไร้น้ำใจชะมัด”
เย่จื่อเฉินส่ายหน้าหัวเราะ ตัวเองมาช่วยสาวงามแท้ๆ แต่สุดท้ายสาวงามกลับหนีไปเสียอย่างนั้น
ที่หมดคำจะพูดที่สุดคือ เขายังเห็นไม่ชัดเลยว่าหญิงสาวหน้าตาเป็ยังไง
ถนนคนเดินโบราณเมืองปิงเฉิงเขตตะวันออก
แก๊ก
เสียงเปิดประตูที่ทำให้รู้สึกเสียวฟันดังขึ้น จากนั้นเด็กสาวที่สีหน้าอิดโรยคนหนึ่งก็ได้เดินเข้ามา
“กลับมาแล้วค่า”
“อือ”
ผู้ชายที่อยู่ในบ้านตอบรับโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง เอาแต่ง่วนอยู่กับภาพวาดในมือ
“แต่ละวันพ่อเอาแต่ง่วนอยู่กับภาพวาดเก่าๆ นั่น กับหนูไม่เห็นพ่อจะทุ่มเทขนาดนี้เลย”
เด็กสาวหยิบน้ำอัดลมขวดหนึ่งออกมาจากตู้เย็น แล้วหันไปเบ้ปากใส่ผู้ชายคนนั้น
“แกจะไปรู้อะไร นี่มันภาพอักษรโบราณของปาต้าซานเหรินเลยนะ”
“อ๋อ ภาพวาดเก่าๆ ที่พ่อซื้อมาในราคาห้าล้านน่ะเหรอ เหอะ!”
ผู้ชายคนนั้นขมวดคิ้ว ขยับจมูกเล็กน้อย
“นี่แกกินเหล้าเมามาอีกแล้วเหรอ ฉันบอกแกตั้งกี่ครั้งแล้วว่าดึกขนาดนี้อย่าออกไปกินเหล้าข้างนอก ถ้าเกิดเื่อะไรขึ้นมาจะทำยังไง แกช่วยอย่าทำให้ฉันเป็ห่วงได้ไหม”
“ค่าค่า!”
เด็กสาวพยักหน้าที่อิดโรย ก่อนจะบิดี้เีอย่างเหนื่อยล้า แล้วพูดขึ้น
“ง่วงจะตายอยู่แล้ว ไปนอนก่อนนะ”
“แกกลับมาเลยนะ ฉันยังพูดไม่จบ” ผู้ชายคนนั้นหันหลังจะตามไป เด็กสาวเบะปากแล้วชี้ไปยังภาพวาด ก่อนจะพูดกลั้วหัวเราะ “อย่าตามหนูมานะ ไม่งั้นถ้ารูปนั่นหายอย่ามาโทษหนูแล้วกัน”
ผู้ชายคนนั้นนิ่งไปทันที เด็กสาวจึงถือโอกาสนี้ปิดประตูแล้วล็อกทันที
พอถึงวันจันทร์ ก็เป็วันที่ต้องไล่เส้นให้หวงอี้อีกครั้ง
“จื่อเฉิน กินผลไม้”
หวงเซิงเหม่ยยกจานผลไม้มาให้เย่จื่อเฉินด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน จากสายตาของเธอก็สามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่ลึกซึ้งที่เธอมีให้เขา
เย่จื่อเฉินพยักหน้าพร้อมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะมีเสียงสบถด่าดังมาจากห้องนอนของหวงอี้
“ปัญญาอ่อน”
“เขาทำอะไรอยู่ในห้องเหรอ?” เย่จื่อเฉินบุ้ยปากไปทางห้องนอนของหวงอี้ หวงเซิงเหม่ยยิ้มละมุนก่อนจะตอบ “เล่นเกมลีกออฟเลเจ็นดส์อะไรสักอย่างอยู่น่ะ”
“อ๋อ”
เย่จื่อเฉินเลิกคิ้ว ก่อนจะเดินไปยังห้องของหวงอี้
ตอนนี้หวงอี้กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ มีหูฟังครอบไว้บนหัว พร้อมกับจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เขม็ง สองมือควบคุมแป้นคีย์บอร์ดกับเมาส์อย่างบ้าคลั่ง
เย่จื่อเฉินยืนอยู่ข้างหลังเขาเงียบๆ มองเขาเล่นอยู่…
“แพ้แล้ว!”
หน้าจอคอมมืดสนิท หวงอี้ถอดหูฟังออกแล้วเหวี่ยงไปข้างหลัง
“มันพลิกเกมได้นะ”
เย่จื่อเฉินหัวเราะขึ้นเบาๆ จากข้างหลัง หวงอี้ถึงได้ยิ้มดีใจ
“พี่จื่อเฉิน พี่มาได้ยังไงครับ มาดูขาให้ผมใช่ไหม งั้นก็มาเริ่มกันเลย”
เมื่อเชื่อมั่นมากพอแล้วว่าจะต้องลุกขึ้นได้ หวงอี้ก็กลายเป็คนสดใสขึ้นมาก โดยเฉพาะ่นี้เวลาที่หวงเซิงเหม่ยใช้น้ำร้อนประคบขาให้เขา เขาจะรู้สึกเสียวแปลบปลาบขึ้นมาที่ขาอยู่บ้าง
ตอนนี้เขาตั้งหน้าตั้งตารอคอยการรักษาของเย่จื่อเฉินมาก เขาเชื่อมั่นว่าเพียงแค่เขาให้ความร่วมมือกับการรักษา มันจะต้องมีสักวันที่เขาลุกขึ้นยืนได้แน่ๆ
“แล้วนายไม่เล่นเกมนี้แล้วเหรอ?”
“เล่นอะไรเล่า เลนล่างมันะเิไปแล้ว”
“มันพลิกเกมได้”
เย่จื่อเฉินหัวเราะเบาๆ แล้วดันเขาไปด้านข้างเล็กน้อย
เย่จื่อเฉินเข้าควบคุมตัวแวมไพร์ที่หวงอี้เล่น ก่อนจะนำทีมเข้าเผชิญหน้าศัตรูอีกครั้ง
ะเิให้ราบคาบไปเลย
พุ่งเข้าไปหาฝ่ายตรงข้ามด้วยลูกไฟทันที
เนื่องจากเวลาที่เข้าเล่นเกมได้กินเวลามานานถึงสี่สิบนาที เวลาในการฟื้นคืนชีพจึงค่อนข้างนาน เย่จื่อเฉินกัดฟันะเิฐานของฝ่ายตรงข้ามจนราบเป็หน้ากลอง
“พี่จื่อเฉิน สุดยอดเลย นี่ผมเป็าาเลยนะ”
หวงอี้ทำหน้าตาตกตะลึง เย่จื่อเฉินถึงได้อึ้งไป แล้วจึงเอ่ยถาม
“นายบอกว่านายเป็าาเหรอ?”
“ใช่ครับ าาที่แข็งแกร่งที่สุดในโซนเลย”
เย่จื่อเฉินหรี่ตาลง หลังจากมองลึกลงไปถึงชัยชนะของหวงอี้ จึงหันไปยิ้มให้
“สนใจเล่นเป็อาชีพไหม?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้