“ฉึก!!” ลูกธนูปักเข้าตรงคอของสุนัขตัวใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างหน้าสุด มันล้มลงมีเสียงครางรอดออกมาและแน่นิ่งไป
หมาป่าที่เหลือแทนที่มันจะถอยหนี และเดินจากไป มันกลับขู่กรรโชกหนักขึ้นกว่าเดิมบางตัวก้าวเดินหน้าเข้ามา แต่ติดที่กองไฟ
ซิงเยียนมองจากข้างบน ตัวไหนเดินหรือก้าวเท้ามาเยอะกว่าตัวอื่นนางก็ยิงทันที
“ ถ้ายังไม่ถอยข้าจะยิงแล้วนะ ถ้ายืนจ้องกันแบบนี้ทั้งคืนก็คงจะไม่มีใครได้นอน”
“ฉึก” ลูกธนูเสียบปักทะลุคอ หมาป่าตัวที่สองไปนอนแน่นิ่งกับพื้น ตัวที่เหลือเริ่มก้าวเท้าถอยหลัง
กลิ่นคาวเืหมาป่า ลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศ“ ไม่ดีล่ะพี่ชายทั้งหลายทำยังไงถึงจะกลบกลิ่นคาวเืของหมาป่าได้ดูเหมือนทุ่งหญ้านี้จะมี สัตว์หลายจำพวกอาศัยอยู่”
“ ช่วยกันนำขี้เถ้า มากลบกลิ่นคาวเืก่อน”มู่เฉินบอกกับอีกสามหนุ่มพร้อมเขี่ยขี้เถ้าที่ยังร้อนอยู่ ออกมาจากกองไฟมากลบเื ของหมาป่าทั้งสองตัว
หมาป่าถอยไป ไม่สัตว์อะไรมารบกวนอีกพวกเขาทั้งห้าคนถึงได้นอนหลับกัน
พอรุ่งสางก็พากันรีบเดินทางเพราะต้องออกจากทุ่งหญ้ากว้างนี้ให้ไวที่สุด โดยไม่หยุดแวะพักที่ไหน จนบ่ายคล้อยเริ่มรู้สึกหิวถึงได้แวะพักกินอาหารกัน
“ หลังจากกินอาหารเสร็จเดินไปอีกสองชั่วยามพวกเราน่าจะออกจากทุ่งหญ้าแห่งนี้ได้แล้ว”มู่เฉินพูดขึ้นหลังจาก ดื่มน้ำเสร็จ
“ เฮ้ย! พวกเราดูนั่นต้นหญ้าล้มมาเป็ทางด้วยความไว มีสัตว์บุกเข้ามาเป็แน่รีบเก็บของเตรียมตัว”มู่เฉินร้องเตือนทุกคน
“ ข้า้าขึ้นไปยืนอยู่บนหลังม้าเพื่อจะได้เห็นว่าคือตัวอะไรที่มา”ซิงเยียนรีบปีนขึ้นหลังม้าทันที แล้วค่อยๆ พยุงตัวยืนขึ้นโดยมีเฉิงกวงจับเชือกตรงคอม้าไว้
“ งูตัวยาวใหญ่สีดำเมี่ยมสองตัวกำลังเลื้อยมาทางนี้ พี่ชายจับม้าให้แน่นข้าจะยิงสกัดมันไว้ก่อน ตัวใหญ่ขนาดนี้ธนูคงทำให้มันแค่ได้รับาเ็เท่านั้น พวกท่านเตรียมดาบไว้เลย”
ซิงเยียนยืนบนหลังม้า น้าวสายธนูเล็งเป้าไปยังงูตัวที่ เลื้อยนำหน้ามา“ ถ้าครั้งเดียวได้รับาเ็ก็ต้องยิงหลายครั้ง”
“งูตัวใหญ่เท่าท่อนไม้ ถ้าสู้ไม่ได้พวกเราต้องลงไปอยู่ในท้องมันอย่างแน่นอน”ซิงปล่อยลูกธนูออกไป
“ฉึก” ลูกธนูวิ่งไปปักต้องหลังของงูใหญ่ทันทีมันหยุดและบิดตัวไปมาก่อนที่จะเลื้อยเข้ามาหา ชายหนุ่มทั้งสี่ที่ยืนถือดาบรออยู่ พอเห็นงูตัวใหญ่ทำให้พวกเขาถึงกับขาสั่น
“ เ้าม้าเ้ายืนนิ่งๆข้าขอยิงงูใหญ่ตัวนี้ก่อนไม่ อย่างงั้นพวกเราจะแย่กลายเป็อาหารมันอย่างแน่นอนรวมถึงเ้าด้วย”ซิงเยียนไม่รู้ว่ามันจะเข้าใจหรือไม่ นางพูดและตบต้นคอมันเบาๆ ทรงตัวลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
“ฉึก!ฉึก!ฉึกกก!!”
ซิงเยียนปล่อยลูกธนูออกไปติดๆกันถึงหกดอก ถึงแม้งูใหญ่จะไม่ตายแต่ก็ได้รับาเ็
“ วันหลังต้องหาสมุนไพรที่เป็พิษมาทาหัวธนูไว้แล้ว จะได้สังหารพวกมันได้ง่ายขึ้น”ซิงเยียนยังยืนอยู่บนหลังม้าแต่ชายหนุ่มทั้งสี่เริ่มต่อสู้กับงูทีหลังของมันเต็มไปด้วยลูกธนูที่ปักอยู่
ถึงแม้งูจะาเ็จากลูกธนูแต่มันก็ยิ่งมีแรงต่อสู้กับทั้งสี่คน ที่แบ่งกลุ่มกันสองคนต่องูหนึ่งตัว ซิงยืนอยู่บนหลังม้า เล็งลูกธนูไปที่หัวงู ที่มันไม่ยอมอยู่นิ่งนางต้องมองให้แน่ใจว่าลูกธนูจะไม่แฉลบออกไปโดนชายหนุ่มทั้งสี่
ทั้งสี่ต่อสู้กับงูประมาณหนึ่งก้านธูปก็สยบงูทั้งสองตัวได้ ต่างได้รับาเ็แต่ไม่มากดีที่เป็งูใหญ่ ไม่ใช่งูพิษร้ายแรง
“ เหนื่อยอะไรอย่างนี้แขนขามือล้าไปหมดทำไมงูแถวนี้มันถึงได้ตัวใหญ่ ขนาดนี้”หวังเหว่ยนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง ข้างกายมีร่างงูที่ตายแล้ว
“ พี่ชายช่วยข้าดึงลูกธนูออกจากหลังงู พวกเราต้องรีบไปจากตรงนี้ เืงูเยอะขนาดนี้ เดี๋ยวพวกสัตว์ที่กลิ่นคาวเืจะต้องพากันมาที่นี่เป็แน่”ซิงเยียนรีบปีนลงจากหลังม้าเก็บลูกธนู และจูงม้าให้รีบเดินทางต่อ
หลังจากเดินแบบไม่พัก พอถึง่เย็นก็ออกจากทุ่งหญ้ามาได้ “ ที่นี่เป็ป่าต้นไม้ใหญ่ น่าจะมีสมุนไพรต้องมองหาสมุนไพรพิษเอาไว้มาทาหัวลูกธนู พี่ชายช่วยข้ามองหาด้วย”
“ตุก ตุก ตุก กุ๊ก!”
“ เสียงไก่ป่าอยู่ด้านหน้า พวกเราจะจับเป็อาหารหรือไม่”มู่เฉินหันมาถาม เพื่อนร่วมทาง
“ อย่าดีกว่าพี่ชายเสบียงที่เรามียังเหลืออีกเยอะ พวกเราจะได้ไม่เสียเวลาต้องรีบหาที่พักก่อนที่จะมืดเสียก่อน”
แต่พวกเขาคิดผิด เพราะไก่สองตัวที่โผล่ออกมาตัวมันใหญ่มากไม่แน่ใจว่าใครเป็อาหารใคร
“ เฮ้ย!! นั่นมันไก่หรือพ่อแม่นกกระจอกเทศ ดูท่าทางมันดุร้ายขนาดนั้นพี่ชายทั้งหลายเตรียมตัวด้วย”ไก่ทั้งสองตัวเดินตรงเข้ามาพวกเขา
“ตาที่กลมใหญ่ ปากที่แหลมคมไหนจะเล็บเท้าอีก ถ้าฆ่าตัวหนึ่งคงกินได้ครึ่งหมู่บ้าน”ซิงเยียน เตรียมธนูพร้อมยิงอีกครั้งหนึ่ง ชายหนุ่มทั้งสี่ต่อสู้กับงูมาไม่กี่ชั่วยามยังมาเจอไก่อีก
“ สมุนไพรพิษข้าก็ยังหาไม่ทันเจอ พวกเ้าก็พากันมาแล้ว”ซิงเยียนแอบอยู่ข้างต้นไม้เล็งลูกธนูไปที่คอไก่
“ฉึก! อ๊อคค!” ลูกธนูปักโดนคอของไก่ ที่ใหญ่กว่าขานางเสียอีก
ไก่อีกหนึ่งตัวรีบวิ่งหนีไปทันที เมื่อเห็นเพื่อนมันโดนยิง ไปชักดิ้นอยู่บนพื้นดิน แต่หนีไม่พ้นดูเหมือนมันจะเจอเข้ากับชาวบ้านกลุ่มที่มาล่าสัตว์พอดี
พวกเขาเป็ชาวบ้านที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก ไก่สองตัวนี้ไปสร้างความเสียหายให้กับพวกเขา แถมยังจิกกัดทำร้ายชาวบ้าน มีหลายคนได้รับาเ็
“ พวกเ้าเก่งมากนะที่สังหารไก่ไปตัวหนึ่ง พวกข้ากำลังคิดอยู่ว่าถ้าสู้พร้อมกันสองตัวไม่แน่ว่าจะเอาชนะมันได้หรือไม่”
“ ใช่แล้วมันเป็ไก่ที่ดุ มันเป็ไก่อสูรธรรมดาน่าจะอยู่ขั้นหนึ่งเท่านั้น”
“ ห้ะ!!ไก่อสูร!” ทั้งห้าคนร้องออกมาพร้อมกันด้วยความใ
“ ใช่แล้วพวกเ้าเป็กลุ่มเดินทางที่จะไปหุบเขาหมื่นเมฆาใช่หรือไม่ จากป่านี้ไปจะเริ่มมีสัตว์อสูรให้พวกเ้าเห็น ต้องระวังตัวกันให้ดีส่วนไก่ที่พวกเ้าสังหารได้ เนื้อของมันจะมีประโยชน์ต่อพวกเ้า”
“ ที่นี่ไกลจากหมู่บ้านที่พวกท่านอาศัยอยู่ไหมแล้วชื่อเมืองอะไร”ซิงเยียนตามขึ้น
“ พวกเราอยู่ห่างจากที่นี่ไปประมาณสิบลี้ ชื่อเมืองต้าลี่ถังพวกเราอยู่แค่ชายแดนเท่านั้น ไก่สองตัวนี้ไปทำร้ายชาวบ้านทำให้พวกเราเลยรวมตัวกัน ออกมาตามล่ามัน”
“ พวกท่านพอรู้ไหมเ้าคะว่าออกจากเมืองนี้ไปอีกไกลไหม กว่าจะถึงหุบเขาหมื่นเมฆา”
“ น่าจะไกลมากแม่หนูเพราะไม่มีใครไปถึง คนส่วนใหญ่ที่เดินทางมาจากเมืองอื่น รอดชีวิตมาได้ก็จะไปอยู่อาศัยที่เมือง ต้าลี่ถังไม่น้อย”
“ แล้วพวกท่านเจอสัตว์อสูรที่ว่าเยอะมั้ยเ้าคะเป็สัตว์ประเภทไหน”
“ สัตว์อสูรที่อยู่รอบนอกเป็สัตว์อสูรธรรมดาเพียงแต่มันตัวใหญ่และนิสัยดุร้ายเท่านั้นส่วนมากจะเป็ไก่งูหมูป่าที่ชาวบ้านเจอกัน สวนสัตว์ที่มีระดับสูงกว่านี้มันน่าจะอยู่ในป่าใหญ่ทางที่จะไปหุบเขาหมื่นเมฆา”
“ พวกเ้ายังเด็กทั้งนั้นเลย ทางอันตรายและลำบากยังไงพวกเ้าก็แวะ อยู่ที่เมืองต้าลี่ถังได้ ที่นี่เป็เมืองใหญ่ไม่แน่พวกเ้าอาจจะเจอคนในเมืองของพวกเ้า ที่ออกเดินทางมาก่อนอาศัยอยู่ที่นี่ก็ได้”
“ ขอบคุณมากเ้าค่ะแล้วพวกเราจะลองคิดดู อาจจะไปอยู่อาศัยชั่วคราวก็ได้”
“ ถ้าพวกเ้าไปก็ให้มุ่งหน้าไปทางทิศเหนือประมาณสิบลี้ก็จะถึงหมู่บ้านแล้ว พวกข้าจะกลับก่อนแล้ว เดี๋ยวจะมืดค่ำเสียก่อน” กลุ่มชาวบ้านแปดคนช่วยกันหามไก่ กลับหมู่บ้านทันที
“แล้วไก่ตัวนี้ล่ะ เราต้องหาลำธารที่อยู่ใกล้แถวนี้ แล้วชำแหละไก่ย่างกิน ดูว่าพวกเราจะแข็งแรงขึ้นไหม”มู่เฉินพูดแล้วก็ช่วยเฉิงกวง ยกไก่ตัวใหญ่ขึ้นบนหลังม้า
“พี่ชายมาทางนี้มีลำธารและมีถ้ำให้พวกเราได้พักด้วย”ซิงเยียนะโเรียกชายหนุ่มทั้งสี่ ด้วยความดีใจเมื่อนางเจอทั้งลำธารและถ้ำ
เย็นนั้นทั้งห้าคนนั่งกินไก่ย่างอยู่ในถ้ำที่หอมตลกอบอวลไปด้วยกลิ่นไก่ย่าง“ ไก่มันตัวใหญ่แต่เนื้อกับเหนียวนุ่มอร่อยจนลืมเนื้อหมูแห้งที่เราพกมาเลย เนื้อไก่ที่เหลือต้องหมักเครื่องปรุงหากระบอกไม้ไผ่ใส่ แล้วเอาห้อยไว้บนหลังม้า”หวังเหว่ยพี่ไม่ค่อยพูดแต่ถ้าเป็เื่กินขอให้บอก
“ ถ้ามีถ้ำแบบนี้อยู่ตลอดทางก็คงจะดี จะได้ระแวงแต่ข้างหน้าทางเข้าที่เดียว ไม่ต้องระแวงรอบตัว”ิเจือพูดขึ้นเขาเบื่อที่จะต้องนอนระแวงทั้งคืนแม้จะมีคนอยู่เฝ้าเวรยามก็ตาม
รุ่งเช้าก่อนออกเดินทาง ทั้งห้าคนผลัดกันไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าซักชุดแล้วพาดไว้บนหลังม้า ก่อนจะออกเดินทางต่อ
“ พวกท่านดูนั่นสิไม่ใช่สมุนไพรที่ช่วยทำให้ผู้คนหลับใหลถ้าแอบโยนมันลงในกองไฟรึ ข้าว่าต้องใช้แน่แต่เพื่อความแน่ชัดถูกต้องขอเทียบกับหนังสือซื้อก่อน”
“ ใช่จริงด้วย ข้าขอเก็บไว้ก่อนเดี๋ยวเอาไว้ป้องกันตัว” ซิงเยียนเข้าไปเก็บโดยมีิเจือไปช่วยเก็บ
เดินทางมาจนถึงเย็น แต่เหมือนจะเดินทางได้ช้าเพราะป่าที่รกเต็มไปด้วยหญ้าและสมุนไพร มีแต่ซิงเยียนเท่านั้นที่ค่อยเดินเก็บสมุนไพร
“ว้ากกก แว้กกก!”
“ นก!พวกเราหาที่หลบก่อนเร็วเข้า นกตัวใหญ่มากพอๆกับไก่เลย” ทั้งห้าคนวิ่งหลบนกกันจ้าละวัน มันบินวนอยู่บนเหนือกิ่งไม้ต้นใหญ่ ตัวของมันสีเทาดวงตากลมโตจะงอยปากแหลมและอุ้งเท้าที่มีกรงเล็บคมยื่นออกมา
ซิงเยียนเอาธนู ออกมาเตรียมยิงเพราะสายตาของนกอยู่ที่นางที่ตัวเล็กกว่าเพื่อน
นกตัวใหญ่บินโฉบลงมาที่ซิงเยียน ลูกธนูถูกปล่อยออกไป ตรงคอของมันแต่กรงเล็บของนกั์ ก็เกี่ยวเข้ากับแขนข้างซ้ายของซิงเยียนจนเืไหล กรงเล็บของมันเตรียมจะขยุ้มที่หัวไหล่ของนาง มู่เฉินและเฉิงกวงใช้ดาบเข้าไปต่อสู้
ซิงเยียนถึงจะมี เือาบที่แขนก็ตามนางเก็บความเ็ปไว้ ดึงสายธนูด้วยมือที่เต็มไปด้วยเื ลูกธนูถูกยิงเข้าใส่นกั์ที่ตรงคอของมันอีกครั้งหนึ่ง
“แอ๊คค!”นกั์ สะบัดตัวปีกที่กลางใหญ่ของมันโดนชายหนุ่มทั้งสี่ กระเด็นไปคนละทิศและทางก่อนที่มันจะบินขึ้นสูงและหนีไป
“ ขนาดมีธนูสองดอกติดอยู่มันยังบินหนีไปได้ ตัวใหญ่ไม่พอยังทนทานอีกด้วย”ซิงเยียนรีบเอายาที่ลุงซางให้มา ทั้งกินและทำแผล
ซิงเยียนต้องฉีกชายกระโปรงด้านในมามัดตรงแผลที่โรยผงยาห้ามเืเรียบร้อยแล้ว และทำความสะอาดรอบแผลที่ไม่ได้ลึกมาก
“ซิงเยียนเ้าเป็อย่างไรบ้าง เจ็บมากไหมเือาบเต็มเลย นกั์นี่มันน่าตายเสียจริง สัตว์ป่าก็มีดันมาโจมตีมนุษย์”มู่เฉินถามด้วยความเป็ห่วง
ชายหนุ่มทั้งสี่ก็สะบักสะบอมไม่แพ้กันคนที่เจ็บน้อยที่สุดคือิเจือ ที่มีแค่รอยถลอกเท่านั้น
“ ข้าไม่เป็อะไรเยอะหรอกพวกเราหาที่พักกันเถอะ ใกล้มืดแล้วป่าแถวนี้น่ากลัวต้องช่วยกันมองหาถ้ำ”
ทั้งห้าคนเดินมาจนใกล้จะมืดเจอเข้ากับถ้ำขนาดเล็กแห่งหนึ่ง แต่ก็พออาศัยหลับนอนได้ จึงเข้าจุดไฟอยู่หน้าปากถ้ำ ย่างไก่กินกัน
