เมืองชาง ค่ายทหารของเกาเซียนจือ
กำลังพลจำนวนมาก รวมตัวกันที่สนามใหญ่ ซึ่งขณะนี้ มีทหารซ่งหลายสิบคน ถูกมัดให้คุกเข่าบนสนามกว้าง
ทหารทุกคนต่างมองไปยังทิศใต้ ที่ซึ่งท่านแม่ทัพเกาเซียนจือยืนอยู่ ด้านข้างมีองค์รัชทายาทช่วยหนุน
“ปล่อยข้า ข้าอยากกลับบ้าน ให้ข้ากลับไป!”
“ข้ามาแนวหน้าเพื่อสู้รบ โดยไม่เสียดายชีวิต แต่เ้าหน้าที่สุนัข กลับสังหารคนในบ้านข้า ในตอนที่ข้าจากมา ให้ข้าไป ข้าจะกลับไปแก้แค้น!”
“ครอบครัวข้าทั้งหมดตายไปแล้ว ถูกไฟเผาไปสิ้น! ข้าอยากไปหาท่านพ่อ ท่านแม่ รีบปล่อยข้า!”
กลุ่มทหารซ่งซึ่งถูกมัดไว้ มองเกาเซียนจือ และองค์รัชทายาทซ่งด้วยดวงตาแดงก่ำ พร้ะโกนเสียงดัง
เกาเซียนจือมองกลุ่มทหารที่ถูกมัดตรงหน้าอย่างโศกเศร้า ส่วนองค์รัชทายาทก็มองดูแม่ทัพเกา
“หลินชง เ้าสอบปากคำพวกเขาหรือยัง?” เกาเซียนจือถามอย่างจริงจัง
หลินชงพยักหน้า กล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ เราจับทหารหนีทัพไว้หมด และได้ทำการสอบปากคำพวกเขาแล้วขอรับ เป็พ่อค้ากลุ่มหนึ่งที่มาก่อนหน้านี้ ที่นำข่าวร้ายมาแจ้ง มีขุนนางบางส่วนทำร้ายคนในบ้านของเหล่าทหาร ญาติของพวกเขาบางคนหลบหนีออกมาได้ จึงส่งจดหมายแจ้งเหตุ เมื่อรู้ว่าคนในครอบครัวถูกทำร้าย เหล่าทหารจึงคิดหนีทัพขอรับ”
“จำนวนกี่คน?” เกาเซียนจือถาม น้ำเสียงเคร่ง
“มีสามสิบครอบครัวที่ประสบเหตุร้ายขอรับ!” ใบหน้าของหลินชงยุ่งยากใจ
“แผนการของกู่ไห่เริ่มต้นแล้ว! คิดจะทำลายขวัญกองทัพข้า! หึ!” เกาเซียนจือแค่นเสียงเย็น
“แผนของกู่ไห่?” สีหน้าองค์รัชทายาทเครียดขึ้นมาทันใด
"เกิดอะไรขึ้น? ข่าวเหล่านี้แพร่กระจายไปทั่วค่ายทหารได้อย่างไร?” เกาเซียนจือถามด้วยเสียงเย็นะเื
“ญาติของทหาร ฝากข่าวมาทางกลุ่มพ่อค้า หรือไม่ก็หมู่คนรับใช้ของพ่อค้าที่เข้ามาในเมือง พวกเขาติดต่อกับทหารอย่างเงียบๆ และนำข่าวร้ายมาแจ้ง นั่นคือสาเหตุที่ทหารเหล่านี้คิดหนีทัพขอรับ!” หลินชงอธิบาย
“กลุ่มพ่อค้าหรือ? หึ! คนรวยมักใจคอโหดร้าย สมควรตายนัก! บังอาจมาทำลายขวัญกำลังใจทหารของข้าเช่นนี้!” องค์รัชทายาทกล่าวด้วยความโกรธ
“องค์รัชทายาทโปรดระงับโทสะ!” เกาเซียนจือส่ายหน้าช้าๆ
"แล้วอย่างไร? ท่านแม่ทัพ ยังจะปกป้องเ้าพวกพ่อค้านั่นอีกหรือ?” องค์รัชทายาทกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
เกาเซียนจือยิ้มบางๆ อย่างขมขื่น และกล่าวว่า “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท พระองค์ทรงทอดพระเนตรท่าทางของเหล่าทหารดูสิพ่ะย่ะค่ะ แผนการของกู่ไห่เริ่มขึ้นแล้ว มิอาจหยุดยั้งได้!”
"หืม?" องค์รัชทายาททอดสายตามองทหารด้วยความงุนงง
ดวงตาของผู้ที่ถูกจับแดงก่ำ แต่เหล่าทหารโดยรอบ ตอนนี้กลับมองสนามกว้างอย่างเคร่งขรึม สายตาที่มองทหารหนีทัพกลุ่มนี้ ไม่ได้มีแววรังเกียจใดๆ กลับมีแต่สีหน้าเห็นใจ
หากเ้าพวกนั้นขี้ขลาดตาขาว ทหารทุกคนย่อมต้องดูถูกพวกเขาแน่ แต่อย่างไรก็ตามคนพวกนั้นขี้ขลาดตาขาวเช่นนั้นหรือ? เหตุผลที่คนเ่าั้และพวกเขา มาอยู่แนวหน้า ก็เหมือนกันมิใช่หรือ? เพื่อให้ครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้น
ตอนนี้พวกเราเสี่ยงชีวิตและต่อสู้เพื่อแคว้นซ่ง ส่วนขุนนางสุนัขพวกนั้นไม่เพียงเสพสุขอยู่ด้านหลัง ยังทำร้ายพ่อแม่ สังหารเมียและลูกๆ ของพวกเราอีก ไม่ว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นกับผู้ใด จะห้ามใจไม่ให้โกรธได้หรือ?
หนีทัพ? หนีทัพมารดาเ้าสิ! การกระทำครั้งนี้เป็เื่ชอบธรรม หากมันเกิดขึ้นกับข้า ข้าก็จะทำเช่นเดียวกัน!
อีกทั้งทหารที่ถูกมัดเหล่านี้ ล้วนเป็พี่น้องที่ร่วมเป็ร่วมตายกันมา ต่อให้าเ็หรือพิการ พวกเขาก็มิได้กลัวเกรง แต่ขุนนางสุนัขที่อยู่ด้านหลังพวกนั้น ช่างสารเลวนัก! บุญคุณพ่อแม่ยังไม่มีโอกาสทดแทน ลูกเมียยังมิได้เลี้ยงดูให้มีชีวิตที่ดี กลับถูกขุนนางสุนัขสังหาร?
เื่นี้ท่านแม่ทัพจะจัดการอย่างไร?
พ่อแม่ลูกเมียของพวกเรา จะประสบเคราะห์เช่นเดียวกันหรือไม่?
หากปกป้องคนในบ้านไม่ได้ แล้วเหตุใดต้องไปต่อสู้เพื่อแผ่นดิน?
พ่อค้ากลุ่มนั้นมีความผิดหรือ? อย่างน้อยพวกเขาก็นำข่าวจากทางบ้านของเรามาแจ้ง
ทหารทุกคนจ้องเกาเซียนจือ และองค์รัชทายาทเขม็ง รอให้ทั้งสองตัดสิน มิใช่เพื่อทหารหนีทัพเหล่านี้เท่านั้น ยังเพื่อคลายความวิตกกังวลในใจตัวเองด้วย
องค์รัชทายาทมองท่าทางของเหล่าทหาร พลัน สีหน้าก็เคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆ
“องค์รัชทายาท พระองค์ทรงเห็นหรือยังพ่ะย่ะค่ะ? นี่เป็เพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น หากพระองค์สังหารพ่อค้า และผู้ส่งข่าวเ่าั้ เพื่อปิดกั้นมิให้ส่งข่าวคราวเข้ามา นั่นยังมิใช่เป็การร่วมมือกับขุนนางสุนัขทำชั่วหรอกหรือ? พวกเขากำลังต่อสู้เพื่อพระองค์ แต่พระองค์กลับไปปกป้องขุนนางชั่ว ซึ่งทำร้ายคนในบ้านพวกเขา เช่นนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?” เกาเซียนจือยกยิ้มเ็า
รัชทายาทซ่งใผวา
“นี่!... นี่เป็แผนการของกู่ไห่อย่างนั้นหรือ? เขา้าให้ค่ายของเราเกิดความวุ่นวาย และเกิดฏในกองทัพหรือ?” ใบหน้ารัชทายาทเปลี่ยนเป็ย่ำแย่
“ย่อมต้องเป็เขา ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีเื่เช่นนี้มาก่อน เหตุใดจู่ๆ จึงได้มีข่าวของสามสิบครอบครัวปรากฏขึ้น? ข้าคิดว่าขุนนางท้องที่คงไม่โง่เง่า ถึงขนาดทำร้ายครอบครัวทหารใน่เวลานี้ อาจมีบ้าง แต่คงมิได้มากมายถึงเพียงนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ข่าวยังปรากฏออกมาพร้อมกัน และกระจายไปทั่วค่ายทหารในเวลาเดียวกันอีก!” เกาเซียนจือกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“เฮ่อ! มือของกู่ไห่ช่างยืดยาว จนเข้ามาถึงค่ายของเราแล้ว! ท่านแม่ทัพ ยังดีที่ท่านรู้ทันเสียก่อน มิเช่นนั้น ข้าคงสังหารพ่อค้าเ่าั้ เพื่อปิดกั้นมิให้มีการแจ้งข่าวสารไปแล้วก็เป็ได้ กู่ไห่ผู้นั้น ไม่ทราบว่ายังจะมีลูกไม้อันใดอีกหรือไม่!?” องค์รัชทายาทมีสีหน้ายุ่งยากใจ
เกาเซียนจือพยักหน้า และกล่าวว่า “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
“เช่นนั้น ตอนนี้เราควรทำอย่างไร?” องค์รัชทายาทถามกลับ
“ขวัญกำลังใจทหาร ที่เสียหายจากแผนของกู่ไห่ เราย่อมมิอาจเพิกเฉยได้ การปิดข่าวนั้นเป็ไปไม่ได้แน่ การเบี่ยงเบนประเด็น ย่อมดีกว่าปิดกั้น เื่นี้กระหม่อมจะค่อยๆ เกลี้ยกล่อมเองพ่ะย่ะค่ะ!” เกาเซียนจือกล่าวเสียงหนัก
องค์รัชทายาทพยักหน้า
“ทุกคน ข้าเกาเซียนจือ ขอรับประกันกับพวกเ้า ศักดิ์ศรีของกองทัพเรา ต้องไม่ถูกทำลาย ใน่นี้หากมีใครกล้าหยามหน้า ทำร้ายครอบครัวทหาร ข้าจะทำให้พวกเขาต้องชดใช้มากกว่าสิบเท่า นี่เป็คำสัญญาจากข้า เกาเซียนจือ ขอทุกคนได้โปรดเชื่อ!” เกาเซียนจือะโเสียงดัง
ทหารทั้งหมดมองเกาเซียนจือเป็ตาเดียว คำสัญญานี้ แม้จะประสบผลอยู่บ้าง แต่ความข้องใจยังคงหยั่งรากลึก พวกเขาอยากทราบว่าท่านแม่ทัพจะจัดการอย่างไร?
“ท่านรับรอง? ท่านจะรับรองอะไรได้? ลูกสาวข้าพึ่งจะอายุสองขวบ นางพึ่งจะหัดเดิน พึ่งกอดขาและเรียกข้าว่าท่านพ่อ แต่นางกลับถูกขุนนางสุนัขนั่นสังหาร ลูกสาวข้า!"
“พ่อข้าเสียไปนานแล้ว ท่านแม่จึงเป็ผู้เลี้ยงดูข้าและน้องชาย ทุกวันนางจะรับเย็บและซ่อมเสื้อผ้าให้คนอื่น เพื่อเลี้ยงดูข้า ต้องเย็บและปะชุนเสื้อผ้าเป็จำนวนมาก จนทำให้ดวงตาของนางมองไม่เห็น
ตอนต่อสู้อยู่แนวหน้า ข้าไม่เคยพรั่นพรึงต่อความตาย เพราะยิ่งข้าได้รับความดีความชอบมากเท่าไร ก็จะยิ่งได้รับรางวัลมากขึ้นเท่านั้น หลังจากกลับไปแล้ว ข้าจะสามารถตอบแทนบุญคุณท่านแม่ได้ แต่ขุนนางผู้ดูแลเขตสมควรตายนั่น เพื่อที่ดินผืนนั้นของครอบครัวข้า จึงเผาท่านแม่ซึ่งตาบอดจนตายอยู่ในบ้าน ท่านแม่! ลูกอกตัญญูนัก!”
“ก่อนที่จะร่วมทัพนั้น ข้าพึ่งแต่งงาน ข้าแต่งกับเสี่ยวหวนซึ่งเป็คนที่ข้ารักมาั้แ่เด็ก นางไม่้าให้ข้าเข้าร่วมา แต่ข้าก็ยังดึงดันมา ข้าต่อสู้อยู่แนวหน้าอย่างไม่กลัวตาย
แต่หัวหน้าผู้ตรวจการเขตนั่น กลับต้องตาความงามของเสี่ยวหวน จึงลักพาตัวนางไป น้องชายข้าพลิกแผ่นดินตามหา แต่ถูกทำร้ายกลับมา จนวันนี้เขามาที่นี่เพื่อแจ้งเื่นี้แก่ข้า เหตุใดข้ายังต้องสู้อีก? สู้เพื่อใครกัน? ข้ายอมทำทุกอย่างเพื่อแผ่นดิน แต่พวกนั้นกลับทำลายครอบครัวข้าจนบ้านแตกสาแหรก! ไอ้ขุนนางสารเลว ไอ้ขุนนางสุนัข!”
กลุ่มทหารหนีทัพฟูมฟายด้วยความเ็ป
ทหารที่อยู่โดยรอบคนอื่นๆ ยิ่งกำหมัดแน่นด้วยความเห็นใจ ต่างรู้สึกหนักอึ้งในหัวใจ
องค์รัชทายาท้าไล่ทหารที่อยู่รายรอบออกไป เพื่อป้องกันมิให้เื่ลุกลามใหญ่โต แต่เกาเซียนจือกลับหยุดเขาไว้ เพราะนั่นจะยิ่งทำให้เหล่าทหารวิตกกังวลมากยิ่งขึ้น
ทหารหนีทัพทั้งสามสิบคน ยังคงอธิบายสถานการณ์ของพวกเขา ส่วนเกาเซียนจือก็รับฟังอย่างตั้งใจ
ผ่านไปสองชั่วยาม[1] ทุกอย่างจึงสงบ แต่เกาเซียนจือยังคงขมวดคิ้วมุ่น
ทั่วสนามกว้างเงียบกริบ ทุกคนมองเกาเซียนจือเป็ตาเดียว
หลังนิ่งไปครู่หนึ่ง เกาเซียนจือก็สั่งให้ทั้งสามสิบคนแยกออกเป็สองกลุ่ม ด้านหนึ่งสี่คน และที่เหลืออีกยี่สิบหกคนอยู่อีกด้าน
“เื่ของพวกเ้า ข้าฟังอย่างละเอียดและสามารถคาดเดาได้รางๆ แล้ว ทุกคนตั้งใจฟังสิ่งที่ข้ากำลังจะพูดให้ดี พวกเ้ายี่สิบหกคน ได้รับแจ้งข่าวใดมาบ้าง? ครอบครัวถูกลักพาตัว หรือไม่ก็ถูกพาตัวไปที่อื่นเพื่อสังหารใช่หรือไม่? ตายไม่เห็นศพ และคนที่มาแจ้งข่าว ก็คือญาติของพวกเ้าเอง
แต่พวกเขามิได้เห็นด้วยตาตัวเอง ว่าคนอื่นๆ ถูกลักพาตัว หรือถูกสังหารไปแล้ว พวกเขาเพียงแค่ได้ยินมาเท่านั้น ไม่สำคัญว่าจะมีความเป็ไปได้สูงเพียงใด ทั้งหมดล้วนเป็เพียงการคาดเดา ใช่หรือไม่?” เกาเซียนจือจ้องทหารทั้งยี่สิบหกคน และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เอ๊ะ?”
“แต่น้องชายของข้า ไม่มีทางโกหก!”
“ญาติผู้พี่ของข้า ก็ไม่มีทางโกหกเช่นกัน!”
ทุกคนต่างยืนยันเป็เสียงเดียวกัน
“ไม่ผิด! พวกเขาไม่ได้โกหก แต่ถ้าพวกเขาถูกหลอกมาั้แ่แรกล่ะ?” เกาเซียนจือกล่าวอย่างขึงขัง
“ฮะ?”
“ทุกคนไม่คิดว่าเื่นี้ดูแปลกๆ หรอกหรือ? ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน แต่จู่ๆ กลับมีข่าวร้ายมากมายปรากฏขึ้นพร้อมกัน ข้าสามารถบอกได้เพียงว่า ทั้งหมดเป็ฝีมือของพ่อค้าผู้ร่ำรวยที่สุดในหกแคว้น กู๋ไห่ จุดประสงค์ของเขา คือทำให้เกิดการก่อฏของทหาร!” เกาเซียนจือกล่าวอย่างเคร่งขรึม
"แต่ว่า!..."
“ข้าจะเชื่อท่านได้อย่างไร!?”
ทั้งยี่สิบหกคน มีสีหน้าไม่น่าดูนัก
“ไม่จำเป็ต้องเชื่อข้า พวกเ้าแค่ต้องรู้ว่า หากยังมีชีวิตต้องเห็นคน หากตายต้องเห็นศพ ก่อนจะเห็นศพ อย่าพึ่งละทิ้งความหวัง
ข้าจะรีบทูลขอฮ่องเต้ ให้ขุนนางในทุกพื้นที่ ออกตามหาครอบครัวพวกเ้าในทันที มีชีวิตอยู่ต้องเห็นคน ตายไปต้องเห็นศพ
เช่นนี้ ดีกว่าพวกเ้าไปค้นหาด้วยตัวเองเสียอีก คนทั้งเมืองช่วยกัน ดีกว่าเ้าออกไปหาด้วยตัวคนเดียวใช่หรือไม่?” เกาเซียนจือปลอบใจพวกเขา
“แต่จะมีโอกาสหาเจอหรือขอรับ?” ทหารหนีทัพผู้หนึ่งถามขึ้นอย่างมีความหวัง
“ค้นบ้านทุกหลัง แม้จะต้องพลิกแผ่นดิน ก็ต้องหาให้พบ เช่นนี้ พวกเ้าเห็นว่าเป็อย่างไร? หากมีขุนนางทำเื่ชั่วช้าจริง ข้าจะขอพระบรมาานุญาตจากฮ่องเต้ ให้ปะาชีวิตพวกเขาเสีย!” เกาเซียนจือกล่าวอย่างหนักแน่น
“ขอบคุณท่านแม่ทัพ! ขอบคุณท่านแม่ทัพ!" กลุ่มทหารหนีทัพคุกเข่าคำนับ พร้อมกล่าวทั้งน้ำตา
เกาเซียนจือหันหน้าไปมองทหารหนีทัพอีกสี่คนเหลือ ซึ่งยังคงมีั์ตาแดงก่ำ
"ท่านแม่ทัพ? แล้วพวกเราล่ะขอรับ? เื่ของเราก็เป็ข่าวลวงหรือ? น้องชายข้าเห็นกับตาตัวเอง ว่าท่านแม่ผู้ตาบอดถูกไฟครอกตายอยู่ในบ้าน ผู้ตรวจการเขตคนนั้นสังหารแม่ของข้า!” หนึ่งในทหารหนีทัพจ้องไปยังเกาเซียนจือด้วยั์ตาเจ็บแค้น
เกาเซียนจือกล่าวเสียงเข้ม “เื่ของพวกเ้าทั้งสี่นั้น พยานหลักฐานหนักแน่นดั่งขุนเขา เ้าไม่ต้องกังวล ไม่มีใครสามารถรังแกพวกเ้าได้ ไม่ว่าจะเป็ผู้ใด ต่อให้เป็หัวหน้าผู้ตรวจการเขต ตราบใดที่มีส่วนร่วมในการทำร้ายครอบครัวพวกเ้า ล้วนต้องถูกปะาชีวิต!”
"ท่านแม่ทัพ?" ทั้งสี่พากันจ้องเกาเซียนจือ
“ข้าจะให้พวกเ้า ทำการปะาด้วยตัวเอง!” เกาเซียนจือเอ่ยอย่างดุดัน
“ขอบพระคุณท่านแม่ทัพ!”
ทั้งสี่โขกศีรษะลงบนพื้นด้วยความซึ้งใจ บางทีทั้งชีวิต พวกเขาก็ไม่อาจแก้แค้นได้ แต่ตอนนี้มีท่านแม่ทัพช่วยเหลือ พวกเขาจะไม่รู้สึกซาบซึ้งได้อย่างไร?
เกาเซียนจือหันหน้ากลับไป ถอนหายใจ และกล่าวว่า “องค์รัชทายาท กระหม่อมจะเขียนจดหมายกราบทูลฮ่องเต้ทันที เพื่อขอให้พระองค์ทรงร่วมมือ ครานี้กู่ไห่วางแผนได้ร้ายกาจนัก หวังว่าองค์รัชทายาทจะสนับสนุน และร่วมลงนามในฎีกา เพื่อต้านการคุกคามจากภายนอก เราจำเป็ต้องสร้างความปลอดภัยภายในเสียก่อน!”
องค์รัชทายาทมองกลุ่มทหารหนีทัพชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้า “ได้!”
จากนั้น เกาเซียนจือก็หันหน้าไปมองทหารคนอื่นๆ และกล่าวว่า "ทหารทุกคน ข้ารู้ว่าพวกเ้าสับสน และกังวลใจ ข้า เกาเซียนจือ ขอสัญญาว่าภัยร้ายต้องถูกขจัด นับแต่นี้เป็ต้นไป พวกเ้าได้รับอนุญาตให้เขียนจดหมายกลับบ้าน และรับจดหมายจากทางบ้านได้ ขอเพียงไม่แพร่งพรายความลับทางทหาร ก็ไม่มีข้อจำกัดอื่นใด!”
“ขอบคุณท่านแม่ทัพ!” ทหารทั้งหลายตอบรับในทันที
ความกังวลก่อนหน้ามลายสิ้น ท่านแม่ทัพอนุญาตให้พวกเขาเขียนจดหมายติดต่อทางบ้านได้ เช่นนี้ จะได้รู้ว่าครอบครัวปลอดภัยดีหรือไม่ และสามารถแจ้งให้ครอบครัวได้ทราบ ถึงสถานการณ์ของพวกเขาได้ด้วย นี่เป็เื่ดียิ่ง ท่านแม่ทัพช่างยอดเยี่ยมนัก
ความปั่นป่วนก่อนหน้านี้ หายไปสิ้น
“อย่างไรก็ตาม ทุกคนคงได้เห็นแล้วว่า มีเพียงสี่คนเท่านั้นที่มีหลักฐานชัดเจน ส่วนที่เหลืออีกยี่สิบหกคน น่าจะถูกกู่ไห่ปั่นหัว ดังนั้นหากใครพบเื่ใดที่ไม่สามารถแก้ไขได้ หรือมีเื่ขุ่นข้องหมองใจ ก็ให้มารายงานข้า ข้าจะช่วยสะสางเอง!” เกาเซียนจือกล่าวเสียงดัง
“กู่ไห่ช่างชั่วช้า!”
“ท่านแม่ทัพวางใจ หากมีอะไร เราจะรายงานให้ท่านทราบขอรับ!”
“ไอ้คนสมควรตายกู่ไห่!”
“ท่านแม่ทัพ แล้วพ่อค้ากลุ่มนั้นจะจัดการอย่างไรขอรับ?” หลินชงถาม
เกาเซียนจือขมวดคิ้ว ก่อนตอบ “กู่ไห่ลงมือแล้ว เป็ข้าที่ประมาทเกินไป ประทัด? ดอกไม้ไฟ? เฮ่อ! เขาอยู่ที่ด่านหู่เหลา ไกลเป็พันลี้ แต่กลับสามารถปั่นป่วนกองทัพของข้าได้? พ่อค้ากลุ่มนั้น ก็ปล่อยไปก่อน แต่อย่างไรก็อย่าลืมจับตาดูไว้ อีกอย่าง ต่อจากนี้ห้ามมีการจุดพลุ จุดประทัด และห้ามมิให้มีการฉลอง มิเช่นนั้นจะถูกลงโทษตามกฎกองทัพ”
"ขอรับ!" ทหารทั้งหมดพยักหน้า
เหตุการณ์ทหารหนีทัพในครั้งนี้ ถูกเกาเซียนจือคลี่คลายลงแล้ว
กำลังพลค่อยๆ แยกย้าย และใช้ชีวิตไปตามปกติ
เกาเซียนจือ และองค์รัชทายาทซ่ง กลับมายังค่ายทหาร
เกาเซียนจือเขียนจดหมายด้วยตัวเอง และประทับตราของตนลงไป จากนั้นรัชทายาทก็ประทับตราด้วยเช่นกัน
“ท่านแม่ทัพ สิ่งที่ท่านประกาศกับทหารในวันนี้ สามารถสร้างความเกลียดชังที่มีต่อกู่ไห่ได้มาก และทหารก็ไม่ต้องกังวลอีก เพียงแต่การขอให้เสด็จพ่อลงโทษขุนนางรุนแรงเช่นนี้ มันออกจะเกินไปหน่อยหรือไม่?” องค์รัชทายาทถามอย่างหนักใจ
“ไม่พ่ะย่ะค่ะ! ฝ่าา พระองค์ยังไม่ทรงทราบถึงความน่ากลัวของกู่ไห่อีกหรือพ่ะย่ะค่ะ? ทรงเห็นหรือไม่? ว่าแม้เขาจะอยู่ไกลลิบ ก็ยังสามารถทำลายขวัญกำลังใจของกองทัพเราได้ มิใช่ว่ากู่ไห่ไม่เคลื่อนไหว แต่อาวุธที่แท้จริงของเขา ได้โจมตีเราแล้ว เป็าทางจิตวิทยา นี่แค่ลองเชิงเท่านั้น เมื่อกู่ไห่ลงมือโจมตีอย่างแท้จริง พระองค์จะทรงทราบ ว่าเขาน่ากลัวเพียงใด!?” เกาเซียนจือกล่าวด้วยสีหน้าปั้นยาก
“โอ้? แย่ขนาดนั้นเลยหรือ?” รัชทายาทกล่าว พร้อมขมวดคิ้ว
“แย่? ฮ่าๆ องค์รัชทายาท พระองค์ประเมินเขาต่ำเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ เมื่อขวัญกำลังใจของกองทัพถูกกู่ไห่ทำลาย ทหารแปดแสนนายของเรา ก็จะอ่อนแอ แคว้นซ่งอาจตกอยู่ในอันตราย และถูกโค่นล้มได้ทุกเมื่อ!” เกาเซียนจือกล่าวเสียงเคร่ง
"หา?"
“ดังนั้น องค์รัชทายาท พระองค์ทรงลองชั่งน้ำหนัก ดูข้อดีข้อเสียด้วยพระองค์เองเถิดพ่ะย่ะค่ะ จะเลือกสิ่งใด ระหว่างแผ่นดินซ่งของพระองค์ กับขุนนางสมควรตายเ่าั้ พระองค์จะทรงเลือกทางใด? สิ่งที่พูดไป กระหม่อมมิได้ขู่เลยพ่ะย่ะค่ะ!” เกาเซียนจือกล่าวอย่างเคร่งครัด
รัชทายาทซ่งหนังตากระตุก ก่อนจะพยักหน้าและกล่าว “ไม่ต้องห่วง ข้าจะเขียนจดหมายอีกฉบับถึงเสด็จพ่อ ให้ความร่วมมือกับเ้าเต็มที่!”
ครึ่งเดือนต่อมา
เมืองซ่ง แคว้นซ่ง
กู่ไห่และกู่ฮั่น กำลังยืนอยู่หน้าป้ายประกาศของทางราชสำนัก ซึ่งพึ่งถูกติดประกาศ
“พ่อบุญธรรม เกาเซียนจือเคลื่อนไหวรวดเร็วนัก ไม่นานก็แก้ปัญหาครานี้ได้!” กู่ฮั่นกล่าวอย่างวิตก
“เกาเซียนจือมีความสามารถมาก ไม่เพียงเอ่ยโน้มน้าวฮ่องเต้ให้ดูแลครอบครัวของทหารอย่างเต็มที่ ปะาชีวิตคนที่ทำร้ายพวกเขาโดยไม่มีข้อยกเว้น? ทั้งยังอนุญาตให้ทหารติดต่อกับครอบครัวได้อีก? ฮ่าๆๆ!” ั์ตากู่ไห่ปรากฏแววชื่นชม
“พ่อบุญธรรม เราจะลักพาตัวคนในครอบครัวพวกเขาต่อไปหรือไม่? ทหารเริ่มไม่พอใจพ่อบุญธรรมแล้วนะขอรับ"
“พวกเขาเริ่มเกลียดข้า? หึ! นั่นคือสิ่งที่ข้า้า ทำต่อไป ลักพาตัวพวกนั้นต่อไป! พวกเขาอาจเกลียดข้า แต่อีกด้านก็ยังคงกังขาในตัวขุนนางของแคว้นซ่งเช่นกัน เกลียดข้าแล้วอย่างไร? ในอนาคต พวกเขาจะตระหนักได้เอง ว่าความเกลียดชังเ่าั้ละ ที่เป็ต้นเหตุการล่มสลายของแคว้นซ่ง!”
“แต่ขวัญกำลังใจของกองทัพเกาเซียนจือ มั่นคงยิ่ง!”
“มั่นคง? แต่เราได้ปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งความเคลือบแคลงลงไปแล้ว นี่เป็เพียงจุดเริ่มต้น ข้าจะหลอกล่อพวกเขาสู่ความตาย เกาเซียนจือ้าแก้? เขาไม่สามารถแก้ไขได้หรอก!” กู่ไห่ยิ้มจางๆ ขณะที่มองประกาศ
-----------------------------------------
[1] สองชั่วยาม = สี่ชั่วโมง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้