ซูฉีฉีมาอาศัยอยู่ที่จวนอ๋องได้สองเดือนกว่าแล้วตลอดเวลาที่ผ่านมานางอยู่เงียบๆ ไม่พูดไม่จาคอยตั้งหน้าตั้งตาทำงานที่ได้รับมอบหมายเพียงเท่านั้น
ทุกๆ วันนางต้องยุ่งั้แ่เช้าจรดเย็น ด้วยเหตุนี้ทำให้นางไม่มีเวลาที่จะไปคิดถึงเื่อื่นๆ อีก
สาวใช้ที่อาศัยอยู่ในห้องเดียวกับนางก็ไม่ได้กลั่นแกล้งนางเหมือนก่อนการใช้ชีวิตในแต่ละวันของนางนับว่าราบรื่นดีไม่น้อย
ทว่าอยู่ๆ ก็มีสิ่งหนึ่งมาทำลายวิถีชีวิตที่ดีของนาง
ตอนที่นางกำลังคิดว่าตนจะอยู่อย่างนี้ไปจนชั่วชีวิตโรงซักล้างก็มีหญิงสาวผู้วางตัวถืออำนาจบาตรใหญ่ย่างก้าวเข้ามา…นางก็คือคุณหนูฮวา ฮวาเชียนจือ
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรสตรีนางนี้ถึงมาที่นี่ได้การมาของนางทำให้ในใจของซูฉีฉีเกิดความวิตกกังวลขึ้นไม่น้อย
สาวใช้ทั้งหลายที่กำลังซักเสื้อผ้าอยู่นั้นเมื่อเห็นนางก้าวเข้ามาก็รีบผุดลุกขึ้นไปแสดงความเคารพกันทั้งหมด ทว่าซูฉีฉีกลับไม่สนใจนางและก้มหน้าทำงานของตนต่อ
ถึงแม้ว่านางจะอ่อนแอแต่นางก็มีเกียรติและศักดิ์ศรีของตน ยังไงเสียนางก็เป็ถึงคุณหนูใหญ่ของจวนอัครมหาเสนาบดี
“ทุกคนลุกขึ้นเถอะวันนี้ที่ข้ามาที่นี่ก็แค่อยากจะรู้ว่า เมื่อวานนี้ใครเป็คนทำเสื้อผ้าไหมโปร่งของข้าขาดกันแน่”บนใบหน้าของฮวาเชียนจือยังคงความอ่อนโยนไว้ มีเพียงความเย็นะเืในแววตาที่คอยจับตาดูทุกสิ่งอย่างเสมือนไม่ยอมให้มีสิ่งใดหลุดลอดออกไปจากสายตาของตนได้
สาวใช้ทุกคนล้วนคุกเข่าลงไปกับพื้น ถึงแม้ว่าฮวาเชียนจือจะมียศเป็แค่คุณหนูฮวา แต่ว่าจวนอ๋องนี้ไม่เคยมีนายหญิงของจวนมาก่อนด้วยเหตุนี้เื่ทั้งหมดในจวนจึงมีคุณหนูฮวาผู้นี้เป็คนดูแลเสมอมา
เื่ต่างๆ โดยทั่วไปของจวนนั้น ม่อเวิ่นเฉินจะไม่เข้ามายุ่งก้าวก่ายแม้แต่น้อย
ตอนนี้คุณหนูฮวาก็มาที่นี่เพื่อสอบถามเื่นี้ด้วยตนเองเห็นได้ชัดว่าเสื้อตัวนั้นสำคัญสำหรับนางมาก
ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากยอมรับสักคน
หัวหน้าคนรับใช้นั้นได้โขกศีรษะรับผิดไปหลายครั้งก่อนจะค่อยๆ คลานไปข้างหน้า “เรียนคุณหนูฮวา...เสื้อชีฟองตัวนั้น...”
เขากล่าวรายงานไปด้วยน้ำเสียงติดๆ ขัดๆ
ใบหน้าซีดเผือดเห็นได้ชัดว่ากำลังหวาดกลัวเป็อย่างมาก
“เป็ใครกัน?วันนี้ถ้าหากไม่มีใครบอกข้ามาแล้วล่ะก็ อย่าหาว่าข้าทำเกินไปก็แล้วกัน”นางตวัดสายตาไปมอง “ดูเหมือนว่าเ้าจะไม่อยากรับตำแหน่งหัวหน้าคนรับใช้อีกต่อไปแล้วสินะ”ฟังจากน้ำเสียงของฮวาเชียนจือ นางไม่ได้จ้องจะหาเื่ใครโดยเฉพาะที่ทำไปทั้งหมดก็เพราะเสื้อชีฟองเท่านั้น
ทว่าการกระทำของนางกลับทำให้ซูฉีฉีสะดุ้งตัวขึ้นเล็กน้อยไม่ใช่เพราะว่านางกลัวแต่เพราะว่านางไม่อยากจะนำปัญหามาใส่ตัวเอง
นางแค่อยากจะใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยไม่ทำให้มารดาของนางเดือดร้อน แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
ตอนนั้นที่นางถูกรับสั่งให้มาแต่งงานกับม่อเวิ่นเฉินนางก็คัดค้านอยู่บ้าง ทว่าติดที่ปัญหาว่าหนึ่งพระราชโองการยากที่จะขัดขืน สองเพราะบิดาของนางซึ่งเป็ถึงอัครมหาเสนาบดีที่ทรงอำนาจนั้นใช้ชีวิตของมารดานางมาบีบบังคับทำให้นางต้องยอมรับเอาความอดสูนี้เอาไว้และตอบตกลงที่จะอภิเษกสมรส อีกทั้งนางยังประพฤติตัวอย่างว่าง่ายไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากบ่นหรือตัดพ้อเลยแม้แต่น้อย
“ข้าน้อยมิกล้าขอคุณหนูฮวาช่วยตรวจสอบให้ดีด้วย...เป็...เป็...เป็...” ใบหน้าของหัวหน้าคนรับใช้ผุดเหงื่อออกมาจำนวนไม่น้อย
“รีบพูดมาสิ”ไม่รอให้หัวหน้าคนรับใช้โขกศีรษะลงกับพื้นอีกครั้งฮวาเชียนจือก็ฟาดมือลงไปบนใบหน้าของเขาแล้ว
ต้องรู้เอาไว้ว่าผ้าชีฟองผืนนั้นมีมูลค่ามากมายมหาศาลนัก
ซูฉีฉีในตอนนี้ก็ได้แค่ขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อเห็นว่าฝ่ามือที่ฟาดลงไปของฮวาเชียนจือนั้นทำให้หัวหน้าคนรับใช้ถึงกับต้องกลิ้งไปที่พื้นอยู่หลายตลบที่แท้หญิงสาวที่มีท่าทีอ่อนหวาน รูปร่างผอมบางผู้นั้นเป็วรยุทธ์
ตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้แล้วว่าคุณหนูฮวาผู้นี้กำลังโมโหถึงที่สุด
“ดี ดี ดีมาก”ฮวาเชียนจือเห็นว่าไม่มีใครกล้ายอมรับผิดยิ่งเกิดโทสะมากขึ้นกว่าเดิม “ใครก็ได้ มาลากคนรับใช้เหล่านี้ไปโบยให้หมดโบยแรงๆ ไม่ต้องมีการละเว้น”
องครักษ์หลายนายเดินรุดไปข้างหน้า
หนึ่งในบรรดาสาวใช้ลุกขึ้นยืนด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา “คุณหนูฮวา...บ่าวรู้ว่าเป็ใคร! ”
ศีรษะของนางไม่กล้าเงยขึ้นฟันได้แต่สั่นกระทบกันด้วยความหวาดกลัว
“ใคร?”ฮวาเชียนจือถามออกมาอย่างหมดความอดทน
“พระ...พระชายาเ้าค่ะ...”เมื่อสาวใช้พูดจบก็สลบไป ดูเหมือนว่านางจะหวาดกลัวไม่น้อย
ซูฉีฉีค่อยๆ พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนางรู้แล้วว่า่เวลาดีๆ ของชีวิตจบลงเสียแล้ว สตรีผู้นี้ยังคงไม่คิดจะละเว้นนางดูเหมือนว่า เมื่อสองเดือนก่อนคุณหนูผู้นี้แค่กำลังพักฟื้นกำลังของตนเท่านั้น
หลังจากนั้นนางก็หันมองไปที่พวกองครักษ์ที่กำลังยืนล้อมตัวนางเอาไว้ แล้วค่อยๆ หันไปมองจิ่งม่านที่กำลังคุกเข่าอย่างหวาดกลัวอยู่ข้างเท้าของตนจิ่งม่านเป็สาวใช้ที่พักอยู่ห้องเดียวกับนาง ดูจากลักษณะของนางแล้ว เสื้อชีฟองที่ฉีกขาดตัวนั้นน่าจะมาจากฝีมือของนาง
เมื่อคิดไปถึงหญิงสาวผู้นี้ที่ตัวคนเดียวไร้ที่พักพิงอีกทั้งทุกเดือนยังมีน้องชายที่ป่วยหนักกำลังรอเงินค่ารักษาอยู่ ซูฉีฉีก็อดที่จะรู้สึกเห็นใจนางมิได้
นางกัดริมฝีปากของตนเองเบาๆ ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับฮวาเชียนจือ “ไม่ผิด เสื้อชีฟองตัวนั้นข้าทำมันขาดโดยไม่ได้ตั้งใจ”
“ที่แท้เป็พระชายานี่เอง” รอยยิ้มบนใบหน้าของฮวาเชียนจือหยั่งลึกมากขึ้นก่อนจะมองตรงไปที่ใบหน้าของซูฉีฉีแววตาของนางแฝงไปด้วยความดูแคลนอยู่ไม่น้อย
“ใช่” สีหน้าของซูฉีฉีไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา
แม้จะสวมใส่เสื้อผ้าคุณภาพหยาบทว่านางกลับแฝงไปด้วยความสุขุมเยือกเย็น มาดของคุณหนูสูงศักดิ์ยังคงแผ่ออกมาจากตัวนาง
“เพียะ!” ฮวาเชียนจือเดินไปข้างหน้าก่อนจะฟาดฝ่ามือลงไปบนหน้าของซูฉีฉีหนึ่งครั้ง “เสื้อชีฟองตัวนั้นเป็ของขวัญวันเกิดที่พี่เวิ่นเฉินมอบให้ข้า เ้ามีปัญญาทดแทนข้าไหม? เ้าไม่มีตาดูหรืออย่างไรกัน”