หลี่ชิงหลิงไม่คาดคิดว่าธุรกิจจะดีขนาดนี้ นางและหลิวจือโม่เพิ่งตั้งร้าน ลูกค้าที่เมื่อวานนี้ไม่ได้กินก็ตรงเข้ามาซื้อ
"ท่านลุง รอหน่อยนะ
เดี๋ยวจะทำให้" หลี่ชิงหลิงเห็นลูกค้ามาก็เร่งตั้งแผง รีบทอดแป้งทอดไข่ให้ลูกค้า
เนื่องจากเป็ของที่เตรียมมาแล้วจึงทอดได้เร็วพอสมควร
หลี่ชิงหลิงใส่ไข่ลงในตะกร้าใบเล็ก
ยื่นให้ลูกค้าด้วยสองมือ "ท่านลุง ห้าเหวินเ้าค่ะ ขอบคุณเ้าค่ะ!" โชคดีที่เตรียมมาจากบ้านแล้ว
หากไม่มีละก็ลูกค้าคงต้องรอนาน
ชายวัยกลางคนรับไป
พินิจตะกร้าใบเล็กบอบบางแล้วหัวเราะ "น่าสนใจมาก" เขาหยิบห้าเหวินออกมาแล้ว
ยื่นให้หลี่ชิงหลิง จากนั้นไม่ได้ไปไหนไกล เริ่มยกขึ้นกินอย่างระมัดระวัง
เขาได้กินแป้งทอดไข่แบบนี้เป็ครั้งแรก
รสชาติไม่เลวเลย กินเสร็จก็พยักหน้าและขอให้หลี่ชิงหลิงทอดอีกห้าชิ้น
หลิวจือโม่เห็นว่าหลี่ชิงหลิงเริ่มมีเหงื่อออกจึงเช็ดออกเบาๆ
ให้นางพักผ่อนข้างๆ แล้วเขาจะทอดเอง
ลูกค้ามองแล้วตาเป็ประกาย
เขายิ้มและคุยกับหลี่ชิงหลิง "สาวน้อย ผู้ปกครองอยู่ไหนล่ะ" ไม่รู้ว่าพ่อแม่แบบไหนกล้าปล่อยให้เด็กสองคนออกมาตั้งแผงขายของกันเองแบบนี้
หลี่ชิงหลิงไม่ใช่เด็กจริงๆ
แน่นอนว่านางจะไม่บอกความจริงกับคนนอก นางถอนหายใจและพูดว่า "พ่อกับแม่ข้าป่วย
ข้ากับพี่เลยตั้งร้านเพื่อหาเงินมารักษาพ่อแม่" พลางท่องอมิตตาพุทธอยู่ในใจสองสามครั้ง
โปรดให้อภัยคำโกหกสีขาวของนางด้วย
นางไม่สามารถบอกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของนางกับหลิวจือโม่ได้
หากคนนอกรู้เื่นี้จะโดนชี้นิ้วตำหนิได้
ลูกค้าคนนั้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
มองหลี่ชิงหลิงและหลิวจือโม่ รู้สึกสงสารขึ้นมาเล็กน้อย
เขาหัวเราะแล้วเปลี่ยนเื่ "แป้งทอดไข่นี้ไม่เลวเลย
ข้าเพิ่งเคยกินเป็ครั้งแรก” แป้งทอดไข่ปกติจะผสมไข่กับแป้งแล้วแผ่ออกเป็แผ่นๆ
ไม่ใช่แบบนี้ ประกบไข่ไว้ตรงกลางทำให้ยังคงความนุ่มของไข่ไว้ได้
อีกทั้งมีกะหล่ำปลีทำให้อร่อยและไม่เลี่ยน
่นี้เ้านายไม่อยากอาหารนัก
เอากลับไปลองให้ชิมดูว่าจะชอบไหม?
หลี่ชิงหลิงหัวเราะและเกาหัว "สูตรลับของตระกูลเ้าค่ะ” เมื่อเห็นว่าหลิวจือโม่ทอดแป้งทอดไข่เสร็จ
นางจึงช่วยใส่ตะกร้าและส่งให้ลูกค้า "ถ้าท่านลุงชอบ
คราวหน้ามาซื้ออีกนะ เรามาขายที่นี่ทุกวัน” เขาแต่งตัวดี ฐานะน่าจะไม่แย่
หากมาซื้อทุกวันจะเป็รายได้งามๆ
ลูกค้าหัวเราะ
เขาไม่ได้บอกว่าจะมาอีกหรือไม่ ยื่นเงินยี่สิบห้าเหวินกับหลี่ชิงหลิง
และจากไปพร้อมกับตะกร้าใบเล็ก
หลี่ชิงหลิงเองก็ไม่ได้สนใจ
และหันไปทักทายลูกค้าคนอื่นๆ
ธุรกิจของเช้าวันนี้ไม่เลวเลย
ยุ่งกันจนถึงเที่ยง เมื่อไม่มีใครเหลือแล้ว
หลี่ชิงหลิงจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกและขอให้หลิวจือโม่ดูแผงลอย
ส่วนนางจะไปซื้อของกิน
ก่อนที่หลิวจือโม่จะได้ส่งเสียง
เด็กสาวก็วิ่งหนีหายไปในพริบตา
หลังจากนั้นไม่นาน
นางกลับมาพร้อมกับถั่วเขียวสองชาม นางส่งให้หลิวจือโม่หนึ่งชาม "กินถั่วเขียว
แป้งทอดไข่สองชิ้นก็พออยู่ท้องแล้ว” นางหยุดเล็กน้อย “พี่จือโม่ อยากกินอะไรไหม? ถ้าอยาก ข้าจะไปซื้อให้” นางลืมถามหลิวจือโม่จึงตบหน้าผากตนด้วยความหงุดหงิด
หลิวจือโม่ขอให้นางนั่งลง
ส่ายหน้าพลางหัวเราะ "ไม่ต้อง กินแค่นี้ก็พอแล้ว” เขาไม่จู้จี้จุกจิกเื่อาหาร
อีกอย่าง ขอแค่ประหยัดได้ก็ประหยัดไว้ ไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายจะดีที่สุด
หลี่ชิงหลิงหัวเราะเบาๆ
ส่งแป้งทอดไข่ให้หลิวจือโม่ หยิบอีกชิ้นให้ตัวเอง ค่อยๆ
เริ่มกินพร้อมน้ำเชื่อมถั่วเขียว
“แม่หนู
ทำแป้งทอดไข่นี่ยังไงหรือ หอมจัง” หญิงสาวที่ขายรองเท้าแตะฟางข้างๆ หันมองแล้วถาม
หลี่ชิงหลิงมองนาง แล้ว
ก็หยิบแป้งทอดไข่แล้วยื่นให้ "ทำจากไข่เ้าค่ะ ท่านป้าลองชิมดู" นางกับหลิวจือโม่ขายได้ไม่เลว
พ่อค้าแม่ค้าอื่นๆ ต้องอิจฉาแน่นอน หากเข้ากับพวกเขาได้
บางทีหากมีเื่อะไรขึ้นมาอาจช่วยได้
ป้ามองไปที่แป้งทอดไข่ในมือของหลี่ชิงหลิง
ได้กลิ่นหอมแล้วกลืนน้ำลาย นางอยากกินมาก แต่นึกถึงราคาก็ส่ายหัว
หลี่ชิงหลิงยัดแป้งทอดไข่ใส่มือป้า "ไม่ต้องจ่ายเงินหรอกเ้าค่ะ" นางพูดด้วยรอยยิ้ม "การได้รู้จักท่านที่นี่ก็ถือเป็โชคชะตา”
ทันทีที่นางได้ยินว่าไม่ต้องเสียเงินก็หยุดสุภาพ
คุยกับหลี่ชิงหลิงอีกเล็กน้อย แล้วแทบกินอย่างอดใจไม่ไหว
นางได้แป้งทอดไข่แล้ว
จะเมินเฉยลุงที่อยู่อีกฟากก็คงไม่ได้
หลิวจือโม่ยิ้มและให้ลุงหนึ่งชิ้น
หลังจากกินแป้งทอดไข่ของหลี่ชิงหลิง
ป้าก็ใกล้ชิดกับหลี่ชิงหลิงมากขึ้น เล่าเื่ต่างๆ มากมายให้หลี่ชิงหลิงฟัง
หลี่ชิงหลิงได้รู้ว่าป้านามสกุลจาง
สามีนามสกุลเจีย เป็คนจากหมู่บ้านซั่งเหอ มีลูกสามคน
นางมาขายรองเท้าแตะฟางที่เมืองเพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัวทุกวัน
"เฮ้อ...
การหาเงินไม่ใช่เื่ง่ายเลย! โดยเฉพาะถ้าไม่มีทักษะอะไรเลย
ก็ได้แต่หาเงินด้วยวิธีลำบากๆ”
หลี่ชิงหลิงพยักหน้าเห็นด้วย
จากนั้นถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยสีหน้าเศร้าหมอง "จริงเ้าค่ะ
เงินที่ข้ากับพี่ได้ก็ไม่พอรักษาพ่อแม่เลย มนุษย์เรานี่นะ
ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยดีที่สุดแล้ว เฮ้อ…” น้ำเสียงท่าทางดูสมจริงมาก
หลิวจือโม่ก้มศีรษะ
กลั้นหัวเราะอย่างเต็มที่กลัวว่าคนอื่นจะเห็น
จากนั้นจึงหยิบน้ำเชื่อมถั่วเขียวขึ้นมาดื่มช้าๆ
ในสายตาของคนอื่นๆ
พวกเขาคิดว่าหลังจากหลิวจือโม่ได้ยินคำพูดของหลี่ชิงหลิงก็เศร้าเช่นกัน
ป้าจางลูบมือของหลี่ชิงหลิงอย่างเห็นอกเห็นใจ
ปลอบโยนหลี่ชิงหลิง
หลี่ชิงหลิงดื่มน้ำเชื่อมถั่วเขียวเสร็จ
เช็ดปากและพูดกับป้าด้วยรอยยิ้ม "ไม่เป็ไรเ้าค่ะ
ข้ากับพี่จะตั้งใจทำงานหาเงินมารักษาพ่อแม่
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องรักษาให้หายดี”
ป้าจางซึ่งไม่รู้เื่ราว
ชื่นชมหลี่ชิงหลิงและหลิวจือโม่ในความกตัญญู
หลี่ชิงหลิงยิ้มให้ป้าจาง
เปลี่ยนเื่อย่างคล่องแคล่ว เบนออกไปจากเื่พ่อแม่
การโกหกจะต้องปกปิดด้วยคำโกหก
หากพูดต่อไป ไม่รู้ว่านางจะต้องโกหกอีกกี่ครั้งกันแน่
เปลี่ยนเื่จะปลอดภัยกว่า
หลี่ชิงหลิงพูดคุยหลายเื่
จนกระทั่งลูกค้ามาถึงจบบทสนทนา
หลิวจือโม่ชำเลืองมองหลี่ชิงหลิงด้วยรอยยิ้ม
เขาไม่รู้ว่านางมีความสามารถในการโกหกราวกับว่าเป็เื่จริงแบบนี้
หลี่ชิงหลิงเงยหน้าขึ้นมองหลิวจือโม่
หน้าแดงเล็กน้อย นางรู้สึกไม่ดีเล็กน้อยที่โกหกมากขนาดนี้
อันที่จริงเขาก็ไม่ได้มองว่าแย่อะไร
หากพูดความจริงไปโง่ๆ นี่สิชวนกังวลกว่าอีก!
เขายิ้มและลูบหัวของหลี่ชิงหลิงเบาๆ
หลิวจือโม่ถามลูกค้าอย่างอ่อนโยนว่า้าแป้งทอดไข่กี่ชิ้น
“นี่เรียกว่าแป้งทอดไข่หรือ
ต่างจากปกติยังไง? อร่อยไหม
ราคาเท่าไร” หญิงสาวคนหนึ่งอุ้มเด็กเข้ามาถาม
"นี่คือแป้งทอดไข่สูตรลับของตระกูลข้า
มันแตกต่างจากแบบปกติ อร่อยมากขอรับ" หลิวจือโม่กล่าวด้วยรอยยิ้ม "ชิ้นใหญ่ขนาดนี้
ราคาแค่ห้าเหวิน”
เขาได้ฟังหลี่ชิงหลิงตอบลูกค้าแบบนี้มามาก
เขาเองก็เริ่มพูดเก่งแล้ว
ตาของหญิงสาวเบิกกว้าง “แป้งทอดไข่ชิ้นละห้าเหวิน
ไม่ปล้นกันเลยล่ะ?” ห้าเหวินสามารถซื้อซาลาเปาเนื้อสองลูก
ผักหนึ่งลูก กินได้อิ่มแปล้ "ไปเถอะ แม่จะซื้อซาลาเปาให้เ้ากิน” พูดจบก็จูงลูกเตรียมจะจากไป
แต่เด็กไม่ยอมและเริ่มร้องไห้
บอกอยากกินแป้งทอดไข่ให้ได้ คนนั้นคนนี้เคยกิน บอกว่าอร่อย เขาก็อยากกิน
หลี่ชิงหลิงใช้จังหวะนี้ค่อยๆ
หั่นแป้งทอดไข่เป็ชิ้นเล็กๆ ส่งชิ้นหนึ่งให้หญิงสาวและเด็กได้ชิม
"ท่านป้า
แป้งทอดไข่ที่ทำจากสูตรลับของบรรพบุรุษเราได้มาด้วยความพยายามอย่างมาก
คุ้มห้าเหวินแน่เ้าค่ะ”
ผู้หญิงคนนั้นชิมแป้งทอดไข่และคิดว่าไม่เลว
เห็นเด็กน้อยร้องไห้หนักจึงพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้
และขอให้หลี่ชิงหลิงทำให้หนึ่งชิ้น
"ได้เลย รอสักครู่" หลี่ชิงหลิงตอบรับ
ยักคิ้วให้หลิวจือโม่ หลิวจือโม่ยิ้มพลางทอดแป้งทอดไข่อย่างรวดเร็ว
หลี่ชิงหลิงใส่แป้งทอดไข่ลงในตะกร้า แถมชิ้นเล็กให้อีกสองชิ้นอย่างใจกว้าง
เป็จิตวิทยาของมนุษย์ที่จะอยากได้เปรียบ
หญิงสาวเห็นว่ามีของแถมก็ยิ้มกว้างจนแทบไม่เห็นตา
ยื่นห้าเหวินให้หลี่ชิงหลิงและเดินจากไปกับลูกอย่างมีความสุข
"มีหัวด้านค้าขาย" หลิวจือโม่เฝ้าดูหลี่ชิงหลิงเก็บเงินแล้วชมนางด้วยรอยยิ้ม
หลี่ชิงหลิงพยักหน้าโดยไม่มีความเขินอายใดๆ "แน่นอน"
หลิวจือโม่ส่ายหัวด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
หันหลังกลับไปยุ่งต่อ
พวกเขาเอาแป้งทอดไข่มาห้าสิบชิ้น
และขายหมดในเวลาไม่นานนัก เมื่อเตรียมกำลังจะเก็บของกลับบ้าน
ลุงที่ซื้อแป้งทอดไข่ในตอนเช้าก็รีบมุ่งเข้ามาหา
