หลังรับประทานมื้อเช้าเสร็จ อวี้ฉู่จาวพาหลินหร่านมาที่ห้องตำราของตนเอง
ครึ่งเดือนที่ผ่านมามักเป็เช่นนี้เสมอ บ่อยครั้งอวี้ฉู่จาวต้องไปจัดการเื่ในกองทัพ จากนั้นอยู่ในห้องตำรากับหลินหร่านครึ่งค่อนวัน กล่อมหลินหร่านนอนกลางวัน ตกบ่ายพักผ่อนดื่มชา ตกกลางคืน อวี้ฉู่จาวโอบเอวผู้ที่ยังไม่ได้เป็ชายาเต็มตัวเข้าห้องนอน
กิจวัตรส่วนใหญ่ก็เป็เช่นนี้
อวี้ฉู่จาวให้คนเอาโต๊ะเล็กๆ มาวางไว้ข้างโต๊ะของตนเองสำหรับหลินหร่าน
ขณะนี้ อวี้ฉู่จาวนำสารราชการมาอ่านอย่างตั้งใจ ข้างหน้าหลินหร่านก็มีตำราบันทึกการเดินทางอยู่
เนื่องจากอวี้ฉู่จาวเกรงว่าหลินหร่านจะรู้สึกเบื่อหน่ายจึงให้คนไปหามาให้ เพราะตำราหลายๆ เล่มที่เขามีอยู่ล้วนเป็ตำราเกี่ยวกับการทหาร
ในสมัยนี้ ตำราบันทึกการเดินทางเปรียบเสมือนนิยายในปัจจุบัน เป็สิ่งที่ผู้คนมักอ่านเวลาไม่มีอะไรทำหรือใช้ฆ่าเวลา
แต่หลินหร่านคือคนที่ข้ามภพมา ของเหล่านี้มีแต่อักษรจีนโบราณเต็มไปหมด ให้อ่านแล้วเข้าใจนั้นนับเป็เื่ยาก เวลาผ่านไปนานเข้าจึงทำให้ง่วงนอน
แต่เพื่อไม่ให้เป็การรบกวนอวี้ฉู่จาว ให้เขาได้มีเวลากับตัวเองอย่างเต็มที่ หลินหร่านจึงพยายามอดทน หากง่วงก็จะแอบหลับในมุมที่ท่านอ๋องไม่ทันสังเกตเห็น
แต่ครั้งนี้อ่านตำราไปได้ไม่นานหลินหร่านก็ง่วงเสียแล้ว เขาพยายามประคองศีรษะเอาไว้แต่ก็ยังสัปหงกอยู่ดี
อวี้ฉู่จาวหยิบพู่กันขึ้นมาแล้วหันไปเห็นหลินหร่าน พยายามมองอยู่ครู่หนึ่งถึงพบว่าหลินหร่านกำลังแอบหลับอยู่นั่นเอง
อวี้ฉู่จาวรู้สึกว่ามันช่างน่าขัน จึงลุกขึ้นเดินไปดู
อวี้ฉู่จาวยืนอยู่ข้างชั้นวางตำรา เขาก้มลงคุกเข่าลงข้างหนึ่งมองหลินหร่าน “เขกหัว”
ทว่าอาจเพราะง่วงนอน และหลินหร่านไม่ได้ใช้มือค้ำเอาไว้ ร่างจึงค่อยๆ ไหลลงจนหัวจะไปโขกกับชั้นวางตำรา ดีที่มือของอวี้ฉู่จาวไวกว่า จับศีรษะของหลินหร่านเอาไว้ได้ทัน
เมื่อรู้สึกได้ถึงฝ่ามือใหญ่ที่ัั หลินหร่านลืมตาขึ้นมาทันที
ร่างที่กำลังนั่งตัวตรงอยู่พลันรู้สึกว่าตนกำลังอยู่ในท่าที่ไม่ค่อยเหมาะสม “ท่าน...ท่าน...ท่านอ๋อง”
อวี้ฉู่จาวยิ้มมุมปาก “เ้าไม่ชอบอ่านตำรางั้นหรือ”
“ไม่ใช่...ไม่ใช่นะพ่ะย่ะค่ะ” นี่เป็สิ่งที่ท่านอ๋องตั้งใจเตรียมให้เขา เขาจะไม่ชอบได้อย่างไร
“ไม่เป็ไร” อวี้ฉู่จาวมองหลินหร่านพลางนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ “ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้ข้าให้คนเข้าไปเอาข้าวของของเ้าที่กระท่อม”
หลินหร่านรู้สึกแปลกใจ ใจเขาแอบกังวลเื่ที่กระท่อมเพราะด้านในมีของส่วนตัวกับถั่วแดงของเขา
อวี้ฉู่จาวเรียกให้คนนำของเ่าั้เข้ามาให้
“เครื่องนอนของเ้าข้าไม่ได้ให้คนนำมาด้วย นำมาเพียงของเหล่านี้” อวี้ฉู่จาวมองไปยังกองภาพวาดและกล่องไม้เก่าๆ
หลินหร่านมีท่าทีเป็กังวล เพราะรูปภาพเ่าั้ล้วนเป็ภาพที่เขาวาดท่านอ๋องทั้งสิ้น
“ท่านอ๋อง…” หลินหร่านลังเล ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
“ภาพวาดเหล่านี้ไม่ได้ใช้ตานชิง1 หรือหมึก แต่ช่างเหมือนจริง ราวกับคนจริงๆ เชียว” อวี้ฉู่จาวหยิบภาพวาดเหมือนของตนที่กำลังขี่ม้าขึ้นมา ตัดบทหลินหร่านที่กำลังจะพูด
"ใช่...ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ นี่เรียกว่าการวาดภาพเหมือน วาดด้วยถ่านที่ทำจากไม้แห้งนำมาเผาเป็พู่กัน” หลินหร่านอธิบาย
“วาดภาพเหมือน? ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน”
“คือ...ข้าเรียกมั่วๆ ขึ้นมาเอง” หลินหร่านลืมไปได้อย่างไรว่าในยุคนี้ยังไม่มีการวาดภาพเช่นนี้
จากนั้นอวี้ฉู่จาวก็หยิบกล่องถั่วแดงขึ้นมาแล้วเปิดออก
“เหตุใดถึงเก็บถั่วแดงไว้เยอะเช่นนี้ เ้าอยากกินหรือ” พอนึกถึงชีวิตของหลินหร่าน่ก่อนหน้านี้ อวี้ฉู่จาวรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
หลินหร่านก้มหน้าลง ใบหน้าแดงก่ำเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงแ่เบา “...ถั่วแดงแทนความคิดถึง”
สี่ปีก่อน หากไม่ใช่เพราะถั่วแดงคงไม่ทำให้หลินหร่านได้พบกับอวี้ฉู่จาว
ผลก็คือ ในใจของอวี้ฉู่จาวตอนนี้อาจต้องเริ่มเก็บถั่วแดงบ้างเสียแล้ว
“อันที่จริงถั่วแห่งความรักจะอยู่ทางใต้ ที่ข้าพอจะหาได้ก็มีแต่ถั่วแดงเช่นนี้ สี่ปีก่อน…เป็เพราะมัน ข้าจึงได้พบกับท่านอ๋อง…”
หลินหร่านเอ่ยต่อ “ปีนั้น ท่านอ๋องนำชัยชนะกลับมา ตอนนั้นข้าคิดว่าอาจเป็ท่านพ่อจึงยืนรออยู่ข้างหลังกองทัพ น่าเสียดายที่ไม่ได้พบ ่เวลานั้นข้าหิวไม่ได้กินอะไรมาสามวัน ไม่มีแรงจะตามกองทัพไปแล้ว แต่มีถั่วแดงมากมายไหลออกมาจากไหนไม่รู้ ข้าอยากกินข้าวให้อิ่มจึงวิ่งตามถั่วแดงนั่นไป ก่อนจะวิ่งตามไปจนเจอกับท่าน…”
ท่านอ๋องในตอนนั้นช่างดูพร่างพราว
ไม่รู้ทำไมหลังจากนั้นเขาถึงมีงานอดิเรกเป็การเก็บถั่วแดง แล้วก็กินถั่วแดงด้วย
อวี้ฉู่จาวเข้าใจสาเหตุแล้ว นั่นเป็เพราะตัวเขาเองสินะ
ยิ่งอวี้ฉู่จาวได้รู้จักก็ยิ่งชอบคนผู้นี้มากขึ้น เป็คนเรียบง่ายที่ไปชอบใครคนหนึ่งกระทั่งในหัวใจมีแต่คนผู้นั้น สายตามองอีกฝ่ายเพียงผู้เดียว และคนผู้นั้นก็คือเขา
หลินหร่านไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดจะทำให้ท่านอ๋องรู้สึกไม่สบายใจหรือไม่
แต่ท่านอ๋องปฏิบัติกับเขาเป็อย่างดี เขาจึงอยากแสดงความในใจของตนให้รับรู้
หลินหร่านคุกเข่าลงบนพื้น “ท่านอ๋อง นานมาแล้วที่ข้ามีความรู้สึกที่ไม่ควรรู้สึกต่อท่าน...ท่านคงรู้เื่นี้แล้ว แต่ข้าจริงใจ เพื่อตัวท่านแล้ว ไม่ว่าอะไรข้าก็ยอม”
ไม่ว่าอะไรก็ยอม…อวี้ฉู่จาวรู้ได้โดยพลัน
อวี้ฉู่จาวประคองหลินหร่านขึ้นมา “อย่ายอมรับผิดไปเสียทุกเื่ คุกเข่าทำไมกัน เรากำลังจะแต่งงาน เป็สามีภรรยาที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปตลอดชีวิต เ้าเอาแต่แสดงความเคารพแบบนี้ข้าจะทำอย่างไรล่ะ ข้าสนิทกับเ้าขนาดนี้แล้วนะ” ถ้อยคำของอวี้ฉู่จาวทำให้ใจของหลินหร่านพลันหวานหยดย้อย
ถึงแม้ท่านอ๋องมักพูดอยู่เสมอว่าพวกเขาจะแต่งงานกัน แต่หลินหร่านก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็เมื่อไรเพราะเื่นี้ถือเป็เื่ใหญ่
“มาคิดดู นี่จวนจะถึงเวลาแล้ว” อวี้ฉู่จาวมองตำราบันทึกบนโต๊ะเล่มนั้น
เหมันต์ปีนี้ช่างหนาวนัก ชาวซยงหนูทางเหนือถึงทนไม่ได้ รังควานผู้เลี้ยงสัตว์ทางเหนือครั้งแล้วครั้งเล่า
หากเสด็จพ่อจะส่งเขาออกไป แบบนั้นก็จะต้องหาชายาที่อยู่ในเมืองหลวงเพื่อจำกัดขอบเขตเขา แต่หากไม่ส่งเขาออกไปก็ต้องมีเหตุผล
ตัวอย่างเช่น การให้เขาอยู่ในเมืองเพื่อเตรียมงานอภิเษก
หลินหร่านไม่รู้ว่าที่อวี้ฉู่จาวเอ่ยออกมานั้นหมายความว่าอย่างไร
หลังจากนั้น อวี้ฉู่จาวได้เรียกให้คนเตรียมกระดาษ พู่กันและหมึก รวมไปถึงถ่านดำให้หลินหร่าน บางครั้งหากตนเองไม่มีธุระอะไรก็จะวาด ‘ภาพเหมือน’ เป็เพื่อนอีกคน
.........
ในวังหลวง
ฮ่องเต้ฉงเต๋อได้รับข่าวลือเกี่ยวกับการกระทำของชาวซยงหนู
ทุกปี่ฤดูหนาว ชาวซยงหนูมักก่อความวุ่นวาย แต่ละปีจะมีการส่งกองกำลังทหารเข้าไปขับไล่ แต่เวลานี้ เมืองอวี้อันเสริมกำลังจนเข้มแข็งขึ้นทุกวัน กองทัพมีชื่อเสียงมากขึ้นภายใต้การควบคุมของอวี้ฉู่จาว
หากพวกมันไม่ถูกขับไล่ออกไปอย่างเ็ป คงจะเป็อันตรายต่อเกียรติภูมิของประเทศเกินไป
ฮ่องเต้ฉงเต๋อคิดว่า ให้อวี้ฉู่จาวนำทัพไปปราบปรามชาวซยงหนูน่าจะเป็การดี แต่หลายปีมานี้หลังจากพระอนุชาอวี้หนานถังปลดประจำการทหาร อวี้ฉู่จาวออกไปทางซีเจียงตะวันตกและซีเจียงตะวันตกเฉียงใต้ ได้ต่อสู้กับเหล่าอนารยชน อำนาจทางการทหารทั้งหมดของเมืองอวี้อันจึงอยู่ในมือของอวี้ฉู่จาว
ฉะนั้น หากให้เขานำทัพออกไปตอนนี้ก็มีแต่จะเสริมกำลังของเขาให้แข็งแกร่งมากขึ้น
พระองค์คิดว่าหาก้าจะปราบชาวซยงหนู การส่งอวี้ฉู่จาวไปจะเป็การดีที่สุดก็จริง แต่พระองค์ก็อยากใช้โอกาสนี้ลดอำนาจทางการทหารของอวี้ฉู่จาวลง
ขณะนี้ฮ่องเต้ฉงเต๋ออยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เหล่าโอรสของเขาต่างเติบใหญ่แล้ว แต่ในสถานการณ์เช่นนี้กลับยังไม่มีการแต่งตั้งองค์รัชทายาท
เพื่อตนเองและเหล่าราชโอรสของตน พระองค์ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน
“ฮ่องเต้ ฮองเฮาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” หลี่ิลู่เข้ามากราบทูล
ฮ่องเต้ฉงเต๋อที่กำลังยุ่งขมวดคิ้วถาม “มีเื่อันใด”
“ฮองเฮา้าปรึกษาเกี่ยวกับงานอภิเษกสมรสของจ้านหวังพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ฉงเต๋อใจเย็นลง งานอภิเษกสมรสของอวี้ฉู่จาวนับว่ามีผลต่อราชวงศ์ทั้งหมด
“ให้เข้ามา”
“พ่ะย่ะค่ะ”
------------------------------
1 ตานชิง หมายถึง สีที่ได้จากแร่หิน ใช้เพื่อให้สีสันในการวาดภาพในสมัยก่อน