การสอบถงเซิงระดับอำเภอของสวี่ตี้จบไป การแต่งงานของสวี่เกาก็ถูกจัดขึ้นตามกำหนด
นี่คือแม่นางคนแรกของรุ่นที่แต่งงานออกไป การจัดงานแน่นอนว่าไม่ต้องพูดถึงเลย ข้าวของชุดแต่งงานรวมถึงของใช้บนเตียง รองเท้าต่างเตรียมเอาไว้อย่างเรียบร้อย ถึงแม้สกุลเฉิงจะเป็จวนป๋อ แต่ว่าพ่อลูกสกุลเฉิงตอนนี้ก็ต่างเป็คนโปรดของเหลียงเฉิงตี้ จางจ้าวฉือจึงตามมาดูงานแต่งงานของคนชนชั้นสูง
หลังจากส่งสวี่เกาออกเรือนแล้ว จางจ้าวฉือก็รีบพาสวี่ไป่กลับสวี่จือกลับไปที่เรือนของตนเอง วันนี้ในจวนมีคนจากด้านนอกมากันเป็จำนวนมาก เรือนหลังจึงวุ่นวายอยู่นิดหน่อย จางจ้าวฉือกลัวว่าพวกลูกๆ จะถูกชนจึงพาสวี่ไป่ที่อยากจะออกไปดูเื่สนุกมาเดินวนอยู่ในบ้านแทน กลับทำให้เด็กชายมายืนรั้นอยู่ที่หน้าประตูใหญ่
หลังจากที่สวี่ตี้ส่งสวี่เกาออกเรือนกับพวกน้องชายคนอื่นๆ ในจวนเสร็จแล้ว ก็ไปอยู่ที่เรือนหน้าได้สักพัก ก่อนจะกลับไปที่เรือนหลัง พอเข้ามาในเรือนก็เห็นสวี่ไป่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู จึงเอ่ยปากถามออกไป “เป็อะไรเล่านี่? ซนอีกแล้วหรือ?”
สวี่ไป่เห็นว่าเป็สวี่ตี้ ดวงตาก็หมุนไปมา ก็จะรีบวิ่งไปจูงมือสวี่ตี้ “ท่างปี้ ไปดูๆ”
สวี่ตี้จึงรู้แล้วว่าเป็อะไรจึงพูดว่า “ด้านนอกเขาแยกตัวกันหมดแล้ว เ้าจะไปดูอะไร? นี่เย็นแล้ว พวกเราไปทานข้าวกันก่อนเถิด ทานเสร็จแล้วพี่จะพาเ้าไปหาฮูหยินผู้เฒ่า ข้าได้ยินมาว่าที่เรือนฮูหยินผู้เฒ่ามีอิงเถาเยอะมาก พวกเราไปขออิงเถาจากฮูหยินผู้เฒ่ากันดีหรือไม่?”
ถึงแม้สวี่ไป่อยากจะออกไปดูด้านนอกมากเพียงใด แต่เขากลัวสวี่ตี้อยู่นิดหน่อย จึงทำได้แค่พยักหน้ารับ “เอาตามท่างปี้ว่าขอยับ”
สวี่ตี้ถึงได้อุ้มสวี่ไป่แล้วเดินเข้าไปในเรือน เดินไปก็พูดไป “เ้ารู้เท่าทันเหตุการณ์เช่นนี้ถือว่าถูกแล้ว ยังดีที่เ้าเชื่อฟัง หากเ้าไม่เชื่อฟังข้าจะตีก้นเ้า ตีจนกว่าเ้าจะเชื่อฟัง”
สวี่ไป่ใตัวสั่น จริงด้วย พี่ชายของตนคนนี้ อย่าเห็นว่าปกติแล้วเขาทำตัวอ่อนโยนใจดีด้วย หากตนดื้อไม่เชื่อฟังขึ้นมา ก็จะตีก้นจริงๆ
เห็นบนใบหน้าของสวี่ไป่มีความหวาดกลัว สวี่ตี้ก็พยักหน้า “รู้จักกลัวก็ดีแล้ว วันหลังพี่สาวคนโตจะพาพี่เขยคนใหม่ของพวกเรากลับมา ถึงตอนนั้นเ้าอยากจะดูนานเท่าไหร่ก็ได้”
จางจ้าวฉือจัดอาหารกลางวันขึ้นโต๊ะกับแม่นมลู่ สวี่จือช่วยถือตะเกียบมา สวี่ตี้วางสวี่ไป่ลงบนเก้าอี้เด็ก ก่อนที่สวี่ไป่จะร้องเรียกจางจ้าวฉือ “ท่างแม่ ท่างแม่ ย้างมือ ย้างมือ”
จางจ้าวฉือจึงรีบหยิบผ้ามาเช็ดมือให้เขา “เอาเช่นนี้ก่อนแล้วกัน”
สามวันกลับบ้านเรือน สวี่เกากับเฉิงไค่ลูกเขยคนใหม่ของจวนโหวมาที่เรือนสกุลสวี่ั้แ่เช้าของวันที่สิบเก้าเดือนสี่
ครอบครัวสกุลสวี่ได้เตรียมตัวเอาไว้แล้ว โหวเย่พาซื่อจื่อมารออยู่หน้าเรือน โหวฮูหยินกับฮูหยินของเรือนสองพาลูกสะใภ้แล้วก็กลุ่มแม่นางน้อยมารอที่บ้านพักของฮูหยินผู้เฒ่า สวี่ตี้ก็พาเหล่าน้องชายตามโหวเย่มารออยู่ที่เรือนหน้า
สวี่เกากับเฉิงไค่มากันแล้ว ก่อนจะมาคำนับฮูหยินผู้เฒ่า ซึ่งฮูหยินผู้เฒ่ามองใบหน้าเขินอายของเหลน แล้วก็มองใบหน้าเหลนเขยที่สง่างาม จากนั้นก็มอบถุงเงินใบเล็กๆ ให้ “พวกเ้าสองสามีภรรยา ต่อไปจะต้องใช้ชีวิตร่วมกันแล้วนะ ทั้งสองคนจะต้องให้อภัยซึ่งกันและกัน จับมือกันไว้ สิ่งนี้ข้าให้กับพวกเ้าทั้งสอง ขอให้มีลูกไวๆ นะ”
เฉิงไค่เป็คนที่ซื่อตรงมาก รีบทำความเคารพฮูหยินผู้เฒ่า เอ่ยขอบคุณสำหรับของขวัญ ก่อนที่ผู้าุโคนอื่นๆ จะเอาของมาให้ แต่ว่าส่วนมากล้วนจะเป็ถุงเงิน ไม่รู้ว่าด้านในใส่อะไรเอาไว้
เฉิงไค่รับถุงแต่ละใบมา ก็รู้แล้วว่านอกจากฮูหยินผู้เฒ่า กับฮูหยินสามสกุลสวี่ที่ให้ตั๋วเงิน คนอื่นๆ ต่างให้ก้อนทองหรือก้อนเงิน
ตอนกลางวันทุกคนก็ต่างทานอาหารกันที่เรือนของฮูหยินผู้เฒ่า บุรุษโต๊ะหนึ่ง สตรีสองโต๊ะ เหตุผลหลักๆ เป็เพราะเด็กหญิงรุ่นเดียวกับสวี่เกามีจำนวนมากเกินไป
โหวเย่พาเหล่าบุรุษในจวนมานั่งอยู่ที่โต๊ะด้านนอกกับเฉิงไค่ สวี่ไป่ถูกจางจ้าวฉืออุ้มมานั่งที่โต๊ะของฮูหยินผู้เฒ่า เขามองโต๊ะล้วนมีแต่สตรี จึงลงมาจากตัวของจางจ้าวฉือแล้ววิ่งไปหาสวี่ตี้ด้วยตนเอง จะให้สวี่ตี้อุ้มตัวเองนั่งอยู่ที่โต๊ะด้วยให้ได้
โหวเย่เห็นหลานชายตัวน้อยที่ตนเองรักมากที่สุดมาหา ก็ยิ้มแล้วถามเขา “ไป่เกอ เหตุใดเ้าไม่ไปกินข้าวกับแม่ของเ้าหรือ?”
สวี่ไป่ย่นจมูกพร้อมเอ่ย “ท่างปู่ ข้าเป็เด็กปู้จาย ควงจะกิงข้าวที่นี่กับท่างปี้ขอยับ”
โหวเย่มองเด็กน้อยที่ยังสูงไม่ถึงโต๊ะคนนี้ ยิ้มแล้วเอ่ย “เ้ายังเด็กอยู่เลย จะต้องกินข้าวกับแม่ของเ้า ไม่เช่นนั้นใครจะดูแลเ้า?”
สวี่ไป่ตอบ “ท่างปู่ ข้าฉามารถดูแยตัวเองได้ขอยับ ท่างวางใจเถิด ข้ายับประกันว่าจะไม่สร้างความวุ่งวายให้กับท่าขอยับ”
โหวเย่เห็นเช่นนั้นจึงทำได้แค่สั่งให้คนไปจัดที่นั่งให้สวี่ไป่ ให้อยู่ข้างๆ กับสวี่ตี้ หลังจากเขานั่งลงแล้วก็เห็นแค่หัวเล็กๆ ทุกคนเห็นแล้วก็หัวเราะออกมา ซึ่งสวี่ไป่ก็ไม่ได้หงุดหงิดอันใด แล้วปีนลงจากเก้าอี้ ไปหาเบาะรองนั่งหนาๆ ที่ห้องพักผ่อนของฮูหยินผู้เฒ่ามารองใต้ก้นของตนเอง หลังจากนั่งลงไปแล้ว อย่างน้อยก็สามารถเห็นได้ครึ่งตัว
โหวเย่อดไม่ได้ที่จะให้ความสนใจกับเด็กน้อยคนนี้ อายุน้อยแต่กลับไม่งอแงไม่วุ่นวาย เจอปัญหาก็ยังสามารถใช้สมองของตนเองมาพิจารณาว่าจะแก้ไขอย่างไร เขาคิดว่าเด็กขนาดนี้ก็มีความสามารถเช่นนี้แล้ว เก่งไม่เบาเลย
สวี่ตี้มองสวี่ไป่ที่นั่งทำตัวน่ารักอยู่ข้างๆ ตนเองอย่างรังเกียจ เบะปากแล้วยื่นหน้าไปตรงหน้าของสวี่ไป่ พลางพูดเสียงเบา “พยายามทำตัวน่ารักเกินไปจนน่าเกลียดนะ”
สวี่ไป่รู้ว่าพี่ชายของตนเองมองออกนานแล้ว ส่วนตัวเขาหรือ มองออกแล้วจะอย่างไร ตนเองกับเขาก็เป็พี่น้องแม่เดียวกัน จึงพยักหน้ายิ้มแล้วพูดเสียงเบา “ก็ข้าอายุเท่านี้ จ้วยไม่ได้นี่นา”
สวี่ตี้หัวเราะรับคำ “เอาแค่พอประมาณพอนะ หากมากเกินไปมันจะไม่น่ามอง”
สวี่ไป่หัวเราะฮี่ๆ พยักหน้า เฉิงไค่มองเด็กอายุน้อยที่สุดในจวนนี้ด้วยความสนใจมาตลอด รู้สึกว่าเด็กน้อยคนนี้ถึงแม้จะอายุน้อยแต่ว่าน่ารักมาก คิดได้ว่าต่อไปหากลูกชายของตนเองเหมือนกับสวี่ไป่เช่นนั้นจะดีแค่ไหนกัน
คิดมาถึงตรงนี้ ก็อดที่จะคิดไปถึงภรรยาที่เพิ่งจะแต่งงานใหม่ของตนเอง แล้วก็คิดไปถึงความร้อนแรงของทั้งสองคนใน่สองวันนี้ ใบหน้าก็อดที่จะร้อนขึ้นมาไม่ได้
จวนชิงผิงป๋อเป็คนที่บริสุทธิ์ เด็กชายในครอบครัวหากไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ ก็ตั้งใจฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้ ตอนที่ยังไม่ได้แต่งงาน เด็กชายในเรือนจะไม่อนุญาตให้มีสาวใช้ข้างห้อง เฉิงไค่ชอบคนหน้าตางดงามมาก สวี่เกาก็ดันเป็คนที่รู้จักสถานการณ์ดี ตอนที่ทั้งสองคนเพิ่งจะแต่งงานกัน จึงเป็ความรู้สึกที่ดีมากๆ
พอถึงเวลาที่ต้องดื่มสุรา สวี่ตี้ที่เป็พี่ชายที่อายุมากที่สุดในรุ่น จึงยกแก้วสุราแล้วลุกขึ้น กล่าวกับเฉิงไค่ “พี่เขยใหญ่ ข้าขอชนแก้วกับท่านสักแก้วนะขอรับ”
เฉิงไค่รีบหยิบแก้วเหล้าแล้วลุกตามขึ้นมา สวี่ตี้โบกมือ “พี่เขยใหญ่นั่งเถิดขอรับ ก่อนที่จะดื่มเหล้ากัน ข้ามีสิ่งหนึ่งอยากจะพูดสักหน่อย หลังจากที่พี่สาวแต่งงานกับท่านไปแล้ว พวกเราก็จะเป็ครอบครัวเดียวกัน ต่อไปท่านกับพี่สาวจะต้องสนับสนุนซึ่งกันและกัน ใช้ชีวิตที่เหลือด้วยกัน อย่างอื่นข้าจะไม่พูดถึง วันนี้สิ่งที่ข้าจะพูดกับท่านก็มีแค่เื่เดียว ขอให้ท่านดูแลพี่สาวของพวกเราดีๆ ถึงแม้พวกเราจะไม่ใช่พี่น้องท้องเดียวกัน แต่ว่าพวกเราก็ออกมาจากสกุลเดียวกัน เื่ความสัมพันธ์ก็คงไม่ต้องพูดถึง ด้านหลังของพี่สาวใหญ่ยังมีพวกเราเหล่าน้องชายยืนอยู่ พี่เขย ขอให้ท่านโปรดดีกับพี่ของข้าด้วย”
เฉิงไค่ยกแก้วเหล้าขึ้น “สามีภรรยาคือคนคนเดียวกัน ในเมื่อพวกเราเป็สามีภรรยากันแล้ว ต่อไปพวกเราจะต้องแบ่งปันซึ่งกันและกัน ขอให้เ้าโปรดวางใจ ข้าจะต้องดูแลภรรยาของข้าให้ดี”
สวี่ตี้พยักหน้า หลังจากยกแก้วในมือขึ้นแล้วดื่มให้หมดในทีเดียว เฉิงไค่ก็ยกแก้วเหล้าในมือของตนเองดื่มจนหมด
คำพูดพวกนี้ความจริงแล้วไม่ใช่การเตือน แต่เป็การแสดงท่าทีของตนเองออกมา สำหรับผู้าุโในเรือน จะต้องอยากจะแสดงออกกับเฉิงไค่ว่า ครอบครัวของภรรยาของเ้ายังมีพี่น้องอีกหลายคน แต่ว่าผู้าุโพูดออกมาไม่ได้ สวี่ตี้ที่เป็น้องชายของสวี่เกา ถึงแม้จะไม่ใช่น้องชายแท้ๆ แต่ว่าในครอบครัวเขาก็เป็เด็กผู้ชายที่อายุมากที่สุดในรุ่น ให้เขาเป็คนออกมาพูดนั้นเป็สิ่งที่เหมาะสมที่สุด
ในใจของซื่อจื่อรู้สึกซาบซึ้งกับสวี่ตี้มาก สวี่เกาที่นั่งอยู่อีกโต๊ะแน่นอนว่าได้ยินคำพูดของสวี่ตี้แล้ว นางจึงพูดกับจางจ้าวฉือว่า “ท่านน้าสะใภ้สาม ขอบคุณพวกท่านนะเ้าคะ”
จางจ้าวฉือยิ้มแล้วเอ่ย “พวกเขาต่างเป็พี่น้องของเ้า แน่นอนว่าจะต้องคอยสนับสนุนเ้าอยู่ด้านหลัง ต่อไปจะทำอะไร ก็มิต้องไปเกรงกลัวสิ่งใด สิ่งที่ควรจะทำก็ทำเสีย พวกน้องชายของเ้ายังไม่โต แต่ว่ายังมีพวกเราน้าๆ อยู่ไม่ใช่หรือ? แม่ของเ้าออกหน้าให้ไม่สะดวก พวกเราออกหน้าให้เ้าก็พอ”
หนิงซื่อฟังคำพูดของจางจ้าวฉือก็ยกแก้วเหล้าไปทางจางจ้าวฉือ “น้องสะใภ้สาม ขอบคุณเ้าแล้ว”
ตลอดการรับประทานอาหาร ทุกคนต่างทานกันอย่างมีความสุข
ระหว่างทางที่สวี่เกากับเฉิงไค่กลับไปที่จวนชิงผิงป๋อ เฉิงไค่ได้หาข้ออ้างว่าตนดื่มเหล้าเมาแล้ว ไม่ขี่ม้าแต่เข้าไปอยู่ในรถม้าของสวี่เกาพร้อมเข้าไปนั่งพิงซบนาง
สวี่เกามองเฉิงไค่ด้วยท่าทีเอียงอาย ก้มใบหน้าที่แดงลง เพราะว่าเฉิงไค่ดื่มเหล้ามา ใบหน้าจึงยังแดงอยู่นิดหน่อย ก่อนจะจับมือของสวี่เกามากุมอยู่ในฝ่ามือของตนเองเบาๆ มือของเฉิงไค่ใหญ่และหนา เพราะว่าฝึกการต่อสู้มาหลายปี ฝ่ามือจึงมีเม็ดไตอยู่เยอะ ตุ่มนั้นบาดผิวนุ่มๆ ของสวี่เกาจนรู้สึกคัน ความรู้สึกคันนี้ค่อยๆ ขยายมาถึงก้นบึ้งหัวใจ
เฉิงไค่หน้าแดงแล้วเอ่ย “ที่รัก ข้าได้สาบานต่อหน้าน้องๆ ภรรยา ว่าต่อไปจะต้องดีกับเ้า ที่รัก เ้าวางใจก็พอ”
สวี่เกาก้มหน้าลง ฟังคำพูดพวกนี้แล้วใบหูก็แดง พยักหน้าโดยไม่ได้เงยหน้า เฉิงไค่มองภรรยาตัวน้อยที่อยู่ข้างกาย ก็รู้สึกว่าทั้งโลกใบนี้เหมือนจะสมบูรณ์แล้ว
หลังจากสวี่เกากลับไปวันที่สอง ซื่อจื่อก็ได้ส่งคนให้เอาอุปกรณ์สำคัญในการอ่านหนังสือสี่อย่างมาให้สวี่ตี้ ซึ่งเขาก็รับไว้ด้วยความเต็มใจ ก่อนจะกลับมาพูดกับจางจ้าวฉือ ซึ่งจางจ้าวฉือเข้าใจว่าซื่อจื่อ้าขอบคุณที่สวี่ตี้พูดบนโต๊ะอาหาร ที่สวี่ตี้พูดพวกนั้นเพราะว่าเขากับสวี่เกาต่างเป็ลูกหลานสกุลสวี่ ซื่อจื่อส่งคนเอาของมาให้ เช่นนั้นก็หมายความว่าเขาได้ติดหนี้บุญคุณสวี่ตี้แล้ว
สวี่ตี้เอ่ย “ข้ารู้สึกว่าซื่อจื่อเกรงใจกันไปหน่อย พวกเราก็ต่างออกมาจากจวนเดียวกัน จะต้องช่วยเหลือกันถึงจะถูก คำพูดพวกนี้ใครพูดก็ต่างไม่เหมาะสม ก็มีข้าพูดถึงจะเหมาะสมที่สุด”
จางจ้าวฉือเอ่ย “เ้าทำได้ แต่ฮวาเกอที่เป็น้องชายแท้ๆ เหตุใดเขาถึงไม่พูดล่ะ?”
สวี่ตี้เอ่ย “เอ้อ สวี่ฮวาน่ะหรือ? ท่านไม่เห็นสายตาที่เขามองเฉิงไค่หรือ นั่นมันสายตาของคนที่มองแบบอย่างที่ตัวเองนับถือ เฉิงไค่คนนี้น่ะ ชื่อเสียงในเมืองหลวงดีมาก ตัวสูงใหญ่มีอำนาจ ศิลปะการต่อสู้ก็แข็งแกร่ง ตอนนั้นเดินทางในสายการสู้รบ สวี่ฮวามีงานอดิเรกเป็ศิลปะการต่อสู้ เคยเห็นเฉิงไค่ต่อสู้กับคนอื่นมาก่อน เขายังสามารถพูดคำพูดพวกนี้ใส่เฉิงไค่ได้หรือ? พับเก็บลงไปเถิด”
แม่นมลู่หัวเราะแล้วเอ่ย “ซื่อจื่อของจวนชิงผิงป๋อชื่อเสียงดีมาก พวกเราที่อยู่เมืองหลวงน่ะ คนหนุ่มๆ หลายคนต่างมองราชองครักษ์เฉิงเป็แบบอย่างของตนเองกันทั้งนั้น”
จางจ้าวฉือเอ่ย “ในเมื่อเป็เช่นนี้ ต่อไปจะต้องติดต่อกับเขาให้มากหน่อยถึงจะดี ไม่ติดต่อกัน พี่ใหญ่ของเ้าถูกเขารังแกเ้าก็จะไม่รู้เื่ เ้าพูดเตือนกับเขาไปแล้ว ถึงตอนนั้นเกิดปัญหาขึ้นมาจริงๆ ก็ต้องเป็เ้าที่ออกโรง”
สวี่ตี้เอ่ย “ออกโรงก็ออกโรงสิ ไม่มีอะไรน่ากลัว เอาล่ะ ท่านแม่ ของพวกนี้ตอนนี้มีสิ่งที่ข้าใช้ได้ไม่มาก เก็บเอาไว้ที่ท่านแล้วกัน ให้จือเอ๋อร์หรือไป่เอ๋อร์ใช้ก็ได้ขอรับ”
จางจ้าวฉือมองของที่วางอยู่ในกล่องหลายใบ แค่มองก็รู้แล้วว่าเป็ของดี แม่นมลู่มาเปิดดูก็เอ่ย “พู่กันจูเก๋อ หมึกหลี่เหยียนกวา กระดาษแดงซินถาง แท่นฝนหมึกหางหลงเว่ย ซื่อจื่อของพวกเราก็ถือว่าเข้าเนื้อแล้วนะ”
สวี่ตี้เอ่ย “ของพวกนี้ทำออกมาไม่ใช่ให้คนใช้หรือ? ตอนนี้ข้าใช้ไม่ได้ จะปล่อยให้ฝุ่นจับก็กระไร ให้จือเอ๋อร์กับไป่เอ๋อร์ใช้ไปเถิด”
หลังจากสวี่เกาแต่งงานออกไป ตอนนี้ก็เป็เวลาสำคัญที่สุดที่สวี่ผูจะพาครอบครัวออกเดินทางแล้ว
จากที่สวี่ผูได้บรรยายกับเฉินซื่อ นางจึงยิ่งรอคอยการเดินทางครั้งนี้มาก ลูกๆ ทั้งสี่คนในเรือนก็ตั้งตารอให้มาถึงไวๆ
สวี่จิ่นคือลูกคนโตสุดในครอบครัว ไม่เพียงแต่จะจัดสัมภาระให้กับตัวเองเท่านั้น ยังช่วยน้องชายน้องสาวจัดอีกด้วย
ครอบครัวสวี่ผูมีลูกสี่คน สวี่จิ่นอายุสิบสามปี ลูกชายอายุรองลงมานามว่าสวี่จง เป็คุณชายสามในจวน เด็กที่สุดเป็ฝาแฝดหญิง เป็คุณหนูหกสวี่กุ้ยกับคุณหนูเจ็ดสวี่จวี๋
สวี่จือให้ถุงเงินที่ตนเองทำเองกับพวกน้องๆ พี่ๆ ทุกคน ในถุงได้ใส่ก้อนเงินเอาไว้สองก้อน
สวี่จิ่นไม่อยากรับ แต่สวี่จือยิ้มแล้วเอ่ยว่า “พี่สามเ้าคะ ท่านแม่บอกว่าคนในครอบครัวจะออกเดินทางไกลจะต้องให้ของขวัญเป็การส่งออกเดินทาง ตอนนี้ข้ามีเงินไม่มาก พวกนี้คือเงินอั่งเปาที่ข้าเก็บเอาไว้ ท่านแม่บอกว่าข้าเก็บเอง อยากจะใช้อย่างไรก็ตามใจข้า ข้าคิดมาหลายวันแล้ว คิดว่ามอบให้พวกเ้าค่อนข้างเหมาะสมแล้ว พวกเ้าจะออกไปด้านนอก หากเห็นของที่ตนเองอยากได้ แล้วรู้สึกไม่ดีที่จะขอเงินท่านลุงกับท่านป้าสอง ก็สามารถใช้เงินนี้ได้เ้าค่ะ”
สวี่กุ้ยนิสัยร่าเริง ยิ้มแล้วรับกระเป๋าไป “ขอบคุณน้องเก้ามาก รอตอนข้ากลับมาจะเอาของขวัญมาฝากเ้า”
สวี่จือยิ้มแล้วเอ่ย “ขอบคุณพี่หกมากเ้าค่ะ ท่านแม่เคยพูดเอาไว้ว่าทางใต้ฝนตกชุก อากาศแห้งสู้ทางเราไม่ได้ เสื้อผ้าแห้งยาก ข้าคิดว่าพวกพี่ๆ เตรียมชุดใส่ด้านในไปหลายๆ ตัวหน่อยจะดีกว่า แล้วก็นะ ยามออกไปด้านนอกจะต้องพกยาที่ใช้ฉุกเฉินเอาไว้ด้วย ท่านแม่ของข้ากำลังเตรียมยาให้พวกเ้าอยู่ในเรือน บอกว่าเดี๋ยวทำเสร็จแล้วจะเอาไปให้พวกเ้า”
สวี่จิ่นรีบพาน้องชายน้องสาวขอบคุณสวี่จือ ซึ่งคนถูกขอบคุณนั่งอยู่ครู่หนึ่งก็บอกลาแล้วกลับเรือนตัวเองไป
กลิ่นยาจีนลอยออกมาจากในเรือน จางจ้าวฉือกำลังใช้เตาดินเผาในโรงครัวเล็กทำยาในหม้อเล็กๆ สวี่จือรีบเข้ามาช่วยดูไฟให้ จางจ้าวฉือเห็นนางเข้ามาก็ยิ้มแล้วถาม “เ้าไปส่งของขวัญกลับมาแล้วหรือ?”
สวี่จือตอบ “ใช่เ้าค่ะ พี่จิ่นไม่กล้ารับ ข้าก็ขอให้พวกนางรับเอาไว้ ท่านแม่เ้าคะ ข้าคิดว่าอยู่กับพวกพี่จิ่นดีมากเลยเ้าค่ะ พี่สาวในจวนดีกันมากเลยเ้าค่ะ ยกเว้นพี่สี่”
จางจ้าวฉือพูดด้วยความแปลกใจ “ข้าเห็นแม่หนูสี่ก็ดีนี่ เหตุใดถึงมีเื่กับเ้าหรือ?”
สวี่จือเอ่ย “ข้าเองก็มิรู้เ้าค่ะ แต่เข้ากับพี่สี่ไม่ได้ คงเป็เพราะพวกเราสองคนไม่ถูกชะตากันั้แ่เกิดเ้าค่ะ ท่านแม่ พวกเราไม่พูดเื่พวกนี้แล้ว ท่านว่า ข้าเรียนวิชาแพทย์กับท่านเป็อย่างไรเ้าคะ?”
จางจ้าวฉือยิ้มแล้วเอ่ย “เ้าน่ะพลาดเวลาในการเรียนที่ดีที่สุดไปแล้ว อยากจะเป็เหมือนกับแม่นั้นไม่ได้แล้ว แต่ว่าแม่สามารถสอนเ้าเกี่ยวกับยาได้ เรียนเบื้องต้นไปก่อนแล้วค่อยสอนเ้าว่าจะทำยาอย่างไร ต่อไปอย่างน้อยก็จะได้มียาดีๆ ไว้กินด้วยจริงหรือไม่?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้