ยามเช้าวันต่อมา
ไป๋หยุนเฟยนั่งขัดสมาธิบนเตียงขมวดคิ้วมองดูกำไลสีส้มในมือ
“อัพเกรดล้มเหลว”
“ไอเทมถูกทำลาย”
ข้อมูลที่ปรากฏในจิตใจสร้างความผิดหวังแก่ไป๋หยุนเฟยอีกครา ชายหนุ่มยื่นมือออกแล้วพลิกฝ่ามือ เศษฝุ่นผงก็ร่วงจากมือลงไปบนผ้าขาวที่ข้างกาย ผ้าสีขาวขนาดเท่าชามอ่างยามนี้ถูกทับถมด้วยฝุ่นผงหลากสีที่แปรเปลี่ยนมาจากเครื่องประดับซึ่งถูกทำลายจากการอัพเกรดล้มเหลวใน่หนึ่งชั่วยามที่ผ่านมา
เนื่องเพราะวันนี้ไป๋หยุนเฟยรอพบชิวลู่หลิวที่จะมาเยือนจึงไม่ได้ออกไปที่ใด เดิมทีมันสมควรออกจากเมืองในวันนี้ แต่ยามนี้ชายหนุ่มไม่มีทางเลือกได้แต่รั้งอยู่อีกวัน และเพราะไม่ทราบชิวลู่หลิวจะมาถึงเมื่อใดไป๋หยุนเฟยจึงใช้เวลา่ที่รอคอยเพื่อค้นคว้าการอัพเกรดเครื่องประดับ
“นี่เป็ชิ้นที่ห้าแล้ว แต่ข้าก็ยังไม่อาจอัพเกรดได้ถึง +9 ไม่ทราบเพราะเหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าการอัพเกรดเครื่องประดับช่างยากเย็นกว่าอาวุธและเครื่องป้องกัน?” ไป๋หยุนเฟยสั่นศีรษะอย่างคับข้องใจ หลังจากขุ่นเคืองใจอยู่ชั่วครู่ก็นำสร้อยไข่มุกสีขาวราวน้ำนมออกมา
“อัพเกรด”
“อัพเกรดสำเร็จ”
“ระดับไอเทม: ชั้นดี”
“ระดับการอัพเกรด: +9”
“คุณลักษณะเพิ่มเติม: ความเร็ว +23”
“สิ่งจำเป็ในการอัพเกรด: แต้มิญญา 17 แต้ม”
ไป๋หยุนเฟยสีหน้ายินดี “ในที่สุดข้าก็ทำสำเร็จ!”
หลังจากวางสร้อยคอ +9 ไว้ด้านข้าง ไป๋หยุนเฟยก็นำกำไลอีกวงออกมาอัพเกรดต่อ แต่โชคร้ายที่มันล้มเหลวและกำไลกลายเป็ฝุ่นผงไปอีกครา
ไม่ทราบว่าเป็เพราะการอัพเกรดเครื่องประดับนั้นยากกว่าจริงๆหรือเพราะไป๋หยุนเฟยโชคร้าย เครื่องประดับอีกสิบสองชิ้นที่มันอัพเกรดหลังจากนั้นกลับมีเพียงสองชิ้นคือกำไลและแหวนที่สามารถอัพเกรดได้ถึง +9
“โธ่...” ไป๋หยุนเฟยถอนหายใจด้วยความคับข้องใจอีกครา ก่อนจะหันไปมองที่นอกหน้าต่างก็พบว่าเป็ยามเช้าแล้ว “ชิวลู่หลิวบอกว่าจะมาถึงที่นี่ก่อนยามบ่าย คาดว่าอีกไม่นานนางคงมาถึง หรือข้าจะเสียเวลาเปล่าไปหนึ่งวันเช่นนี้? แต่... ข้าจะไม่ยอมแพ้! ลองอัพเกรดเครื่องประดับทั้งสามชิ้นนี้เถอะ มาดูกันว่าจะเป็เช่นไร! หากข้าอัพเกรดสำเร็จสักชิ้น ก็จะได้ทราบว่าผลกระทบเพิ่มเติมของเครื่องประดับระดับ +10 เป็เช่นไร!”
ทันทีที่ตกลงใจได้ ไป๋หยุนเฟยก็ไม่นำพาว่ามันใช้เวลาไปหลายชั่วยามเพื่อจะอัพเกรดเครื่องประดับทั้งสามชิ้น ขณะที่หยิบสร้อยคอขึ้นมาดวงตามันก็ทอประกายคาดหวัง
“อัพเกรด!”
“อัพเกรดล้มเหลว”
“ไอเทมถูกทำลาย”
“โธ่! ข้าคิดอะไรง่ายดายเกินไปจริงๆ!” ไป๋หยุนเฟยคร่ำครวญในใจขณะที่ปัดฝุ่นผงในมืออย่างเศร้าสร้อย ก่อนจะหยิบแหวน +9 ขึ้นมา
“ยามนี้ ข้าเริ่มกระทำแล้ว ไม่ว่าจะเป็อย่างไรก็ไม่อาจละทิ้งกลางคัน!”
“อัพเกรด!”
“อัพเกรดสำเร็จ”
ทีแรกจิตใต้สำนึกไป๋หยุนเฟยเตรียมจะถอนหายใจแล้ว แต่ยามนี้มันพลันตะลึงลานไปชั่วครู่ก่อนจะแสดงสีหน้าตื่นเต้นสุดระงับ “มิคาด มิคาดว่า ข้าจะทำสำเร็จ!”
ด้วยจิตใจที่ตื่นเต้นยินดี ไป๋หยุนเฟยมองดูแหวนในมืออย่างเร่งร้อนพร้อมกับเพ่งความคิด
“ระดับไอเทม: ชั้นดี”
“ระดับการอัพเกรด: +10”
“คุณลักษณะเพิ่มเติม: ความทรหด +32”
“ผลกระทบเพิ่มเติมระดับ +10: เพิ่มความเร็วในการจู่โจม 2%”
“สิ่งจำเป็ในการอัพเกรด: แต้มิญญา 21 แต้ม”
ไป๋หยุนเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย “ความทรหด +32 หมายความว่าเมื่อสวมแหวนนี้จะช่วยเพิ่มความทรหดแก่คนธรรมดาอีกสามส่วน... แต่กลับไร้ความหมายต่อผู้ฝึกปรือิญญา ความเร็วในการจู่โจม? หรือนี่จะเป็‘สถานะ’เพิ่มเติม? นับเป็ครั้งแรกที่ข้าได้เห็นเื่เช่นนี้ มาลองทดสอบดูเถอะ...”
ไป๋หยุนเฟยยืดกายนั่งตัวตรง สูดลมหายใจอย่างแ่เบาพร้อมกับกำหมัดชกใส่อากาศอย่างต่อเนื่อง สร้างภาพติดตาทิ้งไว้กลางอากาศ ขณะเดียวกันดวงตามันก็ทอแววครุ่นคิดราวกับกำลังรับรู้บางสิ่งอย่างเงียบงัน
ผ่านไปหลายลมหายใจ ไป๋หยุนเฟยจึงหยุดมือและสวมแหวน +10 ลงบนนิ้วชี้ซ้าย
ชั่วขณะที่สวมแหวนชายหนุ่มก็ััได้ถึงความรู้สึกอันวิเศษ แม้จะบางเบาแต่ก็ยังััได้อย่างชัดเจน ความทรหดของร่างกายไป๋หยุนเฟยเอ่อล้นขึ้น --- นี่ย่อมเป็ผลกระทบ‘ความทรหด +32’
หลังจากสูดลมหายใจลึกไป๋หยุนเฟยก็ยกแขนขึ้นชกใส่อากาศเช่นเดิม ชั่วครู่ให้หลังจึงหยุดมือก้มศีรษะพึมพำกับตนเอง
“ความเร็วในการจู่โจมที่เพิ่มขึ้นช่างยอดเยี่ยมนัก! แม้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงน้อยนิด แต่ก็เหนือกว่าผลกระทบที่ต้องอาศัยโอกาสที่จะเกิดขึ้น ข้าเพียงสวมแหวนนี้ไว้ก็บังเกิดผล! เช่นนี้พลังฝีมือของข้าก็จะเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย!”
“แต่น่าเสียดายที่ไม่อาจใช้แหวนสองวงพร้อมกันได้...” ไป๋หยุนเฟยครุ่นคิดด้วยความเสียดายขณะมองดูมือของตนเอง
สำหรับเครื่องประดับนั้น แต่ละประเภทจะมีเพียงชิ้นแรกเท่านั้นที่จะแสดงผลการอัพเกรด หมายความว่ามีเพียงแหวนหนึ่งวงและกำไลหนึ่งวงเท่านั้นที่จะสวมใส่และแสดงผลได้ เช่นเดียวกับต่างหูและสร้อยคอ เมื่อสวมใส่ชิ้นที่สองผลการอัพเกรดก็จะไม่ปรากฏออกมา
ไป๋หยุนเฟยหยิบเครื่องประดับชิ้นสุดท้ายคือกำไล +9 สีครามสดใสขึ้นมาด้วยสีหน้าลังเลใจ “ถ้าเช่นนั้น... ข้าสมควรอัพเกรดกำไลวงนี้ต่อไปหรือไม่?”
“หยุนเฟย ท่านอยู่หรือไม่?”
ขณะที่ไป๋หยุนเฟยลังเลใจอยู่นั้น เสียงของหญิงสาวก็พลันดังขึ้นที่นอกประตู
“แม่นางชิวมาถึงแล้ว? โอ ไม่ นี่เป็... เสียงของเมิ่งเอ๋อร์!” ไป๋หยุนเฟยสะดุ้งรู้สึกตัวก่อนจะรีบลุกจากเตียงมาสวมรองเท้าเดินไปเปิดประตู
เมื่อไป๋หยุนเฟยเปิดประตูก็พบหญิงสาวในชุดสีครามแย้มยิ้มอยู่หน้าประตู นางจะเป็ใครหากไม่ใช่หลิวเมิ่ง ข้างกายนางเป็สาวใช้เสี่ยวหนิงกำลังมองไปรอบด้านด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เมิ่งเอ๋อร์? ไฉนท่านมาที่นี่ได้?” ไป๋หยุนเฟยลอบประหลาดใจ ยามกะทันหันกลับลืมเชื้อเชิญหญิงสาวทั้งสองเข้าห้อง
“เป็ไรหรือ? ข้าไม่สมควรมาหาท่าน?” หลิวเมิ่งเอ่ยปากถามอย่างยิ้มแย้ม
“เอ่อ ไม่ใช่ ท่านย่อมต้องมาได้...”
“คุณชายหยุนเฟย ท่านสมควรเชิญคุณหนูข้าเข้าไปในห้องก่อน จะให้คุณหนูยืนคุยกับท่านที่หน้าห้องเช่นนี้หรือ? หรือท่านมีหญิงอื่นซ่อนเอาไว้ในห้องจึงไม่กล้าให้คุณหนูข้าเข้าไป?” สาวใช้เสี่ยวหนิงนับว่ามีวาจาแหลมคมเช่นเคย ด้วยคำพูดไม่กี่คำก็ทำให้ไป๋หยุนเฟยอับอายแทบตาย ชายหนุ่มจึงรีบเชื้อเชิญนายบ่าวทั้งคู่เข้ามาในห้อง
“เมิ่งเอ๋อร์ หรือเมื่อวานข้าไม่ได้บอกต่อท่านว่ามีเื่ต้องกระทำในวันนี้จึงไม่อาจไปพบท่าน? ไฉนท่านจึง...” ไป๋หยุนเฟยกล่าวอย่างสงสัยขณะมองดูหลิวเมิ่งที่พิจารณาห้องพักของมันด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เป็ไรหรือ? ท่านไม่ยินดีที่ข้ามาหาท่าน?” หลิวเมิ่งเอ่ยถามเสียงค่อย น้ำเสียงนางราวกับเจือความผิดหวังไม่น้อย
“ไม่ ไม่ใช่อย่างแน่นอน ข้าเพียง... อีกสักครู่ข้ากำลังจะออกไปข้างนอก จึง...” ไป๋หยุนเฟยรีบอธิบาย ทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงของหลิวเมิ่ง หัวใจไป๋หยุนเฟยก็รู้สึกอึดอัดคับข้องยากจะอธิบาย
เมื่อเห็นสีหน้ากังวลใจของไป๋หยุนเฟยเช่นนี้ หลิวเมิ่งก็แย้มยิ้มได้อีกครา “โอ ไม่เป็ไร ข้ามาเพียงชั่วครู่ก็จะกลับไป ดีหรือไม่?”
“โอ เช่นนั้น... เช่นนั้นก็ได้...” ไป๋หยุนเฟยลังเลใจไปชั่วขณะ ราวกับจิตใต้สำนึกบอกว่าไม่สมควรให้ชิวลู่หลิวและหลิวเมิ่งพบกัน
“โอ? กำไลวงนี้ช่างงดงามนัก!” น้ำเสียงประหลาดใจของหลิวเมิ่งดังขึ้น เมื่อไป๋หยุนเฟยเงยหน้าขึ้นมองหัวใจมันก็ราวกับจะบีบรัดอย่างกะทันหัน ที่แท้มันรีบร้อนไปเปิดประตูจึงลืมเลือนกำไล+9 ที่อยู่บนโต๊ะไป ยามนี้จึงถูกหลิวเมิ่งพบเห็นและหยิบขึ้นมาพิจารณาอย่างละเอียด
“อืม งดงามจริงๆ! สีครามสดใส ช่างเข้ากับชุดของคุณหนูนัก” เสี่ยวหนิงที่ด้านข้างใช้สายตามุ่งหวังมองดูกำไลสีครามสดใส สายตานางพลันกลอกกลิ้งก่อนจะหันหน้าไปหาไป๋หยุนเฟย จากนั้นกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “คิก คิก คุณชายหยุนเฟย หรือว่า... นี่เป็ของขวัญที่ท่านซื้อให้แก่คุณหนูข้า? เมื่อวานหลังจากคุณหนูมอบหมวกฟางให้ ท่านก็สัญญาว่าจะให้ของขวัญตอบแทน ผู้ใดจะคาดว่าท่านหาได้รวดเร็วนัก?”
เมื่อหลิวเมิ่งได้ยินคำพูดเสี่ยวหนิง ดวงตาก็ทอประกายตื่นเต้นดีใจ ใบหน้านางแดงซ่าน เมื่อหลิวเมิ่งเงยหน้าขึ้นสบตากับไป๋หยุนเฟย ดวงตาของนางราวกับ... คาดหวัง?
“นี่...” ไป๋หยุนเฟยได้แต่อึกอัก ไม่ทราบจะทำอย่างไรดี
