บทที่ 4 การปฏิรูปองค์กรฉบับ CEO (ภาคปฏิบัติ)
ข่าวการเลื่อนตำแหน่งฟ้าผ่าของเสิ่นเยว่แพร่กระจายไปทั่วเขตบ่าวไพร่เร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง จากนักโทษที่รอวันตายในโรงเก็บฟืน สู่ตำแหน่งผู้ดูแลโรงซักล้างคนใหม่ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน มันคือเื่ราวที่เหลือเชื่อและน่าขันในสายตาของทุกคน
เมื่อเสิ่นเยว่เดินย่างเท้าเข้าสู่แผนก ใหม่ของตนเอง บรรยากาศที่เคยอึกทึกครึกโครมพลันเงียบสงัดลงทันที บ่าวหญิงสิบกว่านางที่กำลังทำงานอยู่ต่างหยุดมือพร้อมกัน หันมามองนางเป็ตาเดียว สายตาเ่าั้มีทั้งความประหลาดใจ ดูแคลน อิจฉา และที่ชัดเจนที่สุดคือ การไม่ยอมรับ
เสิ่นเยว่กวาดสายตาคมกริบมองไปทั่วที่ทำงาน แห่งใหม่ของนางในฐานะผู้จัดการ สภาพที่เห็นทำให้เธอต้องส่ายหัวในใจ
นี่ไม่ใช่แค่โรงซักล้าง แต่มันคือโรงงานนรกที่ขาดการบริหารจัดการอย่างสิ้นเชิง!
กองผ้าดีและผ้าที่ใช้แล้วถูกสุมรวมกันแทบไม่แยกแยะ อ่างไม้ใบใหญ่หลายใบมีคราบไคลจับหนาเตอะ กลิ่นอับชื้นและกลิ่นเหงื่อไคลคละคลุ้งจนน่าเวียนหัว บ่าวบางคนทำงานไปคุยไปอย่างเกียจคร้าน บางคนแอบอู้งานอยู่หลังกองผ้า เห็นได้ชัดว่าภายใต้การปกครองของหลิวมามา ที่นี่คือแดนมิคสัญญีที่ไร้ซึ่งประสิทธิภาพโดยสิ้นเชิง
"การประเมินสถานะองค์กรเบื้องต้น: F... ไม่สิ F ลบ" เสิ่นเยว่คิดในใจ "ต้องเริ่มจากการปรับโครงสร้างและวางกฎระเบียบใหม่ทั้งหมด"
"มองอะไรกัน? ยังไม่รีบทำงานอีก!"
เสียงแหลมดังขึ้นจากหญิงร่างท้วมวัยกลางคน นางคือ จางเจี่ย (เจี่ย แปลว่า พี่สาว) ซึ่งเปรียบเสมือนมือขวาของหลิวมามา และเป็ผู้มีอิทธิพลที่สุดในโรงซักล้างแห่งนี้ในเวลานี้ นางมองเสิ่นเยว่ั้แ่หัวจรดเท้าด้วยสายตาหยามเหยียด
"นึกว่าใคร ที่แท้ก็คุณหนูเสิ่นผู้โชคดีนี่เอง ได้รับการเลื่อนตำแหน่งแล้วคิดว่าจะมาเหยียบหัวพวกเราได้รึ? ที่นี่ทำงานกันด้วยประสบการณ์ ไม่ใช่ด้วยเล่ห์เหลี่ยมการประจบสอพลอ!"
บ่าวคนอื่นๆ เริ่มส่งเสียงหัวเราะคิกคัก นี่คือการประกาศา การท้าทายอำนาจของผู้จัดการคนใหม่อย่างเปิดเผย
เสิ่นเยว่ไม่ได้แสดงอาการโกรธเคืองแม้แต่น้อย ใบหน้าของนางยังคงเรียบเฉยราวน้ำแข็ง นางเดินตรงไปหยุดอยู่เบื้องหน้าจางเจี่ย ซึ่งสูงกว่านางเกือบหนึ่งศีรษะ
"ข้าชื่อเสิ่นเยว่" นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็าแต่ดังชัดเจน "ั้แ่วันนี้เป็ต้นไป ข้าคือผู้ดูแลโรงซักล้างแห่งนี้ คำสั่งของข้าถือเป็ที่สุด ใครมีปัญหา?"
ความมั่นใจที่มากล้นจากร่างของเด็กสาวผอมบางทำเอาจางเจี่ยชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะแค่นหัวเราะ "ปัญหา? ปัญหาคือเ้ามันก็แค่เด็กเมื่อวานซืนที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม! จะมาสอนพวกข้าที่ซักผ้ามาทั้งชีวิตได้อย่างไร!"
"ประสบการณ์ไม่ได้วัดกันที่จำนวนปี แต่วัดกันที่ผลลัพธ์" เสิ่นเยว่สวนกลับทันควัน "และผลลัพธ์ที่ข้าเห็นตรงหน้านี้ คือความสกปรก ความไร้ระเบียบ และการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพสิ้นดี!"
นางชี้นิ้วไปยังกองผ้าไหมราคาแพงที่ถูกโยนปะปนอยู่กับผ้าเช็ดเท้า "ผ้าไหมเมฆาจากหางโจว ราคาพับละหลายสิบตำลึงเงิน ถูกพวกเ้ากองไว้กับผ้าขี้ริ้ว นี่เรียกว่าประสบการณ์รึ? นี่เขาเรียกว่าการทำลายทรัพย์สินของเ้านาย!"
จางเจี่ยหน้าเสียไปเล็กน้อย แต่ยังคงเถียงข้างๆ คูๆ "มันก็เป็แบบนี้มาตั้งนานแล้ว! ไม่เคยมีปัญหาอะไร!"
"นั่นเพราะไม่มีใครตรวจสอบอย่างจริงจังต่างหาก" เสิ่นเยว่หรี่ตาลง "แต่วันนี้จะเปลี่ยนไป"
นางเดินไปหยิบพู่กันกับกระดาษที่ขอมาจากพ่อบ้านคังระหว่างทางมา วางลงบนโต๊ะไม้เก่าๆ ตัวหนึ่ง
"สิ่งแรกที่ต้องทำในวันนี้ คือการทำบัญชี"
"บัญชีอะไร?" บ่าวคนหนึ่งถามขึ้นอย่างงุนงง
"บัญชีควบคุมทรัพย์สิน" เสิ่นเยว่อธิบายอย่างใจเย็นราวกับกำลังสอนงานเด็กใหม่ "ต่อไปนี้ ผ้าทุกชิ้นที่เข้ามาในโรงซักล้าง จะต้องถูกบันทึก: มาจากเรือนไหน เป็ผ้าชนิดใด รับเข้ามาเมื่อไหร่ ใครเป็ผู้รับผิดชอบ และมีตำหนิมาก่อนหรือไม่ เมื่อซักเสร็จส่งคืน ก็ต้องมีลายเซ็นผู้รับกลับไป"
บ่าวทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่เคยได้ยินเื่ยุ่งยากเช่นนี้มาก่อน
"เสียเวลาเปล่า!" จางเจี่ยกอดอก "มีเวลาทำเื่ไร้สาระแบบนี้ เอาไปซักผ้าเพิ่มอีกสองชิ้นไม่ดีกว่ารึ?"
"นี่ไม่ใช่เื่ไร้สาระ แต่เป็การป้องกันปัญหาทุจริตและการใส่ร้ายป้ายสี" เสิ่นเยว่ตอกกลับ "หากมีของหาย หรือมีใครถูกกล่าวหาว่าขโมยของอีก ก็สามารถตรวจสอบย้อนกลับจากบัญชีนี้ได้ทันที หรือว่า พวกเ้าบางคนไม่ชอบความโปร่งใส เพราะมันจะทำให้พวกเ้า ทำอะไรไม่สะดวกงั้นรึ?"
คำพูดประโยคสุดท้ายแทงใจดำของจางเจี่ยและบ่าวาุโอีกหลายคนจนหน้าซีด พวกนางเคยแอบหยิบยืมของเล็กๆ น้อยๆ หรือรับสินบนจากการลัดคิวซักผ้าให้บ่าวเรือนอื่นอยู่เป็ประจำ
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครกล้าค้านอีก เสิ่นเยว่จึงเริ่มออกคำสั่ง
"เ้าสองคน ไปจัดการแยกกองผ้าทั้งหมดตามประเภทและตามเรือน เ้าสามคน ไปขัดล้างอ่างให้สะอาด ส่วนที่เหลือ ไปตักน้ำมาเติมให้เต็มทุกอ่าง" นางชี้นิ้วสั่งการอย่างคล่องแคล่วราวกับทำมาเป็สิบปี "ให้เวลาพวกเ้าครึ่งชั่วยาม เริ่มได้!"
เหล่าบ่าวมองหน้ากันอย่างลังเล แต่เมื่อเห็นแววตาเอาจริงของเสิ่นเยว่และนึกถึงชะตากรรมของหลิวมามา สุดท้ายก็จำต้องขยับตัวไปทำงานอย่างเสียไม่ได้ มีเพียงจางเจี่ยที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
"แล้วถ้าข้าไม่ทำล่ะ?" นางถามอย่างท้าทาย
เสิ่นเยว่เหลือบมองนางด้วยหางตา "ข้าไม่เคยบังคับให้ใครทำงาน แต่ในทุกองค์กร ย่อมมีกฎระเบียบสำหรับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง"
นางยังพูดไม่ทันจบดี บ่าวรับใช้ชายสองคนจากเรือนใหญ่ก็เดินเข้ามาพร้อมกับม้วนกระดาษในมือ หนึ่งในนั้นประกาศเสียงดัง
"ประกาศจากพ่อบ้านใหญ่คัง! อนุญาตให้ผู้ดูแลเสิ่นเยว่ร่างกฎระเบียบใหม่สำหรับโรงซักล้าง และมีอำนาจในการให้รางวัลและลงโทษบ่าวภายใต้การดูแลได้ตามความเหมาะสม โดยอ้างอิงตามกฎใหญ่ของจวน!"
ม้วนกระดาษที่มีตราประทับของพ่อบ้านใหญ่คือเครื่องยืนยันอำนาจที่สมบูรณ์! ใบหน้าของจางเจี่ยพลันเปลี่ยนจากสีขาวเป็เขียวคล้ำ นางรู้ตัวแล้วว่าเด็กสาวตรงหน้านี้ได้รับการสนับสนุนจากเบื้องบนจริงๆ
"เอาล่ะ" เสิ่นเยว่ยิ้มมุมปาก เป็รอยยิ้มที่เย็นเยียบ "ในเมื่อทุกคนพร้อมแล้ว ข้าขอประกาศ นโยบายการบริหารงาน ข้อแรก: ทำงานให้ดี มีรางวัล ทำตัวมีปัญหา มีบทลงโทษ"
นางหันไปมองเหล่าบ่าวที่ทำงานอย่างแข็งขัน "ใครก็ตามที่ทำงานเสร็จตามเป้าหมายของแต่ละวันได้อย่างมีคุณภาพ สิ้นเดือนจะได้รับรางวัลเป็เนื้อสองชิ้นและไข่สิบฟองเพิ่มเติมจากส่วนแบ่งปกติ"
ดวงตาของบ่าวหลายคนพลันลุกวาว! ในจวนแห่งนี้ อาหารคือสิ่งสำคัญที่สุด การได้กินเนื้อเพิ่มถือเป็รางวัลชั้นเลิศ!
"แต่..." เสิ่นเยว่ลากเสียงยาว ก่อนจะหันไปจ้องหน้าจางเจี่ย "สำหรับคนที่ไม่ทำงาน ทำงานล่าช้า หรือทำงานเสียหาย จะถูกหักอาหารเย็นตามสัดส่วนความผิด และหากยังไม่ปรับปรุงตัว ข้าจะทำเื่ส่งตัวไปทำงานที่แผนกอื่นที่เหมาะสมกว่านี้ เช่น แผนกขนมูลสัตว์"
ทุกคนกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ไม่มีใครอยากไปทำงานในที่แบบนั้นแน่
นี่คือหลักการ "ไม้แข็งและไม้อ่อน" (Carrot and Stick) ที่เธอใช้บริหารพนักงานมานับครั้งไม่ถ้วน มันได้ผลเสมอไม่ว่าจะในยุคสมัยไหน เพราะมันตั้งอยู่บนพื้นฐานความ้าและความกลัวของมนุษย์
จางเจี่ยหน้าซีดเผือด นางกำหมัดแน่น แต่สุดท้ายก็จำต้องยอมแพ้ เดินกระทืบเท้าปึงปังไปเริ่มทำงานอย่างไม่พอใจ
เสิ่นเยว่รู้ดีว่านี่เป็เพียงการเริ่มต้น การยอมรับในวันนี้เป็เพราะอำนาจ ไม่ใช่ความสามารถ นางต้องพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าระบบของนางมันดีกว่าของเก่าจริงๆ
โอกาสนั้นมาถึงเร็วกว่าที่คิด
่บ่ายวันนั้น บ่าวจากเรือนของอนุสี่ อนุซู นำชุดผ้าไหมแก้วสีชมพูอ่อนมาส่งซัก บนชุดมีรอยเปื้อนจากไวน์ผลไม้เป็ดวงใหญ่
"แย่แล้ว!" บ่าวคนหนึ่งอุทาน "รอยเปื้อนแบบนี้ใช้น้ำด่างธรรมดาซักไม่ออกแน่ ยิ่งขยี้ยิ่งเป็รอยด่าง ท่านผู้ดูแลจะทำอย่างไรดีเ้าคะ? นี่เป็ชุดโปรดของอนุซูเลยนะเ้าคะ!"
ทุกคนหันมามองเสิ่นเยว่เป็ตาเดียว โดยเฉพาะจางเจี่ยที่มุมปากปรากฏรอยยิ้มเยาะเย้ย นี่คือบททดสอบแรกที่แท้จริง หากนางทำพลาด ชื่อเสียงที่เพิ่งสร้างมาก็จะพังทลายลงทันที
เสิ่นเยว่เดินเข้าไปพิจารณาคราบนั้นอย่างใจเย็น ในฐานะลูกสาวของเ้าของโรงงานตัดเย็บในชาติก่อน ความรู้เื่เนื้อผ้าและสารเคมีของเธอมีมากกว่าคนในยุคนี้หลายเท่า
"ไปเอาเกลือกับน้ำส้มสายชูจากในครัวมาให้ข้า" นางสั่ง
"เกลือกับน้ำส้มสายชูรึเ้าคะ? ของพวกนั้นจะใช้ซักผ้าได้อย่างไร?"
"ไม่ต้องถามมาก รีบไปเอามา!"
เมื่อได้ของมาแล้ว เสิ่นเยว่ก็สั่งให้บ่าวนำกะละมังใบเล็กใส่น้ำสะอาดมา นางไม่ได้ลงมือซักทันที แต่กลับนำเศษผ้าชนิดเดียวกันที่ตัดเก็บไว้สำหรับปะชุนมาทดลองก่อน
นางโรยเกลือลงบนคราบ จากนั้นค่อยๆ หยดน้ำส้มสายชูลงไปเล็กน้อย ทิ้งไว้ครู่หนึ่ง แล้วจึงใช้ผ้านุ่มๆ ชุบน้ำค่อยๆ กดซับเบาๆ จากขอบนอกของคราบเข้ามาด้านใน
ทุกคนต่างมองดูการกระทำที่แปลกประหลาดของนางอย่างไม่เชื่อสายตา
"หลักการพื้นฐานของเคมี" เสิ่นเยว่อธิบายให้ตัวเองฟังในใจ "กรดในน้ำส้มสายชูจะทำปฏิกิริยากับสารให้สีในไวน์ ส่วนเกลือจะช่วยดูดซับสีออกมาและป้องกันไม่ให้สีกระจายตัว"
หลังจากซับอยู่หลายครั้ง รอยเปื้อนบนเศษผ้าทดลองก็จางลงอย่างเห็นได้ชัด!
เสียงฮือฮาดังขึ้นรอบตัว
เมื่อมั่นใจในอัตราส่วนแล้ว เสิ่นเยว่จึงลงมือทำเช่นเดียวกันบนชุดของอนุซูอย่างระมัดระวัง นางทำอย่างใจเย็นและเชี่ยวชาญ คราบไวน์ที่เคยดูน่ากลัวค่อยๆ จางหายไปต่อหน้าต่อตาทุกคน จนในที่สุดก็เหลือเพียงรอยจางๆ ที่แทบมองไม่เห็น เมื่อนำไปซักล้างตามปกติอีกครั้ง ชุดผ้าไหมแก้วก็กลับมาสะอาดหมดจดงดงามดังเดิม!
คราวนี้ไม่ใช่แค่เสียงฮือฮา แต่เป็เสียงอุทานอย่างตกตะลึง! แม้แต่จางเจี่ยก็ยังอ้าปากค้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เสิ่นเยว่เช็ดมืออย่างสบายๆ "จำวิธีที่ข้าทำไว้ให้ดี ต่อไปหากเจอคราบประเภทนี้อีก ก็ให้ใช้วิธีนี้จัดการ"
นางไม่ได้แค่แก้ปัญหา แต่ยังถือโอกาส "ฝึกอบรมพนักงาน" ไปในตัว
วันแรกของการเป็ผู้จัดการแผนกสิ้นสุดลง โรงซักล้างที่เคยสกปรกและไร้ระเบียบ บัดนี้กลับสะอาดสะอ้านขึ้นอย่างเห็นได้ชัด กองผ้าถูกแยกเป็หมวดหมู่อย่างเป็ระเบียบ และบนโต๊ะทำงานของนาง มีสมุดบัญชีเล่มแรกที่บันทึกรายการผ้าของวันนี้ไว้อย่างครบถ้วน
เหล่าบ่าวหญิงมองนางด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป จากความดูแคลนกลายเป็ความเกรงขามและยอมรับในความสามารถอย่างแท้จริง
คืนนั้น ขณะที่เสิ่นเยว่นั่งทบทวนแผนงานสำหรับวันพรุ่งนี้ในห้องพักของตนเอง เสียงของระบบก็ดังขึ้นในหัว
[ติ๊ง! ผู้ใช้งานได้สร้างความประทับใจและวางรากฐานอำนาจในองค์กรสำเร็จ! ความคืบหน้าภารกิจ "ปฏิรูปโรงซักล้าง" +15%]
[รางวัลพิเศษ: ปลดล็อกฟังก์ชัน "วิเคราะห์ข้อมูล" ของระบบ]
เสิ่นเยว่ยิ้มออกมาเล็กน้อย
"การเทคโอเวอร์องค์กรในวันแรก ถือว่าประสบความสำเร็จด้วยดี"
าในโรงซักล้างอาจจะเพิ่งเริ่มต้น แต่นางก็ได้วางรากฐานแห่งอำนาจที่มั่นคงเอาไว้แล้ว และด้วยระบบ ที่เป็เหมือนทีมที่ปรึกษาส่วนตัว ชัยชนะในท้ายที่สุด ย่อมต้องเป็ของนางอย่างแน่นอน
