“เห็นแล้วใช่หรือไม่?” ก่อนที่มู่หรงฉิงจะถอนสายตาออกจากเฉินเทียนหยู จ้าวจื่อซินก็หันขวับกลับมามองนางอย่างเหนือกว่า “ในบรรดาอนุจำนวนแปดคน สองคนเสียชีวิตภายในห้องหอในคืนแต่งงาน ส่วนอีกหกคนที่เหลือก็ไม่ใช่คนโง่ ย่อมคิดวิธีได้ หนึ่งในนั้นขอผลไม้จากฮูหยินผู้เฒ่า และทำเป็เครื่องหอม แต่ผลลัพธ์เป็อย่างไร เ้ารู้หรือไม่?”
“ข้าไม่รู้!” ก่อนที่มู่หรงฉิงจะเอ่ยปากบอก จ้าวจื่อซินกลับเอนตัวไปข้างหน้าอย่างกะทันหัน มือทั้งสองเท้ากับที่วางแขนของเก้าอี้และกักตัวมู่หรงฉิงไว้ “เ้าอยากรู้หรือไม่?”
คำพูดของจ้าวจื่อซินสะกดคนอย่างไม่อาจอธิบายออกมาเป็คำพูดได้ ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้ม ไม่ได้เ็าอีกต่อไป มิหนำซ้ำไม่ใช่รอยยิ้มกึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม แต่เป็รอยยิ้มสดใสดั่งฤดูใบไม้ผลิ ถึงกระนั้นมันกลับทำให้มู่หรงฉิงรู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาฉับพลัน
มู่หรงฉิงจ้องจ้าวจื่อซินด้วยสายตาว่างเปล่า ใน่เวลานี้นางเพิ่งจะค้นพบว่า ใบหน้าอันเ็าของจ้าวจื่อซินหายไปแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะมีใบหน้าที่น่าหลงใหล อาจเป็เพราะในตอนแรก นางมีเื่เฉินเทียนหยูให้ต้องคิดมากมายจึงละเลยจ้าวจื่อซิน ชายหนุ่มรูปงามไม่ธรรมดาผู้นี้
เขาโน้มตัวเข้าใกล้ กระทั่งนางรู้สึกได้ถึงความอดทนอดกลั้นอย่างชัดเจน เมื่อลมหายใจของเขาัักับใบหน้าของนาง เสียงอันเ็าของจ้าวจื่อซินกลับไม่มีอำนาจสะกดคนอีกต่อไป “คุณหนูมู่หรง เ้าไม่้ารู้หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น?”
มู่หรงฉิงรู้สึกได้โดยสัญชาตญาณว่า ผลลัพธ์ถัดจากนั้นคือการนองเือย่างน่ากลัว นางไม่้าจะรับรู้ เพราะหัวใจของนางยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะสามารถฟังเื่ราวนองเืเพื่อสร้างความบันเทิงระหว่างดื่มน้ำชาได้
อย่างไรก็ดีมีบางสิ่งที่้าหลีกเลี่ยงแต่กลับไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แผ่นหลังของมู่หรงฉิงแนบอยู่กับพนักเก้าอี้ นางพยายามดึงตัวเองออกห่างจากจ้าวจื่อซินให้อยู่ในระยะที่ไกลที่สุด แต่จ้าวจื่อซินก็กดดันทุกย่างก้าว ทำให้นางไม่มีโอกาสได้หลบเลี่ยงโดยสิ้นเชิง
“น้องหญิง พวกเ้ากำลังเล่นอะไรอยู่หรือ?”
ในจังหวะที่มู่หรงฉิงรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะะเิ จู่ๆ เสียงโง่ๆ ของเฉินเทียนหยูก็ทำลายบรรยากาศอันน่าหดหู่ มู่หรงฉิงไม่เคยคิดเลยว่าเฉินเทียนหยูจะน่ารักมากเช่นนั้น แต่ในเวลานี้นางรู้สึกว่าเฉินเทียนหยูที่กำลังยืนอยู่ข้างๆ มองดูทั้งสองคนด้วยความสงสัยนั้นน่ารักมากจริงๆ
นางไม่ทันได้คิดมาก นอกจากผลักจ้าวจื่อซินออกไปและลุกขึ้นเดินเข้าหาเฉินเทียนหยู ใช้มือสั่นเทาของนางจับมือของเฉินเทียนหยูไว้แน่น โดยหวังว่าจะได้รับความอบอุ่นที่สมควรจะได้รับจากผู้เป็สามี
“น้องหญิง มือของน้องหญิงเย็นอีกแล้ว ข้าจะเป่าให้น้องหญิงเอง” เฉินเทียนหยูไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาคิดเพียงว่ามือของมู่หรงฉิงสั่นเทาเนื่องจากความหนาวเย็น จึงจับมือของนางไว้และเป่าไอร้อนอย่างต่อเนื่อง
“ฮ่า ฮ่า...ด้วยวิธีนี้ น้องหญิงก็จะไม่หนาวอีกต่อไปแล้ว” รอยยิ้มโง่ๆ และการกระทำอันโง่เขลาของเขาเคยทำให้มู่หรงฉิงรู้สึกเศร้าสร้อย ทว่ายามนี้นางกลับรู้สึกอบอุ่นใจโดยปราศจากเหตุผล “น้องหญิงยังหนาวอยู่หรือไม่?”
“ไม่หนาวแล้ว! ขอบคุณท่านพี่!” หลังจากมู่หรงฉิงสงบลง นางจึงเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเบา “เวลาสายมากแล้ว พวกเราควรจะไปที่เรือนท่านแม่เพื่อคำนับท่านแล้ว”
แม้จะเลย่เวลาของการคำนับไปแล้ว แต่มู่หรงฉิงไม่้าอยู่กับจ้าวจื่อซินแม้เพียงสักครู่เดียว นางแค่อยากจะออกไปจากที่นี่
“ก็ได้ อาหารว่างในเรือนของท่านแม่อร่อยมากเลย” เฉินเทียนหยูลากมู่หรงฉิงออกไปด้วยท่าทีร่าเริง ฝั่งมู่หรงฉิงกลับเดินตามเฉินเทียนหยูออกจากเรือนด้วยความหงุดหงิดใจ
จ้าวจื่อซินมองคนทั้งสองก้าวเท้าออกจากเรือน สองมือกุมไว้ด้านหลัง ทั่วทั้งร่างกายแผ่ซ่านไอแห่งความมีอำนาจเหนือกว่าออกมา “ชิงยวี่ เ้าคิดว่ามู่หรงฉิงคนนี้เป็อย่างไรหรือ?”
“เรียนเ้านาย มู่หรงฉิงคนนี้เป็คนที่ชัดเจนมาก นางไม่มีอะไรต้องตรวจสอบ” คำพูดของชิงยวี่ไม่ตรงกับคำถามของจ้าวจื่อซินโดยสิ้นเชิง ส่งผลให้หว่างคิ้วของจ้าวจื่อซินขมวดเข้าหากันกลายเป็รอยย่นเล็กน้อย “นางแตกต่างจากผู้หญิงพวกนั้นจริงๆ!”
“ใช่แล้ว นางแตกต่างออกไป ด้วยหน้าตาของเ้านายไม่นึกเลยว่าจะไม่เข้าตามู่หรงฉิง” คำตอบของชิงยวี่ในคราวนี้เป็การสัพยอก จ้าวจื่อซินจึงเงยหน้าขึ้นพร้อมพูดติดตลก “เ้าก็มี่เวลาที่ตลกเช่นกันนะ”
“ผู้น้อยแค่รู้สึกแปลกใจ เมื่อเห็นเ้านายพ่ายแพ้ต่อผู้หญิงเป็ครั้งแรกก็เท่านั้น”
“พ่ายแพ้หรือ? ฮึ! ไม่จำเป็” คำพูดโต้ตอบเต็มไปด้วยความหยิ่งยโสซึ่งเผยถึงความดื้อรั้นเอาแต่ใจอย่างแท้จริง “ใช่แล้ว ถ้ามู่หรงฉิงคนนั้นเหมือนกับผู้หญิงพวกนั้น เกรงว่าจะถูกข้าปลิดชีพไปแล้ว”
“เ้านายฉลาดมาก” ชิงยวี่ลดศีรษะและไม่พูดอะไรอีกต่อไป
จ้าวจื่อซินหัวเราะเหอะๆ สองครั้ง แล้วเดินออกไป มู่หรงฉิง...ถ้าเ้าไม่สนใจข้าจริงๆ เ้าก็จะมีชีวิตที่ยืนยาว แต่ถ้าเ้าใช้กลยุทธ์แสร้งปล่อย เพื่อหมายจะจับข้าละก็ เกรงว่าเ้าจะเป็หญิงงามผู้อาภัพแล้ว
ทางเดินคดเคี้ยว และหลังจากเฉินเทียนหยูลากมู่หรงฉิงเดินลัดเลาะใต้ชายคาเป็เวลานาน ก็เห็นปี้เอ๋อร์ยืนอยู่ด้านนอกเรือน
ปี้เอ๋อร์ยืนอยู่ตรงนี้ คิดว่าที่นี่คือเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าเฉิน เพียงแต่ทำไมปี้เอ๋อร์ถึงยืนอยู่ด้านนอกเรือนล่ะ?
“คุณหนูใหญ่” ครั้นเห็นทั้งคู่เดินใกล้เข้ามา ปี้เอ๋อร์ก็รีบเข้ามาคำนับ “ยวี้เอ๋อร์มาสารภาพผิดแทนคุณหนูใหญ่ บ่าวจึงรออยู่ข้างนอก”
เสียงของปี้เอ๋อร์ราบเรียบและไม่อาจแยกแยะถึงอารมณ์ของนางได้ แต่ครั้นรับรู้ว่ายวี้เอ๋อร์กำลังสารภาพผิดแทนนางทำให้มู่หรงฉิงอดไม่ได้ที่จะคิดมาก เดิมทีปี้เอ๋อร์กับยวี้เอ๋อร์มาด้วยกัน แต่ทำไมปี้เอ๋อร์ถึงเฝ้าอยู่ข้างนอกล่ะ? เป็ไปได้หรือไม่ว่ายวี้เอ๋อร์คิดจะทำอะไรไม่ดีอีก?
ความคิดนั้นเป็สาเหตุให้มู่หรงฉิงสับเปลี่ยนเป็จับมือของเฉินเทียนหยูแทน จากนั้นก้าวเท้าเข้าไปในเรือน
“คุณหนูใหญ่!” จังหวะที่มู่หรงฉิงก้าวเท้า จู่ๆ ปี้เอ๋อร์ก็ะโเรียกนางด้วยเสียงเบา มู่หรงฉิงหันกลับไปสบกับสายตาใสสะอาดของปี้เอ๋อร์ทันควัน
“เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
“คุณหนูใหญ่...คุณหนูต้องระวังตัวให้มาก” เห็นๆ อยู่ว่าคำพูดของปี้เอ๋อร์ไม่ได้เอ่ยถึงประเด็นสำคัญ มู่หรงฉิงรู้ว่าปี้เอ๋อร์เป็คนเดียวที่น่าเชื่อถือและไม่ได้ติดกับดักของอนุหนิง การที่สาวใช้ตรงหน้าสามารถหลีกเลี่ยงกับดักของอนุหนิง และสามารถอยู่เคียงข้างนาง ขณะเดียวกันยังสามารถออกห่างจากเหตุการณ์เ่าั้ได้ ย่อมเพียงพอที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าความสามารถของปี้เอ๋อร์มีมากกว่าที่นางเห็นเป็แน่
เพียงแต่ปี้เอ๋อร์ดูเหมือนจะยังคงระแวดระวังนาง หรืออาจเป็เพราะค่อนข้างระแวดระวังผู้คนรอบตัวนาง ดังนั้นปี้เอ๋อร์จึงมีท่าทีเ็าและสร้างระยะห่างเล็กน้อยไว้เสมอ
ดูเหมือนว่าจะต้องหาโอกาสพูดคุยกับปี้เอ๋อร์เสียแล้ว เนื่องด้วยนางกำลังต่อสู้ตัวคนเดียว มันไม่ใช่เื่ง่ายเลยจริงๆ หากปี้เอ๋อร์ที่ยังสามารถใช้งานได้จะซุกซ่อนอะไรบางอย่างต่อนางอยู่ นางจะคลายอันตรายที่จะเกิดขึ้นถัดจากนี้ได้อย่างไร?
“ข้ารู้! เ้าตามข้ามาด้วย!” มู่หรงฉิงรู้สึกว่า สาเหตุที่ปี้เอ๋อร์จงใจทำตัวเหินห่างจากนาง จะต้องข้องเกี่ยวกับยวี้เอ๋อร์เป็แน่ หากเป็กรณีนั้นจริงๆ นางควรจะทำอะไรบางอย่างเพื่อให้ปี้เอ๋อร์รับรู้ว่านางรู้ถึงเส้นสนกลในของยวี้เอ๋อร์แล้ว ปี้เอ๋อร์จะได้ปล่อยวางความระแวดระวังต่อนางและทำงานให้กับนางได้
มู่หรงฉิงลากเฉินเทียนหยูเข้าไปในเรือน แต่ปี้เอ๋อร์ที่อยู่ด้านหลังกลับตะลึงงันเล็กน้อย เพียงครู่เดียวปี้เอ๋อร์ก็รีบเดินตามเข้ามา
เรือนของฮูหยินผู้เฒ่ามีลักษณะเป็เรือนทรงสี่เหลี่ยม และหลังผ่านประตูทางเข้าจะต้องเดินไปตามระเบียงทางเดินถึงจะเห็นทางเข้าหลัก เมื่อเข้าไปในเรือนด้านในแล้ว สาวใช้ก็รีบเข้ามาคำนับ มู่หรงฉิงจึงรีบหยุดพวกนาง “ไม่จำเป็ต้องมากพิธี พวกเ้าลุกขึ้นเถอะ”
แม้บรรดาสาวใช้จะไม่เข้าใจสิ่งที่คุณหนู้าทำ แต่เนื่องจากพวกนางไม่รู้อุปนิสัยพื้นเพของฮูหยินน้อย ดังนั้นพวกนางจึงไม่กล้าที่จะกำเริบเสิบสาน หลังบ่าวรับใช้ถอยห่างออกไปอยู่หลายส่วน มู่หรงฉิงก็พูดกับเฉินเทียนหยูเบาๆ “ท่านพี่ ท่านพี่สามารถได้ยินเสียงสนทนาของคนในห้องหรือไม่?”
ด้วยอากัปกิริยาของมู่หรงฉิงที่ดูระมัดระวังเป็อย่างมาก ทำให้เฉินเทียนหยูพบว่ามันน่าสนใจมาก ดังนั้น เขาจึงเลียนแบบอากัปกิริยาของมู่หรงฉิงด้วยเช่นกัน ก่อนกระซิบเบาๆ ว่า “ข้าได้ยิน!”
“ท่านพี่พูดตามเสียงสนทนาของคนในบ้านที่ได้ยินให้ข้าฟังที” นี่คือสิ่งที่มู่หรงฉิงคิดได้ เมื่อนางเข้ามาในเรือน ด้วยวรยุทธ์และกำลังภายในอันแก่กล้าของเฉินเทียนหยู เขาย่อมสามารถได้ยินเสียงในระยะหนึ่งร้อยหมี่[1]อย่างกระจ่างชัด มู่หรงฉิงคิดแค่จะลองเชิงเฉินเทียนหยูเท่านั้น แต่ไม่คาดคิดเลยว่า เฉินเทียนหยูคนนี้ก็มีประโยชน์เช่นกัน
“ฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินน้อยก็แค่อยากรู้อยากเห็นเพียงชั่ววูบ จึงขอร้องคุณชายรองให้พาไปที่เรือนหยางเซิง ฮูหยินน้อยทั้งกังวลและรู้สึกผิดจึงให้บ่าวมาสารภาพผิด ขอฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินได้โปรดอย่าตำหนิฮูหยินน้อยเลย”
ในระหว่างที่เฉินเทียนหยูเลียนแบบคำพูด ดวงตาของมู่หรงฉิงก็เผยความเ็า ยวี้เอ๋อร์เ้าตัวดี ปรากฏว่าเ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ
“ฮูหยินน้อยเสียมารดาั้แ่ยังเยาว์ อนุหนิงไม่มีเกียรติเท่าฮูหยินน้อย ย่อมพูดอะไรมากไม่ได้ พวกบ่าวก็เป็เพียงผู้ใต้บัญชา ไม่วาดหวังให้ฮูหยินน้อยเป็คนรู้มารยาทหรือสูงส่งอะไร แต่ขอแค่ฮูหยินน้อยไม่ทำผิดกฎธรรมเนียมก็เพียงพอแล้ว ฮูหยินน้อยมีโชคชะตาที่ยากลำบาก ถ้าฮูหยินผู้เฒ่า้าลงโทษ ได้โปรดลงโทษบ่าวเถอะ...”
หลังจากพูดจบ เฉินเทียนหยูก็ส่งเสียงร้องไห้ครวญครางออกมาสองครั้ง มู่หรงฉิงได้ยินเสียงร้องไห้ครวญครางที่ไม่เข้ากันกลับทำให้ความโกรธของนางแปรเปลี่ยนเป็ความตลกขบขัน นางเกือบจะหัวเราะออกมาเสียแล้ว
ฝ่ายปี้เอ๋อร์ที่ยืนอยู่ด้านข้าง กำลังมองดูมู่หรงฉิงด้วยใบหน้าสังเกตสังกาอย่างลึกซึ้ง
“ดีมาก อีกสักพัก ท่านพี่…” มู่หรงฉิงเห็นว่าเฉินเทียนหยูยัง้าพูดต่อ จึงขัดจังหวะคำพูดของเฉินเทียนหยู จากนั้นพูดข้างใบหูของเขา
หลังจากมู่หรงฉิงพูดจบ เฉินเทียนหยูก็ออกอาการตื่นเต้น “น้องหญิงไม่โกหกข้าใช่หรือไม่?”
“แน่นอนว่าไม่โกหก ถ้าท่านพี่ทำตามที่ข้าบอก และไม่บอกคนอื่นว่าข้าเป็คนขอให้ท่านพี่ทำเช่นนี้ ข้าจะรีบกลับไปทำข้าวเหนียวห่อใบบัวให้ท่านพี่ทันที ข้าวเหนียวห่อใบบัวนั้นมีรสชาติหอมหวานมาก…”
“หอมหวานเท่าน้องหญิงหรือไม่?” น้ำลายของเฉินเทียนหยูไหลเยิ้มออกมาจากปาก แต่เขากลับไม่ลืมที่จะเอ่ยถามประโยคดังกล่าว มู่หรงฉิงรู้สึกขบขันอยู่ชั่วพักหนึ่ง ก่อนที่จะหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมุมปากของเฉินเทียนหยูอย่างอ่อนโยน “มันหอมหวานกว่าข้ามาก หลังจากท่านพี่ได้ลิ้มรสแล้วก็จะรู้เอง”
“ดี ไปกันเถอะ ไปเดี๋ยวนี้เลย” เฉินเทียนหยูลากมู่หรงฉิงเดินไปตามทางเดิน เข้าประตูมุ่งสู่ด้านในเรือนอย่างมีความสุข
เมื่อเห็นทั้งสองเดินผ่านประตูทางเข้า ดวงตาของปี้เอ๋อร์ถึงกับเป็ประกายและมุมปากของนางก็ยกโค้งขึ้นอย่างโล่งอก
ทันทีที่เข้าไปในห้องก็เห็นคนสามคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ คนหนึ่งกำลังคุกเข่า และคนที่นั่งอยู่ข้างบนย่อมเป็ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิน รองลงมาคือฮูหยินเฉิน ถัดจากนั้นเป็ผู้หญิงในชุดสีสดใส ผิวกายได้รับการดูแลอย่างดีเยี่ยม ถ้าเดาไม่ผิด ผู้หญิงคนนี้จะต้องเป็แม่รองเฉินเป็แน่ ฟังจากปากของจ้าวจื่อซิน แม่รองเฉินผู้นี้เป็ผู้หญิงในวัยสามสิบ แต่ไม่คิดเลยว่านางจะยังมีรูปร่างหน้าตาที่ทั้งสาวทั้งอ่อนเยาว์และสะสวย ถ้าไม่ทราบถึงอายุของแม่รองเฉินล่วงหน้า มู่หรงฉิงอาจจะคิดว่าผู้หญิงที่อยู่เบื้องหน้าของนางผู้นี้มีอายุไม่เกินยี่สิบแปดปี!
“น้องหญิงไม่ยอมไปดูจุ๊กกรู๊ เป็อย่างไรจุ๊กกรู๊น่าสนใจใช่หรือไม่!”
จังหวะที่เข้าไปในห้องโถง สายตาหลายคู่ก็เลื่อนมาจับจ้องมู่หรงฉิง เด็กสาวรู้สึกได้ชัดเจนว่าดวงตาของฮูหยินผู้เฒ่านั้นคุกรุ่นด้วยความโกรธ ขณะที่สายตาของฮูหยินเฉินเผยความไม่พอใจอยู่หลายส่วน ตรงกันข้ามกับแม่รองเฉินที่มองนางด้วยความวิตกกังวล ราวกับว่าวิตกกังวลแทนนางอย่างไรอย่างนั้น
มู่หรงฉิงยิ้มเ็าในใจ ดูเหมือนว่าวิธีการของยวี้เอ๋อร์ในคราวนี้ คงหมายจะให้ฮูหยินผู้เฒ่าและฮูหยินเฉินไม่พอใจนาง และ้าทำให้นางตกอยู่ในสภาพที่ลำบากอย่างแน่นอน และถ้าฮูหยินผู้เฒ่าและฮูหยินเฉินไม่ชอบมู่หรงฉิงผู้ซึ่งเพิ่งแต่งงานเข้ามาใหม่ ต่อไปคงไม่มีที่ใดให้ร้องทุกข์เป็แน่ ครั้นถึงเวลานั้น แม่รองเฉินจะปรากฏตัวในรูปแบบของการปลอบประโลมอย่างใจกว้าง ให้ความอบอุ่นและให้ความสบายใจแก่นาง ทำให้นางได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับแม่รอง
ถ้าเป็เมื่อก่อน มู่หรงฉิงจะรู้สึกขอบคุณแม่รองเฉินเป็อย่างมาก แต่น่าเสียดายที่ในตอนนี้นางรู้เื่การทรยศของยวี้เอ๋อร์แล้ว มิหนำซ้ำนางยังรับรู้ถึงแผนการสมคบคิดบางอย่างแล้ว นางจะไม่ถูกหลอกอีกต่อไป!
---------------------------
[1] หน่วยวัดของจีน มีความหมายเท่ากับเมตร