หลิวเซียงเอ๋อร์ที่ตอนนี้ได้กลับถึงตำหนักซูฮวากงอย่างปลอดภัยโดยมีองครักษ์เฉินและหลินเสียงค่อยดูแลนางตลอดทาง ร่างบางสั่นราวผืนน้ำะเื เหตุการณ์ต่าง ๆ สำหรับค่ำคืนนี้ถือว่าหนักหนาสำหรับสตรีตัวเล็ก ๆ เช่นนาง หลิวเซียงเอ๋อร์ได้แต่ภาวนาให้ภาพต่าง ๆ ที่เธอเห็นได้ลบออกไปจากความทรงจำนางเสีย แต่ก็ดูเหมือนจะยากนัก หลินเสียงเอื้อมมือโอบกอดร่างนางไว้แม้ตัวเองจะคงสั่นผวาไม่ต่างกัน เฉินฮั่วนั่งมองสตรีสองนางกกกอดกันอย่างหวาดกลัวแต่ก็ไม่สามารถที่จะปลอบขวัญนางไปได้มากกว่านี้ เขาลุกอุ้มซ้อนตัวนางก่อนจะก้าวพานางไปส่งยังห้องหอ เหล่านางกำนัลเห็นใบหน้าซีดขาวต่างรีบกุลีกุจอพากันตระเตรียมน้ำท่าอาบก่อนจะพาร่างบางหายไปในห้องอาบน้ำราวหนึ่งเค่อ(2) นางถูกผลัดเปลี่ยนประทินโฉมอีกครั้ง หลินเสียงประคองร่างนางก่อนจะนำเครื่องยาหอมส่งให้นาง
“ข้าไม่เป็อะไรแล้ว ท่านไปพักผ่อนเถอะ” หลิวเซียงเอ๋อร์ผินหน้ามองร่างสูงที่ยังคงยืนมองนางอยู่ข้างเตียง
“พระสนม..ทรงบรรทมเถิดข้าสัญญาว่าข้าจะไม่ไปไหน หากพระสนม้าสิ่งใดโปรดเอ่ยเรียกข้า” เฉินฮั่วมองหน้าซีด ๆ ของนางที่ยามนี้ช่างน่าสงสารนักเขารู้สึกโมโหตัวเองหากไม่มัวหลงตามเงาชุดดำนั่นเขาคงจะช่วยนางได้ทันกว่านี้ หลิวเซียงเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเอนกายลง
~ ยามเฉิน (1) ~
หลินเสียงยันกายลุกยื่นหน้ามองใบหน้านวลที่ยังคงหลับตาอยู่ คิ้วเรียวมีรอยขมวดเล็กน้อยเหมือนคนกำลังฝันร้าย นางจึงค่อย ๆ บรรจงแตะมือลงที่หน้าผากหลิวเซียงเอ๋อร์เบา ๆ
‘ตายแล้ว!! พระสนมทรงมีไข้’ หลินเสียงรีบลุกออกไปสั่งขันทีที่ยืนรออยู่หน้าห้องหอนาง
“เ้าไปตามหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้พระสนมทรงไม่สบาย” ขันทีรับคำสั่งนางก่อนจะรีบวิ่งไปตามหมอหลวง
ไม่นานหมอหลวงมู่เหิงก็มาถึงตำหนักซูฮวากง ชายชราผู้เป็หมอหลวงรับใช้มาหลายราชวงค์ค่อย ๆ นั่งลงข้าง ๆ นาง ผ้าแพรผืนเล็กถูกวางทาบบนแขนพร้อมจับตรวจดูชีพจร คิ้วขาวขมวดแน่นเขาไม่เคยเจอใครที่มีชีพจรเต้นเช่นนี้มาก่อน ชีพจรเต้นแ่เบาจนแทบจับสัญญาณไม่ได้
“สนมหลิวมีอาการไข้คงเกิดจากอาการใกลัว เช่นนั้นข้าจะจัดยาบำรุงไว้ให้เ้าต้มให้นาง”
“ขอบคุณท่านหมอหลวงมู่เหิงมากเ้าค่ะ ข้าน้อยกังวลว่าพระสนมจะเป็อะไรมากเพราะดูนางเหมือนไม่มี..ไม่มี”
“ไม่มีลมหายใจ? ”
“เ้าค่ะ”
“สนมหลิวแค่อ่อนแรงเืลมจึงไม่ค่อยดีนักเ้าอย่ากังวลไปหน่อยเลยข้าจัดยาไว้ให้แล้วไม่ต้องกังวลไป” ชายชราก้มลงหยิบห่อยาตระเตรียมไว้ให้หลินเสียง สองมือนางยื่นรับก่อนจะย่อตัวคารวะขอบคุณ
“ข้าน้อยจะให้ขันทีไปส่งนะเ้าคะ”
“อืม..” หมอหลวงมู่เหิงผงกศีรษะเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากห้องหอ
หลิวเซียงเอ๋อร์ค่อย ๆ ลืมตาใบหน้าขาวซีดของนางชุ่มด้วยเม็ดเหงื่อที่ผุดเต็มเพราะฤทธิ์ยาของหมอหลวงมู่เหิง มือเล็กยันกายลุกนั่งพิงหัวเตียงผินหน้ามองไปทางกำนัลคู่กาย
“พระสนมเป็เช่นไรเพคะ” หลินเสียงที่เดินถือถ้วยยาขนาด 3 ชุ่น (3) วางลงโต๊ะข้างเตียงก่อนจะหยิบยื่นส่งใส่มือเล็ก ๆ ของนาง หลิวเซียงเอ๋อร์มองน้ำสมุนไพรสีดำสนิทที่มีกลิ่นค่อนข้างแรง นางทำท่ากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากราวกับอยากจะรีบหายซะทันที หากไม่ใช่เพราะสายตาคู่หนึ่งจ้องมองนาง นางก็คงจะเททิ้งเป็แน่ เฉินฮั่วที่รู้ว่านางเจ็บป่วยก็ยิ่งกังวลหนักจนไม่อยากหลบไปไหนหากมิใช่เพราะกฎวังหลวงแล้วเขาคงต้องอยู่ค่อยดูแลนางไม่ห่างกายเป็แน่
ข่าวอาการเจ็บป่วยของหลิวเซียงเอ๋อร์ถูกกล่าวทูลถึงฮ่องเต้หนานรั่วหานจนเขาต้องสั่งให้เหิงกงกงนำสมุนไพรชั้นดีมามอบให้ถึงตำหนักซูฮวากง ทางด้านฮ่องเฮาเย่ฟานเองพอทราบเื่ก็รีบมาดูด้วยตัวเอง
“ถะ..ถวายพระพรฮ่องเฮา” หลิวเซียงเอ๋อร์ยันกายอย่างคนไร้เรียวแรงเธอไม่คิดว่าร่างกายของสนมหลิวซูเฟยจะช่างบอกบางเช่นนี้นัก
“เ้ามิต้องลุกหรอก เปิ่นกงแค่มาเยี่ยมดูเ้า” น้ำเสียงนุ่มนวลพร้อมด้วยแววตาอบอุ่นราวห่วงใยจ้องมองเธอดั่งน้องสาวอีกคน ยังไม่ทันทีจะได้พูดคุยกันมากนักสนมจิ้งกุ้ยเฟยก็เดินก้าวเข้ามา
“ถวายพระพรฮ่องเฮา..หม่อมชั้นเห็นว่าสนมหลิวป่วยจึงมาเยี่ยมดูอาการเพค่ะ” จิ้งหนี่เยียนผินหน้ามองหลินเสียงราวบอกให้นางรู้ว่าไม่สมควรอยู่ในห้องหอนี้ หลินเสียงเหมือนรู้งานจึงค่อย ๆ ก้มคลานออกนอกห้องไป ปล่อยไว้เพียงนางกำนัลของฮ่องเฮาที่ยังคงยืนก้มหน้าเรียงรายอยู่เต็มห้องหอ
“หม่อมชั้ันต้องขออภัยที่ทำให้ฮ่องเฮาทรงเป็ห่วง” หลิวเซียงเอ๋อร์เอ่ยเสียงแ่เบาจนเกือบแหบแห้ง
“ไม่คิดว่าเ้าจะเจ็บป่วยง่ายเช่นนี้นะสนมหลิว ดูท่าคงไม่ได้จะเรียงร้องฝ่าาหรอกนะ” จิ้งหนี่เยียนเป็สตรีพูดจาตรงไปตรงมานึกสิ่งใดก็เอยออกมาเช่นนั้น ผิดกลับหลิวเซียงเอ๋อร์คนเก่าที่เ้าเล่ห์เพทุบายรักษากิริยาท่าทางอันดีแต่ทำเื่เลวร้ายกับนางไว้ไม่น้อยเช่นกัน
“เ้าอย่าได้คิดเช่นนี้สนมจิ้ง หากนางมิป่วยไข้จริงมีหรือใบหน้านางจะซีดเซียวได้ขนาดนี้” ฮ่องเฮาเย่ฟานตำหนิสตรีด้านข้างที่ยืนหน้าเชิดรั้นราวนางพญา ดวงตาเรียวเล็กมองเธอที่ไม่มีเรียวแรงที่จะต่อกรกับนางได้ก่อนยกยิ้มมุมปากเล็กนั่น หลิวเซียงเอ๋อร์ได้แต่มองคนนั้นพูดทีคนนี้พูดทีจนตาลาย ฮ่องเฮาเห็นว่าอาการนางดูไม่สู้ดีจึงขอตัวให้นางได้พักผ่อนส่วนจิ้งหนี่เหยียนก็หันหลังกลับตำหนักตนราวไม่ใส่ใจนัก หากมีเพียงจูเหมยฮวาที่ยามนี้กลับไม่มีใครรู้เลยว่านางก็ป่วยไข้เช่นเดียวกัน
~ ตำหนักซูเม่ยกง~
“ฝ่าา..พระองค์มีงานมากมายอย่าได้กังวลหม่อมชั้นเลยเพค่ะ” จูเหมยฮวาที่ยามนี้นั่งเอนหลังพิงไหล่หนาของฮ่องเต้หนุ่ม ศีรษะเล็ก ๆ อิงลงข้างลำคอเขา
“เ้าเป็ถึงขนาดนี้ยังไม่ให้ใครไปตามหมอหลวงอีก”หนานรั่วหานสบถพูดด้วยแววตาขุ่น
“แต่หมอหลวงต้องไปรักษาสนมหลิวเช่นเดียวกันนะเพค่ะ”
“เ้าก็เอาแต่ผู้อื่นเป็ใหญ่ ไม่คิดจะใส่ใจตนเอง นี่หากนางกำนัลไม่เดินไปบอกเจิ้นเ้าก็คงนอนซมอยู่เยี่ยงนี้” หนานรั่วหานจ้องมองใบหน้าซีด ๆ ของนางจนเขารู้สึกไม่พอใจ ที่หลิวเซียงเอ๋อร์ชอบเรียกร้องเอาแต่ใจตน ซึ่งนางมักจะทำเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไรจนทำให้เขารู้สึกเหนื่อยหน่าย และยิ่งนึกถึงท่าทางนางในงานเทศกาลหยวนเซียวแล้วก็ยิ่งรู้สึกสงสัยยิ่งนัก ท่าทางที่สอดส่ายสายตาเหมือนมองหาใครบางคนทำให้เขาอดสงสัยในตัวนางไม่ได้ และไหนจะท้วงท่าการต่อสู้ที่ไร้อาวุธแต่กลับหลบหลีกได้อย่างว่องไวก็ยิ่งทำให้เขาอยากจะจับตัวนางมาเค้นถามเสียให้รู้เื่
(1) ยามเฉิน : 07.00 - 08.59 น.
(2) 1 เค่อ : 15 นาที
(3) 1 ชุ่น เท่ากับ 1 นิ้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้