ณ พื้นที่รกร้างว่างเปล่า บรรยากาศเย็นะเื และกลิ่นชวนคลื่นไส้
เย่เทียนเซี่ยเพิ่งจะัักับบรรยากาศโดยรอบเขาก็อยากจะวิ่งหนีไปแทบแย่
ภาพในสายตาด้านหน้าของเขาเริ่มแจ่มชัด เมื่อเขามองไปยังพื้นที่มืดมิดในสายตาคนอื่นเหมือนอย่างที่เขาคาดไว้แล้วความรู้สึกชื่นชมภายในใจก็ก็ทะลักออกมาเหมือนน้ำท่วม “สภาพแววล้อมแบบนี้ กลิ่นแบบนี้............ คนพวกนั้นแย่งกันเข้ามาในซากหมื่นกระดูเพื่ออยู่ที่นี่มันทั้งวันงั้นเรอะ!!”
ขณะที่เย่เทียนเซี่ยมองไปทางพวกเขา การปรากฏตัวของเขาก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนโดยรอบทันที เหล่าคนที่มองมาทางเขาเมื่อมองเห็นชุดของเย่เทียนเซี่ยสีหน้าของพวกเขาทั้งหมดก็เปลี่ยนไป ความโกลาหลแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วโดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ตำแหน่งที่เย่เทียนเซี่ยยืนอยู่ สายตาของผู้คนมากมายจ้องมองมาที่ร่างของเย่เทียนเซี่ยมากขึ้นเรื่อยๆ
เย่เทียนเซี่ยกวาดตาไปจนพบกับรอยแยกหุบเขาขนาดใหญ่ที่อยู่ทานด้านเหนือ หินที่อยู่ข้างๆรอยแยกนั้นถูกเขียนไว้ด้วยตัวอักษรสีเืเป็คำว่า “ซากหมื่นกระดูก” ทว่าปากทางเข้าหุบเขากลับถูกปิดกั้นไว้ด้วยกลุ่มเวทมนต์สีเทาปิดกั้นผู้คนที่อยู่ด้านหน้าไม่ให้เข้าไปด้านใน กลุ่มคนหนาแน่นอัดกันอยู่ด้านหน้าของกลุ่มเวทมนต์นั่น รอกระทั่งเวทมนต์นั้นหายไปกลุ่มคนที่อยู่ด้านหน้าสุดก็จะพุ่งเข้าไปทันที......... วันนี้ยังเหลือโอกาสสุดท้ายที่จะได้เข้าไปด้านใน และหนึ่งทีมขอเพียงแค่มีคนเดียวได้เข้าไปทั้งทีมก็จะสามารถเข้าไปด้านในได้ทั้งหมด อีกทั้งยังสามารถเข้าไปได้เพียงทีมเดียวเท่านั้น
ดังนั้นไม่ว่าทีมไหนมีผู้เล่นที่แย่งเข้าไปด้านในได้ พวกเขาก็จะเป็กลุ่มสุดท้ายของวันนี้ที่จะได้เข้าไปในแผนที่ภารกิจซากหมื่นกระดูก ดังนั้นมันจึงไม่แปลกเลยที่พวกเขาจะบ้าคลั่งกันขนาดนี้.......... เมื่อวานหลังจากที่ระบบประกาศคุณสมบัติของ‘เหรียญเกียรติยศแห่งาาทหารรับจ้าง’ ที่เซี่ยเทียนได้รับมาจากการทำภารกิจระบบทหารรับจ้างสำเร็จ ความกระตือรือร้นของพวกเขาก็ลุกโชติ่อย่างน่ากลัวท่ามกลางความปรารถนาอันบ้าคลั่ง
ตามที่นักพรตเผียวเค่อบอกไว้ ตอนนี้ทีมทีรออยู่ด้านหน้าทางเข้าซากหมื่นกระดูกไม่ยอมจากไปไหนมีมากถึงสามร้อยกว่าทีม นอกจากคนที่มีคุณสมบัติในการแย่งชิงที่เข้าไปอยู่ที่ด้านหน้าประตูแล้ว ทุกๆทีมล้วนกระจากกันไปยืนตามจุดต่างๆ เย่เทียนเซี่ยไม่ได้ปกปิดชุดของเขาเลยแม้แต่น้อยดังนั้นด้วยวีดีโอที่ผ่านมาเมื่อวานจึงมีน้อยคนนักบนโลกใบนี้ที่จะไม่รู้จักเขา ทันใดนั้นสายตาของผู้คนมากมายก็จับจ้องมาที่เขามากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางสายตาเ่าั้ยังมีความหมายหลากหลายแตกต่าง ทั้งแปลกใจ หวาดกลัว สนใจ ระแวดระวัง และเป็ปรปักษ์.............
และก็เพราะการปรากฏตัวของเขาจึงทำให้กลุ่มคนที่กำลังส่งเสียงเซ็งแซ่อยู่ในที่แห่งนี้เปลี่ยนเป็เงียบกริบลงอย่างแปลกประหลาด
เย่เทียนเซี่ยไม่ได้สนใจสายตาเ่าั้ เขาเคยชินกับความรู้สึกที่ถูกจับจ้องจากสายตามากมายมาตั้งนานแล้ว เขากวาดสายตามองไปด้านหน้า ทันใดนั้นเขาก็เรียกห้วงเวลาแห่งโชคชะตาขึ้นมาท่ามกลางม่านตาที่หดเล็กลงคู่แล้วคู่เล่าในที่แห่งนี้ จากนั้นก็ถือห้วงเวลาแห่งโชคชะตาเอาไว้อย่างนั้นแล้วเดินไปยังตำแหน่งที่มีเวทมนต์ปิดผนึกทางเข้าของซากหมื่นกระดูกเอาไว้
บางทีอาจจะเป็เพราะตัวของเซี่ยเทียนเอง หรืออาจจะเป็เพราะรูปร่างอันความน่ากลัวที่มาพร้อมกับแรงกดดันของห้วงเวลาแห่งโชตชะตาในมือเขาก็เป็ได้ ระหว่างที่เย่เทียนเซี่ยเดินเข้าไปผู้เล่นที่เขาเดินเข้าไปใกล้จึงถอยออกไปหลายก้าวและรักษาระยะห่างจากเขาเอาไว้โดยไม่รู้ตัว
“นายจะทำภารกิจนี้งั้นเหรอ?”
ด้านหน้าของเย่เทียนเซี่ยมีคนๆหนึ่งขวางทางเขาไว้ ชายผู้มีดวงตาคมกริบราวกับอินทรีย์คนนั้นก็คือ......หลิงหยุนดาบเดียว เขาขมวดคิ้วจ้องมองมาที่เย่เทียนเซี่ยจากนั้นก็ถามออกมาเป็ประโยคสั้นๆ
การมาถึงของเย่เทียนเซี่ยทำให้คนแทบทั้งหมดที่อยู่ในที่แห่งนี้เริ่มอยู่ไม่สุข เพราะ...........เมื่อวาน เขาคนเดียวก็สามารถทำภารกิจระบบทหารรับจ้าง ‘โบราณวัตถุแห่งาาทหารรับจ้าง’ ได้สำเร็จ เขามีพลังขนาดนั้น ถ้าเข้าไปในซากหมื่นกระดูกก็มีความเป็ไปได้สูงมากที่จะทำภารกิจระบบพันธมิตรได้สำเร็จ........ และไม่ว่าจะเป็รางวัล ชื่อเสียงหรือเกียรติยศ ทั้งหมดนั้นก็ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาทั้งสิ้น
นี่คือสิ่งที่คนจำนวนมากกัดฟันแน่นอย่างไม่ยินยอม จินตนาการได้เลยว่าถ้าโลกทั้งใบได้เห็นชื่อทีมเล็กๆสักทีมของประเทศหัวเซี่ยปรากฏขึ้นมาบนรายการเกียรติยศแห่งเขตาเนื่องจากทำภารกิจระบบบางอย่างสำเร็จ มันจะถือเป็การโฆษณาที่มีประสิทธิภาพสุดๆสำหรับพันธมิตรใดๆก็ตาม......... พวกเขาจะทำใจปล่อยให้โอกาสงามๆเช่นนี้หลุดมือไปได้อย่างไร
“ใช่” เย่เทียนเซี่ยหยุดลงตอบหลิงหยุนดาบเดียวไปเพียงแค่คำเดียวเท่านั้น ขณะเดียวกันนั้นเขาก็มองสำรวจชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความสนใจ.......... อายุประมาณ 18-19 ปี แต่กลับมีใบหน้าแข็งๆและดวงตาก้าวร้าวในแบบที่คนใน่อายุขนาดนี้ไม่น่ามี หลิงหยุนดาบเดียวจ้องตาเขาอยู่สามวินาทีแล้วก็หมุนตัวกลับไปเงียบๆแล้วคำรามออกมาเสียงต่ำ “กลับ!”
เขาพูดจบก็ใช้สายตาที่คมกริบราวกับมีดปรายตามองเย่เทียนเซี่ยเป็ครั้งสุดท้ายแล้วหยิบม้วนคัมภีร์กลับเมืองออกมาก่อนจะทำลายมันต่อหน้าต่อตาผู้คน หลังจากที่เขาจากไปคนอีกสิบเอ็ดคนที่ยืนอยู่ข้างกายของเขาก็หยิบม้วนคัมภีร์กลับเมืองขึ้นมาโดยไม่ลังเล การกระทำที่ไม่มีความลังเลและไม่อ้อมค้อมและสีหน้าที่ไม่มีความเปลี่ยนแปลงแสดงให้เห็นถึงการฝึกอบรมที่แตกต่างจากคนธรรมดาของพวกเขา
การจากไปดื้อๆของหลิงหยุนดาบเดียวทำให้ผู้คนจำนวนมากเงียบสนิท เย่เทียนเซี่ยกระตุกยิ้มน้อยๆแล้วเดินเข้าไปทางกลุ่มเวทมนต์ที่อยู่ด้านหน้า ที่ขวางทางเย่เทียนเซี่ยอยู่ด้านหน้าคือกลุ่มคนในชุดสีดำที่ไม่ยอมให้ใครก้าวเข้าไปทั้งนั้น เขาใช้นำเสียงไม่หนักไม่เบาแต่กลับทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนั้นได้ยินอย่างชัดเจนพูดออกมา “พวกนายกลับไปได้แล้วล่ะ ภารกิจนี้ฉันจะทำให้สำเร็จเอง!”
ประโยคนิ่งๆทำให้พื้นที่ที่มีคนหลายพันเงียบงันลงทันที และก็ทำให้สีหน้าของคนจำนวนนับไม่ถ้วนเปลี่ยนไปเช่นกัน
คนที่สามารถเผชิญหน้ากับผู้เล่นจำนวนมากขนาดนี้ด้วยสีหน้าแบบนี้ ท่าทางแบบนี้ และน้ำเสียงแบบนี้........... ทั่วทั้งหัวเซี่ยจะมีสักกี่คนกัน? แล้วทั่วทั้งโลกล่ะจะมีสักกี่คน?
ความเย่อหยิ่งและความอวดดีแบบนี้ดูเหมือนจะไม่มีผู้กล้านับพันที่อยู่ในที่แห่งนี้อยู่ในสายตาเลยสักนิด........ และถ้าจะบอกว่าทั่วทั้งหัวเซี่ยมีคนที่เย่อหยิ่งแบบนี้อยู่ล่ะก็ คนๆนั้นก็คงจะมีแค่เซี่ยเทียนคนนี้เท่านั้นแหละ
ปกติแล้วเย่เทียนเซี่ยจะติดต่อกับคนนอกน้อยมาก และก็ไม่ยอมให้คนนอกติดต่อมาหาเขาด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่เคยกลัวว่าจะทำผิดต่อใคร และประโยคสั้นๆที่ดูเหมือนคำสั่งของเขาก็มากพอจะทำให้ผู้คนทั้งหมดที่อยู่ในที่แห่งนี้ไม่พอใจขึ้นมา เพียงแต่หลังจากความเงียบที่ก่อตัวขึ้นมาครู่หนึ่งก็ยังไม่มีใครจากไป และก็ยังไม่มีใครอ้าปากพูดอะไรออกมาเช่นกัน
ถ้าเย่เทียนเซี่ยไม่พูดประโยคนั้นออกมา คนที่จะจากไปแต่โดยดีเหมือนหลิงหยุนดาบเดียวนั้นคงไม่มี และก็คงไม่มีใครสาดอารมณ์ใส่เย่เทียนเซี่ยด้วย แต่เมื่อเขาเอ่ยปากพูดออกมาแบบนั้น ถ้าทีมไหนจากไปอีกก็คงจะเป็การแสดงความกลัวและความขี้ขลาดต่อเย่เทียนเซี่ยอย่างชัดเจนซึ่งมันมากพอที่จะทำให้ผู้คนที่ได้ยินถึงกับย่นจมูก แต่ด้วยระดับความแข็งแกร่งและชื่อเสียงของเย่เทียนเซี่ยในปัจจุบัน คนฉลาดล้วนเลือกที่จะไม่ทำให้เขาไม่พอใจ ดังนั้นพวกเขาจึงรอคอยอย่างเงียบๆ....... รอใครซักคนที่จะเสนอหน้าออกมา
ไม่ต้องรอให้พวกเขารอนานเ้าคนที่ว่าก็เสนอหน้าขึ้นมาทันที
“เซี่ยเทียน แกมันบ้าไปแล้ว!”
ไม่ไกลจากทางขวามือของเย่เทียนเซี่ยชายคนหนึ่งที่อายุราวๆสามสิบปีและสวมชุดนักฆ่าก็ขมวดคิ้วมุ่นแล้วมองไปที่เย่เทียนเซี่ย มุมปากของเย่เทียนเซี่ยยกยิ้มเย็นคลุมเครือ
“เพราะฉันมีคุณสมบัติที่สุดยอด แต่นาย.......ไม่มี ดังนั้นนายถึงทำได้แค่รออยู่ที่นี่ แต่ไม่มีคุณสมบัติและความกล้ามากพอที่จะพูดออกมาเหมือนกับฉันไงล่ะ” เย่เทียนเซี่ยมองไปที่ชายคนนั้น สิ่งที่ปรากฏออกมายังคงเป็รอยยิ้มเย็นคลุ่มเครืออยู่เหมือนเดิม........... ในทีมที่อยู่ด้านหลังมีเ้าเหลยเป้าที่ซ่อนตัวอยู่ครึ่งหนึ่งด้วยทำให้เย่เทียนเซี่ยรู้ได้ทันทีว่าทีมนี้มาจากไหน และคนที่พูดกับเขา ชื่อของหมอนี่ก็คือ เหลยถิง!
พี่ชายคนโตของสามพี่น้องตระกูลเหลย.......... เหลยถิงหัวหน้าโบสถ์จิติญญาแห่งาอันโด่งดังในโลกเกมเสมือจริง!
คนที่คุ้นชินกับโลกเกมเสมือนจริงคงไม่มีทางไม่รู้จักชื่อของโบสถ์จิติญญาแห่งา เย่เทียนเซี่ยและโบสถ์จิติญญาแห่งาก็ไม่ใช่ว่าไม่มีที่มาที่ไป ในเกม Atlas มีครั้งหนึ่งที่เขาเผอิญเดินผ่านเข้าไปในเขตแดนของพันธมิตรใบไม้สีชาติ ตอนนั้นเขาพบว่าพันธมิตรใบไม้สีชาติและโบสถ์จิติญญาแห่งากำลังทำากันอยู่ และในตอนนั้นขณะที่พันธมิตรใบไม้สีชาติกำลังล่าถอยและกำลังจะพ่ายแพ้ เขาที่กำลังเบื่อและอยากหาอะไรตื่นเต้นๆทำจึงถือโล่เข้าไปร่วมวง ด้วยดาบและโล่ในมือและท่วงท่าในการหลบหลีกอันน่ากลัวจึงทำให้โบสถ์จิติญญาแห่งาถูกความตื่นตระหนกพุ่งเข้าจู่โจม พันธมิตรใบไม้สีชาติถือโอกาสโต้กลับและไม่นานก็ทำให้โบสถ์จิติญญาแห่งาล่าถอยไปได้ในที่สุด
ตอนนั้นเขามีชื่อว่าเทียนโม่เซี่ย หลังจากนั้นมาคนของโบสถ์จิติญญาแห่งาก็ไม่เคยมาหาเื่เขาอีกเลย โบสถ์จิติญญาแห่งามีผู้สนับสนุนยิ่งใหญ่ เหลยถิงไม่เหมือนเหลยเป้า เขาเป็คนมีสมอง รู้ว่าคนแบบไหนควรหาเื่คนแบบไหนแตะต้องไม่ได้และไม่ควรไปแตะต้อง
แต่ในตอนนี้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนแบบนี้เหลยถิงกลับเป็คน “เสนอหน้า” ซะเอง เหตุผลก็ไม่มีอะไรมากแค่เพราะคำพูดเมื่อวานของเย่เทียนเซี่ยที่ว่า “.............ฉันก็ไม่รังเกียจ.............ที่จะทำลายโบสถ์จิติญญาแห่งาให้พินาศ!”
มันเป็ประโยคที่ทรงพลังและกล้าหาญมาก แต่เมื่อประโยคแบบนี้ลอยเข้าหูเหลยถิง..........หรือลอยเข้าหูผู้นำที่สนับสนุนกองกำลังด้วยความยากลำบากคนใดก็ตามก็ล้วนสามารถสร้างความโกรธให้พวกเขาได้ทั้งนั้น และยิ่งวีดีโอที่เย่เทียนเซี่ยจัดการคนของโบสถ์จิติญญาแห่งากว่า 30 คนถูกแพร่ไปทั่วโลกอย่างบ้าคลั่งซึ่งมีคำพูดที่เขาพูดอยู่ในนั้นด้วยแล้ว.......... ทั่วโลกจึงได้ยินชื่อโบสถ์จิติญญาแห่งาจากคำพูดของเขาอย่างชัดเจน ถ้าเป็เช่นนี้แล้วพวกเขาไม่ตอบโต้กลับไป โบสถ์จิติญญาแห่งาที่ยิ่งใหญ่ก็คงจะกลายเป็เพียงหินรองเท้าที่น่าสงสารเท่านั้น
เพื่อเรียกคืนความเคารพยำเกรง วิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุดก็คือฆ่าเซี่ยเทียนซะ ทางที่ดีที่สุดคือการฆ่าเขาจนเขาร่วงลงจากอันดับหนึ่งในรายการจัดอันดับเลเวลเหลือเพียงเลเวลศูนย์!
วันนี้โบสถ์จิติญญาแห่งามาถึงที่แห่งนี้ตั้งสิบสองคน ทั้งหมดล้วนเป็หัวกะทิท่ามกลางหัวกะทิในโบสถ์จิติญญาแห่งาเพื่อทำภารกิจระบบที่มีรางวัลล่อตาล่อใจมหาศาลสำหรับทีมต่างๆให้สำเร็จ คนสิบสองคน....... เทียบกับคนสามสิบคนที่เย่เทียนเซี่ยจัดการไปในพริบตาเมื่อวานนี้แล้วเหลยถิงไม่คิดเลยว่าพวกเขาทั้งสิบสองคนจะมีความเป็ไปได้ที่จะชนะชายคนนี้ เพราะไม่ว่าพลังโจมตีที่เขาแสดงออกมาหรือกระบวนท่าเองก็ตาม ล้วนสามารถใช้คำว่าสุดยอดเพียงคำเดียวเท่านั้นถึงจะสามารถอธิบายมันออกมาได้ และมันยังเป็สิ่งที่ห่างไกลเกินกว่าผู้เล่นธรรมดาใน่เวลานี้จะไปถึงได้ด้วยเช่นกัน เขาไม่อาจไม่ยอมรับ
แต่เซี่ยเทียนในวันนี้ได้เอ่ยประโยคบ้าๆออกมาอีกครั้งแล้ว เขาจึงจำเป็ต้องก้าวออกมาอย่างไม่มีทางเลือก
เมื่อเผชิญหน้ากับคำพูดที่ร้ายกาจของเย่เทียนเซี่ย เหลยถิงก็ทนไม่ได้จนต้องยิ้มเย็นออกมา “ก็จริงที่ฉันไม่มีพลังมากพอจะพูดประโยคที่แกเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อกี้ ได้ยินมาว่าความสามารถของแกสูงมาก พลังก็แข็งแกร่ง วันนี้ได้มาเจอถึงได้รู้ว่าความหยิ่งของแกยังเหนือกว่าพลังของแกไปถึงแปดในสิบส่วน แกก็แค่ผ่านขั้นตอนบางอย่างที่ลึกลับแล้วก็มีอาชีพกับไอเทมที่แข็งแกร่งกว่าพวกเราเท่านั้นแหละ แต่ความอ่อนน้อมถ่อมตนที่ประเทศหัวเซี่ยของเราสอนกันมาเป็พันๆปีแกก็ลืมไปจนหมด แกยังไม่คิดว่ามันน่าอายเหรอไง!”
ฝีปากเป็เลิศ..........ผู้คนที่อยู่ในที่แห่งนั้นแสดงความแปลกใจออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปที่ปฏิกิริยาตอบสนองของเย่เทียนเซี่ยอย่างเ็า จริงๆแล้วใครก็รู้สึกได้ว่าเย่เทียนเซี่ยนั้นหยิ่งยะโสเกินไป คำพูดของเขาที่ไม่เห็นคนที่อยู่ในที่แห่งนี้อยู่ในสายตาเลยสักนิดทำให้ในใจของผู้เล่นทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้โกรธเกรี้ยวเหมือนมีไฟสุม คนเราล้วนมีศักดิ์ศรี ยิ่งผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งมีศักดิ์ศรีมากกว่าคนธรรมดา ไม่ว่าใครได้ยินน้ำเสียงเหยียดหยันแกมสั่งเช่นนี้ก็ต้องมีความโกรธเกิดขึ้นในใจทั้งนั้น แม้แต่กษัตริย์ผู้สูงส่งในสมัยโบราณยังรู้จักคำนับพื้นดิน เอาประชาชนเป็ใหญ่........... แต่เซี่ยเทียนกลับไม่มีท่าทางเจียมเนื้อเจียมตัวเลยสักนิด
สภาพแวดล้อมในชีวิตที่แตกต่างและอดีตที่ไม่เหมือนกันทำให้การมองโลกและพฤติกรรมของคนทุกคนแตกต่างกัน เส้นทางที่เย่เทียนเซี่ยเดินผ่านมานั้นมองเห็นความน่ารังเกียจของมนุษย์มาแล้วมากมาย เพราะเขาเคยถูกคนจำนวนมากทำร้าย ดังนั้นหลังจากที่เขาได้ความมั่นคงกลับคืนมาเขาจึงไม่เคยยอมให้ใครมาทำร้ายเขาได้อีก เพราะฉะนั้นแม้ว่าเขาจะไม่มีมีความเย่อหยิ่งอยู่ในใจ แต่ต่อหน้าใครก็ตามเขาก็ไม่เคยแสดงท่าทีเจียมเนื้อเจียมตัวออกมาเลยแม้แต่น้อย เมื่อเขาทำให้สิ่งที่้าจะทำเขาก็ไม่เคยสนใจว่ามันจะกระทบไปถึงใคร เขาเพียงแต่ทำในสิ่งที่เขา้าเพื่อตัวเองก็เท่านั้น
ดังนั้นในสายตาของคนนอกการแสดงออกของเขาจึงกลายเป็ความเย่อหยิ่งและไม่เห็นใครอยู่ในสายตา