กว่าจะฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็่ค่ำของวันถัดมา
สายตาของทุกคนจับจ้องหญิงสาวบนเตียงตาไม่กระพริบ
จนกระทั่งเปลือกตาของนางเปิดออกหัวใจที่เสมือนถูกแขวนอยู่บนหุบเหวจึงกลับมาเป็ปกติดังเดิม
“นายหญิงท่านทำให้พวกข้าใแทบตาย”
ป๋ายจื่อปาดน้ำตานี่เป็ครั้งที่สองแล้วที่หลินเมิ้งหยาสลบไปดังนั้นหัวใจของสาวใช้คนนี้จึงเริ่มเปราะบาง
แม้ดวงตาของนางจะแดงก่ำ แต่ในที่สุดหลินเมิ้งหยาก็ขยับริมฝีปากแล้วหยักยิ้ม
“วางใจเถิดข้าจะดูแลตัวเองให้ดี”
เหตุเพราะมีสิ่งที่นางต้องดูแลมากมาย
“พิธีฝังศพของพี่เยว่ถิงเป็อย่างไรบ้าง? ”
ดวงตาเผยให้เห็นร่องรอยของความเสียใจทว่าสีหน้ากลับสงบนิ่ง
ราวกับว่าเวลาเพียงแค่คืนเดียวสามารถทำให้นางพูดเื่เกี่ยวกับเยว่ถิงได้อย่างปกติ
“ทั้งหมดถูกจัดขึ้นตามคำขอของพี่สาวขอรับผู้าุโสกุลหลินสั่งให้ลูกหลานของตนเองหลายคนมาช่วยเคลื่อนย้ายโลงศพของพี่เยว่ถิงไปยังบ้านสกุลหลินแถบชานเมือง”
หลินจงอวี้เล่าในสิ่งที่คนของเขาเห็นมากับตาให้ฟัง
โชคดีที่คนเ่าั้มิได้กระทำการต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง
ดังนั้นจึงไม่เกิดเหตุไม่คาดฝันใด ๆ
“เช่นนั้นก็ดีแล้วจริงสิ ท่านอ๋องล่ะ? ”
หลังจากฟื้นขึ้นมานี่เป็ครั้งแรกที่หลินเมิ้งหยาเอ่ยถึงหลงเทียนอวี้ สาวใช้ทั้งสี่กลับส่ายหน้าพร้อมทั้งเอ่ยว่าไม่รู้
“อืมข้าเข้าใจแล้ว พยุงข้าหน่อย ข้าจะไปเดินเล่นที่สวน”
ทันทีที่ฟื้นก็จะลุกเดินสาวใช้ทั้งสี่กลับไม่สามารถห้ามนางได้
ชิงหูทนมองไม่ไหวอีกต่อไปก้มตัวลงแล้วอุ้มหลินเมิ้งหยาขึ้นมา
“เ้าเด็กน้อยถ้าหากเ้าป่วยแบบนี้ไปตลอดชีวิตก็คงดี”
เสียงของชิงหูดังขึ้น้าหลินเมิ้งหยาถลึงตาใส่เขา
“ถ้าข้าเจ็บป่วยเช่นนี้ไปตลอดชีวิตคนที่รักคงเสียน้ำตา คนที่เกลียดคงมิวายหัวเราะเยาะ”
ชิงหูกลับส่ายหน้าก่อนจะอุ้มหลินเมิ้งหยาไปที่ศาลาเล็กในสวน
“หากเ้าป่วยตลอดชีวิตข้าเองก็จะสามารถอุ้มเ้าเช่นนี้ไปได้ตลอดชีวิตเช่นกัน ข้าจะขอเป็ขาของเ้าเอง”
หลินเมิ้งหยามิได้สนใจคำพูดไร้สาระของชิงหูที่ศาลาเล็กมีเบาะนั่งขนสัตว์วางอยู่ก่อนแล้ว
บรรยากาศยามค่ำคืนในฤดูใบไม้ร่วงเริ่มเย็นมากขึ้นทุกที
แม้ว่าเบาะนั่งขนสัตว์จะอุ่นมากขนาดไหนแต่หัวใจของนางกลับสั่นสะท้าน
“อีกไม่นานพระจันทร์ก็คงเต็มดวง”
อีกไม่นานก็จะถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์ของต้าจิ้นแล้ว
พี่ชายเองก็น่าจะกลับมาจากชายแดนแล้วเช่นกันถ้าหากพี่ชายรู้เื่ของพี่เยว่ถิง เขาจะเสียใจมากขนาดไหน?
“เสี่ยวอวี้พี่สาวขอร้องเ้าสักหนึ่งเื่ได้หรือไม่? ”
หลินจงอวี้รีบเข้ามายืนตรงหน้าหลินเมิ้งหยาด้วยความกระตือรือร้นใบหน้าแดงระเรื่อของหนุ่มน้อยอยากจะสื่อเป็นัยกับหลินเมิ้งหยาว่าเขาพร้อมจะทำทุกเื่ที่นางขอ
“กระจายข่าวลือเื่ไท่จื่อที่ไร้ความสามารถปกปิดเื่ที่เกิดขึ้นกับพี่เยว่ถิงให้หมด อย่าให้พี่ชายของข้ารู้เื่นี้เปลี่ยนแปลงเื่ราวเป็พี่เยว่ถิงไม่ทันระวังจึงลื่นตกเขา”
ความแค้นเป็เื่เหน็ดเหนื่อยที่สุดนางขอแบกรับสิ่งนั้นไว้เพียงลำพัง
นางปรารถนาเพียงให้พี่ชายจดจำแต่เื่ดีๆ ของพี่เยว่ถิงเอาไว้
หญิงสาวผู้งดงามควรแค่การการคะนึงถึง
“ขอรับข้าจะพยายามช่วยพี่สาวให้ดีที่สุด”
เสี่ยวอวี้พยักหน้าลงก่อนจะรีบออกวิ่งไปหาลูกน้องของตนเอง
“ไม่ใช่มือของตนเองก็เลยรู้สึกไม่สะดวกใช่หรือไม่? ”
เสียงอันเจือไว้ซึ่งความขี้เล่นของชิงหูดังขึ้นมองดูเด็กน้อยของตนเอง ดวงตาเสมือนจิ้งจอกเ้าเล่ห์เปล่งประกาย
“เ้าหมายความว่าอย่างไร? ”
หลินเมิ้งหยาจ้องชิงหูแต่กลับได้เห็นฝ่ายตรงข้ามกะพริบตาปริบ ๆ
“ข้าบอกว่าข้ามอบฝูหรงโหลวให้แก่เ้าที่นั่นเป็เพียงโรงน้ำชาแต่เพียงเท่านั้น”
ดูเหมือนความตั้งใจของเขาจะยังไม่เพียงพอต่อความ้าของนางสินะ
ทว่าการยืมมือคนอื่นให้เข้าช่วยมิใช่อุปนิสัยของนาง
“ฝูหรงโหลวเถาฮวาอู๋ เท่านี้อำนาจของเ้าก็มากมายมหาศาลแล้วแต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ยังมีวิธีอื่นอีก”
หลังจากผ่านเื่ของเยว่ถิงมาในที่สุดหลินเมิ้งหยาก็รู้ตัวว่าหากตนเองไร้ซึ่งอำนาจก็จะไม่สามารถทำเื่ที่้าได้
ดังนั้นนางต้องทำให้ตนเองแข็งแกร่งมากพอ จึงจะสามารถมีอำนาจที่สมบูรณ์แบบได้
หลังจากนั้นไม่กี่วันไม่มีใครพูดเื่ของพี่เยว่ถิงอีก
ข่าวลือที่เข้ามาแทนที่คือเื่ไท่จื่อผู้ไร้ความสามารถ
ทั้งร้านเหล้าและโรงน้ำชาล้วนสนทนากันเื่ของไท่จื่อ
ไม่นานเขาก็กลายเป็ตัวตลกของคนทั้งเมือง
แน่นอนว่าเื่นี้มิอาจปิดบังคนผู้นั้นในวังหลวงได้
ใน่เวลาที่หลินเมิ้งหยากำลังพักรักษาตัวไท่จื่อถูกเรียกตัวเข้าวัง ฮองเฮาสั่งสอนและตำหนิเขาอย่างรุนแรง
ภายในห้องโถงหรูหราในตำหนักมีเพียงไท่จื่อและฮองเฮาอยู่ในนั้น
ผู้ที่นั่งตำแหน่งประธานคือฮองเฮาซึ่งสวมใส่ชุดประจำตำแหน่งศีรษะสวมใส่รัดเกล้าลายหงส์
ทว่าสีหน้าของนางแข็งทื่อ ดวงตาที่จ้องมองทางไท่จื่อเผยให้เห็นความผิดหวัง
เ็าราวกับว่าเขาไม่ใช่ลูกชายแท้ ๆ ของนาง
“เ้าลองดูนี่ นี่คือเพลงที่คนทั้งเมืองต่างร้อง เ้าเป็ถึงองค์รัชทายาทเ้าควรเป็แบบอย่างของทุกคนในใต้หล้า แต่ตอนนี้เป็อย่างไร?เ้ากลายเป็ตัวตลกไปแล้ว! ”
ฮองเฮาขว้างกระดาษเนื้อเพลงใส่หน้าไท่จื่อ
ไท่จื่อผู้สวมใส่ชุดสีเหลืองทองอร่ามก้มหน้าร่างกายสั่นเทิ้ม สีหน้าขาวซีด
เขาไม่รู้เลยว่าเพลงเหล่านี้มาจากที่ใด
“คำสอนที่ข้าเฝ้าพรรณนาให้เ้าฟังเคยอยู่ในสมองบ้างหรือไม่?โง่เขลา เหตุใดจึงขลาดเขลาขนาดนี้? เ้ารู้หรือไม่ว่าเ้าที่เป็เช่นนี้กำลังทำให้ราษฎรหมดความจงรักภักดี”
ฮองเฮาทรงงานช่วยฮ่องเต้มานานหลายปีมุมมองทางการเมืองเฉียบขาดไท่จื่อที่ถูกเลี้ยงดูอย่างสุขสบายตลอดมามิอาจเทียบนางได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ชื่อเสียงของหลงเทียนอวี้กับหลงชิงหานกำลังได้รับความนิยม
หากยังเป็เช่นนี้ต่อไปเกรงว่านางคงมิอาจรักษาตำแหน่งของไท่จื่อเอาไว้ได้ ดูท่าคงต้องมอบตำแหน่งนี้ให้กับผู้อื่นจริง ๆ
“หมู่โฮ้วแต่ข้าเป็ไท่จื่อ ข้าคือว่าที่ฮ่องเต้ พวกเขาเป็เพียงขุนนางเท่านั้นการปกป้องดูแลข้าเป็สิ่งที่พวกเขาสมควรทำมิใช่หรือ? ”
จนกระทั่งตอนนี้ไท่จื่อยังไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองทำอะไรผิด
แววตาของฮองเฮาเผยให้เห็นความผิดหวังอย่างสุดซึ้ง
เพราะอะไรกันเหตุใดเด็กคนนี้จึงมิได้รับความฉลาดของนางกับฮ่องเต้ไปเลย?
“เ้าโง่!หากเ้าพยายามสักนิดที่จะต่อกรกับศัตรูขุนนางพวกนั้นคงพยายามรั้งเ้าเอาไว้และเ้าจะได้ชื่อว่าเป็องค์รัชทายาทผู้กล้าหาญแต่ตอนนี้เ้ากลับกลายเป็เพียงองค์รัชทายาทผู้หนีเก่งไร้เทียมทานแล้วแบบนี้จะกอบกู้ชื่อเสียงของเ้ากลับมาได้อย่างไร”
ฮองเฮาโกรธไท่จื่อจนแทบสิ้นสติเ้าเด็กโง่คนนี้คิดหรือว่านักฆ่าพวกนั้นจะสามารถประชิดตัวเขาได้?
“คือ...ลูกผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะลูกยอมรับความผิดทุกอย่าง”
ไท่จื่อยังคงไม่รู้ว่าตนเองทำอะไรผิดแต่เมื่อเห็นฮองเฮากริ้ว เขาจึงรีบก้มหน้ารับผิดทันที
ฮองเฮาถอนหายใจมองดูไท่จื่อที่กำลังคุกเข่าต่อหน้าตนเอง แต่ถึงกระนั้นความโกรธก็ยังมิจางหายไป
“ข้าไม่ค้านที่เ้าร่วมมือกับฮ่องเต้ิแต่เหตุใดเ้าจึงไปสร้างความร้าวฉานให้กับสกุลหลินและสกุลเยว่ หากสองพ่อลูกสกุลหลินตั้งตัวเป็ศัตรูกำลังของต้าจิ้นคงหายไปครึ่งเจียงซาน!”
ฮองเฮาสั่งสอนเขาด้วยความจริงใจแม้จะเป็ลูกชายของตนเอง แต่เมื่อเขาทำผิด นางก็ต้องสั่งสอน
“หมู่โฮ้วนางเป็เพียงผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้นเอ๋อร์เฉินคิดว่าสกุลหลินคงไม่ทำเช่นนั้นหรอกพ่ะย่ะค่ะ”
คำตอบของไท่จื่อทำให้ฮองเฮาส่งสายตาไม่พึงพอใจกลับไป
เหตุใดคนอื่นจึงมีลูกฉลาดเฉลียวสง่างาม
แต่ลูกชายของนางกลับไร้ประโยชน์และโง่เขลา
“เอาล่ะเ้าออกไปก่อน จำเอาไว้ หากมิได้รับคำสั่งจากเปิ่นกง อย่าได้คิดทำอะไรโง่ๆ อีกหากยังมีครั้งหน้า เปิ่นกงจะขังเ้าเอาไว้ในจวน! ”
ความชิงชังปรากฏขึ้นในสายตาของไท่จื่อ
ทว่า เขาถวายคำนับและออกไปแต่โดยดี
“ออกมาเถิดตอนนี้เหลือเพียงพวกเราสองคนแล้ว”
สีหน้าเคร่งเครียดของฮองเฮาอ่อนโยนลง
“คิกคิกข้าคิดอยู่แล้วว่าจะต้องซ่อนสายตาของหมู่โฮ้วไม่มิด”
เสียงขี้เล่นดังขึ้นจากนั้นหญิงสาวร่างบางคนหนึ่งจึงเดินออกมาจากทางด้านหลังฮองเฮา
หญิงสาวอายุเพียงสิบสี่สิบห้าปีเท่านั้นทว่าใบหน้ากลับงดงาม รอยยิ้มมีเสน่ห์
สวมชุดหญิงชาววังหรูหราสีม่วงศีรษะปักปิ่นทองห้อยระย้า
นางฉีกยิ้มกว้างท่าทางสดใสร่าเริง สามารถดึงดูดความสนใจผู้อื่นได้ในชั่วพริบตา
“เฮ้อเมิ้งหรู หากไท่จื่อพี่ชายของเ้าว่านอนสอนง่ายเช่นเ้าก็คงดี”
ฮองเฮามิได้เข้มงวดกับลูกสาวเหมือนอย่างที่ทำกับไท่จื่อ
หลงเมิ้งหรูมีดวงตางดงามทว่าดวงตาคู่สวยกลับมีเล่ห์เหลี่ยมและความฉลาดเฉลียว
“หมู่โฮ้วอย่าได้ร้อนใจไปเลยเพคะมีหนึ่งประโยคที่พี่ไท่จื่อกล่าวเอาไว้อย่างถูกต้อง นางเป็เพียงหญิงสาวคนหนึ่งเท่านั้นตายไปก็ไม่เป็ไรเท่านี้หมู่โห้วก็สามารถส่งลูกไปแต่งงานกับหลินหนานเซิงได้แล้วมิใช่หรือเพคะ? ”
เสียงหวานใสแต่กลับผ่านการวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนแล้ว
คิ้วของฮองเฮาที่ขมวดเข้าหากันคลายออกจ้องมองลูกสาวสุดที่รัก ก่อนจะแสดงท่าทางเสียดาย
เหตุใดสมองอันชาญฉลาดของนางจึงตกอยู่ที่ลูกสาวกันนะ?
“เมิ้งหรู หากเ้าเป็ชายคงจะดีกว่านี้”
โอบกอดร่างบางความโกรธเกรี้ยวเริ่มสลายไปจากหัวใจ
เมิ้งหรูพูดถูกแล้วยิ่งไปกว่านั้น จะต้องมีผู้อยู่เื้ัในการปล่อยข่าวลือเสียๆ หายๆของไท่จื่ออย่างแน่นอน
หากเป็เช่นนี้พ่อลูกสกุลหลินคงมิอาจล่วงรู้ถึงสาเหตุการตายที่แท้จริงของเยว่ถิง
“แต่ข่าวลือในคราวนี้รุนแรงยิ่งนักเกรงว่าจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อพี่ชายของเ้า”
หลงเมิ้งหรูครุ่นคิดก่อนจะเอ่ย
“เช่นนั้นพวกเราสร้างข่าวที่ใหญ่กว่านี้กันเถิดเพคะเท่านี้ราษฎรก็จะลืมเื่เกี่ยวกับพี่ไท่จื่อ”
ฮองเฮาครุ่นคิดพยักหน้าลง ดูเหมือนจะเป็วิธีที่ดีที่สุดแล้ว
ภายในพระราชวังกำลังสร้างคลื่นใต้น้ำทว่า บรรยากาศในจวนอวี้กลับเงียบสงบ
นับั้แ่วันที่เยว่ถิงตายจากไปหลินเมิ้งหยาใช้ข้ออ้างว่ากำลังรักษาตัวเพื่อหลีกเลี่ยงในการออกไปด้านนอก
พระสนมเต๋อเฟยส่งคนมาดูอาการหลายครั้งแต่ทุกครั้งส่งมาเพียงของบำรุงร่างกายเท่านั้น
หากมิได้ความเห็นชอบจากพระสนมเต๋อเฟยซูเหม่ยหยุนคงมิอาจพาตัวพี่เยว่ถิงไปได้
ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างหลินเมิ้งหยากับพระสนมเต๋อเฟยจึงห่างเหินมากขึ้นทุกที
เพียงแค่ทุกคนดูไม่ออกแต่เพียงเท่านั้น
ปลายฤดูใบไม้ร่วงทุกคนสวมใส่ชุดที่หนามากขึ้น
โดยเฉพาะป๋ายจื่อรูปร่างกลม ๆ เล็กน้อยของนางยิ่งดูน่ารักเมื่ออยู่ในชุดสีชมพู
