“เฟิงหลิงพูดเช่นนั้นจริงหรือ?” หวังซู่เหนียงน้ำตาไหล
“ใช่เ้าค่ะ” สีหน้าของนางอดที่จะเศร้าโศกไม่ได้ “ท่านแม่บอกว่า นางซุกซนอยู่่หนึ่งจึงได้หลอกท่านมาตั้งหลายปี จนรู้สึกตัวถึงได้พบว่า สิ่งที่ท่านทำต่อนาง... นางรู้สึกผิดต่อท่าน หลายปีมานี้นางตามหาท่านอยู่ตลอด แต่ก็หาไม่พบ”
หวังซู่เหนียงร้องไห้โฮ
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย?” กู้เจิงอยากรู้มากว่าเกิดอะไรขึ้นในอดีต
สตรีเ็าผู้นั้นมองกู้เจิงที่หน้าตาคล้ายคลึงกับป้าซิ่วสามถึงสี่ส่วน “เ้าเป็ลูกสาวของป้าซิ่วหรือ?”
กู้เจิงพยักหน้าอย่างไม่สบอารมณ์
“หน้าตาไม่สวยเท่าป้าซิ่ว แต่กล้ากว่าป้าซิ่วมาก ไม่เลวเลย”
กู้เจิง “...”
“ในเมื่อเ้าเป็บุตรสาวของป้าซิ่ว วันหน้าข้าจะปกป้องเ้าด้วย” หญิงนางนั้นตบไหล่กู้เจิงเบาๆ “ข้าชื่อเฟิงไหล"
กู้เจิง “...” เมื่อครู่ยังหยิ่งยโสเ็าถึงเพียงนั้น แต่ตอนนี้กลับเป็กันเองได้ขนาดนี้
“ตอนนั้นท่านแม่ของข้าปลอมตัวแต่งเป็ชายออกไปเที่ยวเล่น ไม่คิดว่าป้าซิ่วจะตกหลุมรักท่านแม่ข้าั้แ่แรกเห็น ท่านแม่รู้สึกว่าป้าซิ่วน่ารักมาก อยากเย้าแหย่นางเล่น แต่ก็ไม่ได้บอกเื่ที่ตัวเองปลอมตัวเป็ผู้ชาย พวกนางไปมาหาสู่กันอยู่หลายปี ท่านแม่พบว่าความรักที่ป้าซิ่วมีต่อนางมั่นคงยิ่งนัก จึงตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของปัญหา เดิมทีนางคิดอยากจะหาเวลาอธิบายให้เข้าใจ แต่ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี นางจึงบอกป้าซิ่วไปว่านางชอบคนอื่นเพื่อเป็การตัดปัญหา” น้ำเสียงเ็าของหญิงสาวแฝงไว้ด้วยความรู้สึกเศร้าใจ “ท่านแม่คิดว่าป้าซิ่วจะยอมแพ้ แต่กลับไม่คิดว่า...” นางหันมองพ่อบุญธรรมเยี่ยนจื่อเซี่ยน
กู้เจิงใจนไม่อาจจะพรรณนาได้ ที่แท้ซู่เหนียงนางเคยชอบสตรีที่ปลอมตัวเป็บุรุษอย่างบ้าคลั่งเลยสินะ
ั้แ่ต้นจนจบเยี่ยนจื่อเซี่ยนสีหน้ามืดครึ้มอยู่ตลอด
“ตอนนั้นพอข้าได้ยินว่าเฟิงหลิงชอบหญิงอื่น ข้าก็เลยอยากทำให้นางเสียใจบ้าง ตอนนั้นเฟิงหลิงกับหลิงิ หรือก็คือแม่ทัพเยี่ยนเป็สหายที่ดีต่อกัน ข้าจึงได้ทำเื่เลอะเลือนแบบนั้นกับแม่ทัพเยี่ยนลงไป แต่หลังจากนั้นข้าก็เสียใจมาตลอด...” หวังซู่เหนียงไม่กล้าพูดต่อ ต่อมานางถึงได้รู้ว่าเฟิงหลิงเป็ผู้หญิง
กู้เจิงกุมขมับ ซู่เหนียงหนอซู่เหนียง เฮ้อ...
“ในเมื่อหลายปีมานี้ป้าซิ่วอาศัยอยู่ในเมืองเยว่เฉิงมาโดยตลอด เหตุใดถึงไม่มาหาท่านแม่ข้ากับท่านพ่อบุญธรรมเล่า? ยังเกลียดชังท่านแม่ข้าอยู่อีกหรือ?”
หวังซู่เหนียงส่ายหน้าไปมา “ไม่อีกแล้ว”
“เช่นนั้นแล้วทำไม?”
“เื่เฟิงหลิงข้ามักจะรู้สึกไม่สบายใจ ส่วนหลิงิ ข้าไม่รู้ว่าเขาคือแม่ทัพเยี่ยน”
“หลิงิเป็ชื่อรองของข้า” เยี่ยนจื่อเซี่ยนเม้มปากแน่น
“อ้อ” หวังซู่เหนียงพยักหน้า อันที่จริงเขาไม่ได้สำคัญต่อนางนัก
เยี่ยนจื่อเซี่ยนส่งสายตาทะมึน อ้อนี่หมายความว่าอย่างไร?
กู้เจิงคิดไม่ถึงว่าความสัมพันธ์ระหว่างซู่เหนียงกับแม่ทัพเยี่ยนจะเป็เช่นนี้ เอาเถอะ ทุกคนล้วนต้องมี่ที่ ทำเื่เลอะเลือนไปบ้าง ก็พอจะอภัยได้บ้าง จะว่าไป บุรุษถูกสตรีทำอะไรเช่นนั้น ก็ไม่ใช่อะไร...เอาเถอะ ถึงแม้จะเป็การเสียเกียรติศักดิ์ไปบ้าง
“แต่ที่วันนี้แม่ทัพเยี่ยนชิงตัวซู่เหนียงของข้ามาที่นี่ ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่เ้าคะ?” กู้เจิงถามถึงประเด็นสำคัญ
คำถามนี้ทำเอาเยี่ยนจื่อเซี่ยนชะงักไป ตอนที่เขาเหลือบไปเห็นนางเข้า เขาเกือบจะคิดว่าตัวเองตาฝาดไป แต่เงาร่างอันมีชีวิตชีวานั้นเหมือนรอยประทับในความทรงจำ เขาลากนางเข้าไปในซอยเล็กๆ กลิ่นอายอันคุ้นเคย ดวงตาที่ทั้งหวาดกลัวและอ่อนโยนเหมือนในความทรงจำ เป็นางจริงๆ
“ชดใช้”
ทุกคนต่างตกตะลึง
“ชดใช้อะไรเ้าคะ?” หวังซู่เหนียง กู้เจิง และเฟิงไหลทั้งสามต่างถามเป็เสียงเดียวกัน
“ท่านพ่อบุญธรรม้าให้ท่านป้าซิ่วชดใช้ความบริสุทธิ์ของท่านหรือเ้าคะ?” เฟิงไหลเอ่ยถามตามตรง
กู้เจิงกับหวังซู่เหนียงเบิ่งตากว้าง ก่อนจะหันไปมองเยี่ยนจื่อเซี่ยน
“ไสหัวออกไป” นี่เป็ประโยคสุดท้ายของแม่ทัพเยี่ยน
ซู่หลันที่นั่งรออยู่บนรถม้า เมื่อเห็นกู้เจิงกับหวังซู่เหนียงออกมา นางก็รีบหยิบเก้าอี้สำหรับเหยียบขึ้นรถออกมาวางไว้
“อย่ามองแม่แบบนั้นเลย” หวังซู่เหนียงมีสีหน้าลำบากใจ เมื่อถูกกู้เจิงถลึงตาใส่
“ซู่เหนียง ท่านกับแม่ทัพเยี่ยนเคยเป็ชู้กันจริงๆ หรือ?” กู้เจิงยังไม่อยากจะเชื่อ
“เป็ชู้อะไรกัน พูดไม่น่าฟังเลย” หวังซู่เหนียงถอนหายใจ
“แล้วทำไมท่านถึงเข้ามาอยู่ในจวนกู้ได้เ้าคะ?” ในเมื่อเื่ของซู่เหนียงและแม่ทัพเยี่ยนเป็เื่ในอดีต “ทางฝั่งท่านพ่อ ท่านปิดบังเื่นี้ยังไงเ้าคะ?”
หวังซู่เหนียงกล่าวด้วยสีหน้าไม่ใส่ใจ “ด้วยนิสัยอย่างเขาน่ะหรือ สังเกตได้ก็แปลกแล้ว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าแก่กว่าเขาสองปี”
“อะไรนะ? ท่านอายุมากกว่าท่านพ่องั้นหรือเ้าคะ?” กู้เจิงมองซู่เหนียงอย่างไม่อยากเชื่อ
หวังซู่เหนียงกระแอมเบาๆ อย่างอายๆ เผลอพูดเื่นี้ออกมาได้ โชคดีที่กู้เจิงไม่ใช่ใครอื่น “ตอนนั้นไม่มีทางเลือกนี่ บิดาของเ้าหล่อเหลาหน้าตาดี ใครจะคิดว่าพออายุมากเข้าจะกลายเป็แบบตอนนี้”
กู้เจิง “...” ตอนนี้นางรู้สึกว่าท่านพ่อน่าสงสารนัก “ที่แท้ซู่เหนียงชอบบัณฑิตหล่อเหลาหน้าขาวนี่เอง”
“ก็ใช่ว่าจะเป็เช่นนั้น เฟิงหลิงไม่เพียงแต่หน้าตาดี กระบี่ก็รำได้ดี และด้วยรูปลักษณ์ที่งดงามหมดจดก็ดูสง่างามยิ่งนัก ข้าถูกการร่ายรำกระบี่ของเขาดึงดูดเข้า เพียงแต่น่าเสียดายที่นางเป็สตรี”
กู้เจิงกระตุกมุมปาก นางหมดคำพูดจริงๆ
“ต่อไปข้าจะไม่ออกจากจวนกู้อีกแล้ว” หวังซู่เหนียงนั่งอย่างสงบเสงี่ยม
“ทำไมเ้าคะ?”
“เยี่ยนจื่อเซี่ยนนั่นน่ากลัวเกินไป” หวังซู่เหนียงตอบ “เจิงเอ๋อร์ เ้าว่าเขาจะมารื้อฟื้นเื่นี้ไปทำไมกัน? อีกทั้งเขากำลังจะแต่งงานแล้ว ทำเป็ไม่รู้จักข้าน่าจะดีกว่า ใช่ไหม?”
“เื่แบบนี้ไม่ว่าเป็ใครก็ปล่อยวางไม่ได้หรอกเ้าค่ะ” กู้เจิงคิดว่าซู่เหนียงคิดง่ายไปจริงๆ อาจเป็เพราะนางนั้นมาจากสังคมในยุคสมัยใหม่จึงสามารถยอมรับการกระทำของซู่เหนียงได้ หากลองเปลี่ยนเป็สตรีอื่น คงได้ด่าทอซู่เหนียงไปนานแล้ว สตรีไม่รักนวลสงวนตัวถึงเพียงนี้ ซ้ำยังโกหกจนได้เข้าจวนป๋อเจวี๋ยไปเป็อนุอีก
“ก็แม่คิดได้ไง” หวังซู่เหนียงเถียง
กู้เจิงไม่อยากอธิบายกับนางต่อแล้ว เื่ในวันนี้มากมายจนนางรับมือไม่ไหว แต่วันแต่งงานของแม่ทัพเยี่ยนกับคุณหนูหนิงก็ใกล้เข้ามาแล้ว ท่านแม่ทัพไม่น่าจะมาเอาเื่ซู่เหนียงอีก ต่างคนก็ต่างมีครอบครัวกันไปแล้ว คงไม่สาวปัญหาจนไม่จบไม่สิ้นกระมัง
เมื่อมาส่งซู่เหนียงที่จวนกู้ กู้เจิงก็พบว่านายหญิงเว่ยซื่อก็ยังไม่กลับมา นางเหนื่อยที่จะอยู่รอแล้ว นางจึงไม่สนใจเื่ของขวัญแต่งงานอีก
กู้เจิงตรงกลับบ้าน ก่อนจะแยกไปพักนางก็ได้สำทับกับซู่หลันว่าเื่ที่ไปจวนเยี่ยนในวันนี้อย่าได้พูดอะไรออกไป
เหอเซียงเห็นนายหญิงออกไปอย่างร่าเริง ทว่ากลับมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจึงถามซู่หลันว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ซู่หลันไม่ได้เล่าอะไรให้นางฟังทั้งสิ้น
เมื่อเสิ่นเยี่ยนกลับมาบ้านในตอนเย็น เขาก็เห็นภรรยากำลังนั่งเหม่อลอยอยู่ในห้องนอน จนกระทั่งเขาเปลี่ยนชุดเสร็จ นางก็ยังไม่ว่าเขากลับมาแล้ว จนเขาต้องล้มตัวนั่งลงข้างๆ นางถึงจะรู้สึกตัว
“ท่านพี่” กู้เจิงทักขึ้น
“กำลังคิดอะไรถึงได้เหม่อลอยเช่นนี้” เสิ่นเยี่ยนถามขึ้น
“ข้าไม่รู้จะเล่ายังไงดีเ้าค่ะ” เสิ่นเยี่ยนเป็คนที่กู้เจิงเชื่อใจเพียงคนเดียวในโลกนี้ แต่นางกลับพูดไม่ออก
“งั้นก็อย่าเพิ่งเล่า เราไปกินข้าวกันเถอะ” เสิ่นเยี่ยนพากู้เจิงออกไปห้องด้านนอก
ซู่หลันกำลังจัดสำรับอาหารอยู่ “นายท่าน นายหญิง ข้าจัดอาหารเสร็จพอดีเ้าค่ะ” นางว่าพลางเดินถอยออกไป
กู้เจิงตัดสินใจจะเล่าให้เขาฟังก่อนเริ่มกินอาหาร “ท่านพี่ วันนี้ข้ากับซู่เหนียงไปเดินเที่ยวซื้อของกันข้างนอก พวกเราได้พบกับแม่ทัพเยี่ยนเข้าเ้าค่ะ”
เสิ่นเยี่ยนฟังอย่างตั้งใจ “แล้วมีอะไรหรือ?”
กู้เจิงเล่าเื่ซู่เหนียงกับแม่ทัพเยี่ยนจื่อเซี่ยนให้เสิ่นเยี่ยนฟังโดยละเอียด
หลังฟังจบเสิ่นเยี่ยนก็สำลักข้าวที่เพิ่งกินเข้าไป เขากระแอมไออยู่หลายทีก่อนจะหาย
“ตอนนี้พอนึกถึงสีหน้าของแม่ทัพเยี่ยนที่มองซู่เหนียง ข้ากลัวว่าเขาจะไม่ปล่อยเื่นี้ไปง่ายๆ เ้าค่ะ” เื่นี้แหละคือสิ่งที่นางกังวลมาตลอดบ่าย
“เื่นี้ของซู่เหนียงเ้า นับว่าเกินความคาดหมายไปบ้างจริงๆ” ชื่อเสียงอันโด่งดังของแม่ทัพเยี่ยนนั้นขจรไปไกล ทว่าในวัยเยาว์เขากลับมีเื่เช่นนี้เกิดขึ้น
“ใช่น่ะสิเ้าคะ จนถึงตอนนี้ข้ายังไม่อยากจะเชื่อเลย” กู้เจิงเอ่ยอย่างกังวล