“เฉินจิ้งเจีย! เ้าอย่าได้ล้ำเส้นเกินไป!”
อย่างไรก็เป็เด็กอายุเพียงสิบห้า เฉินจิ้งโหรวตวาดเฉินจิ้งเจียเสียงดังลั่น น้ำเสียงคลับคล้ายจะร้องไห้
เฉินจิ้งเจียที่กำลังจะเข้าห้องหันกายกลับมา ปราดมองเฉินจิ้งโหรวที่เกรี้ยวกราดเพราะพ่ายแพ้ด้วยความเ็า
ไม่คอยให้นางได้ปริปาก เสียงเปี่ยมโทสะของใครคนหนึ่งพลันดังขึ้น “เฉินจิ้งโหรว นี่คือสิ่งที่เ้าถูกสั่งสอนมาหรือ เจอพี่สาวแต่กลับเรียกชื่อห้วนๆ อย่างนั้นหรือ?”
เฉินจิ้งโหรวตัวแข็งทื่อในบัดดล ผู้มาเยือนด้านหลังหาใช่ใครอื่น แต่เป็เฉินอี้เหอนั่นเอง
นางหันกลับมา หันหน้าครึ่งซีกที่บวมเล็กน้อยไปทางเฉินอี้เหอ “พี่ใหญ่ ท่านพินิจดูสักนิด นางคือพี่สาวข้าไม่ผิด แต่กระนั้นก็มิอาจลงมือตบตีใครอื่นได้มิใช่หรือ?”
“เช่นนั้นเ้าพูดสิว่าเหตุใดข้าจึงตบเ้า” เฉินจิ้งเจียหาได้หลีกถอยแม้แต่น้อย เขม็งจ้องเฉินจิ้งโหรวไม่ละ จ้องจนนางเสียความมั่นใจ
เมื่อเห็นท่าทีดังว่า เฉินอี้เหอจึงมิได้พูดดีแต่อย่างใด เขาเอ่ยเสียงเ็า “ในเมื่อเ้าอธิบายไม่ได้ เช่นนั้นเื่นี้ข้าเห็นว่าเจียเอ๋อร์มิได้ทำอะไรผิด แต่เป็เ้าที่พูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมา สมควรโดนตบปากแล้ว”
เดิมทีใบหน้าก็เ็ปเกินทนแล้ว ครั้นได้ยินเฉินอี้เหอพูดว่าตบปาก ไหนเลยเฉินจิ้งโหรวจะกล้าปากดีต่อ หันหน้าวิ่งหนีไปทันที
ยามออกจากเรือนนางไม่ระวัง ชนใครบางคนเข้า นางเองก็คร้านจะสนใจ จึงสาวเท้าเดินต่อไป
เฉินจิ้งโหรวคิดตื้นเขินเกิน ผู้มาเยือนเรือนพักเฉินจิ้งเจียนั้น มิได้มีเพียงป๋อชางโหวหรือเฉินอี้เหอ ยังมีเหล่าบริพารรับใช้บางส่วนติดตามมาอีกด้วย
ไม่มีทางที่ป๋อชางโหวจะไม่เคลื่อนไหวใดๆ ยิ่งเฉินอี้เหอยังอยู่ในเรือนด้วย เช่นนั้นคนที่นางชนคงมิได้สลักสำคัญอยู่แล้ว
ผู้ถูกชนก้มหน้าเห็นของบางอย่างตกพื้นจึงเอื้อมมือเก็บ ก่อนมองไปยังเฉินจิ้งโหรวที่วิ่งหนีไปด้วยความประหลาดใจ เมื่อได้ยินเสียงจากในเรือน จึงหันกลับมา สาวเท้าเข้าในเรือน
เฉินอี้เหอมองเฉินจิ้งเจียเบื้องหน้าั้แ่หัวจรดเท้า หัวคิ้วขมวดมุ่น “เ้าไหวหรือไม่? เฉินจิ้งโหรวมิได้รังแกเ้าใช่หรือไม่?”
คำถามของเขาทำเอาเฉินจิ้งเจียตะลึงงัน นางมองไปยังประตูเรือนที่เปิดออก ก่อนได้สติหันมองเฉินอี้เหออีกครั้ง “ท่านไม่เห็นรอยฝ่ามือบนหน้านางหรือ?”
“เห็นแล้ว” เฉินอี้เหอตอบกลับด้วยท่าทีปกติ
“เช่นนั้นไม่ได้ยินที่น้องฟ้องหรือ?” เฉินจิ้งเจียถามอีกครั้ง
“ได้ยินแล้ว” เฉินอี้เหอตอบอีกที
รู้อยู่แก่ใจแล้ว ไฉนถึงได้เข้าใจผิดว่านางถูกรังแก? เฉินจิ้งเจียเริ่มไม่สบายใจ
เฉินอี้เหอเห็นการแสดงออกของนาง ก็เดาความคิดนางได้คร่าวๆ เขาเอ่ยปากอย่างปลดปลง “เ้าต้องถูกนางยั่วโมโหจนไม่ไหวถึงได้ลงมือไป นิสัยของเ้าพี่รู้ดีที่สุด ไม่เคยะเิโทสะใส่ใครมั่วซั่วอย่างแน่นอน”
เขาหยุดพูดครู่หนึ่ง “คนแบบนี้จะตีก็ตีไปเถอะ แต่อย่าได้โมโหจนส่งผลร้ายต่อตัวเองแทนเล่า เข้าใจหรือไม่?”
เฉินจิ้งเจียพยักหน้ารับถ้อยคำอย่างเชื่อฟัง แน่นอนว่าเข้าใจแล้ว ในสายตาเฉินอี้เหอ คนที่คู่ควรแก่การได้รับความใส่ใจจากเขาในจวนป๋อชางโหว คือน้องสาวของเขาผู้นี้กับป๋อชางโหวผู้เป็บิดาเท่านั้น
เห็นเฉินจิ้งเจียพยักหน้ารับแล้ว เฉินอี้เหอจึงวางใจได้ในที่สุด รอยยิ้มซื่อตรงไร้เล่ห์เหลี่ยมผุดขึ้น ดูสวนทางกับภาพลักษณ์ทรงอำนาจของแม่ทัพใหญ่เป็อย่างยิ่ง
“ยังมีอีก จ้าวอี๋เหนียงตากลมเย็นจนป่วย ยามนี้กำลังนอนป่วยอยู่บนเตียง ข้าถามหมอตรวจโรคแล้ว หากอาการป่วยของนางจะดีขึ้น เกรงว่าคงต้องใช้เวลาระยะหนึ่งทีเดียว”
เฉินอี้เหอเล่าข่าวที่ตนไปสืบมา โดยมิได้สังเกตว่าสายตาแวววาวของเฉินจิ้งเจียนั้นจดจ้องไปทางประตูเรือน
กระทั่งเขามองตามปลายสายตาน้องสาวตนแล้ว ก็เห็นบัณฑิตเผยฉางชิงที่ไร้ซึ่งความน่าสนใจยืนอยู่
เมื่อเผยฉางชิงเห็นว่าเฉินจิ้งเจียสังเกตเห็นตนเองแล้ว ก็มิได้หลบหลีกแต่อย่างใด เดินเข้าเรือนพักอย่างไม่สะทกสะท้าน พยักหน้าให้เฉินจิ้งเจียเล็กน้อย
เฉินจิ้งเจียก็พยักหน้าตอบเผยฉางชิงเล็กน้อยเช่นกัน
ไม่รู้เหตุใดเฉินอี้เหอถึงรู้สึกเหมือนตนเป็ส่วนเกิน ทว่าหากเขาไปตอนนี้ก็คงไม่เหมาะสักเท่าไร หนุ่มสาวอยู่กันตามลำพังเช่นนี้...
เขาหาได้รู้ไม่ว่าเฉินจิ้งเจียเคยย่องเข้าห้องเผยฉางชิงกลางดึกด้วยซ้ำ หากรู้เข้า ไม่แน่ใจว่ายามนี้จะมีท่าทีอย่างไรเช่นกัน
“ท่านพี่ ข้ามีเื่ต้องคุยกับคุณชายเผยเ้าค่ะ” เฉินจิ้งเจียทำท่าเขินอายที่เห็นไม่บ่อยนัก
ดูดูดู! เมื่อครู่นางเพิ่งพูดว่ากระไร!
ความไม่พอใจผุดขึ้นเต็มทรวงเฉินอี้เหอ เขารู้อยู่แล้วว่าเขาโดนทิ้ง!
“ในเมื่อคุณหนู้าคุยกับข้าน้อยเผย เช่นนั้นข้าน้อยเผยจะอยู่ตรงนี้ขอรับ” เผยฉางชิงพูดจบ สีหน้าเฉินอี้เหอพลันดำคล้ำประดุจก้นหม้อ
เขาเอ่ยตามทันใด “ทว่าท่านแม่ทัพเฉินก็ควรอยู่ด้วยเช่นกัน หากข้าน้อยเผยอยู่ตามลำพังกับคุณหนู เกรงว่าคงทำให้ชื่อเสียงคุณหนูเสื่อมเสียเป็แน่ขอรับ”
“ใช่ใช่ใช่ ท่านบัณฑิตช่างรู้ความยิ่งนัก” เฉินอี้เหอไม่ให้โอกาสเฉินจิ้งเจียพูด รีบตอบรับตามในบัดดล
เพราะกลัวว่าเฉินจิ้งเจียจะไล่ตน เฉินอี้เหอจึงรีบหาจุดพักเท้าให้ตนเอง นั่นคือม้านั่งศิลาในเรือนนั่นเอง
หากเป็คิมหันตฤดู คงเป็จุดพักผ่อนที่เหมาะเจาะพอดี หากแต่สภาพอากาศยามนี้...
เขาพูดจบก็ตรงดิ่งไปนั่งจุดนั้น มองเฉินจิ้งเจียด้วยท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู
ครั้นเห็นเขามาดมั่นจะอยู่ตรงนี้ เฉินจิ้งเจียจึงไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงเปิดประตูห้องไว้ให้เขาเห็นตนและเผยฉางชิง
“คุณหนูเฉินอยากคุยอะไรกับข้าน้อยเผยขอรับ?” เผยฉางชิงเปิดฉากถาม ท่าทางตั้งอกตั้งใจ ราวกับเฉินจิ้งเจียมีเื่อยากคุยกับเขาจริงจังอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อได้ยินเขาพูดดังนั้น เฉินจิ้งเจียพลันะเิหัวเราะทันใด “ท่านมองไม่ออกหรือว่าข้าแค่ไม่อยากฟังท่านพี่พูดไม่หยุดน่ะ?”
นางเอ่ยเช่นนี้ออกมา สีหน้าเผยฉางชิงเริ่มลังเล เขาหันหน้ามองเฉินอี้เหอที่นั่งในลานสวนของเรือนวูบหนึ่ง ก่อนเอ่ยเสียงเบา “ท่านมีทั้งบิดาทั้งพี่ชายคอยปกป้องเช่นนี้ ช่างน่าอิจฉาเสียจริงนะขอรับ”
พูดถึงบิดาและพี่ชายของเฉินจิ้งเจียแล้ว ดวงตานางเปล่งประกายวูบ รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้า ลักยิ้มตรงสองมุมปากดูน่ารักจิ้มลิ้ม
“ท่านก็มีมิใช่หรือ?” เฉินจิ้งเจียเผลอถามไปตามความคิด ทว่าสีหน้าเผยฉางชิงกลับชะงักงันไป “ท่านว่ากะไรนะ?”
ครั้นได้ยินคำถามของเขา เฉินจิ้งเจียใจสะท้านกระตุกวูบ ซวยแล้ว เผลอพูดเื่ที่ตนรู้ตอนชาติที่แล้วออกมาเสียได้ ยามนี้จะหาทางวกกลับอย่างไรเล่า?
กลับเป็เฉินอี้เหอเสียเองที่เห็นท่าทางเฉินจิ้งเจียและเฉินอี้เหอประเดี๋ยวพูดประเดี๋ยวหัวเราะแล้ว พลันเกิดความรู้สึกหวงเบาๆ ขึ้นในจิตใจ
เป็ดั่งคำที่ว่าเมื่อลูกสาวโตขึ้นย่อมติดเรือนได้ไม่นาน เมื่อถึงเวลาอายุเหมาะสมย่อมคิดเื่แต่งงาน เพียงครู่เดียวก็พูดคุยยิ้มแย้มกับคนอื่นได้แล้ว แต่พี่ชายตัวเองกลับทอดทิ้งอย่างไวว่อง
คิดเช่นนี้อยู่ในใจแล้ว เขายกถ้วยเบื้องหน้า เงยหน้ากระดกอึกใหญ่
ดื่มหมดจึงนึกได้ว่านี่คือชาหาใช่สุรา ทั้งยังเป็ชาที่ถูกลมหนาวพัดเป่าจนเย็น
“หนานจือ หนานจือ ช่วยข้าเปลี่ยนกาน้ำชาร้อนที” เฉินอี้เหอกวักมือเรียกหนานจือที่อยู่ไม่ไกล
เมื่อได้ยินคำสั่งเขา หนานจือพลันได้สติกลับมาทันใด “ไอ้หยา หากท่านไม่บอกข้าคงลืมไปแล้ว ว่าต้องเตรียมชาร้อนให้คุณหนูกับว่าที่เขย ไฉนข้าถึงลืมไปได้นะ!”
หนานจือกระทืบเท้าหงุดหงิด “ข้าขอตัวไปเตรียมชาร้อนให้ว่าที่เขยสักครู่เ้าค่ะ คุณชายใหญ่รอสักประเดี๋ยวนะเ้าคะ”
ไม่รอให้เฉินอี้เหอได้พูดอะไร หนานจือก็รีบร้อนจากไปทันที
มองถ้วยชาว่างเปล่าในมือ ลูบท้องที่เพิ่งกระดกชาเย็นเยียบเข้าไป ก่อนเฉินอี้เหอจะค้นพบเื่หนึ่งว่า สถานะของเขายามนี้ต่ำสุดในบ้านแล้ว ไม่เว้นแม้แต่สาวใช้หนานจืออีกด้วย!
