หลินเยว่รู้ดีว่าเฮ่อโย่วจ้างไม่ใช่คนที่ชอบทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลดังนั้น เขาจึงลบความคิดที่เหมือนจะพยายามแสดงความสามารถของตนเองทิ้งลงไปเขายืนอยู่ข้างๆ เฮ่อโย่วจ้างและทำตัวเป็ผู้ชมเพียงอย่างเดียวอย่างเงียบๆ
“ผมเอง!”ท่ามกลางผู้คน ในที่สุดก็มีบุคคลผู้หนึ่งเดินออกมา เขาเป็ชายวัยกลางคนที่มีอายุ 30 กว่าปี
เมื่อมีคนเสนอตัวกลุ่มคนจึงส่งเสียงปรบมือต้อนรับอย่างอบอุ่น
หลังจากที่นักธุรกิจชาวกว่างโจวพูดขอบคุณชายวัยกลางคนที่เดินออกมาผู้นั้นแล้วเขาและอีกฝ่ายจึงพากันเดินไปหยุดอยู่ข้างๆโต๊ะที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ตัวหนึ่ง บนโต๊ะมีกระถางธูปตั้งอยู่และในกระถางธูปก็มีธูปชั้นดี 3 ดอกกำลังเผาไหม้อยู่
พวกเขาทั้งสองหันหน้าไปทางธูปเ่าั้และทำการไหว้3 ครั้งอย่างตั้งใจหลังจากนั้นถึงได้เริ่มตัดหินหยก
ชายวัยกลางคนทำการปรับตำแหน่งเครื่องตัดหินหยกให้เรียบร้อยหลังจากนั้นจึงเริ่มเปิดสวิตช์ท่ามกลางสายตาของทุกๆ คนใบเลื่อยของเครื่องตัดหินหยกค่อยๆ ลดต่ำลง เสียง “ครืดๆ”ดังบาดหูไปทั่วทั้งท้องถนนเป็ระยะๆ
ทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ต่างรู้สึกตื่นเต้นไปตามจังหวะที่เครื่องตัดหินหยกค่อยๆลดต่ำลง และ่เวลาสำคัญเช่นนี้จึงไม่มีใครกล้ากะพริบตาเลยสักนิด เพราะพวกเขาเกรงว่าจะพลาดฉากสำคัญที่น่าจดจำไป
สีหน้าของนักธุรกิจชาวกว่างโจวก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมาแต่ทว่าสิ่งที่มีมากกว่าก็คือความคาดหวัง และบนความคาดหวังนี้ก็มีความมั่นใจแฝงอยู่
เมื่อเห็นท่าทางการตัดหินหยกของชายวัยกลางคนผู้นี้แล้วหลินเยว่จึงพยักหน้ายอมรับฝีมือของคนผู้นี้สูสีกับช่างตัดหินหยกของหรงเล่อเซวียนเลยทีเดียว
เมื่อมีเสียงกระหึ่มดังขึ้นหินหยกถูกตัดออกเป็สองส่วน สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าสายตาทุกคนคือสภาพหินที่เป็สีขาวเทามีความเรียบตรงเกลี้ยงเกลา ราวกับว่าเป็การหัวเราะเยาะเย้ยคนที่คิดอยากจะร่ำรวยในชั่วข้ามคืนส่วนที่เป็ประกายสีเขียวนั้นกลับเป็เพียงแผ่นเล็กๆ เท่านั้น
“เฮ่อ......”
กลุ่มคนตรงนี้ต่างส่งเสียงถอนหายใจออกมาเสียงดัง
สีหน้าของนักธุรกิจชาวกว่างโจวก็ดูแย่มากทันทีใบหน้าเคร่งเครียดดำคล้ำอย่างน่ากลัว
เพียงมีดเดียวก็ทำให้เงิน 1 ล้านหยวนหายไปทันที! หากเงินลอยไปตามน้ำก็อาจจะมีเสียงที่เกิดขึ้นจากการไหลของน้ำอยู่บ้างแต่ตอนนี้กลับไม่มีเสียงใดๆ เลยสักนิด!
นักธุรกิจคนที่แย่งกันเสนอราคาในตอนแรกต่างมีสีหน้าดีใจโชคดีที่อีกฝ่ายไม่ได้ขายหินหยกก้อนนี้ให้กับตนไม่อย่างนั้นคนที่ขาดทุนก็จะกลายเป็พวกเขาเอง
ชายวัยกลางคนที่ช่วยตัดหินหยกผู้นั้นก็มองนักธุรกิจชาวกว่างโจวอย่างอึดอัดลำบากใจในใจเขาก็ยังแอบกลัวว่าอีกฝ่ายจะให้เขารับผิดชอบ แต่เมื่อเห็นคนที่มุงอยู่รอบๆมีเยอะขนาดนี้ เขาก็เริ่มมีความกล้ามากขึ้น เพราะอีกฝ่ายได้พูดต่อหน้าทุกคนไว้แล้ว
เมื่อเห็นว่าเป็การตัดเจ๊งแล้วหลินเยว่จึงถอนหายใจในความโชคดีของตนเองโชคดีที่การกระทำอันวู่วามของเขามีคนอื่นห้ามปรามไว้ได้ทัน มิฉะนั้นแล้ว เื่ดีๆก็คงจะกลายเป็เื่เลวร้ายเชียวล่ะ ต่อไปเขาจะไม่เสนอตัวเองอีกแล้ว
หลินเยว่เหลือบมองเฮ่อโย่วจ้างอยู่ชั่วครู่เขาพบว่าอีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกรู้ร้อนรู้หนาวกับการตัดเจ๊งเลยสักนิดในใจของเขาจึงคิดว่า อีกฝ่ายน่าจะรู้อยู่แล้วว่าหินหยกก้อนนั้นจะต้องตัดเจ๊งอย่างแน่นอนจึงได้ห้ามตัวเขาไว้ เมื่อคิดถึงตรงนี้หลินเยว่ก็รู้สึกขอบคุณเฮ่อโย่วจ้างเป็อย่างมาก
นักธุรกิจชาวกว่างโจวก้มหน้ามองหินหยกที่ถูกตัดแล้วบนพื้นเขาดูมีอารมณ์แปรปรวน แต่สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจออกมาหนักๆแล้วก็พยายามเฟ้นรอยยิ้มที่ไม่ค่อยน่าดูนักส่งให้กับชายวัยกลางคนที่ช่วยตัดหินหยกให้เขาพร้อมพูดขึ้น“ขอบคุณนะ คุณสามารถไปได้แล้วล่ะ”
ชายที่ช่วยตัดหินหยกจึงรู้สึกราวกับได้รับการปลดภาระลงเขาพยักหน้าแล้วก็เดินแทรกตัวหายไปกับกลุ่มคนทันที
เมื่อการตัดหินหยกเสร็จสิ้นเรียบร้อยผู้คนที่ล้อมอยู่ต่างแยกย้ายกันไป บางส่วนรู้สึกโชคดี บางส่วนรู้สึกเห็นใจและมีบางส่วนที่รู้สึกตื่นเต้น มีความรู้สึกมากมายเต็มไปหมด
สุดท้าย นักธุรกิจชาวกว่างโจวจึงนำหินหยกที่ไร้ค่านี้แลกเป็เงิน5,000 หยวนเพราะไม่ว่าอย่างไรในหินหยกก้อนนี้ก็ยังมีหยกอยู่บ้างหลังจากนั้นเขาก็จากไปด้วยสีหน้าหดหู่
“ไปกันเถอะ”เฮ่อโย่วจ้างพูดจบเขาก็เริ่มออกเดินหน้าไปก่อน
หลินเยว่รีบตามขึ้นไป แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง“เมื่อตะกี๊ขอบคุณมาก”
“ไม่เป็ไร”
“คุณรู้ได้อย่างไรว่าหินหยกก้อนนั้นจะตัดเจ๊งล่ะ?”ขณะที่หลินเยว่เดิน เขาก็ถามในสิ่งที่เขาสงสัยออกมา
“ก่อนหน้านี้ผมเคยสำรวจหินหยกก้อนนั้น” การพูดของเฮ่อโย่วจ้างในครั้งนี้ยาวกว่าครั้งอื่นๆมากยิ่งนัก“นักธุรกิจชาวกว่างโจวคนนั้นอยากจะทำให้ตนเองกลายเป็คนมีชื่อเสียงถึงได้คิดตัดหินหยกต่อหน้าคนอื่นแต่ว่าเขาโชคไม่ดี ก็เลยตัดเจ๊งไงล่ะ”
หลินเยว่พยักหน้าหากสามารถกลายเป็บุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการการพนันหินหยกไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะมีแต่คนเคารพนับถือ ราวกับปรมาจารย์แห่งหยกเลยทีเดียว ดังนั้นจึงมีคนจำนวนมากที่้าชื่อเสียงจอมปลอมเหล่านี้ และได้พยายามคิดหาวิธีต่างๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งนี้
อันที่จริง หลินเยว่ก็ไม่เข้าใจความคิดของพวกเขา การแอบรวยเงียบๆคนเดียวดีจะตาย ทำไมต้องให้เป็ที่เลื่องลือไปทั่วด้วยล่ะ?
หลินเยว่ที่ยังคิดไม่ตกนั้นพลันหยุดชะงักทันทีเขามองเฮ่อโย่วจ้างอย่างอึ้งๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “เฮ้ย! ทำไมวันนี้คุณถึงได้พูดเยอะจังเลยล่ะ?”
เฮ่อโย่วจ้างกลอกตาใส่หลินเยว่หลังจากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น “เพราะคุณไม่รู้ไงล่ะ”
คำถามเมื่อสักครู่เป็คำถามที่ไม่น่าถามเลยสักนิดไม่ถามยังจะดีเสียกว่า เพราะหากถามแล้วก็จะถูกคนอื่นเยาะเย้ยได้หลินเยว่จึงได้แต่ทำหน้าลำบากใจ เขาจึงทำเป็กระแอมไอแล้วก็ปล่อยเื่นี้ให้ผ่านไปอย่างเงียบๆ
“ตอนนี้กลับกันเถอะแล้วคืนนี้ผมจะพาคุณไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง”
เมื่อพูดจบเฮ่อโย่วจ้างก็ไม่ได้รอให้หลินเยว่คิดตามได้ทันแต่กลับเดินทะลุตรงไปยังเส้นทางกลับโรงแรม
“ไปไหนล่ะ?”
หลินเยว่ถามเฮ่อโย่วจ้างจากทางด้านหลัง
แต่เฮ่อโย่วจ้างไม่ได้สนใจหลินเยว่เลย......
หลินเยว่จึงต้องยอมแพ้เขาจึงได้แต่ทำตามอีกฝ่ายโดยการกลับไปพักผ่อนที่โรงแรมก่อน
วันนี้ไม่ได้ทำกำไรเลยสักนิดแล้วยังจ่ายเงินไปอีก 3 แสนหยวนสองวันมานี้ก็ถือได้ว่าเขาหาเงินได้ 1แสนหยวน สำหรับสายอาชีพอื่นๆ แล้วการมีกำไร 1 แสนหยวนภายในเวลา 2 วันก็ถือว่าเป็รายได้ที่ดีมาก แต่สำหรับคนที่มีพลังพิเศษตาทิพย์อย่างหลินเยว่แล้วการทำได้ 1 แสนภายใน 2วันถือว่าล้มเหลวมากเป็ความล้มเหลวอย่างแท้จริง
เมื่อกลับถึงโรงแรม หลินเยว่จึงมุดตัวลงนอนเมื่อถึงเวลา 1 ทุ่มเขาก็ถูกเสียงโทรศัพท์ปลุกจนตื่น
หลินเยว่มองชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอก็รู้สึกใเพราะเป็ท่านเฮ่อฉางเหอที่โทรมา อาการงัวเงียของเขาจึงหายไปทันที
หรือว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?
หลินเยว่รับสายอย่างงุนงง แล้วพูดขึ้น“อาจารย์ครับ”
“ฮ่าๆ ไอ้หนูนี่เยี่ยมจริงๆ ทำได้ไม่เลวเลยนะคาดไม่ถึงว่าคุณจะโชคดีขนาดนี้ ไม่ ไม่ใช่สิ ไม่ใช่ว่าคุณโชคดีแต่ต้องบอกว่า์ช่างเลือกตอบแทนความดีของคุณมากกว่า ฮ่าๆ......”
สิ่งที่เข้าหูของหลินเยว่ล้วนเป็เสียงหัวเราะเสียงดังของท่านเฮ่อฉางเหอซึ่งก็ทำให้หลินเยว่รู้สึกสงสัยมากยิ่งขึ้น อาจารย์ของเขาเป็อะไรกันแน่?
เมื่อรอให้เสียงหัวเราะค่อยๆ หายไปหลินเยว่จึงถามขึ้น “อาจารย์ครับ ท่านเป็อะไรครับ?”
“ทำไมล่ะ ก็ชมคุณไงตอนนี้อาจารย์เริ่มสงสัยแล้วล่ะว่าคุณไม่ได้ศึกษาเครื่องเคลือบจากอาจารย์ แต่เป็การศึกษาการพนันหินหยกมากกว่า”น้ำเสียงของท่านเฮ่อไม่มีการตำหนิเลยสักนิด แต่กลับเต็มไปด้วยความพึงพอใจ
และการพูดเช่นนี้ก็ยิ่งทำหลินเยว่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุอยู่ดีเขาจึงได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ แล้วถามขึ้น “อาจารย์ครับ ท่านมีเื่อะไรก็พูดตรงๆเลยดีกว่าไหมครับ อย่าทำให้ศิษย์ต้องมึนงงอีกเลย”
เมื่อหลินเยว่พูดจบ ก็มีเสียงกระแอมให้คอโล่งของท่านเฮ่อฉางเหอดังผ่านมาทางโทรศัพท์หลังจากนั้นน้ำเสียงของอีกฝ่ายก็พูดเหมือนปกติที่ผ่านมา “คุณเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้โดยไม่ตกไม่หล่นมาให้อาจารย์ฟังสิ”
ถึงแม้ว่าหลินเยว่จะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดอาจารย์ของตนเองจึงได้ถามเช่นนี้แต่ทว่าเขาก็ยังเล่าเื่ราวทั้งหมดที่ตนเองเผชิญมาในวันนี้ออกมาแต่ยกเว้นไว้เื่หนึ่ง นั่นก็คือ เขาไม่ได้พูดถึงเื่ที่เขาได้ช่วยเหลือคนที่สติไม่สมประกอบคนหนึ่งรวมทั้งเื่บัตรสีทองเขาก็ข้ามไปด้วยเช่นกัน
เมื่อฟังหลินเยว่พรรณนาจบน้ำเสียงของท่านเฮ่อก็ดังผ่านออกมาจากโทรศัพท์ “ไอ้หนู มีเื่บางอย่างปิดบังอาจารย์อยู่ใช่ไหม?”
“เป็ไปได้อย่างไรครับ?”หลินเยว่พูดอย่างรู้สึกผิดในใจ
“ไม่มีอย่างนั้นหรือ?คุณก็แกล้งหลอกอาจารย์ต่อไปสิ อาจารย์ขอถามหน่อยคนที่สติไม่ดีที่อยู่บนถนนหินหยกของเถิงชงคนนั้นไปไหนเสียแล้วล่ะ? คุณเป็คนที่พาเขาส่งไปยังสถานสงเคราะห์ใช่หรือเปล่า?”น้ำเสียงของท่านเฮ่อฉางเหอก็ดังขึ้นถึง 8 ระดับอย่างรวดเร็ว
หลินเยว่ได้ยินเช่นนี้เขาก็แสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อขึ้นมา ท่านเฮ่อทราบเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร หรือว่าที่ท่านโทรศัพท์มาหาเขาในวันนี้ก็เป็เพราะเื่นี้อย่างนั้นหรือ?
เมื่อคิดถึงปฏิกิริยาของท่านเฮ่อฉางเหอเมื่อสักครู่หลินเยว่ก็คาดการณ์ได้ทันที ท่านเฮ่อต้องโทรศัพท์หาเขาเพราะเื่นี้อย่างแน่นอน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้