ตอนที่ 130 งมงายไร้สาระ
ใครบ้างจะไม่เห็นด้วย น้องห้าสอบถงเซิงผ่านแล้ว อีกไม่นานก็จะได้เป็บัณฑิตซิ่วไฉ แต่เ้ารองผู้นั้นใจไม้ไส้ระกำ ไม่คิดจะช่วยเหลืออะไรเลย
ผู้เฒ่าอวิ๋นกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “แล้วจะทำอย่างไรได้เล่า ในเมื่อเขาไม่เห็นใจพวกเรา มีหนทางทำมาหากินก็ไม่คิดจะช่วยเหลือกัน ข้าจะไปปล้นเขาได้หรือ?”
เจียงต้าไห่รีบยิ้มเจื่อน “ท่านพ่อ เพราะอย่างนี้ไงขอรับ พวกเราต้องหาทางให้เหลียนเอ๋อร์แต่งงานกับเทียนเป่าให้ได้ เมื่อนางเป็สะใภ้ของเทียนเป่าแล้ว ก็เหมือนเป็คนในครอบครัวเดียวกัน หนทางทำมาหากินก็คงไม่ปิดบังเป็แน่”
“ท่านพ่อวางใจเถิดขอรับ ข้าเองก็กำพร้าบิดามารดา ท่านทั้งสองก็เหมือนบิดามารดาแท้ๆ ของข้า หลายปีมานี้ ข้ากับเจวียนเอ๋อร์ก็ปรนนิบัติดูแลท่านทั้งสอง และช่วยเหลือน้องห้า ท่านทั้งสองย่อมทราบดี”
“ครอบครัวเรานั้นไม่เหมือนครอบครัวพี่รอง หรือแม้แต่ครอบครัวน้องสาม ทั้งๆ ที่เขาเป็ลูกที่ท่านแม่ให้กำเนิดแท้ๆ แต่กลับถูกพี่รองทำให้ห่างเหินกับคนในบ้าน แต่หากเหลียนเอ๋อร์ได้แต่งงานกับเทียนเป่า เขาจะไม่สนใจลูกสาวตัวเองเชียวหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ไม่มีลูกชายเสียด้วย”
“เื่อื่นไม่กล้าพูด แต่หากเหลียนเอ๋อร์ให้กำเนิดบุตรชายสักสองคน ข้ายินดีให้ลูกชายคนหนึ่งใช้นามสกุลอวิ๋น สืบสกุลให้น้องสาม ปล่อยให้เขาคอยเช็ดกระถางธูปให้เ้าสาม!”
คนสมัยโบราณกลัวการไม่มีลูกชาย เพราะกลัวว่าตายไปแล้วจะไม่มีคนทำพิธีศพ ไม่มีคนคอยเผากระดาษเงินกระดาษทองให้ ดังนั้น คำพูดของเจียงต้าไห่จึงโดนใจผู้เฒ่าอวิ๋นอย่างจัง
อวิ๋นเจวียนเอ๋อร์กล่าวเสริม “ใช่แล้วเ้าค่ะท่านพ่อ เื่นี้พวกเราก็เพียงแต่หวังดีกับน้องสาม”
เถาซื่อกล่าว “ตาแก่ ข้าว่าเื่นี้ดี!”
เจียงต้าไห่รีบเติมเชื้อไฟต่อ “ขอเพียงเื่ของต้าเป่า ท่านพ่อท่านแม่ช่วยเป็ธุระให้ข้า ข้ารับรองว่าจะหาตระกูลใหญ่โตมั่งคั่งให้เหมยเอ๋อร์แต่งงานเข้าไปเป็ฮูหยินน้อยใช้ชีวิตสุขสบาย!”
ผู้เฒ่าอวิ๋นถอนหายใจ เขาย่อมรู้ดีว่าเจียงเทียนเป่าเป็คนเช่นไร “แต่เ้าสามกับภรรยาคงไม่ยินยอมเป็แน่”
พอได้ยินเจียงต้าไห่รับปากว่าจะหาวิธีให้แต่งงานเข้าตระกูลใหญ่โตเป็ฮูหยินน้อย อวิ๋นเหมยเอ๋อร์ก็ตาเป็ประกาย ลืมไปเสียสนิทว่าก่อนหน้านี้ตนเองอิจฉาริษยาอวิ๋นเจวียนเอ๋อร์เพียงใด รีบเอ่ยเสริม “ท่านพ่อ หากทำได้ง่ายๆ พี่หญิงใหญ่กับพี่เขยต้องมาขอร้องท่านทั้งสองเช่นนี้หรือเ้าคะ? นี่ไม่ใช่ให้ท่านพ่อท่านแม่ช่วยกันคิดวิธีหรอกหรือ?”
ผู้เฒ่าอวิ๋น “แต่นี่มันบังคับกันไม่ได้ ต่อให้กดหัววัวกินน้ำ มันก็ไม่ยอมดื่มอยู่ดี”
เถาซื่อปรายตามองเขา “ก็ไม่แน่หรอก เอาล่ะ เื่นี้ตาแก่ไม่ต้องยุ่งแล้ว ข้ามีวิธี เ้าสามไม่มีทางปฏิเสธได้หรอก”
ผู้เฒ่าอวิ๋นไม่พูดอะไรต่อ อวิ๋นเจวียนเอ๋อร์และสามี รวมถึงเจียงเทียนเป่าต่างรีบกล่าวขอบคุณ จากนั้นทุกคนก็ย้ายไปอยู่ที่ห้องเดิมที่อวิ๋นโส่วจงเคยอยู่
อวิ๋นโส่วหลี่เป็คนที่ไม่ชอบยุ่งเื่ในบ้านที่สุด ตอนงานเลี้ยงที่เกิดเื่ขึ้น เขาก็อาศัยข้ออ้างว่าต้องทบทวนตำราแล้วกลับไปที่สำนักศึกษาเอกชนในตำบลแล้ว
เนื่องจากอาการาเ็ของอวิ๋นฉี่ซานค่อนข้างรุนแรง คนของบ้านอวิ๋นโส่วกวงและอวิ๋นโส่วเย่าจึงไปเฝ้าไข้ที่บ้านอวิ๋นโส่วจงกันหมด
ส่วนคนที่ควรดูแลไร่นาก็ดูแลไร่นา คนที่ควรดูแลการก่อสร้างบ้านก็ดูแลการก่อสร้างบ้าน สองพี่น้องฉี่เสียงก็ไม่ได้ออกไปขายของ ทั้งสองคนผลัดกันมาเฝ้าไข้ที่บ้านอวิ๋นโส่วจง คอยรับใช้เป็ธุระต่างๆ
ส่วนอวิ๋นเจียวนั้น นางพยายามข่มตาหลับบนรถม้า เมื่อนอนไม่หลับนางก็หลับตาพักสายตา เพราะกลัวว่าหากอวิ๋นฉี่ซานอาการทรุดหนัก้าความช่วยเหลือนาง นางจะไม่มีเรี่ยวแรงพอ ซึ่งจะทำให้เสียเื่ใหญ่
อวิ๋นโส่วจงกับฟางซื่อก็เช่นกัน พวกเขาพยายามข่มตาพักผ่อน เพื่อความรวดเร็ว พอผ่านอำเภอหนึ่ง พวกเขาก็เปลี่ยนตัวม้า ซึ่งเื่นี้เป็ฝีมือของฉู่อี้ที่ให้คนไปจัดเตรียมที่จุดพักม้าไว้ล่วงหน้าแล้ว
ทุกคนเดินทางทั้งวันทั้งคืน ในที่สุดก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านไหวซู่ในเช้าวันที่สอง ท่านหมอจากจวนโหวได้มารออยู่ที่บ้านของอวิ๋นเจียวแล้ว
ทุกคนเดินเข้าไปในห้องของอวิ๋นฉี่ซาน พอเห็นอวิ๋นฉี่ซานใบหน้าซีดเซียว ไม่ได้สติ ฟางซื่อกับอวิ๋นเจียวก็ร้องไห้ออกมาทันที ส่วนสีหน้าของอวิ๋นโส่วจงก็ดูแย่ไม่แพ้กัน
“ท่านโหว นายท่านอวิ๋น อวิ๋นฮูหยิน” ท่านหมอลุกขึ้นคำนับทั้งสามคน
ฉู่อี้กล่าว “ไม่ต้องมากพิธี คนเจ็บเป็อย่างไรบ้าง? าแสาหัสหรือไม่?”
ท่านหมอ “ที่ต้นขาของคนเจ็บมีแผลถูกแทงด้วยของมีคมสองแผล แผลแรกยาวสามชุ่น แผลที่สองยาวห้าชุ่น สูญเสียเืมาก าแติดเชื้ออย่างรุนแรง เกิดหนองมีไข้สูงไม่ยอมลด อาการไม่ค่อยดีนักขอรับ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างกายของฟางซื่อก็โอนเอนไปมา อวิ๋นโส่วจงรีบเข้าไปประคองนาง ส่วนหัวใจของอวิ๋นเจียวก็พลันดิ่งลงเหว
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้ามีเื่จะบอกเ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉู่อี้ ท่านหมอ และอวิ๋นฉี่เสียงที่เฝ้าอยู่ในห้องต่างก็เดินออกไปพร้อมกับปิดประตูให้
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านยังจำนักพรตจากูเาหลงหู่ที่ข้าเคยพูดถึงได้หรือไม่เ้าคะ?”
“จำได้ จำได้สิ!” ฟางซื่อคิดถึงตอนที่ฉู่อี้ได้รับาเ็สาหัสก็ได้ยาเม็ดวิเศษจากนักพรตผู้นั้นช่วยจนหายดี ในใจก็เกิดประกายแห่งความหวังขึ้นมาทันที
อวิ๋นโส่วจงมองอวิ๋นเจียวด้วยแววตาเชื่อมั่น “เจียวเอ๋อร์ เ้ามีวิธีรักษาพี่รองของเ้าอย่างนั้นหรือ?”
อวิ๋นเจียวส่ายหน้า “าแของพี่รองต่างจากาแของฉู่อี้ ตอนที่พวกเราพบฉู่อี้าแของเขายังไม่มีหนอง มีเพียงไข้สูงเท่านั้น แต่พวกเรามาถึงช้าไป าแของพี่รองติดเชื้อมีหนองแล้ว... ข้าเองก็ไม่มั่นใจนักเ้าค่ะ”
“แต่ตอนนั้นท่านนักพรตบอกว่าข้ามีบุญ จึงถ่ายทอดวิชาอธิษฐานขอพรให้ข้าหลายบท ข้าอยากลองดู เพียงแต่ ระหว่างที่ข้ากำลังทำพิธี ประมาณห้าหกชั่วยาม หรืออาจจะมากกว่านั้น ห้ามมีใครรบกวนเด็ดขาด ท่านพ่อท่านแม่จะทำได้หรือไม่เ้าคะ?”
ฟางซื่อมองอวิ๋นโส่วจง อวิ๋นโส่วจงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น “ตกลง พ่อจะเป็คนเฝ้าประตูเอง แต่ใช้เวลานานเช่นนั้นเจียวเอ๋อร์ เ้าจะไหวหรือ?”
อวิ๋นเจียว “ไหวเ้าค่ะ ขอเพียงแค่เตรียมขนมให้ข้าสักหน่อย และช่วยก่อเตาถ่านไว้ที่ห้องชั้นนอกเผื่อข้าจะได้ต้มน้ำร้อน หากเหนื่อยข้าจะพักผ่อนเองเ้าค่ะ”
ฟางซื่อตาแดงก่ำ เสียงสั่นเครือ “เจียวเอ๋อร์ เ้าห้ามฝืนตัวเองเด็ดขาด พี่รองของเ้าสำคัญก็จริง แต่ร่างกายของเ้าก็สำคัญเช่นกัน รู้หรือไม่?”
อวิ๋นเจียว “ท่านแม่ ข้าทราบแล้วเ้าค่ะ วางใจเถิด อ้อ แล้วก็เอาเงินทั้งหมดที่มีอยู่ในบ้านมาให้ข้าด้วยเ้าค่ะ”
อวิ๋นโส่วจงกับฟางซื่อไม่คิดอะไรมาก พวกเขารู้เพียงว่านักพรตทีู่เาหลงหู่นั้นเป็ถึงปรมาจารย์ที่แม้แต่ฮ่องเต้ยังให้ความเคารพ ดังนั้นสิ่งที่ท่านอาจารย์ถ่ายทอดให้อวิ๋นเจียวย่อมไม่ธรรมดา การต้องใช้สิ่งของแปลกประหลาดก็เป็เื่ที่พอเข้าใจได้
ฟางซื่อ “ข้าจะไปเอามาให้ แล้วต้องใช้ผงชาดหรือไม่? หากต้องใช้จะให้พ่อเ้าไปซื้อ”
อวิ๋นเจียวรีบส่ายหน้า “ไม่ต้องใช้ผงชาดเ้าค่ะ ต้องใช้ทองคำกับเงิน ท่านนักพรตเคยกล่าวไว้ว่า เงินทองนั้นสามารถบันดาลได้ทุกสิ่ง”
อวิ๋นโส่วจงรีบควักเงินออกมาหลายสิบตำลึงให้อวิ๋นเจียว ฟางซื่อก็รีบกลับไปเอาเงินที่ห้องตัวเอง ไม่นานนักนางก็เอาทองคำสิบตำลึงและเงินอีกหนึ่งร้อยตำลึงมาให้
“เจียวเอ๋อร์ พอหรือไม่? หากไม่พอจะได้ให้พ่อเ้าไปแลกเงินมาเพิ่ม”
“เกรงว่าจะไม่พอเ้าค่ะ” หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็เดินออกไปข้างนอก และเป็ไปตามคาด ฉู่อี้ยังไม่กลับไป
“ฉู่อี้ ข้า้าเงินสด ไม่ว่าจะมีเท่าใดก็้าทั้งหมด”
ฉู่อี้รีบยื่นถุงเงินของตนเองให้อวิ๋นเจียว แล้วหันไปสั่งจางหลิง “เอาเงินมา”
จางหลิงก็รีบยื่นถุงเงินของตนเองให้อวิ๋นเจียว เมื่อเห็นว่าฉู่อี้ยังยืนมองเขาอยู่ เขาก็รีบรวบรวมถุงเงินขององครักษ์ทุกคนมาส่งมอบให้อวิ๋นเจียว
อวิ๋นหลานเอ๋อร์และคนอื่นๆ ที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็รีบนำเงินติดตัวออกมาให้อวิ๋นเจียว
อวิ๋นเจียวไม่ได้พูดอะไรมาก หลังจากเข้าไปในห้องแล้ว นางก็ให้อวิ๋นโส่วจงใช้ตั๋วเงินไปคืนทุกคนที่อยู่ข้างนอก
หลังจากขนมและเตาถ่านถูกเตรียมเรียบร้อยแล้ว ฟางซื่อกับอวิ๋นโส่วจงก็เดินออกจากห้องไป
หมอต้วนที่มาจากจวนโหว้าจะเข้าไปดูอาการคนไข้ แต่อวิ๋นโส่วจงกลับขวางเขาไว้ “ลูกสาวข้ากำลังทำพิธีอธิษฐานขอพรให้พี่รองของนางอยู่ ห้ามให้คนไปรบกวนขอรับ”
พอได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของหมอต้วนก็บึ้งตึง “นี่มันงมงายไร้สาระ ท่านรู้หรือไม่ว่าอาการของบุตรชายท่านสาหัสเพียงใด? เหตุใดจึงปล่อยให้เด็กตัวเล็กๆ มาทำเื่ไร้สาระเช่นนี้ นี่ท่านกำลังจะฆ่าบุตรชายตัวเองชัดๆ!”