งานเลี้ยงก็จบลงเช่นนี้ เซวียนชินอ๋องดื่มจนเมามายไม่ได้สติ อวี้หลิงก็ออกคำสั่งให้บ่าวไพร่ในจวนเก็บกวาดลานเรือนให้เรียบร้อย ส่วนมู่หลานเฟินก็เดินกลับเรือน ระหว่างทางนางเดินผ่านสระบัว หญิงสาวหยุดมองดูมันพลางครุ่นคิด
นี่คือสระบัวที่มู่หลานเฟินคนก่อนตกลงไปและถึงแก่ชีวิตจนจากโลกนี้ไป แล้วนางก็ได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้แทน
มู่หลานเฟินมองเงาของตนที่สะท้อนบนผิวน้ำ แสงจันทร์ยามค่ำคืนทำให้นางมองเห็นภาพสะท้อนของตนเองบนผิวน้ำได้อย่างชัดเจน ใบหน้านี้งดงามอ่อนเยาว์ นางเหมือนกับได้ย้อนเวลากลับไปในโลกอนาคตที่ตนเองจากมาอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าผ่านมากี่ครั้งแล้วที่นางทะลุมิติไปเป็คนนั้นทีคนนี้ที เป็คนบ้าง เป็สัตว์บ้าง เป็บุรุษบ้าง
นับว่าครั้งนี้ได้เป็ตัวเองเสียที แต่ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตอยู่ในร่างนี้ได้อีกนานเท่าใดนัก เพราะจากหลาย ๆ เหตุการณ์ในชาติก่อน ๆ นางนั้นมีอายุไม่ยืนยาวสักเท่าใดนัก
หญิงสาวถอนหายใจออกมา ยังไม่ทันจะเดินกลับเรือนก็ได้ยินเสียงของป้ามหาภัยเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน
"หลานสาวตัวดี เ้ายังมีอารมณ์มายืนชมนกชมไม้ ชมสระบัวอยู่อีกหรือ"
มู่หลานเฟินกลอกตาไปมา ก่อนจะหันมามองอวี้หลิงอย่างเอือมระอา
"ข้าจะไปนอนแล้ว ง่วงมาก เชิญท่านป้าตามสบาย"
"นังเด็กคนนี้นี่!"
มู่หลานเฟินไม่รอให้อวี้หลิงมาพูดจาไม่เข้าท่ากรอกหูนางอีก นางกลับไปอาบน้ำ ก่อนจะเอนกายนอนบนเตียง แต่จนแล้วจนรอดกลับนอนไม่หลับเอาแต่พลิกตัวไปมาอยู่ค่อนคืน เมื่อนอนแล้วไม่หลับเสียทีนางจึงออกมาเดินเล่นรับลมที่นอกห้อง เมื่อออกมาจากห้องก็มองเห็นลั่วเหมยสาวใช้ที่กำลังนั่งสัปหงกอยู่หน้าห้องนอนของนาง อีกทั้งเหมือนจะไม่รู้สึกตัวอีกด้วย มู่หลานเฟินส่ายหน้าไปมาพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
ที่จวนแห่งนี้หรูหราสุขสบาย แต่นางรู้ดีว่าการที่นางมีชีวิตความเป็อยู่ที่ดีเช่นนี้ก็เพราะมีท่านป้าเป็ถึงพระชายาเอก หากวันใดที่อวี้หลิงทำตามแผนการไม่สำเร็จ และเซวียนซานหลางขึ้นมาเป็ชินอ๋องคนใหม่ เขาคงไม่มีทางเก็บพวกนางเอาไว้ในจวนให้เป็หอกข้างแคร่
ช่างเถอะ ฝีมือการทำอาหารของนางก็มี หากโดนไล่ออกจากจวนจริง ๆ ก็แค่ไปหาเช่าแผงลอยเล็ก ๆ ทำอาหารมาขายก็สิ้นเื่ คนเราควรต้องพึ่งพาตนเองให้ได้ไม่ใช่หรือ
มู่หลานเฟินเดินมาตามทางเรื่อย ๆ เพียงลำพัง กว่าจะรู้ตัวก็พบว่าตนเองเดินมาถึงด้านหลังของจวนอ๋องเสียแล้ว ที่ตรงนี้มีแค่คบไฟจุดให้ความสว่างเพียงไม่กี่ดวง อีกทั้งยังมีต้นไม้ใหญ่รายล้อมให้ความรู้สึกน่าประหวั่นพรั่นพรึงไม่น้อยเลย
มู่หลานเฟินคิดจะหันหลังเดินกลับ แต่สายตาของนางเหลือบไปเห็นกระท่อมไม้หลังหนึ่งตั้งอยู่ไม่ไกล อีกทั้งยังมีไฟส่องให้ความสว่างมาจากภายใน หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น เดิมทีคิดว่าไม่ควรสอดรู้เื่ของคนอื่นดีกว่าจะได้ไม่ตายไว แต่อีกใจหนึ่งนางกลับไม่เห็นด้วย หากเป็โจรเล่า เช่นนั้นไม่แย่หรอกหรือ
มู่หลานเฟินค่อย ๆ เดินเข้าไป เมื่อเดินเข้าไปใกล้กระท่อมก็ได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังพูดคุยกัน นางคิดไปไกลถึงขนาดที่ว่าอาจจะมีคนคิดชั่วในจวน หรือมีโจรมาขโมยของ สัญชาตญาณระวังตนเริ่มทำงานทันที
เพราะมีชาติหนึ่งเคยเกิดเป็สุนัข ทั้งหูและจมูกของนางจึงได้ยินและรับกลิ่นได้ดี
มารดามันเถอะ ความรู้สึกที่เหมือนมีิญญาหมาอยู่ในร่างตลอดเวลานี่มันคืออันใดกัน!
เมื่อคิดได้เช่นนั้นมู่หลานเฟินจึงเดินเข้าไปใกล้ ๆ กระท่อมหลังนั้นด้วยฝีเท้าที่เงียบเชียบ ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงสนทนาภายในชัดเจนขึ้น
เป็เสียงของบุรุษสองคน?
คุ้นหูเสียด้วย
ภายในกระท่อมเซวียนซานหลางและเสิ่นเหวยอันกำลังนั่งอ่านรายงานการตายของสตรีหลายสิบคนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ที่นี่คือที่นัดหมายลับของพวกเขายามที่มีเื่ต้องสะสาง นัดพบกันที่อื่นย่อมไม่อาจวางใจ ในจวนของเขาย่อมปลอดภัยกว่าเพราะมีหูตาของเขาคอยคุ้มกันอยู่เต็มไปหมด
การตายของพวกนางทุกคนล้วนน่าสงสัย ทุกศพเป็สตรีซ้ำยังสวมใส่ชุดเ้าสาว ที่คอมีร่องรอยของการถูกเชือกรัดรึง ดวงตาสองข้างถูกควักออกจนกลวงโบ๋ เล็บมือเล็บเท้าถูกถอดออก การตายวิปริตเช่นนี้คนที่ลงมือจะต้องอำมหิตไม่เบาเลย
เซวียนซานหลางขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเอ่ยกับเสิ่นเหวยอัน
"คนของเ้าสืบได้ความใดมาบ้าง"
เสิ่นเหวยอันเงยหน้ามามองเซวียนซานหลาง ระหว่างพวกเขาสองคนแม้จะไม่ลงรอยกันไปบ้าง แต่ยามที่ต้องทำงานกลับร่วมมือกันได้เป็อย่างดี
"ศพทุกศพล้วนน่าสงสัย อีกทั้งสตรีที่ถูกสังหารครั้งนี้ล้วนเป็หญิงสาวที่เข้าพิธีแต่งงานและรออยู่ในห้องหอ เ้าบ่าวของพวกนางบอกว่าหลังจากส่งแขกเสร็จ เมื่อกลับมาเ้าสาวก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว คนร้ายลงมือได้น่าพรั่นพรึงมาก ถึงขนาดควักดวงตา ถอดเล็บ รัดคอ คนของท่านเ้าเมืองก็ตามสืบร่องรอยของฆาตกรไม่พบ ชาวบ้านหวาดผวา สตรีทุกคนที่ถึงวัยออกเรือนต่างไม่กล้าออกเรือนแต่งงานเพราะกลัวความตายจะมาเยือน คนของข้าบอกว่าพวกเขามีความเชื่อว่ามีิญญาของสตรีนางหนึ่งที่ตายในคืนวันแต่งงานและอาฆาตแค้นมาก จึงมาเอาชีวิตของหญิงสาวที่แต่งงานทุกคนไปอยู่กับตน คนในหมู่บ้านถงหวางบางคนหวาดกลัวจึงออกจากหมู่บ้านมาตั้งรกรากใกล้เมืองหลวง รวมตัวกันเขียนจดหมายร้องเรียนทางการว่ามีิญญาไล่ฆ่าคน โชคดีที่จดหมายร้องเรียนนั้นมาถึงมือข้าพอดี ข้าจึงนำถวายให้ฝ่าา ซื่อจื่อ ท่านคิดว่าจะจัดการเช่นไรดี แล้วมีความคิดเห็นเช่นไร"
เซวียนซานหลางมีท่าทีครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ย
"ิญญาอันใดกันเหลวไหลสิ้นดี ข้าว่ามันเป็ฝีมือคนชัด ๆ เช่นนั้นเอาอย่างนี้ พวกเราต้องปลอมตัวเข้าไปที่หมู่บ้านถงหวาง หากเข้าไปด้วยฐานะที่โจ่งแจ้งเช่นนี้ อาจจะทำให้คนร้ายไหวตัวทัน ที่สำคัญต้องเล่นตามแผน ในเมื่อฆาตกรพุ่งเป้าไปที่หญิงสาวที่แต่งงานเข้าหอ เช่นนั้นเราต้องหาสตรีสักคนในหมู่บ้านมาร่วมแสดงละครตบตาคนร้ายเพื่อหลอกล่อฆาตกรออกมา"
เสิ่นเหวยอันพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะเอ่ย
"แผนการนี้จะว่าง่ายก็ง่ายอยู่หรอก แต่หากไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนจะพบว่าไม่ง่ายเท่าใดนัก สตรีทุกคนในหมู่บ้านถงหวางหวาดกลัวถึงเพียงนี้ ย่อมไม่ให้ความร่วมมือกับเราแน่ ที่สำคัญอาจจะกลายเป็จุดอ่อนของพวกเราได้ พวกนางเอาแต่เก็บตัวเพราะกลัวความตาย เราคงจะต้องหาสตรีในเมืองหลวงสักคนให้ติดตามไปด้วย จ่ายเงินให้นางมากหน่อย ที่สำคัญต้องหาคนที่มีวรยุทธ์สามารถปกป้องตนเองได้ ไม่อย่างนั้นนางอาจจะกลายเป็เหยื่อไปอีกคน แต่จะหาสตรีจากที่ไหนกันที่มีคุณสมบัติเช่นนี้ สตรีน้อยในเมืองหลวงวัน ๆ เอาแต่ผัดแป้งแต่งหน้า ให้ไปเสี่ยงอันตรายอาจจะเป็ตัวถ่วง อ่า ข้านึกออกแล้ว น้องหรานหร่านอย่างไรเล่า!"
เซวียนซานหลางเมื่อได้ยินก็แทบจะพ่นน้ำชาออกจากปาก เสิ่นเหวยอันดูท่าจะปักใจชอบพอมู่หลานเฟินจนโงหัวไม่ขึ้นเสียแล้ว ไม่ว่าจะทำสิ่งใดล้วนนึกถึงแต่หน้านางมารน้อยผู้นั้น
"ไม่ได้!"
"เหตุใดจึงไม่ได้?"
เซวียนซานหลางเม้มริมฝีปากแน่น เื่ที่อวี้หลิงคิดจะสังหารเขาและส่งมู่หลานเฟินมายั่วยวนเขานั้นเป็เื่ที่เขาไม่เคยบอกเล่ากับใคร เพราะไม่้าให้คนนอกล่วงรู้เื่โสมมภายในจวนของเขา
"ไม่ต้องถามหาเหตุผล ข้าบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้"
"ซื่อจื่อ ท่านอย่าทำตัวไร้สาระไปหน่อยเลย เราต้องทำงานนี้ให้แล้วเสร็จ ไม่อย่างนั้นฝ่าาจะทรงต่อว่าท่านและข้าแน่นอน ท่านวางอคติในใจลงก่อน ข้ารู้ว่าท่านไม่ชอบน้องหรานหร่าน แต่ตอนนี้สตรีในเมืองหลวงที่มีคุณสมบัติอย่างที่พวกเราตามหาก็เห็นจะมีแค่น้องหรานหร่านเพียงคนเดียว ท่านว่าจริงหรือไม่"
เซวียนซานหลางถึงกับเถียงไม่ออก ที่เสิ่นเหวยอันพูดมาไม่ผิด สตรีในเมืองหลวงที่มีวรยุทธ์แทบไม่มี แต่มู่หลานเฟินกลับเป็ข้อยกเว้น
เสิ่นเหวยอันยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอ่ย
"ตกลงตามนี้"
"ผู้ใดตกลง?"
"ซื่อจื่อ งานนี้ท่านและข้าต้องตัดสินใจร่วมกัน คนที่มีอำนาจในการตัดสินใจก็คือข้าด้วยส่วนหนึ่ง ท่านเอาอคติส่วนตัวมาปะปนกับเื่งานเช่นนี้ หากงานไม่สำเร็จ จะทำเช่นไร ช่างไม่ได้เื่เลยจริง ๆ"
"เสิ่นเหวยอัน!"
ด้านมู่หลานเฟินที่แอบฟังอยู่ข้างนอกกระท่อมก็ได้ยินเื่ราวทั้งหมดชัดเจน นางได้ยินว่าพวกเขาจะไปสืบคดีกัน และ้าตัวหญิงสาวคนหนึ่งที่มีวรยุทธ์ติดตามไปด้วย เสิ่นเหวยอันเสนอชื่อนาง นางรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย ั้แ่ทะลุมิติมาที่นี่นอกจากกินกับนอนแล้วนางก็ไม่มีอะไรให้ทำมากนัก ไม่สู้ออกไปท่องยุทธภพเสียหน่อย ช่วยพวกเขาทำงาน จะได้ไม่ต้องทนมองหน้าอวี้หลิงป้ามหาภัยนั่นทุกวัน
ยังไม่ทันที่นางจะเดินเข้าไปหาพวกเขาก็พบว่ามีดาบยาวเล่มหนึ่งวางพาดอยู่บนลำคอของนาง เมื่อเหลือบสายตาไปมองก็พบว่าเป็บุรุษผู้หนึ่งที่กำลังจ้องมองนางเขม็ง
"คุณหนูมู่ สอดรู้สอดเห็นสมควรตาย"
"เ้าเป็องครักษ์ลับของเซวียนซานหลางหรือ"
คนผู้นั้นไม่เอ่ยตอบแต่กลับจ้องนางเขม็ง มู่หลานเฟินถึงกับส่งเสียงเหอะในใจ เ้านายกับลูกน้องนิสัยไม่ต่างกันเลยจริง ๆ วัน ๆ จ้องแต่จะฆ่านาง
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ตอบและยังจะฆ่านางอีกด้วย นางจึงฉวยโอกาสตอนเขาไม่ทันระวังตนใช้ฝ่ามือปัดด้ามดาบให้ออกห่างจากคอตนเอง และยกเท้าถีบองครักษ์ลับผู้นั้นจนล้มลง
เสียงเคลื่อนไหวที่ด้านนอกทำให้เซวียนซานหลางและเสิ่นเหวยอันหันมามองหน้ากันโดยพลัน ก่อนที่คนทั้งสองจะรีบวิ่งออกมาจากกระท่อม เมื่อออกมาเห็นภาพตรงหน้าก็ทำเอาเซวียนซานหลางหน้าเขียวคล้ำ ส่วนเสิ่นเหวยอันก็ยืนปรบมือชอบใจอยู่ข้าง ๆ เขา
ตอนนี้องครักษ์ลับผู้นั้นกำลังนอนอยู่ใต้ฝ่าเท้าของมู่หลานเฟินพลางร้องโอดครวญไม่เป็ภาษา
"มู่หลานเฟิน เ้าทำอันใดองครักษ์ของข้า"
เซวียนซานหลางเอ่ยถามมู่หลานเฟินด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ มู่หลานเฟินหันมายิ้มให้เขาก่อนจะเอ่ยตอบ
"ไม่ได้ทำอันใด องครักษ์ของท่านจะตีข้า ข้าก็เลยชิงตีเขาก่อน ข้าเพียงผ่านทางมาได้ยินเื่ที่พวกท่านสองคนกำลังปรึกษากัน เดิมทีคิดจะจากไปแล้วแต่คนของท่านจะทุบตีข้า ข้าเลยต้องป้องกันตัว"
เสิ่นเหวยอันเมื่อได้ยินที่มู่หลานเฟินบอกเล่าก็ยิ้มตาหยี
"น้องหรานหร่าน เ้าช่างน่าค้นหาขึ้นทุกวันจริง ๆ"
"พี่เสิ่นชมเกินไปแล้ว เกรงใจ ๆ"
เซวียนซานหลางหลับตาลงพยายามข่มกลั้นโทสะ ก่อนจะเดินเข้าไปดึงแขนของมู่หลานเฟินและลากนางเข้าไปในกระท่อม
ในเมื่อสตรีนางนี้รู้แล้วว่าพวกเขาคิดจะทำอะไร คงจะปล่อยให้นางเอาเื่นี้ไปโพนทะนาไม่ได้ ท้ายที่สุด เซวียนซานหลางจำต้องยอมให้มู่หลานเฟินติดตามไปด้วย
"หวังว่าเ้าจะไม่ทำให้ภารกิจของข้าล้มเหลว หากแผนการของข้าพังคร่ืนไม่เป็ท่าเพราะเ้า ข้าจะส่งเ้าไปนอนกองรวมกับเ้าสาวที่เป็ศพพวกนั้น!"
มู่หลานเฟินลอบเบ้ปากในใจ
ขู่เก่ง! ชาติก่อนเคยเกิดเป็งูเห่าหรือ!
แม้ในใจจะก่นด่าแต่เบื้องหน้ามู่หลานเฟินกลับพยักหน้ารับรู้ เสิ่นเหวยอันยกจอกสุราขึ้นดื่ม ก่อนจะเอ่ยกับนาง
"น้องหรานหร่านไม่ต้องกลัว มีพี่เสิ่นคนนี้อยู่ทั้งคน ซื่อจื่อคนบ้าอำนาจทำอันใดเ้าไม่ได้หรอก"
“ได้ ข้าเชื่อพี่เสิ่นเ้าค่ะ”
“ดีมาก เด็กดี”
เซวียนซานหลาง”...”
เหตุใดเขาจึงรู้สึกว่าตนเองไม่ควรยืนอยู่ตรงนี้เล่า รู้สึกเหมือนเป็ส่วนเกินอย่างไรอย่างนั้น!
