จ้าวเถี่ยจู้มองซูเยี่ยนนีด้วยสายตาขบขัน เป็ไงล่ะต้องมาเป็ฝ่ายเสียเปรียบเอง คิดจะมาว่าเขาลามกโลกนี้จะมีคนลามกที่หน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้ได้ยังไง ด้านอีกฝ่ายเมื่อเห็นเขาหัวเราะอย่างกวนๆก็อดถามอย่างโมโหไม่ได้ “หัวเราะอะไร หน้าตาดูส่อมาก”
“ฮ่าๆๆ ยังจะมาว่าผมอีก ดูตัวเองก่อนเถอะ ใส่ชุดแบบนี้ไปอาบน้ำงั้นเหรอช่างเป็การอาบที่ไม่เหมือนใครเลยจริงๆ” เขามองเธอั้แ่หัวจรดเท้าอย่างพินิจพิเคราะห์ก่อนจะหัวเราะออกมา
“นี่!!!” ซูเยี่ยนนีที่ตอนนั้นรีบออกมาจากห้องน้ำโดยไม่ทันนึกถึงการแต่งกายของตัวเองทำให้ตอนนี้เธอต้องยืนอยู่ต่อหน้าชายหนุ่มด้วยสภาพเกือบเปลือยคิดได้เธอก็รู้สึกว่าใบหน้าเริ่มร้อนราวกับไฟด้วยความอับอายไม่ทันจะได้พูดอะไรก็หมุนตัววิ่งออกจากห้องไป
เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับพี่ โกรธจนวิ่งหนีไปเลยเขาคิดพร้อมกับยิ้มออกมา
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานฟ้าก็เริ่มมืด “เย็นแล้ว ใครจะทำกับข้าว” จ้าวเถี่ยจู้ส่งเสียงออกมาจากของตัวเอง
“นายทำไม่เป็หรือไง” ซูเยี่ยนนีส่งเสียงมาจากห้องข้างๆั้แ่บ่ายจนถึงตอนนี้เธอไม่ออกจากห้องเลยแม้แต่ก้าวเดียว
“คุณเป็ตำรวจประสาอะไร บ่ายไม่ต้องไปทำงานเหรอ”
“แล้วนายยุ่งอะไรด้วย”
“โอเคๆ แต่เื่กินข้าวนี่ผมต้องยุ่ง ตกลงเย็นนี้กินอะไรดี”
“ฉันไม่กิน นายอยากจะกินก็กินไปเถอะ”
ฮ่าๆๆ เขาหัวเราะอยู่ในใจสงสัยเธอคงยังไม่เลิกนึกถึงความพ่ายแพ้เมื่อตอนเที่ยงเขาเดินลงไปชั้นล่างแล้วเดินออกจากบ้านไป
ผ่านไปสักพักจ้าวเถี่ยจู้ก็เดินถือถุงผักและของที่ใช้ทำกับข้าวกลับมาเขามองขึ้นไปชั้นบนก็ยังไม่เห็นซูเยี่ยนนีเดินออกมาจากห้องเขาจึงเลิกสนใจเธอแล้วเดินเข้าไปในห้องครัวแทน
เขาเดินเข้ามาในห้องครัวก็พบว่าที่นี่มีเครื่องครัวครบครันใช้ได้ทีเดียวเขาล้างของที่เพิ่งซื้อมาพลางคิดว่าตนจะทำอะไรกินดี เมื่อคิดได้จึงลงมือทำทันที
ใช้เวลาไม่นานกับข้าวง่ายๆสามอย่างและต้มจืดอีกหนึ่งอย่างก็ถูกวางลงบนโต๊ะพร้อมรับประทานกี่ปีแล้วนะที่เขาไม่ได้ทำกับข้าว เขาคิดพลางถอนใจออกมาแล้วจึงเดินไปล้างมือ
“ลงมากินข้าวได้แล้ว” เมื่อเห็นว่าคนข้างบนไม่มีวี่แววว่าจะลงมาเขาก็ไม่กวนอีก เขานั่งลงบนเก้าอี้ ในมือถือถ้วยใส่ข้าวแล้วเริ่มลงมือรับประทาน
“นายนี่ไม่เป็สุภาพบุรุษเลย เรียกหลายๆ รอบก็ไม่ได้” จ้าวเถี่ยจู้กินหมดไปครึ่งถ้วยตอนที่ซูเยี่ยนนีมายืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนแรกเธอก็กะว่าจะไม่ลงมา ไม่อย่างนั้นมันก็จะหมายความว่าเธอเป็ฝ่ายแพ้เธอต้องกู้หน้าตัวเองกลับมา จะได้จับเ้าโจรขโมยชุดชั้นในให้ได้เธอเลยจะรอให้เขาเรียกหลายๆ รอบหน่อยแล้วค่อยทำเป็เดินลงมาแบบไม่มีทางเลือกแต่ไม่คิดเลยว่าคนตรงหน้าจะเรียกเธอแค่รอบเดียวเธอทำอะไรไม่ได้จึงได้แต่เดินลงมาเอง
ด้านจ้าวเถี่ยจู้ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมากกลับชี้ไปที่เก้าอี้ด้านข้างแทนเธอมองตามก็เห็นว่าเขาเตรียมข้าวไว้ให้เรียบร้อยแล้วก็อดรู้สึกอบอุ่นในหัวใจไม่ได้นายคนนี้ ใช้ได้เหมือนกันนะ เธอนั่งลงข้างๆ เขาแล้วเริ่มลงมือทานเมื่อทานเสร็จจ้าวเถี่ยจู้ที่กำลังเก็บถ้วยและจานบนโต๊ะอยู่ดีๆ ก็พูดขึ้นมา “ใส่จีสตริงมันไม่ดีหรอกนะ คุณระวังหน่อยล่ะกัน”
“จ้าวเถี่ยจู้!! ไปตายซะ!!!” ซูเยี่ยนนีขว้างตะเกียบใส่แต่เขาหลบได้ทันเมื่อเห็นว่าเธอเริ่มโมโหอีกรอบเขาจึงะโออกจากห้องครัวไป “ล้างถ้วยจานด้วยนะ” เขาพูดแล้วรีบวิ่งขึ้นชั้นบน
“จ้าวเถี่ยจู้ จำไว้เลยนะ” หญิงสาวขยำผ้าในมือด้วยความโมโหแต่ในความโมโหก็ยังมีความอายแฝงอยู่
ขณะที่เขากำลังผิวปากเดินเข้าห้อง มือถือก็ส่งเสียงร้องดังขั้นมาเขากดรับสายพบว่าเป็เสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง “คุณจ้าวเถี่ยจู้ใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ จากไหนครับ”
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ายังมีห้องให้เช่าไหมคะ”
“มีครับ คุณอยากเช่าเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ ตอนนี้สะดวกให้เข้าไปดูห้องไหมคะ”
“เอ่อคือ...สะดวกครับ”
หลังจากวางสาย เขานึกย้อนถึงเสียงที่เขาได้ยินเมื่อครู่มันช่างอ่อนหวานนุ่มนวล เหมือนอะไรสักอย่างก็ไม่รู้และเขามั่นใจว่าตัวจริงของเธอจะต้องอ่อนหวานและนุ่มนวลเหมือนเสียงแน่ๆ
ครึ่งชั่วโมงต่อมาเขาได้ยินเสียงเคาะประตูดังมาจากชั้นล่างเขารีบวิ่งลงไปเปิดก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูเธอสวมชุดกระโปรงยาวสไตล์โบฮีเมียน ผมยาวประบ่าแลดูนุ่มสลวยราวกับเส้นไหม หน้าขาวคิ้วก็โก่งเหมือนคันศร แม้แต่รองเท้าแตะที่สวมก็ยังขับให้เธอยิ่งดูดีเพิ่มขึ้นเอาเป็ว่าเธอดูสวยแล้วก็นุ่มนวลราวกับสายน้ำก็แล้วกัน
เขานิ่งอย่างตะลึงในความสวยของเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรีบปรับท่าทางของตนให้กลายเป็คนจริงจังขึ้นมาทันที
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเฉาจื่ออี๋ คุณคือจ้าวเถี่ยจู้ใช่ไหมคะ” สาวสวยยืนมือมาตรงเขาเพื่อเช็คแฮนด์
“ใช่...ผมเอง...” เขายื่นมือออกไปเช็คแฮนด์กับสาวตรงหน้าไม่กี่นาทีก็รีบปล่อยแล้วเชิญเธอเข้ามาในบ้าน “เข้ามาก่อนสิ”
ตอนที่เฉาจื่ออี๋เดินเข้ามาในบ้าน ซูเยี่ยนนีก็ล้างถ้วยจานเสร็จพอดี เธอมองหน้าคนมาใหม่ด้วยความสงสัยพร้อมกับเดินมาหยุดที่ด้านหน้าของเฉาจื่ออี๋
“นี่ผู้เช่าอีกคนของผม” เขาแนะนำ
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อซูเยี่ยนนี ทำอาชีพตำรวจ” เธอทักทายและแนะนำตัวพร้อมกับรอยยิ้ม
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเฉาจื่ออี๋เป็จิตรกรค่ะ” อีกฝ่ายแนะนำตัวพร้อมกับรอยยิ้มเช่นกันจากนั้นเธอจึงหันมาทางเขาและถามถึงห้องที่จะให้เช่า “คุณจ้าวคะยังมีห้องให้เช่าอีกไหมคะ”
“อย่าเรียกคุณจ้าวเลย เรียกผมว่าเถี่ยจู้เถอะส่วนห้องก็ยังมีเหลือทั้งชั้นล่างและชั้นบนเลย คุณจะเช่ากี่ห้องล่ะ”
“ห้องเดียวพอแล้วค่ะ ฉันเลือกข้างบนดีกว่า ถึงจะอยู่ไกลแต่ที่นี่ก็ใกล้ทะเลสาบซีหูฉันคิดจะเช่าแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้นค่ะ ไว้ฝึกวาดภาพ”
“ถ้าอย่างนั้นขึ้นไปดูข้างบนกันเถอะ” เขาพูดแล้วพาเฉาจื่ออี๋ขึ้นไปชั้นบน
ซูเยี่ยนนีเห็นจ้าวเถี่ยจู้มีท่าทางแปลกๆ ก็อดสงสัยไม่ได้ เ้าคนลามกนั่นสมองเป็อะไรไปแล้วเนี่ยทำไมดูจริงจังผิดปกติ
“ห้องนี้สามารถมองเห็นวิวทะเลสาบซีหูได้ทั้งหมด คุณลองเข้าไปดูสิ” จ้าวเถี่ยจู้พาเฉาจื่ออี๋ขึ้นมาชั้นบนพร้อมทั้งชี้ให้ดูห้องทางซ้ายมือ
เฉาจื่ออี๋เดินเข้าไปในห้องที่เขาชี้ให้ดูเธอเดินตรงไปที่หน้าต่างซึ่งสามารถมองเห็นวิวของทะเลสาบได้ทันใดนั้นแววตาของเธอก็ส่องประกายราวกับเด็กที่เจอของเล่นถูกใจเธอหันกลับมาหาเขาพร้อมบอกว่าจะเช่าห้องนี้
“คุณเฉาจะเช่านานกี่เดือนครับ”
“อย่าเรียกฉันว่าคุณเฉาเลยค่ะ เรียกจื่ออี๋เฉยๆ ดีกว่าฉันกะว่าจะเช่าสักครึ่งปีน่ะค่ะ ค่าเช่าเท่าไหร่คะ”
“เดือนละ 500 รวมค่าน้ำค่าไฟครับชั้นล่างมีสระว่ายน้ำส่วนตัว ส่วนค่าโทรศัพท์คิดแยก”
ซูเยี่ยนนีที่ตามเขาขึ้นมาด้วยได้ยินราคาค่าเช่าที่เขาบอกกับอีกฝ่ายก็กรอกตาไปมาด้วยความเจ็บใจทีกับเธอคิดเดือนละตั้ง 2,000 กับผู้หญิงคนนี้กลับคิดแค่เดือนละ 500 เป็ผู้หญิงเหมือนกันแท้ๆ สวยก็สวยเหมือนกันแล้วทำไมราคามันถึงได้ห่างกันลิบลับขนาดนี้
“ราคาถูกจัง” เฉาจื่ออี๋พูดด้วยความใ
“ครับ ค่าเช่าอยู่สามเดือนจ่ายหนึ่งครั้ง”
“ตกลงค่ะ นี่ค่ะเงิน 1,500” เฉาจื่ออี๋
หยิบเงินจากกระเป๋าออกมาปึกหนึ่งส่งให้เขาซึ่งเขาไม่ได้นับหรือแม้แต่ก้มมองเลยสักนิดตอนที่รับมา กลับถามต่อว่า “คุณจะย้ายมาเมื่อไหร่ล่ะ”
“อีกสักครู่ก็ย้ายมาได้แล้วค่ะ ฉันแค่กลับไปเอากระเป๋าเดินทางเท่านั้น”
“ให้ผมไปช่วยเถอะ” จ้าวเถี่ยจู้เสนอตัวช่วยเหลือก่อนจะเดินออกจากห้องตามเฉาจื่ออี๋ที่เดินออกไปก่อนแต่กลับถูกซูเยี่ยนนีที่ยืนอยู่ข้างๆดึงตัวไว้เสียก่อน “นายพูดผิดหรือเปล่าทำไมค่าเช่าฉันถึงแพงกว่าเขาล่ะ ฉันไม่ดีกว่าเขาตรงไหน”
“คุณน่ะดีกว่าเขาทุกอย่าง แต่ผมพอใจแบบนี้ คุณจะทำไม” เขาพูดด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินตามเฉาจื่ออี๋ออกจากบ้านไปทิ้งให้ซูเยี่ยนนียืนกัดฟันด้วยความเจ็บใจอยู่คนเดียว
ไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับเฉาจื่ออี๋ทั้งยังช่วยยกกระเป๋าเดินทางของหญิงสาวกลับมาด้วยเขาขึ้นไปส่งเธอที่ห้องรอจนเธอจัดการกับห้องเรียบร้อยจึงเดินกลับมาที่ห้องของตัวเองเขาล้มตัวนอนลงบนเตียง มองไปที่เพดาน บ้านหลังนี้ ในที่สุดก็มีคนที่สามเข้ามาอยู่แล้วชีวิตเ้าบ้านที่มีความสุขของเขากำลังจะเป็จริงในไม่ช้านี้แล้ว