ที่จี้เจียงหยวนขอหน้าด้านตามไปด้วยเพราะเขา้าปลอบใจเซี่ยเสี่ยวหลาน
“ที่จริงต่อให้ไม่ได้เข้ารอบชิง ก็ไม่แน่ว่าจะเสียคุณสมบัติของการเป็นักเรียนแลกเปลี่ยนไปเสียหน่อย ปกติระยะเวลาของโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนจะนานครึ่งปีถึงหนึ่งปี นอกจากวิธีนี้เธอยังสามารถเลือกเรียนต่อต่างประเทศได้ ถ้าเธอสนใจด้านนี้ ฉันสามารถช่วยติดต่อมหาวิทยาลัยให้ได้นะ ส่วนเื่ค่าใช้จ่ายก็ไม่ต้องห่วง ต่อให้ไม่ได้โควตาทุนรัฐบาล เธอก็สามารถยื่นขอทุนด้วยตัวเองได้”
วิธีการปลอบใจของจี้เจียงหยวนช่างเป็แบบคนอเมริกันอย่างแท้จริง
คำว่า ‘ดื่มน้ำเยอะๆ’ เหมือนเวลาปลอบคนป่วยไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทุกอย่าง การแนะนำวิธีการแก้ไขต่างหากคือการปลอบใจที่ได้ผลที่สุด
ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานกำลังเสียใจเพราะต้องสูญเสียโอกาสที่อาจจะได้เป็นักเรียนแลกเปลี่ยน คำปลอบโยนจากจี้เจียงหยวนย่อมได้ผลอย่างแน่นอน!
แต่ถึงแม้เธอจะไม่เสียใจ ก็ยังคงรู้สึกขอบคุณในความหวังดีของจี้เจียงหยวนอยู่ดี “ขอบใจนะ ถ้าฉันมีแผนเรียนต่อต่างประเทศจะถามรายละเอียดจากเธอแน่นอน เธอเห็นฉันเจอเื่ไม่ดีตอนสอบเลยชวนฉันคุยอย่างนั้นหรือ เพื่อนนักศึกษาจี้เจียงหยวน ฉันนึกว่ามิตรภาพระหว่างเพื่อนนักศึกษาของพวกเราแข็งแกร่งเสียอีก!”
เื่ที่จี้เจียงหยวนกับทังหงเอินเป็พ่อลูกกันนั้น เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เคยรู้มาก่อนจริงๆ
สำหรับในเื่นี้จี้เจียงหยวนค่อนข้างขี้ขลาด
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีทางชวนเขาคุยเื่ทังหงเอินก่อน ประธานเซี่ยไม่มีงานอดิเรกเป็สมาชิกชมรมแม่บ้าน ปัญหาของครอบครัวคนอื่นเธอจะเข้ายุ่งไปทำไม ถ้าอีกฝ่ายไม่พูดถึง การเสนอหน้าถามเท่ากับสอดรู้สอดเห็นเื่ชาวบ้าน คนเราควรเคารพและเว้นระยะในเื่ส่วนตัวของผู้อื่นเสมอ
ไม่ว่าจะเป็เพราะสาเหตุใด อย่างไรสองพ่อลูกก็ขาดการติดต่อกันตั้ง 12 ปี อีกทั้งจี้เจียงหยวนแทบจำเื่ในวัยเด็กไม่ได้แล้ว เขาจะทำตัวห่างเหินกับทังหงเอินย่อมเป็เื่ปกติ
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใช่คนชอบเอาหลักศีลธรรมมาอ้างแล้วพูดบ้าๆ ว่า “นั่นคือพ่อแท้ๆ ของเธอ เธอควรเข้าใจและยกโทษให้เขา” ตลอดเวลาที่ผ่านมาทังหงเอินไม่เคยได้ทำหน้าที่ของผู้เป็พ่อ จึงไม่แปลกที่จี้เจียงหยวนจะห่างเหินกับเขาเช่นนี้ หากวันใดวันหนึ่งมีคนโผล่มาบอกเธอว่า เซี่ยต้าจวินคือพ่อบังเกิดเกล้าของเธอ และตอนนี้กลับตัวกลับใจแล้ว ไม่ว่าจะเคยบาดหมางอะไรกันมา แต่หากไม่ยอมรับในตัวเซี่ยต้าจวินเท่ากับเป็ลูกอกตัญญู... เซี่ยเสี่ยวหลานก็คงรู้สึกโมโหเหมือนกัน
จี้เจียงหยวนจะยอมหรือไม่ยอมรับทังหงเอินก็เป็เื่ของเขา คนนอกเช่นเซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีสิทธิ์เข้าไปก้าวก่าย
เห็นว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีท่าทีถือสา จี้เจียงหยวนจึงรู้สึกว่าความสับสนของตนเองก่อนหน้านี้ช่างน่าขบขันยิ่งนัก หลังปรับตัวทำใจอยู่สักพัก เขาก็ยอมรับเื่ที่มีพ่อแท้ๆ โผล่มาได้แล้ว แต่จะให้เขาสนิทสนมกับทังหงเอิงเขาคงทำไม่ได้ อย่างน้อยทังหงเอินก็กล่าวว่าไม่เคยคิดทอดทิ้งเขา... แน่นอนว่าไม่มีใครดีใจหากรู้ว่าตนถูกพ่อแม่แท้ๆ ‘ทอดทิ้ง’ จากจุดนี้นับว่าจี้เจียงหยวนคลายปมในใจไปได้เื่หนึ่งแล้ว
เมื่อปมในใจถูกคลายออก ก็จะตามมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
จะถามคนตระกูลจี้ก็คงไม่ได้ เพราะคนแซ่จี้ไม่มีใครพูดถึงทังหงเอินในแง่ดีเลยสักคน
จี้เจียงหยวนอยากได้ความคิดเห็นที่เป็กลางมากกว่านี้ หรือเขาไม่ควรถามเซี่ยเสี่ยวหลาน? เธอน่าจะเข้าข้างทังหงเอิน จากบทสนทนาระหว่างทังหงเอินและเซี่ยเสี่ยวหลาน จี้เจียงหยวนรับรู้ได้ว่าทังหงเอินเอ็นดูเซี่ยเสี่ยวหลานยิ่งนัก
แล้วเขาควรถามใครดี?
“ทัง... เธอก็รู้ ฉันหมายถึงพ่อของฉัน หลายปีมานี้เขาเป็อยางไรบ้าง”
จี้เจียงหยวนเป็ฝ่ายถามขึ้นมาก่อน ดังนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานจึงไม่นับว่าก้าวก่ายเื่ชาวบ้าน
ในที่สุดเขาก็ถามคำถามนี้ออกมา เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง
“ที่จริงเื่ส่วนตัวของคุณอาทังฉันก็ไม่รู้อะไรมากนักหรอก พวกเรารู้จักกันบนรถไฟ ตอนนั้นฉันเพิ่งเดินทางไกลครั้งแรกไปที่หยางเฉิง และนั่งตู้โดยสารตู้เดียวกับเขา ตอนนั้นฉันเจอเื่ยุ่งยากนิดหน่อย มีนักต้มตุ๋นสองคนคิดจะหลอกฉัน คุณอาทังจึงเรียกตำรวจรถไฟมาช่วยไว้ ต่อมาฉันก็ไปที่เผิงเฉิงและบังเอิญเจอกับเขาอีกรอบ ไปๆ มาๆ พวกเราเลยมีการติดต่อกัน ฉันรู้แค่ว่าเขาเข้ารับตำแหน่งที่เผิงเฉิง ปกติพักอาศัยอยู่ตัวคนเดียว ตอนนี้ยังไม่มีครอบครัว สุขภาพเองก็ไม่แข็งแรงนัก ฉันเห็นเขาล้มป่วยมาสามรอบแล้ว!”
จี้เจียงหยวนรู้สึกสับสนมาก
จี้หย่าแม่ของเขาก็มีปัญหาด้านการควบคุมอารมณ์อย่างรุนแรง แต่่ที่อยู่อเมริกา ชีวิตความเป็อยู่ของสองแม่ลูกไม่เคยมีปัญหาสักครั้ง
แม่เขาเปลี่ยนแฟนมาหลายคน แม้จะไม่ถึงขั้นเข้าพิธีวิวาห์ แต่แม่เขานับว่าเป็คนหว่านเสน่ห์เก่ง คุณลุงพวกนั้นดีกับแม่ของเขาไม่น้อยเลยทีเดียว
จี้หย่ามีคนคอยอยู่เคียงข้าง แต่ทังหงเอินอยู่ตัวคนเดียวที่ประเทศจีนมาโดยตลอด
หย่ามาสิบกว่าปีแล้ว ไม่เคยคิดหาคู่ครองใหม่เลยหรือ?
ไหนจะโรคกระเพาะที่ค่อนข้างรุนแรงนั่นอีก ครั้งก่อนที่เข้าโรงพยาบาลก็เพื่อผ่าตัดแผลในกระเพาะมิใช่หรือ
หน้าที่การงานของทังหงเอินมีหน้ามีตากว่าที่จี้เจียงหยวนคิดโข แต่เขากลับใช้ชีวิตส่วนตัวอย่างน่าเป็ห่วง ถ้าทังหงเอินมีครอบครัวที่มีความสุข แต่งงานมีเมียมีลูกใหม่ จี้เจียงหยวนเองก็ไม่รู้ว่าตนควรดีใจหรือไม่ ถึงอย่างไรสถานการณ์ของทังหงเอินในปัจจุบันก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกชอบใจนักน่ะสิ
เห็นจี้เจียงหยวนจมอยู่กับความคิด เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่ได้ขัดจังหวะแต่อย่างใด
แต่พอเซี่ยเสี่ยวหลานไปหาเฉินชิ่ง อีกฝ่ายกลับไม่อยู่เสียอย่างนั้น
“ไม่อยู่หอพัก?”
มหาวิทยาลัยจิงเม่าขนาดไม่เล็ก ดังนั้นถ้าไม่อยู่หอพักคงหาตัวยาก
เซี่ยเสี่ยวหลานถูใบหน้าที่หนาวเย็นไปมา และทำได้เพียงขึ้นรถของหัวชิงกลับไปอย่างเสียดาย
เฉินชิ่งมองรถของหัวชิงเคลื่อนจากไปอยู่ไกลๆ
ใช่แล้ว เขาจงใจหลบหน้าเซี่ยเสี่ยวหลาน
เพราะเขายังไม่ดีพอ
ไม่ดีพอที่จะทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานเปลี่ยนความคิดที่มีต่อเขาในอดีต
อย่างเช่นการแข่งขันภาษาอังกฤษคราวนี้ เฉินชิ่งในฐานะเด็กปีหนึ่ง ภาษาอังกฤษของเขาไม่โดดเด่น ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะลงชื่อสมัครด้วยซ้ำ ตอนเขารู้ว่าการแข่งขันจะถูกจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยของตน ก็รู้ทันทีว่าเซี่ยเสี่ยวหลานคงมาด้วยแน่นอน... เฉินชิ่งรู้สึกเชื่อมั่นใจตัวเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างงมงาย ขอแค่เธอสมัครสอบต้องผ่านเข้ารอบก่อนชิงชนะเลิศอย่างแน่อน
ดังนั้นสุดสัปดาห์นี้ เฉิงชิ่งจึงคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของสนามสอบอยู่ห่างๆ
พอถึงวันแข่งเขาเห็นเซี่ยเสี่ยวหลาน แม้นักศึกษาที่มาเข้าร่วมการแข่งขันจะเยอะแค่ไหน เธอก็ยังสะดุดตาเช่นเคย
และเขาก็เห็นจี้เจียงหยวนที่แต่งตัวเด่นกว่าใครเพื่อนเดินอยู่ข้างกายเซี่ยเสี่ยวหลานเช่นกัน
คนอย่างเสี่ยวหลานควรคบกับผู้ชายเช่นนี้ ดังนั้นเฉิงชิ่งจึงไม่กล้าเผชิญหน้ากับเธอ
—-----------------------------------------------
่สุดสัปดาห์ เหล่านักศึกษาในกรุงปักกิ่งได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้
ตอนจี้เจียงหยวนกลับมาถึงบ้านก็พบว่า แม่ของเขากำลังสูบบุหรี่พลางคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องรับแขก
บุหรี่เรียวยาวสำหรับสตรีอยู่ระหว่างง่ามนิ้วของเธอ มืออีกข้างถือหูโทรศัพท์ ริมฝีปากขยับตอบรับเสียงแ่เบาดูผ่อนคลายยิ่งนัก กิริยาท่าทางตามธรรมชาติของจี้หย่าน่ามองไม่ต่างจากรูปบนใบปิดภาพยนตร์แม้แค่น้อย
อาจเพราะเห็นว่าจี้เจียงหยวนกลับมาบ้าน จี้หย่าจึงพูดอีกเพียงไม่กี่คำก่อนจะวางสาย
“อีกไม่กี่วันจอร์จจะมาที่จีนนะ”
จอร์จคือแฟนคนปัจจุบันของจี้หย่า ชายอเมริกันผู้ร่ำรวย เขาตามจีบจี้หย่าไม่เว้นว่าง หลายเดือนที่ทั้งสองไม่ได้เจอหน้ากันไม่ทำให้จอร์จรักจี้หย่าน้อยลงเลย อีกฝ่ายถึงขั้นตามมาถึงประเทศจีน
จี้เจียงหยวนรู้สึกใอยู่บ้าง “เช่นนั้นพวกแม่อาจจะแต่งงานกันจริงๆ หรือ?”
จี้หย่าไม่ได้ตอบคำถามนี้แต่อย่างใด ทว่่าเธอถามจี้เจียงหยวนกลับว่า “หนิงเสวี่ยล่ะ ลูกไม่ชอบหนิงเสวี่ยเลยจริงๆ หรือ น่าเสียดายเหลือเกิน คุณตาของลูกอยากเห็นลูกคบกับหนิงเสวี่ย อย่างไรนี่ก็เป็คำสัญญาระหว่างท่านกับคุณปู่ของหนิงเสวี่ย...”
จี้เจียงหยวนเคยบอกเซี่ยเสี่ยวหลานว่าเป็เพื่อนกับอัจฉริยะทำให้เขารู้สึกเหนื่อย แต่สิ่งที่ไม่ได้บอกคือการเป็แฟนกับอัจฉริยะนั้นเหนื่อยยิ่งกว่า หนิงเสวี่ยไม่ใช่คนในแบบที่เขารู้สึกพึงพอใจ แต่ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายดันอยากจับคู่พวกเขาเสียได้ นี่มันสมัยไหนแล้ว เหตุใดยังมีความคิดหัวโบราณเช่นนี้อยู่อีก
ถ้าแม่เขาจะแต่งงานกับจอร์จจริงๆ ...
สุดท้ายจี้เจียงหยวนก็อดพูดไม่ได้
“แม่กับพ่อ ผมหมายถึงพ่อบังเกิดเกล้า ทำไมพวกแม่ถึงหย่ากันหรือครับ”
หย่ากันก็ไม่เป็ไร แต่หลายปีมานี้ทุกคนกลับพยายามทำให้พ่อของเขาดูแย่ ไม่ว่าอย่างไรก็ควรมีสาเหตุบ้างน่ะสิ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้