คุณชายเจ็ดแห่งอี้เทียนเก๋อ? ซ่างกวนเหิน?
เมื่อข่าวนี้แพร่งพรายออกมา ไม่รู้ว่ามีผู้คนสักเท่าใดที่ต้องตกตะลึง
ตอนนี้ ภายในบ่อนพนันชั้นหนึ่ง บรรดาผู้ฝึกตนที่สูญเสียหินิญญาไปไม่น้อย กำลังนั่งกินหมั่นโถวอย่างหมดอาลัยตายอยาก พลางเหม่อมองพระราชวังขนาดใหญ่ที่อยู่ไกลออกไป
“กู่ไห่ต้องโชคดีขนาดไหน? กู่ฉินเพิ่งจะได้รับมรดกจากท่านผู้เฒ่า จนกลายมาเป็คุณชายแปด แล้วยังจะมีคุณชายเจ็ดโผล่มาอีก? อี้เทียนเก๋อเปิดเรือนต้อนรับเขาหรืออย่างไรกัน?” เหล่าผู้ฝึกตนรำพึงอย่างหดหู่
กู่ไห่คิดที่จะเข้าร่วมกับอี้เทียนเก๋อหรืออย่างไร?
กล่าวถึงคุณชายเจ็ด โหมวเฉินผู้แข็งแกร่งคนนั้น รู้จักกับคุณชายเจ็ดหรือ? หรือว่าคุณชายเจ็ดผู้นี้ มีชีวิตอยู่มาั้แ่เมื่อแปดร้อยปีก่อน?
‘เก้าคุณชาย’ ถือได้ว่าเป็ตำนาน ไม่มีใครเคยรู้ว่าพวกเขาคือใคร มีรูปร่างหน้าตาเป็อย่างไร แต่หลายคนเคยได้ยินตำนานเหล่านี้มาก่อน... เก้าคุณชายที่สามารถควบคุมอี้เทียนเก๋อได้
ราชวงศ์ต้าฮั่นนี้ มีคุณชายจากอี้เทียนเก๋อถึงสองท่านหรือ? ทั้งกลหมากของกู่ไห่ก็ยังดูผิดไปจากเดิมมากทีเดียว คงจะไม่ใช่ว่าเขา... เป็ท่านผู้เฒ่ากลับชาติมาเกิดหรอกนะ?
อย่างไรก็ตาม นี่เป็เพียงสิ่งที่ทุกคนคิดไปเองเท่านั้น เนื่องจากท่านผู้เฒ่าถูก์ลงทัณฑ์ ดังนั้น เมื่อร่างถูกทำลาย จึงไม่อาจกลับชาติมาเกิดได้อีก
ผู้คนทำได้เพียงลอบถอนใจอย่างเหนื่อยอ่อน ขณะมองดูความเจริญรุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าฮั่น เช่นนี้แล้ว พวกเขาจะแย่งชิงชีพจรัปฐีมาได้อย่างไร?
ในทางกลับกัน เหล่าขุนนางในราชวงศ์ต้าฮั่นกลับดีใจ ความตื่นเต้นยินดีบนใบหน้าของพวกเขานั้น เห็นได้ชัดเจนจนไม่อาจปิดบัง
เพราะชื่อเสียงของซ่างกวนเหิน และการที่เขาพาพันธมิตรอย่างโหมวเฉินเข้ามาร่วมกับราชวงศ์ ยิ่งทำให้ขุนนางเ่าั้รู้สึกปลอดภัยมากยิ่งขึ้น... ได้ยอดฝีมือมาเป็พันธมิตรเช่นนี้ ราชวงศ์ต้าฮั่นย่อมแข็งแกร่งกว่าูเาไท่ซานมิใช่หรือ?
ส่วนกู่ไห่ ก็ต้องจัดการกับราชกิจจำนวนมากทุกวัน แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน ในที่สุด ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ ทว่าเขาก็เงียบขรึมขึ้นกว่าเดิม อาจเป็เพราะวิถีของฮ่องเต้นั้น อยู่กับการปกครองคนใต้อาณัติ หากบริหารจัดการได้ดี เขาก็จะไม่เหนื่อย
...
ณ ห้องหนังสือ
“ฝ่าา กระหม่อมได้หารือกับโหมวเฉินแล้ว เห็นพ้องต้องกัน ว่าจะย้ายวังใต้ทะเลมาตั้งในบริเวณใกล้ๆ กับเกาะจิ๋วหวู่ จะได้มีทหารมาช่วยงานด้วยพ่ะย่ะค่ะ!” ซ่างกวนเหินกล่าวพลางยิ้ม
“ดี! เรือเหาะของหลี่ฮ่าวหรานก็อยู่ตรงนั้นพอดี เช่นนั้น จงเร่งมือก็แล้วกัน” กู่ไห่ตอบ พลางยกยิ้ม
ขณะที่กำลังสนทนากัน จู่ๆ กู่ฉินก็เดินเข้ามาในห้อง ก่อนเอ่ย“เสด็จพ่อ ท่านถังจู่และไต้ซือหลิวเหนียนมาถึงแล้ว!”
“หืม?” กู่ไห่อุทานด้วยความประหลาดใจ
เขาเดินออกจากห้องหนังสือ รีบไปพบแขกผู้มาเยือน ซึ่งกำลังรออยู่ที่ห้องรับรองทันที จึงพบหลงหว่านชิง ที่กำลังทำสีหน้าข้องใจกับไพ่ในมือของตน
“ถังจู่ ไต้ซือหลิวเหนียน? ท่านทั้งสองมาถึงที่นี่ั้แ่เมื่อใด?” กู่ไห่ก้าวเข้าไปหาร่างทั้งสอง พร้อมเอ่ยถามยิ้มๆ
“เมื่อวานนี้ พวกเราพักผ่อน ที่ห้องพักของบ่อนพนันชั้นหนึ่งของเ้ามาทั้งวัน ได้ยินว่าเ้าทำร้ายคนของหลี่เฉินจีหรือ?” หลงหว่านชิงถาม พลางมองกู่ไห่ด้วยสีหน้ากังขา
“หืม? ใช่แล้ว!” กู่ไห่คลี่ยิ้มเล็กน้อย
“เ้าทำจริงๆ สินะ หลี่เฉินจีมักจะปกป้องคนใต้อาณัติของตนเสมอ ได้ยินมาว่าใบหน้าของเขาถูกเ้าตีจนบวม แต่ทำไมเ้ากลับไม่เป็อะไรเลย?” หลงหว่านเอ่ยอย่างพิศวง
“ท่านหัวหน้าสังกัดวารีกู่ บ่อนพนันชั้นหนึ่งนี้ช่างดูแปลกใหม่นัก! ราวกับเหมืองหินิญญาขนาดใหญ่ก็ไม่ปาน” ภิกษุชราชื่นชม
“ท่านไต้ซือหลิวเหนียนชมเกินไปแล้ว นี่เป็เพียงเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น” กู่ไห่ถ่อมตัวยิ้มๆ
ส่วนกู่ฉินก็นั่งลงใกล้ๆ กัน ไม่นานนัก นางกำนัลก็ยกชาหอมมาให้
“ถังจู่ ท่านไต้ซือ ดูจากท่าทางของพวกท่านแล้ว การไปเสินโจวคราวนี้ คงจะได้อะไรกลับมาไม่มากก็น้อย?” กู่ไห่พูด พลางยิ้มบางๆ
สีหน้าของทั้งสองฉายแววเคร่งเครียดทันที หลงหว่านชิงพยักหน้าก่อนตอบ “ใช่แล้ว! สืบหาตามวิธีของเ้า พวกเราก็พบเบาะแสจริงๆ วัสดุที่ใช้ในการทำกระดาษคือ ‘ต้นไม้สีเขียว’ ของเมืองอิ่งโจว! และหมึกที่ใช้เขียน ก็มาจากที่นั่นเช่นเดียวกัน!”
“อิ่งโจว?” กู่ไห่ขมวดคิ้วแน่นด้วยความสงสัย
“อิ่งโจวเป็หนึ่งในสิบหกเมืองของราชวงศ์์ต้าเฉียน และเป็เมืองในปกครองของท่านอ๋องลู่หยาง มีชายแดนติดกับเมืองหลวงของแผ่นดินเสินโจว
เราสามารถเริ่มสืบหาได้จากที่นั่น แต่เมืองนี้กลับเป็สถานที่ชุมนุมของทั้งมัจฉาและพญาั[1] เต็มไปด้วยผู้คนที่มีพลังระดับสูง จึงไม่อาจสืบค้นได้ง่ายนัก” หลงหว่านชิงบอก
“อิ่งโจว ท่านอ๋องลู่หยาง? ข้าจำได้ว่าเคยได้ยินท่านพูดถึงคนผู้นี้ เกี่ยวกับพลังกู่ฉินของเขา? ยามใดที่สายกู่ฉินเคลื่อนไหว ก็จะมีพลังทำลายล้างสูง สามารถถล่มกองทัพผู้ฝึกตนนับล้านได้ในพริบตา?” กู่ไห่กล่าวเสียงเรียบ
“อืม! กู่ฉิน หมากล้อม เขียนอักษร และวาดภาพ เ้าเก่งเดินหมาก ส่วนเขาก็เชี่ยวชาญกู่ฉิน... โอ้! ใช่แล้ว ยังจำต้นท้อร้อยปีที่ดินแดนแรกสาบสูญได้หรือไม่?” หลงหว่านชิงถาม
กู่ไห่ผงกศีรษะ ด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป “แน่นอนว่าจำได้ ข้าเด็ดลูกท้อมา แต่ต้นท้อยังอยู่ที่นั่น ผู้าุโของอี้เทียนเก๋อก็คงจะดูแลต้นท้อร้อยปีเป็อย่างดี? ดินแดนแรกสาบสูญน่าจะปิดตัวลงนานแล้วกระมัง?”
หลงหว่านชิงพยักหน้า “ปิดแล้ว! แต่ต้นท้อร้อยปีถูกท่านอ๋องลู่หยางนำกองทัพมาแย่งไป”
“หืม?” กู่ไห่ประหลาดใจเล็กน้อย
“ข้าได้ยินมาว่า ในตอนนั้น ผู้าุโของอี้เทียนเก๋อพยายามที่จะขัดขวาง แต่เมื่อท่านอ๋องลู่หยางลงมือ เหล่าผู้าุโก็พ่ายแพ้ และถูกบังคับให้ถอนต้นท้อร้อยปีมามอบให้กับท่านอ๋อง ก่อนที่เขาจะถอนทัพกลับไป” หลงหว่านชิงทบทวนความจำ
“ช่างน่าเกรงขามนัก!” กู่ไห่พูดอย่างนึกฉงน
“แน่นอน! ท่านอ๋องลู่หยางคือผู้ที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่มากับท่านตาของข้า เป็ดั่งพี่น้องร่วมสาบานของท่านตา ดังนั้นจึงถูกแต่งตั้งให้เป็อ๋อง ถึงอย่างไรราชสำนัก์ต้าเฉียน ก็มีฮ่องเต้ไม่กี่พระองค์ ท่านตาจึงแบ่งเมืองอิ่งโจว ซึ่งเป็เมืองใหญ่ให้กับอ๋องลู่หยางไป” หลงหว่านชิงอธิบาย
“พี่น้องร่วมสาบานของจักรพรรดิ์แห่งต้าเฉียน?” กู่ไห่เลิกคิ้ว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้น่าครั่นคร้ามถึงเพียงนี้
“กลุ่มของเว่ยเฉิงขอล่วงหน้าไปตรวจสอบแคว้นอิ่งโจวก่อนแล้ว ข้ากับไต้ซือมาหาเ้า เพราะท่านตามีราชโองการสั่งให้หออี้ผินสืบหาสาเหตุการตายของท่านแม่ข้าอย่างสุดกำลัง... เ้าก็ไปด้วยกันสิ!” หลงหว่านชิงพูด พลางคลี่ยิ้ม
“ข้า?” กู่ไห่เลิกคิ้วเล็กน้อย
“ใช่! ข้าได้ยินมาว่าชายแดนของแคว้นอิ่งโจว เกิดความไม่สงบสุข มีแคว้นหนึ่งทำลายพันธสัญญากับราชวงศ์์ต้าเฉียน และในตอนนี้ ได้แปรพักตร์ไปเป็พันธมิตรกับราชวงศ์อื่นแทนแล้ว
เมื่อท่านอ๋องลู่หยางรู้ข่าวก็เลยโกรธเกรี้ยว เตรียมจัดตั้งกองทัพไปปราบแคว้นนั้นให้ราบเป็หน้ากลอง ที่นั่นคงจะวุ่นวายไม่น้อย
กู่ไห่ เ้าจะไปกับข้าหรือไม่? ถ้าเ้าไม่สมัครใจ ข้าจะอธิบายให้ท่านตาเข้าใจเอง” หลงหว่านชิงมองอีกฝ่ายด้วยความคาดหวัง
กู่ไห่นิ่งงัน
“เสด็จพ่อ ยามนี้ แคว้นต้าฮั่นเพิ่งจะก่อตั้งขึ้นได้ไม่นาน ยังมีอีกหลายเื่ที่ท่านจะต้องจัดการ เกรงว่าคงจะไม่อาจแยกตัวไปได้กระมัง” กู่ฉินกล่าวอย่างหวาดวิตกเล็กน้อย
กู่ไห่เงียบไปครู่หนึ่ง สูดลมหายใจลึก พลางเอ่ย “ทะเลพันเกาะ? ดินแดนแห่งความป่าเถื่อน? เหอะ! ข้าก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าแผ่นดินเสินโจวนั้น จะงดงามมากเพียงใด”
“เสด็จพ่อ?” กู่ฉินเรียกอย่างร้อนรน
“อย่าห่วงเลย! ตอนนี้แคว้นต้าฮั่นค่อนข้างจะอยู่ตัว เข้าที่เข้าทางตามกรอบที่ข้าได้วางเอาไว้ อย่างอื่นหลังจากนี้ ล้วนเป็เื่เล็กน้อย แค่มีเ้าอยู่ก็พอแล้ว” กู่ไห่ส่ายหน้า ก่อนพูด
“แต่ว่า...” กู่ฉินค้านด้วยความกังวล
“เอาละ! แม้ว่าแคว้นต้าฮั่นจะเพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน แต่ก็สามารถทรงตัวอยู่ได้ ข้าอยากจะรู้ว่าแคว้นต่างๆ ในแผ่นดินเสินโจว มีความเจริญมากเพียงใด เพื่อศึกษาไว้เป็แนวทางในการพัฒนาแคว้นของเราให้รุ่งเรือง... มีเ้าคอยอยู่ดูแลแคว้น ข้าเองก็หายห่วง!” กู่ไห่สั่นศีรษะ พลางเอ่ย
“ข้าเข้าใจแล้ว!” กู่ฉินพยักหน้า
“อ้อ… จริงสิ! ก่อนมาข้าได้ขอเคล็ดวิชาลับจากท่านตามาด้วย เดิมที มีเพียงเชื้อพระวงศ์ของราชวงศ์์ต้าเฉียนเท่านั้น ที่สามารถฝึกฝนได้ นี่เป็หนึ่งในศาสตร์ที่แข็งแกร่งที่สุดของระดับแก่นทองคำเชียวนะ” หลงหว่านชิงบอก พร้อมยื่นคัมภีร์ให้
“หืม?” กู่ไห่รับคัมภีร์ตรงหน้ามาด้วยความสงสัย
“เคล็ดวิชาัแก่นทองคำ?” กู่ไห่รู้สึกพิศวงเล็กน้อยเมื่อได้เห็น
“เคล็ดวิชาัแรก์ และเคล็ดวิชาัแก่นทองคำ เป็ทักษะพื้นฐานที่ดีที่สุดซึ่งท่านตาได้คิดค้นออกมา แต่ข้ากลับ้าจะค้นคว้าหาเคล็ดวิชา เพื่อฝึกพลังด้วยตัวเองมากกว่า!” หลงหว่านชิงอธิบาย
“ขอบคุณท่านถังจู่!” กู่ไห่รับมันมาด้วยความเต็มใจ
เคล็ดวิชาเพื่อการฝึกพลังระดับแก่นทองคำ? หลังจากที่ทำลายสำนักใหญ่ๆ ไปจนเกือบหมดสิ้น เขาก็ไม่เคยให้ความสนใจต่อคัมภีร์เหล่านี้อีกแม้แต่น้อย
“สามวันหลังจากนี้ ข้าจะไปกับท่าน ในช่องสองวันนี้ ข้าขอจัดการเื่ในราชสำนักให้เรียบร้อยเสียก่อน” กู่ไห่กล่าว พลางยกยิ้ม
“ได้!” หลงหว่านชิงพยักหน้า
“องค์รัชทายาท! ฝ่าาจะออกเดินทางอย่างนั้นหรือ?” เหล่าขุนนางต่างพากันเอ่ยถามด้วยความตระหนก
เมื่อองค์ฮ่องเต้เสด็จประพาสดินแดนเสินโจว อย่าว่าแต่เื่ในราชสำนักที่อาจจะต้องพบกับความวุ่นวาย แม้แต่ความรู้สึกของเหล่าขุนนางก็เช่นกัน ต่างก็เกรงว่าความมั่นคงปลอดภัยจะลดลง
อย่างไรก็ตาม เมื่อกู่ไห่ได้ตัดสินใจเื่ใดไปแล้ว แน่นอนว่าเขาจะไม่มีวันเปลี่ยนใจเด็ดขาด ความมั่นคงปลอดภัยอย่างนั้นหรือ? ที่ผ่านมาเหล่าขุนนางกลุ่มนี้ ไม่เคยรู้สึกว่าตนเองมั่นคงปลอดภัยเลยหรือ?
...
สามวันต่อมา
กู่ไห่หยิบกำไลของหลี่ฮ่าวหรานออกมา ก่อนยื่นมันให้กู่ฉิน
“นี่คือเรือเหาะของหลี่ฮ่าวหราน เพราะท่านถังจู่บอกว่า มีคนขอเดินทางล่วงหน้าไปยังแคว้นอิ่งโจวก่อนแล้ว เช่นนั้น พวกข้าจึงจะตามเขาไป โดยพาคนกลุ่มหนึ่งไปด้วย
จากนั้นจะแวะพักที่เมืองอิ๋นเยวี่ย เพื่อสำรวจและหาพื้นที่ที่เหมาะสม ในการจัดตั้งสำนักงานขนาดใหญ่ หากมีเื่สำคัญที่เ้าไม่อาจแก้ไขได้ สามารถส่งข้อความผ่านเรือเหาะมาหาข้าได้” กู่ไห่กล่าวอย่างเยือกเย็น
“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ!” กู่ฉินพยักหน้ารับ
การเดินทางครั้งนี้ กู่ไห่พาซ่างกวนเหิน โหมวเฉิน และขุนนางอีกจำนวนหนึ่ง ขึ้นเรือเหาะไป๋อวิ๋นของหลงหว่านชิงไปพร้อมกัน
“ฝ่าา ขอพระองค์ทรงเสด็จกลับมาในเร็ววัน ทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี!” เหล่าขุนนางต่างยืนอย่างเป็ระเบียบ ณ ลานตำหนักทะยาน์ เพื่อน้อมส่งเสด็จฮ่องเต้ของตน
เรือเหาะไป๋อวิ๋นลอยขึ้นไปบนฟากฟ้าอย่างรวดเร็ว แล้วทะยานไปยังหนทางข้างหน้า ห่างไกลออกไปทุกที
...
“ท่านถังจู่ ก่อนไปดินแดนเสินโจว พวกเราขอแวะทะเลเหนือสักพัก หวังว่าท่านถังจู่จะไม่ถือสา” กู่ไห่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เป็ไร! ข้าก็รอที่จะไปที่นั่นแทบไม่ไหวแล้ว” หลงหว่านชิงพยักหน้า
ไต้ซือหลิวเหนียนมองโหมวเฉินครู่หนึ่ง
“โหมวเฉิน? ไม่ได้เจอกันเสียนาน!” ไต้ซือหลิวเหนียนทักทายอย่างแปลกใจ เมื่อพบว่าผู้าุโแห่งเผ่าเสวียนอู่ มาอยู่กับซ่างกวนเหินและกู่ไห่เช่นนี้
แม้ว่าจะได้ยินเื่เล่าลือมามากมาย แต่ก็ยังคงอึ้ง เมื่อเห็นว่าโหมวเฉินมายืนอยู่ตรงหน้า นานแค่ไหนกัน ที่พวกเขาแยกกับกู่ไห่ แล้วออกจากเกาะจิ๋วหวู่ไป? แต่บัดนี้ อีกฝ่ายกลับขึ้นมาเป็ใหญ่ และยังได้โหมวเฉินมาอยู่ใต้อาณัติ... นี่คือผู้แข็งแกร่งขั้นเปิดจุดไคเทียนกงเชียวนะ!
“ท่านไต้ซือหลิวเหนียน” โหมวเฉินยิ้มรับด้วยท่าทีถ่อมตน แต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมามากนัก
อีกทั้งภิกษุชราก็ไม่ได้ถามอะไรมากไปกว่านั้นเช่นกัน แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความสนใจใคร่รู้ก็ตาม
เพราะเรือเหาะแล่นได้เร็วมาก จึงใช้เวลาไปเพียงครึ่งเดือนเท่านั้น ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงทะเลเหนือ ซึ่งโหมวเฉินเคยอาศัยอยู่ แต่ตอนนี้ ทั่วทั้งบริเวณกลับกึกก้องไปด้วยเสียงฟ้าร้อง และลมพายุที่โหมกระหน่ำ
“โฮกๆ!” ไกลออกไป มีเสียงัคำรามอย่างดุร้าย
“อ๊าก! อย่า...!”
“สู้กับพวกมัน!”
“ผู้าุโ! ท่านกลับมาั้แ่เมื่อใดขอรับ?”
ท่ามกลางพายุรุนแรงพัดกระหน่ำ กำลังเกิดานองเือย่างน่าเศร้าใจ
ปัง!
เสวียนอู่ขนาดราวสามสิบจั้ง[2] กระโจนหนีออกจากใจกลางพายุอย่างพรั่นพรึง ต่อภยันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามา
“ไม่! อย่ากินข้าๆ... อ๊าก!” เสวียนอู่ั์รีบหนีด้วยความหวาดกลัว
ตูม!
ทันใดนั้น ภายใต้มวลน้ำขนาดใหญ่ บริเวณด้านหลังของเสวียนอู่ผู้โชคร้าย ก็ปรากฏหัวัสีดำขนาดใหญ่พุ่งออกมา นั่นไม่ใช่เจียวหลง แต่เป็ัที่มีเขาคู่หนึ่งอยู่บนหัว พลังและความโเี้นี้น่าสะพรึงกลัวยิ่ง โดยเฉพาะในยามที่มันพุ่งเข้าไปกัดกินเสวียนอู่ตรงหน้าอย่างไร้ซึ่งความปรานี
“ไม่...! อย่ากินข้า!” เสวียนอู่ร้องด้วยความหวาดผวา
“เ้า!” โหมวเฉินที่เพิ่งกลับมา เปลี่ยนท่าทีพลัน ไม่ยอมเสียเวลา รีบทะยานออกจากเรือเหาะ พร้อมซัดฝ่ามือใส่เ้าัดำทันที
“ัจำนวนมากเหล่านี้ มาที่นี่เพื่อล่าเผ่าสวียนอู่อย่างนั้นหรือ?” ไต้ซือหลิวเนียนรำพึง พลางมองดูเหตุการณ์ตรงหน้า ด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย
--------------------------------------------
[1] สถานที่ชุมนุมของทั้งมัจฉาและพญาั หมายถึงมีกลุ่มคนหลากหลายชนชั้นปะปนกัน
โดยมัจฉา หมายถึงคนธรรมดา ผู้ต่ำศักดิ์ หรือด้อยความสามารถ
ส่วนพญาั หมายถึงผู้สูงศักดิ์ มากความสามารถ
[2] สามสิบจั้ง เท่ากับ 330 เมตรโดยประมาณ