ตอนที่ิอวี่เดินออกมาจากเมืองใต้ดินหวังเฉิงก็เป็เวลาบ่ายแล้ว
เขาเดินตรงไปที่ร้านยาว่านหลินในทันทีโดยแทบไม่ต้องคิด
ร้านยาว่านหลินมีตัวยาหายากที่ล้ำค่าจำนวนมาก ยาล้ำค่าอย่างหลิงจือโลหิตแดงช่วยอะไรผู้ฝึกยุทธ์ไม่ได้มาก แต่หากเป็การรักษาอาการป่วยของคนทั่วไป มันมีสรรพคุณทำให้เหมือนตายแล้วฟื้นเลยทีเดียว
เพราะผู้ฝึกยุทธ์ได้ดูดซับลมปราณธรรมชาติ ร่างกายจึงค่อนข้างแข็งแกร่ง ไม่ค่อยเ็ปเท่าไร แต่สำหรับคนธรรมดาทั่วไปแล้วเงินห้าล้านเหรียญหยกดำมันเป็ราคาที่แพงมาก ดังนั้น หลิงจือโลหิตแดงส่วนใหญ่จึงมักจะมีแค่ราคาแต่ไม่มีตลาดให้ขาย
ทั่วทั้งเมืองหลวง เกรงว่าคงมีแต่ร้านยาว่านหลินที่อยู่ห่างจากวังหลวงประมาณสองร้อยกว่าลี้เท่านั้นที่จะมีขาย
มันไกลมากก็จริงแต่ิอวี่ก็ไม่กังวล เขาไปซื้อม้าสีชาดแข็งแรงตัวโตจากในตลาดมาตัวหนึ่ง แล้วขี่มันมุ่งหน้าไปที่ร้านยาว่านหลินในทันที
ตลอดทางนั้น ลมปราณในร่างกายของิอวี่ก็ค่อยๆ ฟื้นคืนกลับมา เพราะเขาฝึกเคล็ดวิชาหยินหยางขั้นสูงเลยใช้เวลาแค่ครึ่งวันเท่านั้น อาการเหนื่อยล้าจากการต่อสู้เมื่อเช้าก็หายไปหมดแล้ว อีกทั้งร่างกายของเขาเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นด้วย
กายเหล็กสุริยัน ชีพจรัเฉินจิน กระดูกชุบทอง ผลาญโลหิต ทำให้พื้นฐานร่างกายของิอวี่เหมือนลอกคราบใหม่อย่างน่าประหลาดใจ!
ตอนที่ิอวี่ไปถึงร้านยาว่านหลินนั้นฟ้าก็มืดแล้ว และใช้เงินห้าล้านหยกดำในการชื้อหลิงจือโลหิตแดง
หลิงจือโลหิตแดงดูราวกับชุบด้วยทองนอนแน่นิ่งอยู่ในกล่องยา มันปล่อยอุณหภูมิที่ร้อนสูงและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของตัวยาออกมาจนล้นกล่อง ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก
เมื่อได้กลิ่นของดิน ิอวี่ก็เดินเข้าไปในป่าที่เงียบเชียบไร้ผู้คนพร้อมกับม้าของเขา
เขาไม่ได้รีบร้อนกลับไปทันที เพราะเมื่อกลับไปถึงวังหลวงฟ้าก็คงมืดสนิทแล้ว หยางเสวี่ยหรงเองก็น่าจะหลับไปแล้ว ถ้าปลุกให้นางตื่นก็ย่อมจะไม่เป็ผลดีต่อสุขภาพของนาง รอจนเช้าค่อยเอาหลิงจือโลหิตแดงไปให้ก็ไม่สาย
ิอวี่ในเวลานี้ เหลือเพียงความโล่งใจที่ได้พยายามทำภารกิจอย่างหนักเพื่อช่วยชีวิตแม่ของเขาเท่านั้น
“เราเจอกันอีกแล้วนะ”
ในเวลานี้เอง หยกโบราณที่ิอวี่ห้อยเอาไว้บริเวณหน้าอกก็เปล่งแสงออกมา เฮยจีปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของิอวี่อีกครั้ง
เฮยจียังคงสวมชุดกระโปรงสั้นสีดำเหมือนเดิม เผยให้เห็นขาอันเรียวขาวและโค้งมนอย่างสมบูรณ์เหมือนนำหยกมาเรียงต่อกัน แสงจันทร์สาดส่องไปตามร่างกายของนาง สะท้อนให้เห็นร่างอันอ่อนนุ่มและใบหน้าเล็กๆ อันงดงาม ยิ่งเพิ่มความลึกลับให้กับใบหน้านั้น
เมื่อเห็นเรือนร่างอันงดงามภายใต้แสงจันทร์ของเฮยจี ิอวี่ก็ตะลึงไป แต่จากนั้นก็รีบสะบัดหัวเพื่อเรียกสติ ไม่แน่ว่าผู้หญิงคนนี้อาจจะมีแผนการอะไรมาแกล้งเขาอีกก็ได้
ดังนั้นเขาเลยพูดอย่างเ็าว่า “มีเื่อะไร?”
“แบร่!”
เฮยจีแลบลิ้นแล้วพูดว่า “ยังคิดเล็กคิดน้อยเื่ก่อนหน้านี้อยู่อีกหรือ? วางใจได้ ครั้งนี้พี่สาวไม่ทำแบบนั้นแล้ว ข้าเห็นว่าที่นี่มันกว้างขวาง เ้าดูดาวเป็เพื่อนข้าดีไหม? ข้าไม่ได้ออกมาสูดอากาศแบบนี้มาตั้งนานแล้ว”
ิอวี่แบะปากแล้วพูดว่า “ไม่”
“ไม่ได้ ไม่งั้นข้าไม่ให้เ้าไป”
เฮยจีพูดว่า “ก่อนหน้านี้เ้ารับปากข้าเองนะ ว่าถ้าข้าสอนลายเส้นอักขระให้เ้าแล้ว เ้าจะดูดาวเป็เพื่อนข้า สอนข้าดูดาว แต่ดูสิ มาถึงตอนนี้ก็กลับคำซะแล้ว ผู้ชายก็เป็พวกโกหกหลอกลวงทุกคนเลย”
พอนางพูดแบบนี้ออกมา ิอวี่ก็เหมือนนึกขึ้นมาได้ว่าเขารับปากเฮยจีแบบนี้จริงๆ เลยตอบว่า “ก็ได้ ...”
“อิอิ ... ไปเร็วไปเร็ว”
เมื่อครู่เฮยจียังชักสีหน้าอยู่เลย แต่พอเขาตอบตกลงแล้วนางก็ยิ้มขึ้นมาได้ทันที แล้วก็เดินไปจับมือซ้ายของิอวี่ ดึงเขาลงมาจากม้า แล้วก็พาเขาวิ่งเข้าไปในป่าทึบ
ท่ามกลางแสงจันทร์ เงาของต้นไม้สะท้อนลงมาบนแผ่นหลังของสาวน้อย นางวิ่งไปข้างหน้าราวกับกำลังเริงระบำอยู่ ขาขาวๆ ใต้กระโปรงััพื้นดิน และหันมายิ้มเป็ระยะๆ ดูอิสระอย่างมากในยามค่ำคืนแบบนี้
มือเย็นๆ อันอ่อนนุ่มของเฮยจี ทำให้ิอวี่รู้สึกบริสุทธิ์ขึ้นมา มันไม่มีเป้าหมาย มีเพียงเด็กผู้หญิงที่จับมือเด็กผู้ชายคนหนึ่งเอาไว้ และมองไปบนท้องฟ้าที่มีดวงดาวที่สวยงามเต็มไปหมด ...
“ไม่แน่ว่าความเรียบง่ายแบบนี้ มันอาจจะเป็สิ่งที่ใจเรา้าก็ได้ ข้าเหมือนไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานาน จนเกือบลืมมันไปแล้วเลยหรือเนี่ย?”
ิอวี่เกิดความคิดแปลกๆ ขึ้นมา เขารู้สึกว่าการดูดาวกับเฮยจี มันไม่ใช่เื่ที่น่าเบื่อเลย
ในเวลานี้เอง เฮยจีก็ปล่อยมือของิอวี่แล้วพูดว่า “ตามมานะ”
ระหว่างที่พูดนางก็ดีดตัวขึ้นไปที่ต้นไม้ใหญ่ จากนั้นิอวี่ก็ตามขึ้นไป เพียงไม่กี่อึดใจ ทั้งสองคนก็ปีนขึ้นไปอยู่บนยอดต้นไม้สูงยี่สิบเมตรแล้ว
ด้านล่างเป็ป่าผืนใหญ่ที่อยู่ท่ามกลางแสงจันทร์มองเห็นเป็สีเขียวคล้ำดูลึกลับมาก เมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ก็มีดวงดาวระยิบระยับรายล้อมอยู่รอบดวงจันทร์
เฮยจียืนอยู่บนยอดต้นไม้แล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อลมพัดผ่านตัวของนาง ผมของนางก็ปลิวไปตามสายลมราวกับกำลังเริงระบำ ทำให้ร่างกายอันอ่อนนุ่มของนางยิ่งดูงดงามท่ามกลางแสงจันทร์
ดวงดาวบนท้องฟ้าดูราวกับภาพวาด สาวงามก็ไม่ต่างกับบทกลอน
สิ่งที่ได้เห็นตรงหน้า ทำให้ิอวี่ตะลึง
“ิอวี่ ดูนั่น ดวงดาวพวกนี้ สวยมากเลย ...” เฮยจีที่เหมือนลืมตัวเข้าไปคล้องแขนของิอวี่เอาไว้จนทำให้หน้าอกของนางแนบไปที่แขนของเขา หันไปดูดาวบนท้องฟ้าแล้วพูดขึ้นมา
ิอวี่มองคนที่น่าหลงใหลข้างกายที่ใบหน้าอันมีเสน่ห์ของนางราวกับพระจันทร์เต็มดวง และพูดว่า “ใช่ สวยมากเลย”
“แล้วข้าล่ะ? ข้าสวยหรือเปล่า?” ทันใดนั้นเอง เฮยจีก็หันหน้ามาแล้วจ้องไปที่ตาของิอวี่
ิอวี่เห็นท่าทางของเฮยจีดูคาดหวังมาก เขากลับนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้นางเคยแกล้งอะไรเขาเอาไว้ ก็เลยอดไม่ได้ที่อยากจะแกล้งกลับ เขามองไปที่นางแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ไม่ น่าเกลียดมาก”
“เ้า ...”
เฮยจีกำหมัดแล้วชกไปที่หน้าอกของิอวี่ แล้วพูดว่า “เ้าเคยเห็นคนที่สวยกว่าข้างั้นหรือ? เ้าเคยเจอที่ไหน วันไหนพาข้าไปดูหน่อยว่าจะสวยแค่ไหนกันเชียว”
เฮยจีกลับไม่รู้ตัวว่าที่ตัวเองพูดมาเหมือนกำลังหึงอยู่เลย ความทรงจำที่นางมีนั้นไม่มากนัก นางไม่รู้ว่าท่าทางแบบนี้ของนางจะมีใครไปเทียบได้?
ใช่ ในหัวของเฮยจีก็นึกความสวยของผู้หญิงคนอื่นไม่ออกด้วย
ิอวี่แอบหัวเราะในใจ แล้วพูดว่า “ได้สิ ถึงเวลาสู้คนอื่นไม่ได้ อย่ามาร้องไห้ก็แล้วกัน”
“ฮึ!”
เฮยจีจ้องิอวี่ตาโต แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “ขอบคุณสำหรับความหวังดี!”
ิอวี่มองดูท่าทางเกรี้ยวกราดอันน่ารักของเฮยจี ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่าเฮยจีนี่สวยน่ารักจริงๆ เลย อีกอย่างเฮยจีก็ทำให้เขาอารมณ์ดีมากด้วย
แต่ทันใดนั้นเอง ิอวี่ก็เหมือนััได้ถึงอะไรบางอย่าง มันเป็ความรู้สึกแปลกๆ ที่มาจากใต้เท้าของเขา ความรู้สึกอันตรายที่พุ่งพล่านขึ้นมาจนถึงหัว!
อันตราย ... กำลังกล้ำกรายเข้ามาทีละก้าว!
เฮยจีหันหลังกลับมา ท่าทางของนางดูขึงขังเหมือนกำลังจะพูดอะไร ิอวี่ก็ยื่นนิ้วชี้แตะไปที่ปากเพื่อให้นางเงียบ อย่าเพิ่งขยับ เฮยจีเลยหยุดชะงักไป
ทำให้ภาพมันหยุดอยู่แค่นี้
ทั้งสองคนเงียบ แต่ก็มองความหมายของอีกคนอย่างชัดเจนว่ากำลังระวังตัวอย่างมาก
“ไป!”
แค่ไม่กี่อึดใจ ิอวี่กับเฮยจีก็ะโลอยตัวขึ้นพร้อมกัน ต้นไม้ใหญ่ด้านล่างของพวกเขาถล่มลง ตอนนี้พวกเขาสองคนเหยียบไปบนกิ่งไม้ของต้นไม้อีกต้น ใบไม้สีเขียวชอุ่มกลับกลายเป็ใบพัดเหล็กแหลมสีดำพุ่งลอยออกมา
ิอวี่ชักกระบี่ออกมาตวัดปัดอาวุธลับเ่าั้ ใช้มือโอบไปที่เอวของเฮยจีแล้วะโลงไปบนป่าด้านล่าง!
อาวุธลับที่ซัดมาเมื่อครู่มีแรงกำลังที่แข็งแกร่งมาก มันแฝงไปด้วยลมปราณที่แรงกล้า อีกทั้งอาวุธลับแต่ละชิ้นก็โจมตีมาที่จุดตายทั้งนั้น ยังดีที่ิอวี่มีปฏิกิริยาตอบสนองไวมาก ไม่อย่างนั้นเขาคงถูกอาวุธลับพวกนี้ทำร้ายจนาเ็ไปแล้ว
ดังนั้น ิอวี่จึงวิเคราะห์ว่าคนๆ นี้ จะต้องแข็งแกร่งมากและเป็ผู้เชี่ยวชาญในการใช้อาวุธลับด้วย!
หากปล่อยเวลาให้เนิ่นนานไปคงไม่ดีแน่ เขาอยู่ในที่แจ้ง แต่ศัตรูอยู่ในที่ลับ เขาย่อมตกอยู่ในอันตรายและเป็ฝ่ายถูกโจมตี ตอนนี้เขาจำเป็จะต้องลงมาจากต้นไม้ถึงจะพอเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้
แต่ว่าพอิอวี่ะโลงมาถึงพื้น ก็กลับปรากฏแสงของปลายกระบี่แทงขึ้นมา แสงนี้เป็สีดำ รังสีของความคมมันบาดไปถึงกระดูกจนแทงมาที่หัวใจของิอวี่
“พลังสังหารเก้าเท่า!”
ขณะที่กำลังจะมีอันตรายถึงชีวิตนั้น ิอวี่ไม่ลังเลใจเลย เขาโอบเอวของเฮยจีแล้วถอยไปทางด้านซ้ายโดยคุ้มกันเฮยจีเอาไว้ด้านหลัง แล้วรวบรวมพลังสังหารเก้าเท่าไปที่กระบี่เฟิงโหวก่อนแทงสวนกลับไป
“ฉึบ!”
เสียงโลหะกระทบกันสนั่นหวั่นไหว ิอวี่รู้สึกว่ามือขวาของเขาปวดมาก เขาถูกแรงกระแทกลอยหมุนคว้างอยู่กลางอากาศ จนสุดท้ายก็ตกลงมาที่พื้น
ิอวี่มองไปด้านหน้า เห็นคนสวมชุดสีดำแดงในมือถือกระบี่เหล็กดำ กำลังค่อยๆ เดินมาทางเขา
คนคนนั้นเป็ชายวัยกลางคนรูปร่างผอม แต่ิอวี่ก็ไม่กล้าประมาทเพราะกล้ามเนื้อของเขาแน่นมาก แม้จะดูเหมือนผอมแห้งแรงน้อย แต่จากแรงกำลังกระบี่เมื่อครู่ มันมีพลังเทียบเท่าราชสีห์ห้าร้อยตัว!
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ บริเวณหน้าอกซ้ายของชายชุดดำคนนี้ มันปักคำว่า “จง” สีแดงเอาไว้!
คำว่า “จง” คนทั่วไปอาจจะไม่เข้าใจความหมายลึกซึ้งมากนัก แต่ิอวี่เป็คนในวังหลวง ทำไมเขาจะไม่เข้าใจความหมายที่แฝงอยู่?
ราชวงศ์ต้าิถึงแม้เปลือกนอกจะทำอะไรตรงไปตรงมา แต่ลับหลังแล้วก็มีเื่ที่ให้ใครรู้ไม่ได้เหมือนกัน การต่อสู้ทางการเมืองหลายครั้งก็ต้องใช้ความรุนแรง บางคนต้องกำจัด บางเื่ ก็ต้องทำเื่ลับๆ พวกนี้ จึงจำเป็ต้องใช้นักฆ่าหน่วยลับจากหอว่านจงของราชวงศ์ต้าิมาจัดการ
หอว่านจง ตามชื่อแล้วแปลตรงๆ ได้ว่า มีความจงรักภักดี ทำงานมีประสิทธิภาพ พวกเขาคือคนที่ถูกคัดเลือกและฝึกฝนให้มาเป็นักฆ่าเดนตายที่ภักดีที่สุดกับราชวงศ์ต้าิ พวกเขามีด้วยกันทั้งหมดหนึ่งร้อยแปดคน ฆ่าคนโดยไม่กระพริบตา พวกเขามีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า ร้อยแปดนักรบเื!
ชายที่กำลังเดินมาหาเขาในตอนนี้ ก็คือหนึ่งในนักรบเืของหอว่านจง รหัส “ม่อ”!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้