วิชาฝึกพลังอันร้ายกาจ คือรากฐานแห่งการก่อตั้งของสำนักลัทธิ ของตระกูล หรือของอาณาจักรหนึ่งๆ
ส่วนวิทยายุทธ์ที่ร้ายกาจ คือรากฐานของการขยายอำนาจของขุมอำนาจเ่าั้ หากมีวิทยายุทธ์ที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนี้ปรากฏขึ้น อาจทำให้เกิดความคลุ้มคลั่งไปทั่วทั้งอาณาจักรก็เป็ได้!
พอเห็นหลงอวี้มองซ้ายมองขวาแล้ว ปู้สิงก็กดเสียงต่ำลงพร้อมส่งเสียงหัวเราะเล็กน้อย
“วางใจเถอะศิษย์น้องหลง ผู้าุโทั้งหลายเองก็ไม่รู้หรอกว่าเ้ามีวิชานี้อยู่”
“อืม”
หลงอวี้ถึงได้รู้สึกวางใจ
แม้ผู้าุโทั้งหลายจะเป็พวกเดียวกัน แต่ใครจะไปรู้ว่าในนั้นจะมีคนที่เป็เหมือนกับอู่เจี้ยนซินอยู่หรือเปล่า
“จริงสิ ในเมื่อเ้ามีความแข็งแกร่งมากขนาดนี้ ข้าจะได้พาเ้าออกไปเที่ยวข้างนอกได้อย่างสบายใจเสียที”
ปู้สิงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา พูดด้วยรอยยิ้ม
“ออกไปเที่ยว?”
หลงอวี้ชะงัก ไม่รู้ว่าปู้สิงพูดเื่อะไรอยู่
“อาณาจักรกู่เิทางทิศเหนือได้ตั้งกองทัพที่ชายแดนของอาณาจักรต้าถังเพื่อจะรุกรานเรา มียอดฝีมือรุ่นเยาว์จำนวนไม่น้อยที่มุ่งหน้าไปยังสนามรบเพื่อสังหารศัตรูสร้างผลงาน”
ปู้สิงพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
“อีกทั้งก่อนหน้านี้ไม่นานยังมีข่าวส่งมาด้วยว่า ก่อนหน้านี้ไม่นาน เฟิงฉางเกอแห่งเมืองอวี้กวนได้ถูกคนของอาณาจักรกู่เิจับตัวไป”
แต่เดิมแล้วหลงอวี้ยังรู้สึกว่าการรุกรานของอาณาจักรกู่เิไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับตัวเขาเองสักเท่าไร
แต่พอได้ยินเื่นี้แล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
“พ่อบุญธรรมข้าถูกคนของอาณาจักรกู่เิจับตัวไป?”
“นี่เป็ข่าวที่อาจารย์ข้าได้ยินมาอีกที เลยบอกให้ข้าเร่งเดินทางไปตรวจสอบดู เป็อย่างไร ศิษย์น้องหลง จะไปพร้อมกับข้าด้วยไหม?”
ปู้สิงเอ่ยถาม
“แน่นอนอยู่แล้ว”
หลงอวี้ตอบกลับอย่างหนักแน่น
แต่เดิมแล้วเขายังคิดจะฝึกฝนท่าฝ่ามือตื่นรู้สู่สังสารวัฏอยู่ในป่าไผ่แห่งนี้จนกว่าจะบรรลุขั้นสูง นอกจากนี้เขายังมีแผ่น์จันทราครึ่งชิ้นที่จำเป็ต้องศึกษาเพื่อหาทางบรรลุพลังในนั้น
แต่ในเมื่อเกิดเื่ขึ้นกับเฟิงฉางเกอ เขาย่อมไม่มีทางนิ่งเฉยอยู่แล้ว!
“อาณาจักรต้าถังเราตอบโต้อย่างไรกับการรุกรานของอาณาจักรกู่เิหรือ?”
หลงอวี้สอบถาม
“ขุนพลน้อยหลงจี๋แห่งตระกูลขุนพลได้นำทัพผู้ฝึกยุทธ์หนึ่งแสนคนมุ่งหน้าไปยังชายแดนเพื่อต่อกรกับขุนพลเฒ่าหมานอี้”
ปู้สิงเอ่ยขึ้น
“เพียงแต่พ่อบุญธรรมของเ้ากลับถูกมือสังหารของพวกกู่เิแอบข้ามชายแดนมายังเมืองอวี้กวนแล้วจับตัวไป แม้เมืองอวี้กวนจะอยู่ห่างจากชายแดนนับพันลี้ แต่มันก็ถือเป็จุดแวะพักได้เหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นยังพบร่องรอยของมือสังหารของอาณาจักรกู่เิด้วย ดังนั้นที่เมืองอวี้กวนตอนนี้จึงมียอดฝีมือจำนวนไม่น้อยมารวมตัวกัน”
“ข้าจะไปที่เมืองอวี้กวนก่อน”
หลงอวี้ตัดสินใจแล้ว
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน”
ปู้สิงแย้มยิ้มขึ้นมา จากนั้นก็กล่าวเตือน
“แต่ศิษย์น้องหลงเ้าต้องระวังตัวนะ ชาติกำเนิดของเ้าตอนนี้ถูกเปิดเผยแล้ว หากออกจากลัทธิสยบฟ้าไป มีโอกาสที่เ้าจะได้เจออันตรายที่ร้ายแรงถึงชีวิต ตลอดเวลา!”
“ไม่เป็ไร พ่อบุญธรรมข้าเกิดเื่เช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องไปอยู่แล้ว”
หลงอวี้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เขาเดาไว้นานแล้วว่าไม่ช้าก็เร็วอย่างไรชาติกำเนิดของเขาก็ต้องถูกเปิดเผย เพียงแค่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ก็เท่านั้นเอง
อาณาจักรต้าถัง ตระกูลขุนพลตระกูลหลง ตระกูลเสนาบดีตระกูลโม่ ราชวงศ์ตระกูลฉู่ ในบรรดาตระกูลมหาอำนาจทั้งสามนี้ มีไม่น้อยเลยที่้าจะเอาชีวิตของหลงอวี้!
“อืม”
ปู้สิงพยักหน้าแล้วกล่าวต่อ
“แม้จะมีอันตราย แต่ข้าก็ยังพอวางใจได้ ปู่ของเ้าคอยจับตาดูเื่นี้อยู่ตลอด ต่อให้มีคนคิดจะฆ่าเ้า มันก็ไม่มีทางกล้าลงมืออย่างเปิดเผยแน่นอน”
‘ปู่ของข้า?’
หลงอวี้ประหลาดใจเล็กน้อย
บิดาของเขาคือหลงจ้ายเทียน ปู่ของเขาก็ย่อมต้องเป็บิดาของหลงจ้ายเทียน เป็คนของตระกูลขุนพลตระกูลหลง!
หลงอวี้ในตอนนี้ยังไม่ค่อยรู้เื่เกี่ยวกับตระกูลขุนพลตระกูลหลงสักเท่าไร รู้เพียงว่าชายหนุ่มชุดเกราะทองที่เคยเจอในป่าโสมโบราณก่อนหน้านี้จะต้องเป็ลูกหลานของตระกูลหลงอย่างแน่นอน
มีสิทธิ์ได้รับหน้าที่องครักษ์ประจำตัวของเ้าหญิงแห่งราชวงศ์เช่นนั้น ชายหนุ่มชุดเกราะทองจะต้องมีระดับพลังที่ไม่ด้อยไปกว่าปู้สิงเป็แน่
เห็นได้เลยว่า ตระกูลขุนพลตระกูลหลงนั้นเป็ตระกูลที่ยิ่งใหญ่มากถึงเพียงใด
“ไม่ว่าจะเป็ใคร หากคิดจะจัดการกับข้า ก็ต้องลองถามสัญลักษณ์ัปรภพที่หน้าอกข้าก่อนว่าอนุญาตหรือเปล่า”
หลงอวี้ครุ่นคิดพร้อมกับที่ดวงตาเป็ประกายเ็า
หากได้เจอกับคู่ต่อสู้ที่ไม่สามารถต่อกรได้จริงๆ เขาก็ยังมีสัญลักษณ์ัปรภพเป็ไพ่ตายสุดท้าย ตัวตนที่สืบทอดความลับโบราณอันสูงส่งนี้ ไม่ใช่อะไรที่คนในระดับิญญาแท้จะแตะต้องได้แน่
ส่วนระดับคนผสานฟ้านั้น ยอดฝีมือที่ขึ้นไปถึงระดับนั้นได้จะว่างจนถึงกับมาหาเื่หลงอวี้เลยหรือ?
.......
เช้าวันที่สอง
เลี่ยวเล่อเล่อมาส่งเสี่ยวหลงเปาให้หลงอวี้ั้แ่เช้าตรู่ แต่ก็พบว่าที่พักของเขาได้ถูกะเิจนพังเละเทะไปหมดแล้ว ไม่เห็นใครแม้แต่เงา
หลังจากลองสอบถามรอบๆ ดูถึงได้รู้ว่า ที่แท้หลงอวี้ได้เดินทางออกจากลัทธิสยบฟ้าไปพร้อมกับปู้สิงแล้ว
นางยืนอยู่ข้างกระท่อมที่พังถล่มอยู่เนิ่นนาน
เสื้อผ้าสีน้ำเงินปลิวไสวไปตามแรงลม ดูโดดเดี่ยวอ้างว้างเหลือเกิน...
หลงอวี้ในตอนนี้ก็ได้ออกเดินทางไปยังเมืองอวี้กวนพร้อมกับปู้สิง
ทั้งสองไม่ได้ใช้ม้าในการเดินทาง แต่ใช้ความสามารถของตัวเองในการเดินทางด้วยความเร็วสูงสุด
ปู้สิงใช้วิชาก้าวประชิดขอบฟ้า เปลี่ยนระยะไกลสุดขอบฟ้าให้กลายเป็ใกล้เพียงเอื้อมมือ ความเร็วสูง นิ่งกว่าการขี่ม้าหลายเท่าตัว
ส่วนหลงอวี้นั้นก็ได้ใช้งานปีกแห่งหุบเขาปีศาจในการเดินทาง ขณะเดียวกันก็ได้ใช้วิชาิญญาเคลื่อนด้วย ทำให้ความเร็วของเขาสูงกว่าปู้สิงหลายส่วน!
“ปีกแห่งหุบเขาปีศาจ เป็สมบัติล้ำค่าระดับิญญาขั้นพิเศษที่สร้างขึ้นจากปีกของสัตว์อสูรสุดแข็งแกร่ง ทูตปีกปีศาจ เมื่อใช้งานแล้วจะสามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงดุจสายลม ทั้งยังสามารถร่อนตัวลงในระยะสั้นๆ ได้ด้วย”
ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังเดินทาง ปู้สิงก็ได้แนะนำข้อมูลของปีกแห่งหุบเขาปีศาจให้หลงอวี้ฟัง
“แต่น่าเสียดายที่สัญลักษณ์อาคมบนปีกมันเสียหายไปแล้ว เลยไม่มีความสามารถพิเศษเพิ่มเติม น่าเสียดายจริงๆ”
“ทูตปีกปีศาจ?”
หลงอวี้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ชื่อนี้ฟังดูไม่เหมือนชื่อของสัตว์อสูรเลยแม้แต่น้อย มันเหมือนกับผู้คุมกฎของพวกพรรคมารลัทธินอกรีตที่ชั่วร้ายอะไรอย่างนั้นมากกว่า
“อืม มันเป็สัตว์อสูรประเภทหนึ่งที่อาศัยอยู่ในหุบเขาปีศาจิญญา์ ทูตปีกปีศาจตัวเต็มวัยนั้นมีความแข็งแกร่งอย่างน้อยสุดก็ระดับิญญาแท้ขั้นที่เจ็ด”
ปู้สิงอธิบายด้วยสีหน้าตึงเครียดเล็กน้อย
“หุบเขาปีศาจิญญา์ตั้งอยู่ตรงชายแดนของสามอาณาจักรคือ อาณาจักรต้าถังเรากับอาณาจักรกู่เิและอาณาจักรตงยื่อ เป็พื้นที่ที่ถูกปกครองโดยสัตว์อสูร มีอาณาเขตกว้างขวางสุดแสน เกรงว่ามันสามารถเทียบเคียงกับอาณาจักรต้าถังเราได้เลย”
ชายแดนของสามอาณาจักร หุบเขาปีศาจิญญา์!
หลงอวี้จดจำชื่อนี้เอาไว้เงียบๆ แต่แค่ฟังจากที่ปู้สิงเล่ามาเขาก็รู้แล้วว่า หุบเขาปีศาจิญญา์แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่ตัวเขาในตอนนี้สามารถย่างกรายเข้าไปได้เป็แน่
ทูตปีกปีศาจตัวเต็มวัยหนึ่งตัวสามารถต่อสู้กับไป๋อวิ๋นจงได้อย่างทัดเทียมเลยทีเดียว!
เพียงแต่ว่า สิ่งที่ทำให้หลงอวี้รู้สึกตะลึงคือ มีคนที่สามารถฆ่าทูตปีกปีศาจและนำปีกของมันมาสร้างเป็ยุทธภัณฑ์ได้ หมายความว่าในบรรดาผู้ฝึกยุทธ์ที่เป็มนุษย์นั้น ยังมีคนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าไป๋อวิ๋นจงอยู่ด้วย
ทั้งสองคนได้มุ่งหน้าไปยังเมืองอวี้กวนด้วยความสามารถของตัวเอง
ระยะทางที่หากขี่ม้าต้องใช้เวลาสามวันนั้น ทั้งสองคนกลับใช้เวลาเพียงครึ่งวันกว่าเท่านั้นก็ถึงที่หมาย!
ทั้งสองออกเดินทางจากลัทธิสยบฟ้าั้แ่เช้า พอถึง่พลบค่ำก็เริ่มเห็นเงาของเมืองอวี้กวน
“ใกล้ถึงแล้ว เข้าไปดูกัน”
ท่าร่างของปู้สิงนั้นรวดเร็วสุดขีด แม้วิชาก้าวประชิดขอบฟ้าจะเป็เพียงวิทยายุทธ์ระดับธรรมดาขั้นสุดยอด แต่ถ้าใช้ตอนที่ต้องเดินทางอย่างเร่งรีบแล้วกลับมีประโยชน์อย่างมหาศาล อาจจะใช้ดีกว่าวิชาท่าร่างระดับิญญาบางวิชาเสียอีก
หลงอวี้ที่ใช้ปีกแห่งหุบเขาปีศาจยังสามารถไล่ตามความเร็วของปู้สิงได้ทัน อีกทั้งยังใช้ลมปราณน้อยกว่าปู้สิงด้วย
เมื่อปู้สิงมาถึงหน้าทางเข้าเมืองอวี้กวนแล้วเขาก็หยุดเท้าลง ส่วนหลงอวี้นั้นก็ได้เก็บปีกแห่งหุบเขาปีศาจกลับไป
เขาสงบใจลงก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในเมืองพร้อมกับปู้สิง
เมืองอวี้กวนตอนปกติจะมีภาพลักษณ์ที่ค่อนข้างหรูหราและเงียบสงบ แต่เมืองอวี้กวนในตอนนี้กลับปกคลุมด้วยกลิ่นอายแห่งการฆ่าฟัน!
ในเมืองอวี้กวนมีที่พักโรงแรมตั้งอยู่ไม่น้อย แต่ทั้งหมดล้วนถูกผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากที่มาจากนอกเมืองจับจองจนเต็มหมด ในบรรดาผู้ฝึกยุทธ์เหล่านี้มียอดฝีมือระดับิญญาแท้อยู่ด้วย
เมืองอวี้กวนนั้นไม่ใช่เมืองที่อยู่ใกล้กับชายแดนมากที่สุด แต่กลับเป็เมืองที่มีมือสังหารของอาณาจักรกู่เิปรากฏตัว อีกทั้งยังเป็เส้นทางสำคัญที่เชื่อมต่อกับเมืองอื่นๆ อีกหลายเมืองด้วย
ด้วยเหตุนี้เอง ผู้ฝึกยุทธ์พเนจรในยุทธ์จักรจำนวนไม่น้อยที่้าร่วมต่อต้านอาณาจักรกู่เิจึงมารวมตัวกันที่เมืองอวี้กวน เพื่อค้นหาพรรคพวกร่วมเดินทางไปด้วยกัน
ตามกฎหมายของอาณาจักรต้าถัง หากมีการทำากับต่างอาณาจักร ขอเพียงสามารถสังหารผู้ฝึกยุทธ์หรือขุนพลของอาณาจักรศัตรูได้ ไม่ว่าจะมีฐานะอะไรก็จะได้รับรางวัลอย่างมหาศาล
ต่อให้อาณาจักรต้าถังจะส่งขุนพลน้อยแห่งตระกูลขุนพลตระกูลหลง หลงจี๋ ให้นำทัพผู้ฝึกยุทธ์จำนวนหนึ่งแสนออกไปทำศึกกับอาณาจักรต้าถัง แต่รางวัลที่ได้จากการสังหารทหารของศัตรูทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ในยุทธ์จักรจำนวนไม่น้อยเกิดความละโมบจนตาแดงก่ำ!
ในเมืองอวี้กวนจึงมีผู้ฝึกยุทธ์พเนจรจำนวนมาก ทำให้บรรยากาศในเมืองเปลี่ยนไปเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการฆ่าฟัน
“แม้แต่ที่พักพวกเราก็คงจะหากันไม่ได้แล้วล่ะมั้ง”
ปู้สิงมองไปรอบๆ พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
ตอนนี้เข้าสู่่กลางคืนแล้ว ต่อให้พวกเขาจะอยากออกเดินทางต่อ แต่คืนนี้ก็ต้องพักที่เมืองอวี้กวนอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นหลงอวี้ยังต้องกลับไปที่ตระกูลเฟิงก่อนด้วย
“ไม่เป็ไร ศิษย์พี่ปู้ท่านตามข้าไปที่ตระกูลเฟิงเถิด เื่ที่พักย่อมต้องมีเหลืออยู่แล้ว”
หลงอวี้เอ่ยพูดขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้ว
เมืองอวี้กวนตอนนี้มีผู้ฝึกยุทธ์ในยุทธ์จักรมารวมตัวกันมากขนาดนี้ แต่เฟิงฉางเกอได้ถูกมือสังหารของอาณาจักรกู่เิจับตัวไปั้แ่ก่อนหน้านี้แล้ว
หมายความว่า ตระกูลเฟิงใหม่ในตอนนี้ไม่มีพลังจะป้องกันตัวเองอยู่เลย!
หากคนของตระกูลเฟิงใหม่เกิดความขัดแย้งกับพวกผู้ฝึกยุทธ์พเนจร เกรงว่าอาจจะทำให้เกิดความเสียหายขึ้นอย่างใหญ่หลวง
พอหลงอวี้คิดเช่นนี้แล้ว เขาก็ข่มกลั้นความรู้สึกร้อนรนกังวลใจไม่ไหวอีกต่อไป
“รีบไปเถอะ เมืองอวี้กวนตอนนี้เต็มไปด้วยความวุ่นวายถึงเพียงนี้ ตระกูลเฟิงไร้ซึ่งคนคอยคุ้มกัน อาจเกิดเื่ขึ้นก็เป็ได้”
ปู้สิงพูดจบก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังตระกูลเฟิงด้วยความเร็วสูง
เขาเคยไปที่ตระกูลเฟิงแล้วครั้งหนึ่ง ย่อมต้องรู้ที่ตั้งของคฤหาสน์ตระกูลเฟิงอยู่แล้ว
หลงอวี้ติดตามปู้สิงไป เคลื่อนที่เร็วกว่าปู้สิงเสียอีก ไม่นานก็มองเห็นคฤหาสน์ตระกูลเฟิงที่ตั้งอยู่ทางฝั่งทิศตะวันตกของเมืองจากลิบๆ แล้ว
“พวกเ้าสองคน หยุดเดี๋ยวนี้!”
อยู่ๆ ก็มีเสียงะโอย่างเกรี้ยวกราดจากทางด้านหน้าของทั้งสองคน ผู้ฝึกยุทธ์พเนจรสองคนสวมชุดเกราะทหารยืนขวางเส้นทางที่มุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ตระกูลเฟิง!
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หลงอวี้ตึงเครียดทันที
ผู้ฝึกยุทธ์ในชุดเกราะสองคนนั้นดูเหมือนจะคอยเฝ้าเส้นทางที่มุ่งหน้าไปยังตระกูลเฟิงไว้ มีโอกาสสูงมากที่ตระกูลเฟิงตอนนี้จะเกิดเื่ขึ้น!
“ไอ้กระจอกอย่างพวกเ้าสองคนกล้าออกคำสั่งกับข้าอย่างนั้นรึ?”
หลงอวี้กระแทกเสียงเ็า เขามองไปทางผู้ฝึกยุทธ์ในชุดเกราะสองคนนั้น พบว่าพวกมันล้วนมีระดับพลังเพียงแค่วิถียุทธ์ขั้นหกเท่านั้น
แล้วมันสองคนกลับยังกล้าคิดจะขวางทางเขากับปู้สิงอย่างนั้นหรือ?
ความจริงแล้ว ทั้งสองคนนั้นย่อมต้องมองออกอยู่แล้วว่าหลงอวี้กับปู้สิงมีขอบเขตวิถียุทธ์สูงกว่าพวกตนอย่างมาก แต่เพราะระยะห่างนั้นมากเกินไป ทั้งสองจึงไม่อาจมองเห็นระดับพลังที่แท้จริงของหลงอวี้กับปู้สิงได้
พวกเขารู้เพียงว่า ลูกพี่ของตนนั้นเป็ตัวตนอันทรงพลังที่สามารถสร้างิญญาแท้ได้แล้ว มีหรือที่พวกเขาจะกลัวเด็กน้อยสองคนตรงหน้า?
