โครม!
ร้านเครื่องเงินกู่ซ่งถล่มพังลงมา
"อ๊าก!"
"ขาของข้า!"
"เงินของข้า!"
เสียงกรีดร้องดังมาจากซากปรักหักพัง ด้านนอกร้านกู่ซ่ง มีผู้คนที่ขโมยทองและเงิน หนีไปอย่างตื่นตระหนก เป็จำนวนมาก
บนเหลาสุรา ฝั่งตรงข้าม
กู่ฮั่นเองก็ใกับฉากดังกล่าวเช่นกัน
"พ่อบุญธรรม เหตุใดร้านเครื่องเงินกู่ซ่งจึงถล่มลงมาได้ขอรับ?" กู่ฮั่นถามด้วยความประหลาดใจ
กู่ไห่ยิ้มเย็น กล่าวว่า "ในร้านมิได้มีเพียงทองและเงินเท่านั้น ยังตกแต่งด้วยเครื่องเรือนระดับสูง ทั้งคานและเสาล้วนทำมาจากไม้จินสื่อหนาน[1]”
“ฮะ? คานและเสา ก็ยังถูกขโมยหรือขอรับ?” กู่ฮั่นหมดสิ้นคำพูด กับการโจรกรรมกลุ่มครั้งนี้
"ของฟรี ผู้ใดบ้างล่ะ ที่ไม่อยากได้?" รอยยิ้มเย็น ปรากฏบนใบหน้ากู่ไห่ขณะพูด
ตึกๆๆ!
ทันใดนั้น ทหารรักษาความสงบจำนวนนับไม่ถ้วน ก็วิ่งเข้ามา
ฟึ่บ!
คนบางส่วนที่ยังรื้อค้นซากปรักหักพัง แยกย้ายกันทันที โดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง
"ทหารรักษาความสงบมาแล้ว ดูเหมือนว่าเมืองหลวงซ่งเฉิงนี้กำลังจะปั่นป่วน เย็นนี้เ้าควรเดินทางไปยังตำหนักขององค์รัชทายาท เพื่อเพิ่มเชื้อไฟ การประชุมขุนนางในวันพรุ่งนี้ คือกุญแจสำคัญ!"
"ขอรับ พ่อบุญธรรมโปรดวางใจ หลายปีที่ผ่านมา ลูกสิ้นเปลืองเงินทองไปมากมาย เพื่อช่วยผลักดันเขาขึ้นสู่ตำแหน่งผู้สืบทอดบัลลังก์
แม้จะไม่สามารถ ควบคุมองค์รัชทายาทได้ตามที่้า ทว่า แค่เป่าหูนั้น หาใช่เื่ยากเย็นไม่ขอรับ!" กู่ฮั่นยิ้มอย่างมั่นใจ พลางเอ่ย
ข่าวปล้นร้านเครื่องเงินกู่ซ่ง แพร่กระจายทั่วเมืองในพริบตา
นั่นเป็ร้านขายเครื่องเงินที่ใหญ่ที่สุดในซ่งเฉิง ทรัพย์สมบัติในนั้น ย่อมมีเหลือคณานับ เกินจินตนาการ ผู้คนนับไม่ถ้วนที่เข้าไปในร้านวันนั้น กลายเป็เศรษฐีในชั่วข้ามคืน
ขณะที่รอข่าวจากทางการ หลายคนที่ไม่ได้มีส่วนร่วม ล้วนตีอกชกหัวและกระทืบเท้าด้วยความอิจฉา
ส่วนผู้ที่ร่วมปล้นในวันนั้น ย่อมซุกซ่อนสิ่งของที่ขโมยมาเอาไว้ก่อน
ชั่วพริบตา ซ่งเฉิงก็สงบลง ทั้งเมืองเงียบมาก เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ทุกคนต่างตั้งตารอฟังข่าวจากทางการ
มีเพียงร้านเครื่องเงินกู่ซ่งเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ที่ถูกปล้น ในขณะที่ร้านค้าอื่นๆ ในเครือตระกูลกู่ บัดนี้ยังไม่ถูกแตะต้อง ทุกคนล้วนเฝ้ารอข่าว จนกระทั่งวันถัดมา จึงมีข่าวการพิจารณาตัดสินเกี่ยวกับเื่นี้ออกมา
ข่าวดังกล่าว ได้ส่งมาถึงมือเสนาบดีหลายคนของราชสำนักแล้ว ทำให้ขุนนางทั้งหลายรู้สึกสับสนยิ่ง ไม่รู้ควรทำอย่างไร ในการประชุมขุนนางวันพรุ่งนี้
เสนาบดีหลายคนวิ่งวุ่นไปทั่ว เพื่อหารือเพื่อนร่วมงาน ถึงการประชุมเช้าวันรุ่งขึ้น
ในเวลาเดียวกัน ข่าวนี้ก็มาถึงวังหลวงแล้ว
หลายคนในวังหลัง ร้องด้วยความยินดี
“ดี ปล้นได้ดี สมบัติของเ้ามารร้ายกู่ไห่ต้องถูกปล้น!”
“ถ้าเป็ข้า ก็ปล้นเช่นกัน ร้านเครื่องเงินกู่ซ่งนั่น ข้าเองก็เคยไปมาสองสามครั้ง มันหรูหรายิ่งกว่าพระราชวังเสียอีก!”
"ยอดเยี่ยมนัก ร้านของกู่ไห่ถูกปล้น ฮ่องเต้ย่อมสำราญพระราชหฤทัยเป็แน่ ประชาชนเหล่านี้ใช้ได้จริงๆ!"
หลายคนเห็นดีกับเื่นี้ ด้านฮ่องเต้เฒ่า ซึ่งประทับอยู่ในห้องหนังสือ ฟังผู้ใต้บังคับบัญชา รายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นโดยละเอียด ฟังไปก็ขมวดคิ้วมุ่น วิเคราะห์สิ่งที่ได้ยินมาทั้งหมด ทีละประเด็น
"ไปเชิญราชครูผาง และมหาเสนาบดีหลิวมา!" ฮ่องเต้เฒ่าสั่ง
“พ่ะย่ะค่ะ!”
...
ภายในตำหนักองค์รัชทายาท
องค์รัชทายาทซ่ง ฟังผู้ใต้บังคับบัญชา รายงานข่าวเื่ร้านเครื่องเงินกู่ซ่ง
"ดี! ฮ่าๆๆ! ร้านค้าของกู่ไห่ถูกปล้น ข้ามีความสุขยิ่ง" องค์รัชทายาทซ่งพูดด้วยสีหน้าอำมหิต
เนื่องจากลูกชายของเขา ซ่งเจิ้งซี เสียชีวิต ทำให้ความเกลียดชังขององค์รัชทายาทซ่ง พุ่งทะยานถึงจุดสูงสุด เมื่อได้ยินข่าวร้ายของกู่ไห่ จึงทำให้หัวใจที่หนักอึ้งขององค์รัชทายาท บรรเทาลง
"ฝ่าา นี่มิใช่เวลาที่จะมานั่งสบายใจพ่ะย่ะค่ะ" ผู้ช่วยที่ยืนอยู่ด้านหน้าพูดด้วยยิ้มขมขื่น
“เอ๋?” องค์รัชทายาทซ่งมองไปยังผู้ช่วยทั้งหลาย พร้อมขมวดคิ้ว
"ฝ่าา การที่ร้านของกู่ไห่ถูกปล้นและพังถล่ม เป็เื่ที่น่ายินดีอย่างยิ่ง แต่เื่นี้กลับซ่อนปัญหายุ่งเหยิงไว้เื้ั" ผู้ช่วยกล่าวพร้อมยิ้มขื่น
"ปัญหาใด?" องค์รัชทายาทซ่งถามเสียงเคร่ง
"คดีนี้ ควรตัดสินเช่นไรดีพ่ะย่ะค่ะ? ร้านเครื่องเงินกู่ซ่งซึ่งเป็ร้านค้าของกู่ไห่ ถูกคนปล้นเช่นนี้ เราควรลงโทษหรือให้รางวัลแก่ผู้ปล้นพ่ะย่ะค่ะ? สิ่งที่ชาวเมืองทำเป็สิ่งที่ถูกต้อง หรือผิดกันแน่พ่ะย่ะค่ะ?
ถ้าเราบอกว่าผิด พวกเขาก็จะบอกว่านี่เป็การแสดงความภักดีต่อบ้านเมือง เอ่อ!... อย่างน้อย ฉากหน้าก็อยู่บนความชอบธรรม ทำไปเพื่อบ้านเมือง ซึ่งการช่วยเหลือบ้านเมือง หาใช่ความผิดไม่ ไม่ว่าพวกเขาจะใช้วิธีใดก็ตาม!
แต่ถ้าเราบอกว่าราษฎรทำถูก นั่นก็ถือเป็การละเมิดกฎหมาย แคว้นซ่งเรามีระเบียบบังคับเข้มงวดยิ่ง ไม่ว่าฝ่ายที่โดนปล้นจะเป็ผู้ใด แต่ก็ยังถือว่าเป็การปล้นอยู่ดีพ่ะย่ะค่ะ
การปล้นมีโทษตามกฎหมาย ไม่สามารถเพิกเฉยต่อข้อบังคับของแคว้นได้ กฎหมายเป็สิ่งสำคัญต่อแผ่นดิน ไม่อาจแตะต้อง กฎระเบียบข้อบังคับ ถือเป็รากฐานในการปกครองประชาชน การเหยียบย่ำกฎหมาย ก็เท่ากับเหยียบย่ำพระราชอำนาจขององค์ฮ่องเต้พ่ะย่ะค่ะ” ผู้ช่วยคนหนึ่งอธิบาย
"ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท หากเราบอกว่าชาวเมืองผิด พวกเขาก็จะบอกว่าทำไปเพื่อช่วยบ้านเมือง
หากเราบอกว่าชาวเมืองถูก ก็จะเป็การเหยียบย่ำกฎหมาย พวกเขาถูกหรือผิด ควรได้รับรางวัลหรือถูกลงโทษกันแน่พ่ะย่ะค่ะ?
กระหม่อมคิดว่า เวลานี้กลุ่มขุนนางคงกำลังปวดหัวกันอยู่เป็แน่ และราษฎรเมืองซ่งเฉิงเอง ก็กำลังรอการตัดสินในเช้าวันพรุ่งนี้พ่ะย่ะค่ะ" ผู้ช่วยอีกคนกล่าว พร้อมฝืนยิ้ม
องค์รัชทายาทซ่งอ้าปากค้าง ด้วยความประหลาดใจไปชั่วขณะ ชาวเมืองถูกหรือผิด? สิ่งนี้ต้องให้ขุนนางเป็ผู้ตัดสิน แต่พวกเขาคิดอย่างไรกับเื่นี้ล่ะ?
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ นี่เป็ปัญหาที่ยุ่งยากยิ่ง
"หากเหล่าขุนนางยึดร้านเครื่องเงินกู่ซ่งั้แ่แรก ก็คงไม่มีปัญหามากมายเช่นนี้" องค์รัชทายาทซ่งยิ้มฝืดเฝื่อน
"ไม่พ่ะย่ะค่ะ! องค์รัชทายาท ทั้งสองแคว้นทำา ไม่อาจสังหารราชทูต ร้านค้าของกู่ไห่ก็เช่นกัน เราไม่มีหลักฐานเพียงพอ ที่จะพิสูจน์ ว่าพวกเขาเป็อันตรายต่อแคว้นซ่งของเราพ่ะย่ะค่ะ จึงไม่อาจยึดร้านนั้นได้ มิฉะนั้น จะทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ พวกพ่อค้าจะไม่กล้ามาทำการค้ากับเราพ่ะย่ะค่ะ
นอกจากนี้ยังมีร้านค้าของกู่ไห่อีกเป็จำนวนมาก หากยึดทั้งหมด เกรงว่าเศรษฐกิจของแคว้น จะตกอยู่ในความยุ่งเหยิง ทำให้ปวงราษฎร์ไม่อาจซื้อหาข้าวของได้อย่างสะดวก ซึ่งจะนำไปสู่การลุกฮือครั้งใหญ่
อีกอย่าง การกระจายข่าวเกี่ยวกับชั่วร้ายของกู่ไห่นั้น เป็เพียงการป้องกันแผนร้ายของกู่ไห่ ทำให้ชาวประชาเกลียดกู่ไห่ แต่มิได้กลัว ทว่า หากเรากวาดล้างร้านค้าของเขาจนหมด เป็ไปได้ว่า จะเกิดความเสียหายต่อแคว้น และทำให้ประชาชนแตกตื่นพ่ะย่ะค่ะ"
องค์รัชทายาทซ่งปรากฏสีหน้าแปลกๆ
“บางทีฮ่องเต้ก็ทรงเคย้าจะยึดร้านกู่ซ่ง หรือบางทีอาจกำลังเตรียมที่จะทำบางอย่าง เพื่อกำจัดอันตรายที่ซ่อนอยู่ก็เป็ได้พ่ะย่ะค่ะ แม้ว่าอาจจะนำมาซึ่งความสูญเสีย แต่ก็ยังอยู่ในการควบคุมของเรา
อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุด เราก็ช้าไปหนึ่งก้าว เพราะชาวเมืองบุกปล้นร้านกู่ไห่เสียก่อน ด้วยเหตุนี้ สถานการณ์จึงยิ่งซับซ้อนมากขึ้น
ผู้คนที่ปล้นร้านกู่ซ่งในวันนี้ ควรถูกตัดสินอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ? พวกเขาควรได้รับรางวัล หรือถูกลงโทษพ่ะย่ะค่ะ?" ผู้ช่วยยิ้มเจื่อน
องค์รัชทายาทซ่งนิ่งงัน
ห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง เดิมที นี่เป็เื่น่ายินดี แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็ยุ่งยากขึ้นมา
“ฝ่าา”
"ว่าอย่างไร?" องค์รัชทายาทซ่งถามเสียงเคร่ง
“นายท่านเถียน มาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” ข้ารับใช้กล่าวรายงานอย่างนอบน้อม
“ท่านเถียนหรือ? เถียนฮั่น? พ่อค้าผู้นั้น?”
"เถียนฮั่นผู้นี้หลักแหลมยิ่ง แต่น่าเสียดาย ที่เขาสนใจแต่ความมั่งคั่งร่ำรวย แม้จะมอบทรัพย์สิน ช่วยเหลือองค์รัชทายาทมากมาย แต่กลับไม่เคยสอดมือเข้ามายุ่งเกี่ยว กับเื่ในตำหนักองค์รัชทายาทเลย"
“ไม่ยุ่งก็ดีแล้ว เื่ขององค์รัชทายาท ใช่เื่ที่พ่อค้าผู้หนึ่งจะสอดมือหรือ?”
ขณะที่เหล่าผู้ช่วยกระซิบกัน องค์รัชทายาทซ่งก็ได้สั่งให้คนไปเชิญเถียนฮั่นเข้ามา
"ถวายพระพรองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ คารวะใต้เท้าทุกท่านขอรับ" เถียนฮั่น หรือแท้จริงแล้วคือกู่ฮั่น กล่าวด้วยรอยยิ้ม
"ท่านเถียนไม่ต้องมากพิธี" องค์รัชทายาทซ่งยิ้มขณะกล่าว
กลุ่มผู้ช่วยยิ้มเล็กน้อย อย่างไรก็ตามกู่ฮั่นไม่เคยแทรกแซงเื่ภายในขององค์รัชทายาท ดังนั้นจึงมิได้มีความขัดแย้งด้านผลประโยชน์ใดๆ กับทุกคน
“ท่านเถียนมาถึงนี่ มีสิ่งใดหรือ?” องค์รัชทายาทซ่ง ถามอย่างใคร่รู้
กู่ฮั่นยิ้ม พูดว่า "องค์รัชทายาทน่าจะทรงทราบเื่ของร้านกูซ่งแล้ว"
“หือ?” ทุกคนพลันแสดงสีหน้าใ
“ท่านเถียนมาเพราะเื่นี้ อย่างนั้นหรือ?” องค์รัชทายาทซ่งขมวดคิ้ว
“ผู้แซ่เถียนมิกล้าสอดมือยุ่งเกี่ยวกับเื่นี้ ข้าไร้ความสามารถ เป็เพียงพ่อค้าผู้หนึ่ง มิอาจช่วยแบ่งเบาภาระของฝ่าาได้
ครานี้ที่มา ก็เพื่อนำข้อคิดเห็นมากราบทูลพ่ะย่ะค่ะ บางทีสิ่งที่กระหม่อมมองในฐานะประชาชนธรรมดา อาจต่างไปจากสิ่งที่ฝ่าาและใต้เท้าเห็นพ่ะย่ะค่ะ ซึ่งทุกท่านอาจนำมันไปใช้อ้างอิงได้" กู่ฮั่นกล่าวอย่างนอบน้อม
“หือ?” ทุกคนจ้องกู่ฮั่นด้วยความสงสัย
...
วันรุ่งขึ้น
ณ ท้องพระโรง เมืองหลวงซ่งเฉิง
ฮ่องเต้ซ่งประทับบนบัลลังก์ั ทอดสายตามองขุนนางกลุ่มหนึ่ง ที่คล้ายจะเพิ่งผ่านการทะเลาะกันอย่างรุนแรง หลายคนยังคงมีใบหน้าแดงก่ำ บัดนี้ พวกเขากำลังมององค์รัชทายาท ซึ่งอยู่กลางโถง
“เสด็จพ่อ และขุนนางทุกท่าน ข้าได้หารือกันอยู่นาน ว่าชาวเมืองทำถูกหรือผิด การที่ผู้คนปล้นร้านกู่ซ่ง ถือเป็การเหยียบย่ำกฎหมาย
แต่ที่ชาวบ้านไปปล้นร้านค้าของกู่ไห่นั้น ก็เป็เพราะข่าวชวนเชื่อก่อนหน้านี้ ที่กล่าวว่ากู่ไห่ชั่วร้าย ปวงประชาก็แค่้าตัดปีกปีศาจ เพื่อผดุงความยุติธรรมเท่านั้น
ทุกคนต่างมีความคิดของตัวเอง เปิ่นกงไร้สามารถ เพียง้านำเสนอมุมมองของตัวเองเท่านั้น" องค์รัชทายาทซ่งกล่าว น้ำเสียงจริงจัง
"ฝ่าา เชิญตรัส" ราชครูผางซึ่งยืนอยู่แถวทางซ้าย กล่าวเสียงเคร่ง
ฮ่องเต้จ้องมององค์รัชทายาท
องค์รัชทายาทพยักหน้า เอ่ยว่า "เสด็จพ่อ และขุนนางทุกท่าน หากตัดสินให้ประชาชนผิด และมีโทษฐานปล้นชิง มหาเสนาบดีหลิว ก่อนหน้านี้ที่ท่านกล่าวค่อนข้างรุนแรง เช่นนั้นข้าขอถาม หากให้ชาวเมืองมีความผิดตามที่ท่านกล่าวมา เช่นนั้นเราจะจัดการกับพวกเขาอย่างไร?"
ขุนนางเฒ่าที่ยืนแถวทางขวาผู้หนึ่ง ก้าวออกมาข้างหน้า
"ให้พวกเขาคืนสิ่งที่ขโมยไปในวันนั้น และลงโทษเล็กน้อยเพื่อเป็การตักเตือนพ่ะย่ะค่ะ" มหาเสนาบดีหลิวตอบ น้ำเสียงเคร่งขรึม
“ชาวเมืองจะเต็มใจคืนหรือ? ข้าคิดว่า โดยพื้นฐานแล้วทุกคนคงไม่เต็มใจทำเช่นนั้นแน่ อีกทั้ง เราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครขโมย และขโมยสิ่งใดไป นี่ยากที่จะตรวจสอบให้แน่ชัด หรือท่านจะไล่ล่าหาทั่วเมือง
กองทัพซ่งแปดแสนคนของเรา พึ่งพ่ายแพ้เพราะกู่ไห่ เวลานี้ท่านกลับ้าจะช่วยตามหาของคืนเขาหรือ? เช่นนั้นประชาราษฏร์จะคิดอย่างไรกับเื่นี้?"
"เรายึดของเ่าั้มา แต่จะไม่คืนให้แก่กู่ไห่" เสนาบดีหลิวกล่าวพร้อมขมวดคิ้ว
"ไม่คืนให้กู่ไห่ เช่นนั้นก็คงเก็บเข้าท้องพระคลัง แล้วการหักหาญยึดของมาเช่นนี้ สุดท้ายแล้วจะเกิดผลกระทบใด? หรือเราจะต้องต่อสู้กับชาวบ้าน เพราะของที่ถูกขโมย? หรือแคว้นต้องเป็ศัตรูกับราษฎรของตัวเอง?
ท่าน้าจะแบ่งแยกขุนนางออกจากประชาชนหรือ? หรือท่านมีสิ่งใดจะค้าน?" องค์รัชทายาทยิ้มเยาะ
"หา? กระหม่อมมิได้หมายความเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ!" มหาเสนาบดีหลิวส่ายหน้าทันที
"ประชาราษฏร์ขโมยของของกู่ไห่ หากเราเหล่าขุนนางตัดสินให้ยึดของพวกนั้นกลับคืนมา ก็ไม่มีวิธีจัดการทรัพย์สินเ่าั้อยู่ดี
จะส่งคืนกู่ไห่ก็มิได้ จะเก็บทรัพย์สินเ่าั้ไว้ ก็มิได้เช่นกัน ไม่ว่าทางใด ล้วนทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
เราได้กระจ่ายข่าวความชั่วร้ายของกู่ไห่ ออกไปก่อนหน้านี้ จึงไม่อาจเปลี่ยนจุดยืนไปเข้าข้างกู่ไห่ และช่วยเขาตามหาของมาคืนได้
ที่สำคัญ เมื่อความโกรธของผู้คนพุ่งถึงขีดสุด เราก็ไม่สามารถทำลายความเกลียดชังของพวกเขา ที่มีต่อกู่ไห่ได้"
"ประชาราษฎร์ทำไป เพียงเพราะความเกลียดชังที่มีต่อกู่ไห่ แน่นอนว่า มีบางคน้าจับปลาในน้ำขุ่น แต่ก็เพราะพวกเขาถูกกระตุ้นด้วยความเกลียดชังที่มีต่อกู่ไห่
เมื่อเป็เช่นนี้ แสดงว่าการกระจายข่าวของเราก่อนหน้านี้ ได้ผลยิ่ง อย่างน้อยที่สุด ก็สามารถหยุดแผนร้ายของกู่ไห่ได้ ป้องกันมิให้เขาใช้ประโยชน์จากชาวบ้านได้อีก ทำให้มั่นใจได้ว่า ทุกคนจะไม่หลงกลกู่ไห่" องค์รัชทายาทซ่งตรัส น้ำเสียงหนักแน่น
"ความหมายของฝ่าา คือเราไม่อาจลงโทษราษฎรได้หรือพ่ะย่ะค่ะ?" มหาเสนาบดีหลิวขมวดคิ้ว
"ถูกต้อง! เพราะ้าเด็ดปีกกู่ไห่ นั่นเป็เหตุผล ว่าเหตุใดผู้คนถึงไปที่ร้านเครื่องเงินกู่ซ่ง เราย่อมไม่อาจลงโทษพวกเขาได้" องค์รัชทายาทซ่งตอบ
"มิอาจลงโทษได้? แต่นี่เป็การเหยียบย่ำกฎหมาย หรือพระองค์จะประทานรางวัลแก่พวกเขาพ่ะย่ะค่ะ? กฎหมายแคว้นซ่งเราศักดิ์สิทธิ์ มิอาจละเมิดได้ ไม่ว่าจะเป็ผู้ใดก็ตาม
มิเช่นนั้น กฎหมายจะเสื่อมอำนาจ ประชาชนก็จะไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา แคว้นซ่งของเราก็จะก้าวเข้าสู่หนทางแห่งการล่มสลาย!" มหาเสนาบดีหลิวกล่าวอย่างกังวล
"มหาเสนาบดีหลิว ท่านคิดมากไปแล้ว นี่คือสิ่งที่ข้ากำลังจะกล่าวถึงพอดี กฎหมายนั้นไร้ชีวิต ขณะที่คนเรามีเืเนื้อ ครั้งนี้ถือเป็กรณีพิเศษ ดังนั้น เราควรแยกออกมาตัดสินต่างหาก" องค์รัชทายาทกล่าวด้วยรอยยิ้ม
"หือ? แยกออกมาตัดสิน? แยกอย่างไร?" ฮ่องเต้ถามอย่างสงสัย
"เสด็จพ่อ ลูกคิดว่าเวลานี้ สถานการณ์ของเราค่อนข้างยุ่งเหยิง วุ่นวาย และมีปัญหา การที่กฎหมายและความภักดีต่อแผ่นดิน ขัดแย้งกัน ทั้งหมดล้วนเป็เพราะแผนร้ายของกู่ไห่ จะเป็อย่างไร? หากเราตัดกู่ไห่ออกจากกฎหมายแคว้นซ่ง?” องค์รัชทายาทกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เอ๋?” ทุกคนขมวดคิ้ว มององค์รัชทายาทซ่ง
“ผู้ที่เป็อันตรายต่อแผ่นดินเช่นนี้ เหตุใดต้องไปใยดีด้วย? เหตุใดกฎหมายของแคว้นเรา ต้องไปปกป้องร้านค้าของกู่ไห่?
ลูกคิดว่าสิ่งที่ปวงประชาทำนั้น เป็สิ่งที่ถูกที่ควรแล้วพ่ะย่ะค่ะ ขณะที่เรายังวางแผนยึดร้านค้าของกู่ไห่กันอยู่นั้น ชาวบ้านผู้รักชาติก็ได้นำหน้าไปก้าวหนึ่ง และเริ่มลงมือก่อนแล้ว
นั่นเพราะพวกเขาเชื่อว่า ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับกู่ไห่นั้น เป็อันตรายต่อแคว้น ชาวประชามีใจรักแผ่นดิน เราจะทำลายน้ำใจปวงราษฎร์ได้อย่างไร?
เราควรสนับสนุน เกื้อหนุนความภักดีของประชาชน เพราะหากพวกเขามั่นคงจงรัก แผ่นดินก็จะแข็งแกร่ง
เมื่อราษฎรทำเพื่อแผ่นดิน จะปล่อยผ่านมิได้เชียวหรือ?” องค์รัชทายาทกล่าว
“เอ๊ะ?” เหล่าขุนนางขมวดคิ้ว อย่างใช้ความคิด
"ก่อนหน้านี้ เราได้กระจายข่าวเื่ความชั่วร้ายของกู่ไห่ออกไปมากมาย จึงได้เกิดเหตุการณ์ต่อต้านกู่ไห้ขึ้นเมื่อวานนี้
ตอนนี้ หากเราลงโทษคนที่ต่อต้านกู่ไห่ เช่นนั้น ข่าวลือก่อนหน้านี้คือสิ่งใดกัน? เป็เื่ตลกหรือ? แล้วข่าวชวนเชื่อนั่นล่ะ? เป็เื่ล้อเล่นเช่นนั้นหรือ? ชาติมิอาจอยู่ได้ หากปราศจากความไว้วางใจจากปวงประชา เกียรติของแผ่นดินมิอาจถูกดูิ่ได้" องค์รัชทายาทซ่งเอ่ยเสียงดัง และชัดเจน
ฮ่องเต้ซึ่งประทับบนบัลลังก์ัหรี่ตาลง และพยักหน้า
"องค์รัชทายาท พระองค์ทรงหมายความว่า เราไม่เพียงแต่ไม่ลงโทษพวกเขา ยังควรให้รางวัลด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ? ให้รางวัล เพราะพวกเขาไปปล้นชิง เช่นนั้นหรือ!?" สีหน้าของเสนาบดีหลิวดูย่ำแย่ในทันที
"เราไม่จำเป็ต้องให้รางวัลก็ได้ เพียงแต่ต้องชมเชยด้วยวาจา!" องค์รัชทายาทซ่งกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“แต่… แต่องค์รัชทายาทก็ทรงทราบดีนี่พ่ะย่ะค่ะ ว่าเวลานี้ราษฎรนับไม่ถ้วน กำลังรออย่างใจจดใจจ่ออยู่ด้านนอก เมื่อคำตัดสินออกมาแล้ว ก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลง
หากให้อภัยพวกเขา ทั้งยังเอ่ยวาจาชมเชย เชื่อหรือไม่ ว่าในวันพรุ่งนี้ ร้านอื่นๆ ของกู่ไห่ในแคว้นเรา ก็จะถูกปล้นอีก?” เสนาบดีหลิวขมวดคิ้ว ด้วยความวิตก
"อ่า เสนาบดีหลิว เหตุใดท่านถึงกังวลเกี่ยวกับเื่ของกู่ไห่นัก?" องค์รัชทายาทซ่งกล่าวเสียงเย็น
"กังวล? กระหม่อมกังวลสิ่งใดหรือพ่ะย่ะค่ะ! กิจการของกู๋ไห่นั้นมีมากมายเพียงใด? พระองค์มิทรงทราบหรือ ว่าเขาร่ำรวยเพียงไหน? และเหตุไฉน ราชสำนักจึงไม่อาจยึดพวกมันได้? เพราะนี่ถือเป็การปล้นชิงอย่างไรล่ะพ่ะย่ะค่ะ นอกจากนี้ยัง...” เสนาบดีหลิวกล่าวอย่างกลัดกลุ้ม
องค์รัชทายาทซ่งยกยิ้มอย่างดูแคลน ขณะส่ายหน้า พลางพูด "ข้ารู้ว่าเขาร่ำรวยมั่งคั่งยิ่ง ไม่ว่าผู้ใด ต่างพากันอิจฉาริษยา รู้ว่ากิจการเขามีมากมายเพียงใด ข้าเองก็รู้สึกอิจฉา และอยากได้ทรัพย์สมบัติเ่าั้เช่นกัน
แต่... เสนาบดีหลิว ท่านช่วยบอกข้าที ว่าสมบัติสำคัญกว่า หรือแคว้นซ่งสำคัญกว่า? "
“หือ?” ทุกคนในโถงใหญ่ ต่างรู้สึกเครียดขึง
"เสด็จพ่อ ทรัพย์สมบัติของกู่ไห่นั้น มีมากมายยิ่ง ผู้ใดล้วน้ามัน แต่เมื่อเทียบกับแผ่นดินซ่ง มันก็เป็แค่ฝุ่นผง ร้านเครื่องเงินกู่ซ่งเวลานี้ ได้ถูกปล้นไปแล้ว
หากประชาราษฎร์จะไปปล้นร้านค้าในเครือสกุลกู่อีก เช่นนั้นก็ปล่อยให้พวกเขาปล้นไปเสีย
ทว่า จะให้ทางราชสำนักยึดสิ่งที่ประชาชนปล้นมาได้ เช่นนั้น หากเกิดความขัดแย้งขึ้นล่ะ? จะสู้กับราษฎรหรือ? นอกจากนี้เราจะทำอย่างไรกับข่าวลือของกู่ไห่?” องค์รัชทายาทถาม ด้วยน้ำเสียงกดดัน
“แต่...” เสนาบดีหลิวเอ่ยขัดขึ้น ด้วยความหวาดวิตก
"เสด็จพ่อ ที่ชาวบ้านปล้นทรัพย์สินของกู่ไห่ นั่นเป็เพราะข่าวลือที่เราปล่อยออกไป นี่เป็ผลดีต่อแคว้น เราควรให้การสนับสนุน! ควรยกทรัพย์สินของกู่ไห่ให้กับผู้คนเ่าั้ เพื่อที่พวกเขาจะได้รู้สึกซาบซึ้ง และเชื่อมั่น
ขณะเดียวกัน ข่าวลือของเรา ก็จะน่าเชื่อถือมากขึ้น แม้ว่าทรัพย์สินของกู่ไห่จะมีมาก แต่แผ่นดินซ่งสำคัญกว่า
ลูกคิดว่าการต่อต้านกู่ไห่เมื่อวานนี้ ควรสนับสนุน มิใช่ลงโทษพ่ะย่ะค่ะ!" องค์รัชทายาทกล่าวกับฮ่องเต้ น้ำเสียงหนักแน่น
เหล่าขุนนางต่างกระซิบกัน
"กระหม่อมเห็นด้วยกับองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ แม้ว่าทรัพย์สมบัติจะมหาศาล แต่เมื่อเทียบกับใจภักดิ์ของปวงราษฎร์ ก็นับว่าคุ้มค่ายิ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ" ราชครูผางกล่าว
"กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ!"
"กระหม่อมก็เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ!"
เพียงไม่นาน เสียงส่วนใหญ่ในราชสำนัก ก็เอนไปฝั่งองค์รัชทายาท
ฮ่องเต้ซึ่งประทับบนบัลลังก์ั มองดูเหล่าขุนนาง ซึ่งเกือบทั้งหมด ให้การสนับสนุนองค์รัชทายาท ท้ายที่สุด ก็ทรงพยักหน้าเห็นด้วย
แท้จริงแล้ว การยึดทรัพย์สมบัติมหาศาลเ่าั้ มีประโยชน์อย่างไร? หากแคว้นซ่งถูกกู่ไห่ทำลาย ทรัพย์สินจะมีคุณค่าใด ทว่า ตราบเท่าที่แคว้นซ่งยังคงอยู่ ข้าก็สามารถมีทุกอย่างได้
"ทำตามที่องค์รัชทายาทเสนอ!" ฮ่องเต้ซ่งกล่าว
"ขอพระองค์ทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่นหมื่นปี!”
ผลประชุมของราชสำนัก ถูกถ่ายทอดออกไปอย่างรวดเร็ว
กู่ไห่และกู่ฮั่นซึ่งปริวิตก เกี่ยวกับการพิจารณาคดีของราชสำนัก ได้รับข่าวทันทีที่คำตัดสินออกมา
"พ่อบุญธรรม! นับว่าวิเศษยิ่ง! องค์รัชทายาทใช้คำพูดที่ข้าบอกเมื่อวาน กล่าวกับราชสำนัก และพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะให้รางวัลแก่ราษฎรซ่ง ซึ่งทำการประท้วงตระกูลกู่ของเรา... แคว้นซ่งได้ะโลงไปในเหวลึกหมื่นจั้งแล้วขอรับ!” กู่ฮั่นมองกู่ไห่อย่างมีความสุข
กู่ไห่ยกถ้วยชาขึ้นจิบ รอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปาก
----------------------------------------
[1] ไม้จินสื่อหนาน หรือ ไม้จินซือหนานมู่ หรือ ไม้ไหมทอง ซึ่งมีเนื้อไม้เงาวับเป็ประกาย เป็ไม้มงคลชั้นสูงตามความเชื่อของจีน นิยมนำมาทำเป็เครื่องดนตรี พระที่นั่งฮ่องเต้ เครื่องใช้ของเหล่าบรรดาขุนนาง และพระราชวัง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้