สวี่จือรู้ว่านั่นก็คือเจิ้งป๋อหยวน แต่เหตุใดเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ อีกทั้งยังเป็นายน้อยของร้านค้าหนานเป่ย?
เป็ร้านค้าที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเหอซี อีกทั้งยังเป็ร้านที่สวี่จือไปบ่อยๆ สวี่จือจึงสอบถามถึงสถานการณ์ร้านนั้นมา ว่าเ้าของร้านหนานเป่ยนั้นไม่ใช่คนเมืองหลวง แต่เป็คนของทางอวี๋หาง ได้ยินมาว่าเป็สหายเก่าแก่ของสกุลจาง บางครั้งกลุ่มพ่อค้าของพวกเขายังช่วยครอบครัวจางซื้อของกลับมาให้ครอบครัวสวี่เหรา
สวี่จือรู้สึกว่าเื่นี้ตนเองควรจะสอบถามแม่นมถึงจะดี ยังไม่พูดถึงร้านค้านี้ พูดถึงสถานการณ์ของจวนผิงซีโหวก่อน แม่นมลู่ที่อยู่คลุกคลีอยู่กับความวุ่นวายที่วังในเมืองหลวงมาหลายปี จะต้องรู้ถึงสถานการณ์ในจวนของพวกเขาเป็แน่
แม่นมลู่กำลังทำชุดผ้าฝ้ายให้สวี่จือกับสวี่ไป่อยู่ในห้องของตนเอง เด็กทั้งสองคนโตไวเกินไป ชุดผ้าฝ้ายเมื่อปีที่แล้ว ปีนี้ใส่ก็เล็กเกินไปเสียแล้ว เด็กครอบครัวอื่นๆ ไม่ทำชุดผ้าฝ้ายให้ออกมาใหญ่มากๆ ก็เติมผ้าตรงชายแขนเสื้อและขากางเกงทีละชิ้นๆ หลังจากต่อเข้าไปแล้วก็จะไม่มีข้อเท้ากับข้อมือโผล่ออกมา
แม่นมลู่ไม่ยอมให้เด็กๆ ของตนเองดูยากไร้เช่นนี้ จึงแทบจะทำชุดผ้าฝ้ายให้กับเด็กๆ ในบ้านทุกปี พอเห็นสวี่จือยกชาน้ำขิงเข้ามา ก็รีบวางเข็มในมือลง “เ้าออกไปเดินซื้อของกับไป่เกอไม่ใช่หรือ? เหตุใดครู่เดียวก็กลับมาแล้วล่ะ?”
สวี่จือยิ้มแล้วเอ่ย “ไป่เกออยากจะกินน้ำแกงกระดูกหมูไวๆ ซื้อของเสร็จก็กลับมาจะตุ๋นน้ำแกงให้ได้เลยเ้าค่ะ”
แม่นมลู่รับชาน้ำขิงไป “ข้ายังคิดว่าพวกเ้าจะเดินอยู่ด้านนอกนานกว่านี้ วันนี้แดดดีมากเสียด้วย”
สวี่จือมองแม่นมลู่ดื่มชาเข้าไป “แม่นม ตอนที่ข้าไปซื้อของที่ร้านค้าเจอกับคนคนหนึ่งเ้าค่ะ”
ได้ยินสวี่จือเปิดเื่ แม่นมก็วางแก้วชาในมือลง แล้วถามด้วยความสนใจ “อ้อ? เจอคนคนหนึ่ง? เป็คนแบบไหนกันหรือ?”
สวี่จือเรียบเรียงคำพูดสักครู่ “เป็บุรุษหนุ่มสิบสองสิบสามปี คือคนงานในร้านหนานเป่ยเรียกเขาว่าคุณชายเ้าของร้าน แต่ว่าข้าเห็นเขาเหมือนคนของจวนผิงซีโหวเ้าค่ะ”
แม่นมลู่ได้ยินแล้วก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว “คนที่เ้าพูดถึงข้ารู้แล้ว”
สวี่จือได้ยินแม่นมลู่บอกว่านางรู้ว่าคนผู้นี้คือใคร ดวงตากลมโตทั้งสองข้างก็จ้องไปยังแม่นมลู่ คนถูกจ้องเห็นท่าทางของสวี่จือก็หัวเราะแล้วถาม “คุณหนูเก้า เ้าเป็อันใดไปหรือ? อยากฟังขนาดนั้นเลยเชียว?”
สวี่จือพยักหน้า “แม่นม ข้ารู้สึกว่าคุณชายคนนั้นดูแล้วไม่ธรรมดามากๆ เลยเ้าค่ะ”
แม่นมลู่ฟังคำพูดของสวี่จือแล้วก็ถอนหายใจ “ไม่ธรรมดาแล้วจะทำอะไรได้กัน? เด็กที่ไม่มีมารดา อยากจะมีชื่อเสียงนั้นยากแสนยาก”
สวี่จือฟังแล้วก็ถามออกมาด้วยความใ “เขาไม่มีท่านแม่หรือเ้าคะ?”
แม่นมกล่าว “เื่นี้น่ะ หากจะพูดขึ้นมา ข้าก็เคยประสบมาจริงๆ นั่นแหละ ตอนสมัยฮ่องเต้องค์ก่อนยังอยู่ จวนผิงซีโหวนั้นโดดเด่นมาก ตอนนั้นจวนจิ้งเป่ยโหวยังไม่ได้โดดเด่น สกุลที่เฝ้าปกป้องชายแดนก็คือผิงซีโหว ซึ่งสกุลนี้ถึงขั้นพากองทัพไปโจมตีถึงวังของเป่ยตี้มาก่อน แต่น่าเสียดายที่ผิงซีโหวไม่มีคนสืบทอด ถึงได้มาถึงขั้นนี้ในปัจจุบัน”
แม่นมลู่เล่าต่อ“ตอนที่ฮ่องเต้องค์ก่อนครองราชย์ ผิงซีโหวเย่คนก่อนได้กำหนดคู่หมั้นให้กับผิงซีโหวเย่ในตอนนี้ คนที่จะหมั้นด้วยก็คือหลานสาวคนโตของครอบครัวใต้เท้าเฉินหงหลูซื่อชิง [1] พูดกันตามหลักเหตุผลแล้ว ทั้งสองบ้านนี้ไม่เหมาะสมกัน แต่ว่ามีคนรู้ว่า บรรพบุรุษเ้าสกุลเจิ้งอย่างผิงซีโหวกับเ้าสกุลเฉินเขาสนิทกันมาก สองครอบครัวได้สัญญาเื่การแต่งงานกันมาตลอด หลายปีก่อนเพราะว่ามีาจึงไม่สามารถจัดงานได้ จนผ่านมาหลายชั่วอายุคน พอดีกับที่ตอนนี้ผิงซีโหวเย่กับหลานสาวของใต้เท้าเฉินเหมาะสมกัน จึงได้จัดการกำหนดการแต่งงานให้”
สวี่จือเดาะลิ้นตอบ “ยุ่งยากมากเลยเ้าค่ะ สองครอบครัวสัญญาแต่งงานกันมานานแล้วเป็อะไรนี่ทำให้คนวุ่นวายที่สุด ผู้ใดจะไปรู้ว่าสองคนนี้จะเหมาะสมกันหรือไม่ ไม่เหมาะสมกันก็รั้นจะให้คบหากัน มันน่าทุกข์ใจมากเลยนะเ้าคะ หากหนึ่งในนั้นมีคนที่อยู่ในใจแล้ว ทั้งสองคนยังจะสามารถใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขได้หรือ?”
แม่นมลู่หัวเราะเหอะๆ “คุณหนูเก้าพูดได้ถูกต้องเลย แต่ว่าก็เพราะเหตุผลเช่นนี้ไม่ใช่หรือ? แม่นมเองก็รู้สึกว่าสัญญาแต่งงานเช่นนี้มันทำร้ายคนมากเลย หลังจากเฉินซื่อแต่งงานคลอดลูกชาย ผ่านไปอีกสองปีก็คลอดลูกสาว ตอนจะคลอดลูกสาว สรุปคลอดยากฝืนคลอดลูกสาวคนโตของผิงซีโหวเย่ออกมา ก่อนจะตายจากไป ผิงซีโหวเย่ไปที่ครอบครัวมารดา แล้วแต่งน้องสาวลูกอนุของเฉินซื่อเข้าสกุลมา บอกว่าให้มาดูแลเด็กทั้งสองคน”
สวี่จือทำสีหน้ารับรู้ ก่อนจะกล่าว “แม่นม ข้ารู้แล้วเ้าค่ะ ในเื่นี้หากจะบอกว่าไม่มีเื่ซ่อนเร้นอันใดข้าไม่เชื่อหรอก ข้าไม่เชื่อว่า ผิงซีโหวมีสาวใช้ตั้งมากมาย มีหรือที่จะดูแลลูกทั้งสองได้ไม่ดี หากยังไม่พอก็จ้างแม่นมมาเพิ่มอีกสองก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ? เอาน้องสาวอนุของฮูหยินแต่งเข้าสกุลมา บอกว่าจะให้ดูแลบุตรทั้งสองคน น้องสาวอนุคนนี้ก็ไม่เคยคลอดลูกสักคน จะไปรู้วิธีดูแลเด็กได้อย่างไรกันเ้าคะ?”
แม่นมลู่ไม่คิดว่าสวี่จือที่อายุน้อยแค่นี้ก็สามารถคิดเช่นนี้ได้ เดิมทีเด็กหญิงก็ใช้ชีวิตมานั้นไม่ง่าย หลังจากแต่งงานไปแล้วก็ต้องเผชิญหน้ากับเื่ราวมากมาย ผู้ใดจะรู้ว่าจะมีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้นกัน? ในครอบครัวใหญ่ๆ เื่ลับๆ มากมายขอแค่เ้าคิดไม่ถึง ก็เป็เื่ดีของคนฉลาดหลายคน
แม่นมลู่หัวเราะแล้วกล่าว “คุณหนูเก้าสามารถคิดได้เช่นนี้ก็ดีมากเลย สตรีที่ไม่เคยแต่งงานมาก่อน จะไปรู้วิธีการเลี้ยงเด็กได้อย่างไร แต่ว่าผิงซีโหวเย่ไปขอถึงในเรือนพ่อสามี บวกกันตอนนั้นใต้เท้าเฉินก็ได้ลาออกจากราชการแล้ว สกุลเฉินกับจวนผิงซีโหวจึงมีระดับที่ยิ่งห่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ คนควบคุมสกุลเฉินรู้สึกว่าสามารถแต่งงานใหม่กับจวนผิงซีโหวได้ก็เป็เื่ดี จึงยินยอมกับคำขอของผิงซีโหวเย่”
สวี่จือพองแก้ม ได้ยินแม่นมลู่พูดถึงตรงนี้ก็ถอนหายใจ “มีแม่เลี้ยงพ่อก็จะมีภรรยาใหม่ ยิ่งแต่งเข้ามาอีกทั้งยังเป็น้องสาวบุตรอนุของมารดาตัวเองอีก”
พี่สาวบุตรภรรยาเอกน้องสาวบุตรอนุอะไรพวกนี้ เบื้องหน้าหลายคนมองดูแล้วพี่สาวน้องสาวมีความสัมพันธ์ที่รักใคร่กันแน่นแฟ้น เื้ัเป็อย่างไรมีแต่คนที่อยู่ในเื่นี้เท่านั้นที่จะรู้ ถึงแม้ราชวงศ์ต้าเหลียงจะไม่ได้แบ่งแยกลูกเอกลูกอนุอย่างชัดเจน แต่ว่าความสัมพันธ์เกี่ยวพันกันจริงๆ มีอยู่แค่ไม่เท่าไหร่ ไม่เห็นที่ฮูหยินผู้เฒ่าอนุญาตให้บุรุษอายุสี่สิบปีหากยังไม่มีลูกสามารถให้บุตรอนุเกิดมาได้เขียนลงในกฎตระกูลหรือ?
แม่นมลู่พยักหน้า “เ้ายังสามารถเข้าใจหรือนี่ แล้วคนอื่นล่ะ? สกุลเฉินหลังจากใต้เท้าเฉินออกจากราชการ ลูกหลานสองรุ่นของสกุลเฉินไม่มีใครเลยที่เรียนหนังสือ กลับเป็พี่ชายคนโตของเฉินซื่อที่เก่งเื่การค้าขาย หลังจากพึ่งใต้เท้าเฉินเปิดร้านค้าขายเป็ของตัวเองขึ้นมา ทั้งยังช่วยจัดการสินเดิมให้กับน้องสาวตัวเองได้อย่างดี แล้วเด็กหนุ่มคนนั้นที่เ้าเจอที่ร้านค้าคนนั้น ข้าเดาว่าคงจะเป็บุตรชายคนโตของภรรยาเอกผิงซีโหว หลังจากผิงซีโหวเย่แต่งงานใหม่ หลายปีแรกก็ไม่ให้ภรรยาใหม่มีลูก อีกทั้งสกุลเฉินก็เป็คนจัดการปิดผนึกสินเดิมของเฉินซื่อเอาไว้ ร้านค้า สวนในสินเดิมก็ส่งให้คนของสกุลเฉินจัดการ”
สวี่จือพยักหน้า “โชคดีที่สกุลเฉินนั้นเป็คนที่เข้าใจอะไรง่าย ขอแค่ในมือมีของพวกนี้อยู่ ต่อไปเด็กสองคนนั้นก็ถือว่ามีที่คุ้มกันแล้ว”
แม่นมลู่ถอนหายใจ “มันจะง่ายอย่างที่เ้าพูดที่ไหนกัน เด็กสองคนไม่มีความสามารถในการป้องกันตัวอะไร แต่กลับมีเงินจำนวนมาก นี่ก็เป็เป้าหมายที่หลายคน้าไม่ใช่หรือ? หลังจากผิงซีโหวเย่แต่งงานใหม่ เื่ราวในจวนก็ถูกเปิดเผยออกมาด้านนอกน้อยมาก ก็เพราะว่าภรรยาใหม่ของผิงซีโหวเย่มีความสามารถ ถึงได้ควบคุมจวนโหวที่ใหญ่ขนาดนั้นไว้ในกำมือได้ นายท่านของสกุลเฉินเพิ่งตายจากไปเมื่อสองปีก่อน เ้าว่าตอนนี้บิดาของเฉินซื่อจะไม่เอนเอียงไปทางลูกอนุของตัวเองหรือ?”
สวี่จือพยักหน้า “นั่นก็แน่นอนอยู่แล้วเ้าค่ะ ตอนนี้สกุลเฉินไม่มีคนที่มีความสามารถก็ต้องพึ่งผิงซีโหว บุตรสาวอนุของเขาเป็คุณนายของจวนผิงซีโหว เขาก็ต้องเอนเอียงไปที่อนุที่คลอดลูกอนุออกมาอยู่แล้ว”
แม่นมลู่กล่าว “หากพูดขึ้นมาจริงๆ ครอบครัวมารดาของเฉินซื่อกับครอบครัวมารดาของมารดาเ้าตอนนั้นก็เป็เพื่อนบ้านกัน แม่ของเ้ากับเฉินซื่อคิดว่าคงเคยเจอหน้ากัน ไม่เช่นนั้นกลุ่มพ่อค้าของสกุลเฉินจะสามารถช่วยพวกเราซื้อของจากทางใต้ส่งมาที่นี่บ่อยๆ ได้หรือ?”
สวี่จือหัวเราะก่อนจะกล่าว “แม่นม ท่านนี่เก่งจริงๆ เ้าค่ะ ไม่ว่าจะถามอะไรท่านก็รู้ไปหมดทุกเื่เลย”
แม่นมลู่หัวเราะก่อนจะบอก “ตอนนั้นข้าคอยดูแลไทเฮาองค์ก่อน ต่อมาก็ออกมาจากวัง แล้วก็ไปสอนกฎระเบียบไปให้กับลูกสาวในหลายครอบครัว เรือนหลังเป็ที่ที่สอบถามเื่ราวได้ดีที่สุดเลยนะ”
สวี่จือพยักหน้า “แม่นม เช่นนั้นท่านว่า คุณชายใหญ่ของผิงซีโหวเหตุใดถึงต้องมาที่เหอซีล่ะเ้าคะ? ถึงแม้ที่เหอซีจะมีร้านของพวกเขา เขาที่เป็คุณชายใหญ่ของจวนผิงซีโหว อีกทั้งยังเป็บุตรที่เกิดจากภรรยาเอก ก็ไม่มีความจำเป็ที่จะมาอยู่ในที่ไกลขนาดนี้นี่เ้าคะ อีกทั้งข้าได้ยินมาว่า เขามาที่นี่ได้สามเดือนแล้ว ไม่ใช่เขาไม่อยากไป แต่คนอื่นไม่ยอมให้เขาไปเ้าค่ะ”
แม่นมลู่กล่าว “เช่นนั้นก็คงจะเกิดเื่อะไรขึ้น ในบ้านหลังใหญ่ เื่บางเื่ถึงแม้จะไม่ได้ใช้มีด แต่ก็สามารถบีบให้คนตายได้จริงๆ”
สวี่จือครุ่นคิดก่อนจะเอ่ย “แม่นม ผิงซีโหวเย่ไม่ได้แต่งตั้งซื่อจื่อมาตลอด พูดกันตามหลักเหตุผลแล้ว ลูกชายคนโตของพวกเขาก็เป็บุตรชายของภรรยาเอกนะเ้าค่ะ”
แม่นมลู่บอก “แต่งตั้งซื่อจื่อเป็เื่ของจวนโหวเอง ขอแค่ไปขอพระราชทานด้วยตนเอง ฮ่องเต้ก็จะแต่งตั้งตำแหน่งซื่อจื่อให้ แต่ที่ไม่ได้แต่งตั้งซื่อจื่อก็เพราะว่าไม่มีพระราชทานพระราชโองการ จวนผิงซีโหวไม่มีพระราชโองการมาตลอด แต่ก่อนเพราะลูกของเฉินซื่อยังเด็กอยู่ ผิงซีโหวเย่จึงให้เหตุผลว่าลูกยังเล็ก กลัวว่าจะแต่งตั้งไม่ได้ ต่อมาเพราะว่าน้องของเฉินซื่อคลอดลูกออกมา ทั้งยังเป็ฝาแฝดด้วย เมืองหลวงที่กว้างใหญ่ของพวกเรา ครอบครัวจวนโหวมีมากมาย ฝาแฝดก็มี แต่แฝดชายหญิงนั้นหลายปีนี้ถือว่าเป็คู่แรก เพราะเหตุนี้ คนในเมืองหลวงต่างพูดว่าเสี่ยวเฉินซื่อคนนี้โชคดี”
สวี่จือฟังแล้วก็พยักหน้า “หากด้านในนี้ไม่มีเื่อะไร ข้าไม่เชื่อ แม่นม ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าที่ต้าเฉินซื่อคลอดยากก็เป็แผนเช่นกันเ้าค่ะ”
แม่นมลู่ถอนหายใจ “เื่นี้มันผ่านมาหลายปีแล้ว ผู้ใดจะไปพูดได้? เสี่ยวเฉินซื่อเองก็เป็คนเก่งกาจจริงๆ จัดการดูแลจวนผิงซีโหวโดยไม่มีเื่หลุดรอดออกมา อีกทั้งหลายปีมานี้เสี่ยวเฉินซื่อมีชื่อเสียงความเป็คนดีมีเมตตามาตลอด นิสัยก็อ่อนหวาน ทั้งยังรู้จักพูดจา เข้ากันได้ดีกับเหล่าคุณนายในจวนของคนอื่นมากมายมาตลอด”
สวี่จือถอนหายใจ “เื่ในอดีต ใครจะจำได้ตลอด แต่ปกติแล้วจำได้ก็ล้วนเป็เื่ของคนที่อยู่ใกล้ชิดมากๆ แต่เื่ที่สามารถทำให้คนสลักเอาไว้ทั้งชีวิต จะต้องเป็การสูญเสียของคนที่สำคัญมากๆ แต่เื่ในอดีตพวกนั้น ก็จะทำให้คนมากมายไม่สามารถลืมได้ แม่นมเ้าคะ ข้ารู้สึกว่าคุณชายใหญ่คนนี้เป็คนน่าสงสารจริงๆ เ้าค่ะ”
แม่นมลู่กล่าว “ใช่สิ ลูกที่ไม่มีแม่ เหตุใดจะไม่น่าสงสาร?”
คุยกับแม่นมลู่อยู่นาน อารมณ์ของสวี่จือเศร้าสร้อยมากพร้อมกับกลับไปในห้องของตัวเองที่อยู่ด้านหน้า
ดวงตาของสวี่ไป่มองสวี่จืออยู่ตลอด พอเห็นสวี่จือกลับมาแล้ว พร้อมสีหน้าทุกข์ใจอยู่นิดหน่อยก็เข้าไปหา หัวเราะฮี่ๆ พร้อมกล่าว “ท่างพี่ ท่างพี่ ข้าอยากกิงพลับแช่แข็ง พวกเยาไปเยือนหยังดูว่าพลับแช่แข็งที่ปี้จายเก็บอาวไว้ยังมีอยู่หยือไม่ ดีหรือไม่ขอยับ?”
สวี่จือกล่าว “เ้าสิ่งนั้นเย็นเกินไป เ้ากินเข้าไปไม่ดี อย่ากินเลย ฤดูใบไม้ร่วงข้าได้ตากดอกกุ้ยฮวาเอาไว้อยู่มากหน่อย พวกเราไปทำขนมกุ้ยฮวากันดีหรือไม่?”
เห็นสวี่จือเอาความคิดไปไว้กับการทำของกิน สวี่ไป่ถึงได้วางใจ ตามสวี่จือไปที่โรงครัวด้านหลัง
หลังจากเห็นคนที่ตัวเองจำเอาไว้ในใจมาตลอด สวี่จือก็คิดว่าจะหาเหตุผลอะไรไปเจออีก ผู้ใดจะคิดว่ายังไม่ทันได้หาเหตุผลอะไร ท่านลุงสามของสกุลจางก็มา อีกทั้งยังพาคนคนหนึ่งเข้าเรือนสกุลสวี่มาด้วย
ความจริงแล้วลุงสามสกุลจางมาในครั้งนี้กะทันหันไปเสียหน่อย ครอบครัวสกุลสวี่ต่างคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมากันในเวลานี้ เขาไม่เพียงจะเอาของขวัญที่ครอบครัวสกุลจางให้ ยังเอาเมล็ดที่ซื้อมาจากนอกแคว้น ไม่รู้ว่าเป็ของอะไร ทำได้แค่ปลูกออกมาแล้วถึงจะรู้ เมล็ดพวกนี้ทำให้สวี่ตี้รู้สึกตื่นเต้นมาก
หลังจากท่านลุงสามสกุลจางเจอกับครอบครัวสกุลสวี่ ก็ลากสวี่เหรากับจางจ้าวฉือเข้าไปในห้องหนังสือ ไม่รู้ว่าพูดอะไรกัน ต่อมาสวี่เหรากับจางจ้าวฉือก็ให้สวี่ตี้ไปจัดของในเรือนตัวเองห้องหนึ่ง เพราะว่าตอนนี้ยังอาศัยอยู่ในจวนแม่ทัพของเว่ยหลาง สวี่ตี้จึงพักอยู่ในเรือนเล็กๆ ข้างเรือนที่จางจ้าวฉือพักอาศัยอยู่ เขาพักอยู่ในห้องหลักของเรือน จึงเอาของออกมาจากห้องฝั่งตะวันออก
รอจนกระทั่งสวี่ตี้จัดห้องเสร็จแล้ว ท่านลุงสามสกุลจางก็อาศัยใน่มืดๆ พาคนคนหนึ่งมาที่จวนแม่ทัพ ตอนนี้เองที่สวี่จือถึงได้พบว่า ร่างผอมเล็กสวมผ้าคลุมมีหมวกคนนี้เป็คุณชายใหญ่ของจวนผิงซีโหวที่ตนเองเคยเจอในร้านค้าหนานเป่ย
หลังจากจัดที่อยู่ให้คุณชายใหญ่ของจวนผิงซีโหวเรียบร้อยแล้ว สวี่ตี้ก็ไปที่เรือนของพ่อกับแม่ตนเอง พร้อมถาม “ท่านพ่อ เกิดอะไรขึ้นกับคุณชายสกุลเจิ้ง? เหตุใดตอนนี้ถึงได้มาพักอยู่ในเรือนของพวกเราขอรับ?”
จางจ้าวฉือถอนหายใจ “เป็ท่านอาของคุณชายใหญ่สกุลเจิ้งมาขอลุงสามของเ้าน่ะสิ ลุงสามของเ้าทำอะไรไม่ได้ จึงส่งมาที่เรือนของพวกเรา”
สวี่ตี้เท้าคาง “เพราะเหตุใด จวนผิงซีโหวเป็จวนโหวที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงมาตลอดไม่ใช่หรือ? ตอนนี้เกิดเื่อันใดขึ้นขอรับ?”
สวี่เหรากล่าว “คุณชายใหญ่สกุลเจิ้งคงจะถูกคนลอบทำร้าย ตอนแรกเริ่มก็บอกว่าถูกผิงซีโหวเย่ส่งมาหลบซ่อนตัว ต่อมาไม่รู้ทำไมถึงได้เริ่มมีคนไล่ฆ่า สุดท้ายก็ไม่มีหนทางแล้วจริงๆ คิดได้ว่าที่นี่ยังมีร้านหนานเป่ยอยู่ คุณชายใหญ่สกุลเฉินถึงได้ส่งเขามาที่นี่ บอกว่าลูกของเขาไม่รู้ไปได้ยินข่าวมาจากไหน บอกว่าที่นี่ไม่รับประกันความปลอดภัย จึงมาขอร้องให้ข้ารับเขามาในบ้านพวกเรา เขาบอกว่าคนเหอซีต่างพูดกันว่า ผู้นำสวี่เป็ขุนนางที่ดี เป็คนที่ยินดีช่วยเหลือคน”
สวี่ตี้กลอกตามองบน “อีกฝ่ายเยินยอท่าน ท่านก็พาเขามาอยู่ในบ้านตัวเอง หากคนที่ไล่ฆ่าเขามาถึงในบ้านเราจะทำอย่างไร?”
สวี่เหราหัวเราะแล้วกล่าว “เช่นนั้นเ้าเองก็ดูถูกข้าสำหรับความสามารถในการควบคุมเมืองนี้เกินไปแล้ว พวกเราเป็เมืองป้องกันชายแดน สำหรับเมืองเช่นนี้แล้ว ทุกคนที่มาเมืองของพวกเรา ก็ต่างมีคุณค่าให้รักษาความปลอดภัยให้ชาวเมือง แค่พวกเขาเข้าเมืองมา ก็ต้องมีคนมาดูแลพวกเขาดีๆ”
สวี่ตี้ได้ยินแล้วก็หัวเราะแล้วเอ่ยออกมา “ท่านพ่อ ความคิดสำหรับการบ่มเพาะของท่านนี่ดีใช้ได้นะขอรับ”
สวี่เหราหัวเราะแล้วกล่าว “ครอบครัวของพวกเราเกี่ยวพันกับความเป็ตายของเมืองนี้ สิ่งที่ข้าทุ่มเทลงไปทุกคนก็เห็นอยู่ในสายตา ต่างรู้ว่าข้าทุ่มเทเพื่อที่นี่ไปมากเท่าไหร่ เ้าคิดว่าข้าจะได้รับการยอมรับจากประชาชนง่ายๆ ขนาดนี้หรือ? มันไม่ง่ายเลยนะ”
เชิงอรรถ
[1] หน่วยงานราชการ ในสมัยราชวงศ์ิและชิงดูแลเื่ระเบียบธรรมเนียมการประชุมการเข้าเฝ้าในท้องพระโรง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้