เซียวเฉินยิ้ม จากนั้นกลับที่นั่งของตนแล้วเอ่ยเรียบๆ “พวกเ้าไปได้แล้ว”
ทุกคนมีสีหน้าแปรเปลี่ยน
ส่วนเหลยอวิ๋นถิงและเหลยชิงโหรวมีสีหน้ากังวล เซียวเฉินบ้าเกินไปแล้ว หากท่านอาจับได้ พวกเขาต้องตายแน่
เหลยเหมี่ยวจับจ้องเซียวเฉินอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยปาก “พวกเรา ไป”
เหลยเผิงมีสีหน้าน่าเกลียด “หัวหน้าหมู่บ้าน แต่เขาฆ่าน้องชายของข้านะ”
เหลยเหมี่ยวมีสีหน้าอึมครึม
“ข้าบอกว่าให้ไป”
จากนั้นหันกายจากไป บรรดาผู้ที่ติดตามมาก็ไปด้วย เหลยเผิงมองเซียวเฉินด้วยสีหน้าอึมครึม เอ่ยว่า “ข้าไม่สนว่าเ้าเป็ใคร ในเมื่อเ้าฆ่าน้องชายของข้า ข้าจะไม่แล้วกันไปแค่นี้แน่ เ้าคอยดูเถอะ”
เซียวเฉินยิ้ม “น้อมสนองทุกเมื่อ”
“ฮึ!” เหลยเผิงสะบัดชายเสื้อแล้วจากไป
หลังจากทุกคนไปกันหมด เหลยอวิ๋นถิงและเหลยชิงโหรวก็เผยสีหน้าโล่งอก เมื่อครู่อีกนิดเดียวพวกเขาก็จะรับไม่ไหวแล้ว หากมิใช่เซียวเฉิน เกรงว่าพวกเขาคงจบสิ้นแล้ว
“เซียวเฉิน เ้ารู้หรือไม่ว่าเมื่อครู่ข้าใแทบตาย” เหลยชิงโหรวส่งเสียง ถึงตอนนี้นางก็ยังมีสีหน้าหวาดกลัวไม่หาย ใบหน้าเล็กๆ ซีดขาวและไม่สบายใจ
เซียวเฉินยิ้มกล่าว “วางใจเถอะ ครั้งนี้พวกเราแค่ผ่านด่านชั่วคราวเท่านั้น แต่ต่อไปพวกเ้าสองคนต้องระวังเหลยเผิงไว้ให้ดี ข้าสังหารน้องชายของเขา คาดว่าเขาคงไม่ยอมเลิกราง่ายๆ แน่”
“อืม” ทั้งสองคนพยักหน้าซ้ำๆ
“อวิ๋นถิง ข้า้าให้เ้ารีบยกระดับความสามารถขึ้นเป็ขั้นแรกกำเนิดโดยเร็ว มีเพียงวิธีนี้ที่จะทำให้เ้าใช้อานุภาพของเคล็ดวิชาอัสนีคลั่งได้” เอ่ยถึงตรงนี้ เซียวเฉินก็นำผลึกสัตว์เล็กน้อยและสมุนไพริญญาขั้นหกจำนวนห้าต้นออกมาจากแหวนเก็บของแล้วมอบให้เหลยอวิ๋นถิง
“เ้านำสิ่งเหล่านี้ไว้ใช้ฝึกวิชา หากไม่พอก็ให้มาเอาที่ข้า”
เซียวเฉินยิ้มกล่าว ตอนนี้เขาไม่มีอะไรเลย แต่มีผลึกสัตว์และสมุนไพริญญาถมเถไป เขาย่อมไม่ใส่ใจเื่นี้ ถึงอย่างไร ตอนเขาทะลวงด่านครั้งหนึ่งก็ต้องใช้ผลึกเสวียนนับพันก้อน
“อืม เช่นนั้น ข้าไม่เกรงใจล่ะ” เหลยอวิ๋นถิงยิ้ม
เซียวเฉินมองเหลยชิงโหรวอีกครั้งแล้วเอ่ยว่า “สำหรับชิงโหรว ่นี้ข้าจะหาเคล็ดวิชาที่เหมาะสม จากนั้นถ่ายทอดให้แก่เ้า พวกเ้าสองคนต้องรีบเข้าสู่ขั้นเสวียนฟ้าก่อนที่ข้าจะไปจากที่นี่”
คนทั้งสองมีสีหน้าใสุดขีด
ขั้นเสวียนฟ้า!
นั่นเป็ระดับขั้นที่พวกเขาแค่คิดก็ยังไม่กล้า ในหมู่บ้านเหลยถิง ด้วยฐานะของพวกเขาย่อมมีทรัพยากรในการฝึกวิชาจำกัดมาก เพราะท่านอาจงใจกดพวกเขาไว้ ขั้นเสวียนฟ้าจึงอยู่ไกลเกินเอื้อม
แต่เซียวเฉินกลับพูดแบบสบายๆ
“ขอบคุณพี่เซียวเฉิน” เหลยชิงโหรวหน้าแดง เอ่ยเบาๆ
่ต่อมา พวกเขาสามคนก็ฝึกวิชาอยู่ในเรือนของเหลยอวิ๋นถิง เซียวเฉินฟื้นฟูอาการาเ็ของตนพลางชี้แนะการฝึกวิชาให้สองพี่น้อง
ในเวลาครึ่งเดือน เหลยอวิ๋นถิงอาศัยเคล็ดวิชาอัสนีคลั่งจนสามารถก้าวสู่ขั้นแรกกำเนิดได้ กายเนื้อของเขาแข็งแกร่งทนทานมากกว่าก่อนหน้านี้ เื่นี้ทำให้เหลยอวิ๋นถิงมีความหวัง
เลื่อนจากขั้นฐานจิตเข้าสู่ขั้นแรกกำเนิดในเวลาครึ่งเดือน
ความเร็วในการฝึกวิชาเช่นนี้ เป็สิ่งที่เขาไม่กล้าคิดฝันเลยในชาตินี้
แต่ตอนนี้ เขาทำได้แล้ว!
ยามนี้ แม้เขาเพิ่งเข้าสู่ขั้นแรกกำเนิด แต่เขามั่นใจว่าจะสามารถบรรลุขั้นแรกกำเนิดหนึ่งชั้นฟ้าระดับสูงสุดหรือขั้นแรกกำเนิดสองชั้นฟ้าระดับต้นได้ในไม่ช้า ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้เหลยอวิ๋นถิงพูดไม่ออก
ส่วนเหลยชิงโหรวก็ฝึกคัมภีร์หยกเสวียนใจน้ำแข็ง เคล็ดวิชาขั้นดินที่เซียวเฉินเลือกจากคัมภีร์หงสาานิรวาณให้ นางสามารถเลื่อนจากขั้นแรกกำเนิดห้าชั้นฟ้าระดับต้นเข้าสู่ขั้นแรกกำเนิดหกชั้นฟ้า ทั้งสองคนตื่นเต้นมาก
ในสายตาของพวกเขา เซียวเฉินทำได้ทุกอย่าง
ในตัวของเซียวเฉินเหมือนมีความลับซ่อนอยู่มากมาย แต่พวกเขารู้ว่าเซียวเฉินไม่ทำร้ายพวกเขาแน่นอน
สำหรับเซียวเฉิน แม้ยังฟื้นฟูพลังได้ไม่สมบูรณ์นัก แต่สีหน้าของเขาเริ่มกลับสู่สภาวะปกติ ไม่ซีดขาวเหมือนก่อนหน้านี้ หล่อเหลาเหนือธรรมดา เพียงแต่เขารู้ว่าอาการาเ็ของตนเองจำเป็ต้องใช้เวลา
ในเวลานี้เอง มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นด้านนอกเรือนของเหลยอวิ๋นถิง จากนั้น บ่าวรับใช้คนหนึ่งเดินเข้ามา
“มีเื่ใด?” เหลยอวิ๋นถิงถาม
“นายน้อยอวิ๋นถิง คุณหนูชิงโหรว นายน้อยเหลยเผิงให้ข้ามาถ่ายทอดคำพูดแก่องค์ชายลั่วแทน นายน้อยเหลยเผิงบอกว่าจะจัดงานเลี้ยงที่หอวั่งเจียง เชิญพวกท่านไปร่วมงานด้วย นายน้อยเหลยเผิงยังบอกอีกว่า หากไม่กล้าจะไม่ไปก็ได้”
บ่าวรับใช้เอ่ยเสียงเบา
เพราะเขารู้สึกได้ว่าเหลยอวิ๋นถิงมีโทสะ
เหลยอวิ๋นถิงมีสีหน้าเดือดดาล “เหลยเผิงรังแกกันเกินไปแล้ว ครั้งนี้เขาไม่มีเจตนาดีแน่ พวกเรา...”
เซียวเฉินยิ้ม “พวกเราจะไปตรงเวลา”
หลังบ่าวรับใช้จากไป เหลยอวิ๋นถิงและเหลยชิงโหรวต่างมีสีหน้ากังวล
เซียวเฉินสังหารน้องชายของเหลยเผิง หากมิใช่เซียวเฉินใช้ฐานะปลอมสยบพวกเขาไว้ก็คงตายไปแล้ว ตอนนี้เซียวเฉินรู้ว่าเหลยเผิงมุ่งเป้ามาที่ตน แต่ก็ยังจะไปงานเลี้ยงอีก มิใช่รู้ชัดๆ ว่าเป็กับดักแต่ยังะโลงไปหรือ!
“เซียวเฉิน เ้าไม่ต้องไปก็ได้นะ”
เซียวเฉินกล่าวว่า “ไม่ ครั้งนี้จำเป็ต้องไป ไม่เช่นนั้น พวกเขาจะเกิดความสงสัย ดังนั้น ต่อให้เป็หลุมพราง พวกเราก็ต้องไป”
เอ่ยถึงตรงนี้ เซียวเฉินก็เผยรอยยิ้ม
“ยิ่งกว่านั้น เขาทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”
ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อคนทั้งสองเห็นรอยยิ้มของเซียวเฉิน จิตใจก็ค่อยๆ สงบลง เหมือนเซียวเฉินให้พลังแก่พวกเขา
ณ หอวั่งเจียง ชั้นบนของหอในเวลานี้มีคนอยู่ห้าหกคน ทุกคนล้วนเป็ผู้มีพร์ของหมู่บ้านเหลยถิง อายุไม่ถึงสามสิบปีแต่ก็อยู่ขั้นเสวียนฟ้า ความสามารถกับพร์เช่นนี้ทำให้พวกเขาหยิ่งทะนง ทว่าผู้ที่มีอายุไม่ถึงสามสิบปีและมีความสามารถกับพร์เช่นนี้กลับปรากฏอยู่ทั่วไปในสถานศึกษาห้าแห่งของแคว้นชางหวง
เวลานี้ พวกเขานั่งตามลำดับ ที่นั่งถัดจากเหลยเผิงเป็ที่ว่าง ไม่มีคนนั่งหนึ่งที่ เพราะที่นั่งนั้นเป็ของเซียวเฉิน
“พี่เผิง นานปานนี้แล้ว คงไม่กล้ามาแล้วกระมัง” เหลยอวี่ บุตรหลานตระกูลเหลยเอ่ยด้วยสายตาดูแคลน
“นั่นสิ ข้าว่าเขากลัวจนไม่กล้ามา องค์ชายแห่งแคว้นชางหวงอะไรกัน ข้าว่าเต่าหดหัวมากกว่า ฮ่าฮ่า”
“นั่นสิ นั่นสิ...”
เมื่อสิ้นเสียงของคนทั้งสองก็มีลมแรงพัดมา เสียงตบถนัดมือดังขึ้นสองครั้ง คนทั้งสองถูกตบหน้าอย่างแรงจนเืกบปาก ลงไปนอนร้องโหยหวนบนพื้น
“คนของหมู่บ้านเหลยถิงปากเปราะแบบนี้กันหมดเลยหรือ ไม่รู้หรือว่าสิ่งใดเรียกเคราะห์ภัยออกจากปาก? การกระทำอย่างพวกเ้าสองคนคงเก่งแต่ในบ้าน เมื่อออกนอกหมู่บ้านเหลยถิงยังสู้สุนัขไม่ได้”
น้ำเสียงเ็าดังมา
จากนั้นเห็นเซียวเฉินในชุดสีขาวมาถึงอย่างสง่างาม เซียวเฉินมองทั้งสองคนที่เพิ่งพูดจาเมื่อครู่ด้วยแววตาเย็นเยียบ แผ่รัศมีแข็งกร้าวออกมา พริบตา บรรยากาศที่นั่นผนึกค้าง
เื่นี้ทำให้พวกเหลยเผิงที่วางแผนไว้เป็มั่นเหมาะรับมือไม่ทัน เหลยเผิงรู้สึกได้ถึงรัศมีของเซียวเฉินจึงปลดปล่อยอานุภาพกดดันออกมาเช่นกัน แต่กลับถูกเซียวเฉินสะกดไว้ เหลยเผิงสีหน้าไม่เปลี่ยน
“พลังขององค์ชายลั่วแข็งแกร่งยิ่งนัก”
เซียวเฉินยิ้มพลางนั่งลงช้าๆ สลายอานุภาพกดดันและเอ่ยตามสบาย “ข้าเข้ากับคนอื่นง่าย แต่ถ้าได้ยินคำพูดที่ไม่ชอบ เห็นคนที่ไม่ชอบก็มักจะลงมือ” ว่าแล้ว เขาก็ตบทั้งสองคนเมื่อครู่ดังเพี๊ยะๆ อีกครั้ง
เซียวเฉินมองเหลยเผิงแล้วยักไหล่
“เ้าดูสิ ข้าอดไม่อยู่อีกแล้ว”
เหลยเผิงมีสีหน้าน่าเกลียด เขาไม่คิดว่าเซียวเฉินจะไม่ไว้หน้าเขาถึงเพียงนี้ ตบคนของเขาต่อหน้าต่อตา นี่มิใช่ตบหน้าเขาทางอ้อมหรือ!
“องค์ชายลั่ว ทุกเื่ราวต้องหยุดแต่พอเหมาะพอควร”
เซียวเฉินยิ้ม “หึหึ แน่นอน ข้าเข้าใจเหตุผลนี้ดี ไม่เช่นนั้น ตอนนี้สองคนนั้นคงตายไปแล้ว”