เหลือเพียงคนเดียวแล้ว เหลือเพียงแค่เขา คุณชายตัวสั่นระริก รู้แต่ว่าตนเองไม่อยากถูกโยนลงไป และไม่อยากตายแม้แต่น้อย เขารีบตอบทันที "เป็เสี่ยวเฉิน เขาบอกว่าหากพวกเราให้ความร่วมมือ เขาจะให้ผลประโยชน์กับพวกเรา ทุกคนล้วนเป็สหายร่วมชั้น ข้าก็เลย ข้าก็เลยเชื่อเขา พวกเราล้วนฟังคำที่เขายุแยง"
หรงจ้านมองจากหน้าต่างลงไป แล้วชี้ไปที่ร่างจมกองเืหนึ่งในนั้น "เขารึ?"
คุณชายหวังพยักหน้าทันควัน "ใช่ ใช่ ใช่ เขานั่นแหละ"
หรงจ้านยิ้มน้อยๆ "ดี เมื่อเป็เช่นนี้ เ้าก็จ่ายเงินแล้วไปได้"
คุณชายหวังเงยหน้าอย่างเหลือเชื่อ หรงจ้านผงกศีรษะยืนยัน แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม "ในเมื่อเ้ายินยอมพูดความจริง ข้าก็ไม่ใช่คนแล้งน้ำใจ"
คุณชายหวังล้มเผละกองอยู่ตรงนั้น น้ำตาไหลพราก "ขอบพระทัยท่านอ๋อง ขอบพระทัยที่ทรงเหลือทางรอดให้"
หรงจ้านอมยิ้ม "ข้าบอกแล้ว เพียงให้ความร่วมมือ ข้าย่อมจะมีเมตตา"
เขามองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วกล่าวขึ้นอีกว่า "คุณชายเฉิน ซื่อผิง"
ซื่อผิงปรากฏตัวอย่างเงียบเชียบ "ขอรับท่านอ๋อง"
"เมื่อคุณชายเฉินมีความแค้นเคืองกับจวนซู่เฉิงโหวถึงเพียงนี้ เ้าก็ส่งเขากลับจวนด้วยตนเองเถอะ อ้อ จริงสิ ฝากบอกใต้เท้าเฉินด้วยว่าอนุภรรยาที่เขาเพิ่งแต่งเข้ามาใหม่ยั่วยวนบุตรชายของเขาจนติดกับไปเรียบร้อย"
หรงจ้านผลิยิ้มอ่อนจาง "ให้เขาตรวจสอบให้ดี ว่าแท้จริงแล้วเด็กในท้องของอนุภรรยาผู้นั้นเป็บุตรหรือว่าเป็หลานกันแน่"
เขาเดินมาข้างกายเฉียวเยว่ "ไม่ต้องกลัว พี่จ้านยังไม่รังแกเ้าเลย ไหนเลยจะปล่อยให้เ้าสารเลวเ่าั้มารังแกเ้า" เขาวางตัวเป็พี่ชายที่แสนดี แต่ไม่ช้าก็เปลี่ยนเื่คุยอย่างรวดเร็ว "เ้าเคยได้ยินชื่อบ่อนฉางเล่อแถวชานเมืองหรือไม่?"
เฉียวเยว่ส่ายหน้า "ข้าไม่มีงานอดิเรกเยี่ยงนั้น"
หรงจ้านยิ้ม "ข้าได้ยินมาว่า สกุลเฉินเป็นายใหญ่ที่อยู่เื้ัเชียวนะ เ้าดูสิ ใต้เท้าเฉินมีฐานะเป็ถึงผู้ตรวจการ เบื้องหน้าซื่อสัตย์ยุติธรรม เคร่งครัดจรรยามารยาทและศีลธรรม แต่เพียงเพื่อเงินก็ละทิ้งศักดิ์ศรีหน้าตา ยังเปิดบ่อนการพนันอีกด้วย ตระกูลเขามีแต่คนเก่งเื่โกงการพนัน หากมีเงินเยอะแต่ไม่มีที่ให้ใช้ก็สามารถไปที่นั่นได้"
ยามนี้เริ่มมีคนพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กัน
เพียงแต่หัวข้อกลับกลายมาเป็เื่บ่อนฉางเล่อ
"มา ข้าได้ยินว่าไก่แปดสมบัติของร้านนี้รสชาติไม่เลว พวกเรามาชิมกันเถอะ อ้อจริงสิ เอ่ยถึงเื่ไก่... ข้าก็นึกถึงเสี่ยวเถาฮวาที่ตรอกจิ่นซิ่วที่ใต้เท้าเฉินเป็แขกประจำคนสำคัญ เขาช่างโง่งมไม่รู้อะไรสักนิดว่านั่นคือคนที่ฮูหยินของเขาเองจัดเตรียมไว้เพื่อบั่นทอนสุขภาพของเขาโดยเฉพาะ จึงมีคำกล่าวว่า ถึงจะหาคนมาเฝ้าระวังทั้งกลางวันและกลางคืน แต่ก็ยากจะป้องกันโจรในบ้าน ใครจะไปคาดคิดเล่าว่าภรรยาแสนดีผู้ปราดเปรื่องเปี่ยมไปด้วยคุณธรรม จะหานางคณิกามายั่วยวนสามีของตนเอง ดังนั้น อย่าคิดเป็อันขาดว่าตนเองหล่อเหลามีเสน่ห์มากมาย แก่จนฟันจะร่วงหมดปากยังเชื่อในชะตาดอกท้อของตนเอง ช่างโง่เง่าสิ้นดี ชะตาดอกท้อที่จู่ๆ ก็เข้ามาเ่าั้ไม่แน่ว่าอาจมีใครบางคนวางแผนร้ายเล่นงานอยู่เื้ัก็เป็ได้"
เฉียวเยว่ทำตาปริบๆ เอ่ยว่า "พี่จ้านเ้าคะ ข้าเป็เพียงเด็กคนหนึ่ง ท่านคุยเื่เหล่านี้ให้ข้าฟัง จะไม่มีปัญหาจริงหรือ ข้าฟังไม่เข้าใจหรอกนะเ้าคะ"
นางเอ่ยอย่างไร้เดียงสา "อีกอย่างปากมีไว้กินของอร่อย หาได้มีเพื่อใช้บิดเบือนหรือเปิดโปงความจริง ท่านทำเช่นนี้ไม่ดีเลย"
หรงจ้านอมยิ้ม "พูดมีเหตุผล"
เฉียวเยว่พยักหน้า "ใช่แล้ว"
หรงจ้านอมยิ้มเล็กน้อย "ฉีอัน เ้ามัวแต่ยืนเซ่ออยู่ทำไม?"
ฉีอันล้วงผ้าเช็ดหน้าของตนเองออกมาแล้วเริ่มเช็ดโต๊ะ เช็ดเก้าอี้ หลังจากนั้นก็ยิ้มแฉ่งอย่างประสบสอพลอ "เชิญขอรับ เชิญท่านอ๋องนั่งก่อน ข้าเช็ดเสร็จเรียบร้อย ท่านวางใจได้ สะอาดเอี่ยมแน่นอน"
ถ้าหากเขามีหาง ก็คงจะกระดิกไม่หยุดไปแล้ว
"ขอบใจมาก" หรงจ้านยิ้มอ่อน
"ที่ไหนกันเล่า นี่คือสิ่งที่สมควร สมควรอย่างยิ่ง" ฉีอันตอบทันควัน
หรงจ้านทำสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มออกมาอีกหน
"เ้าเป็น้องชายข้า ทีข้าไม่เห็นจะเกรงใจเยี่ยงนี้เลย" เฉียวเยว่บ่นพึมพำ
"เหมือนกันเสียที่ไหน พวกเราเป็ฝาแฝดกันมิใช่หรือ ไม่ต้องสนใจกันมากก็ได้" ฉีอันตอบอย่างจริงจัง
เฉียวเยว่อับจนถ้อยคำ
จะว่าไป การกินอาหารมื้อนี้ค่อนข้างจะน่าอึดอัด แม้จะไม่มีใครกล้ามองมาที่พวกเขา ราวกับผูกติดกับเก้าอี้ แต่เฉียวเยว่ก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่น่ากระอักกระอ่วน
จนกระทั่งระหว่างทางกลับจวน เฉียวเยว่ก็เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม "ข้าว่าแล้ว อยู่ดีๆ พี่จ้านจะมาชวนพวกเราออกจากบ้านได้อย่างไร หนำซ้ำท่านพ่อท่านแม่ของข้าก็ยังอนุญาตอีกด้วย ที่แท้ก็เพราะสิ่งนี้นี่เอง"
หรงจ้านเลิกคิ้ว "เ้าคิดมากไปแล้ว"
เฉียวเยว่หัวเราะหึๆ นางคิดมากกับผีน่ะสิ!
"แต่ท่านรู้เยอะจัง" นางเอ่ยปาก
เขารู้เื่ราวของสกุลเฉินละเอียดยิบ ราวกับนับสมบัติในบ้านของตนเอง ยิ่งไปกว่านั้นบางเื่ดูก็รู้ว่าเป็ความลับสุดยอด เขาตรวจสอบทุกอย่างของสกุลเฉินแจ่มแจ้งแล้วรอเพียงคำให้การของคุณชายหวัง เห็นได้ว่าเขารู้มาก่อนล่วงหน้าว่าสกุลเฉินเป็ผู้กระทำ
"พี่จ้านเก่งกาจยิ่ง"
"ข้าย่อมไม่รู้ความลับของสกุลเฉิน แต่ถึงไม่รู้ ก็มีคนมาบอกข้าอยู่ดี" หรงจ้านกลับบอกอย่างตรงไปตรงมา
เฉียวเยว่ร้องเอ๋ รู้สึกงุนงงเล็กน้อย หรงจ้านอมยิ้มหันมามองแล้วลูบศีรษะของนางเบาๆ "เ้าทายดูสิ คนที่เอาความลับของสกุลเฉินมาบอกข้าเพื่อให้เ้าสบายใจคือผู้ใด?"
"ท่านลุง" เฉียวเยว่ตอบทันควัน พริบตาเดียวนางก็นึกได้
หรงจ้านยิ้มมุมปาก เขาเอ่ยเสียงเบา "เฉียวเยว่ เหตุใดเ้าถึงคิดเช่นนี้เล่า?"
เขาขยับเข้ามาใกล้นาง แล้วกระซิบเสียงต่ำ "เ้ารู้อะไรมาใช่หรือไม่?"
ฉีอันเห็นพวกเขาสองคนใกล้ชิดกันเช่นนี้ ก็นึกถึงคำของมารดา จึงกระแอมกระไอเสียงดัง โอ้์... เขากระแอมเสียงดังขนาดนี้ เป็เื่เสี่ยงอันตรายถึงชีวิตจริงๆ
แต่หรงจ้านกับเฉียวเยว่กลับไม่มีการตอบสนองใดๆ เฉียวเยว่ทำตาปริบๆ ไร้เดียงสา ไม่รู้เื่ราวอันใดทั้งสิ้น
"ข้าไม่รู้ว่าพี่จ้านหมายความว่าอย่างไร แต่คนที่ช่วยข้าแน่นอนก็มีแค่นี้ ข้าไม่มีตัวเลือกอื่นที่คาดคะเนได้"
นิ้วมือของหรงจ้านเลื่อนลงมาที่ใบหน้าของนาง แล้วหยิบปอยผมที่ร่วงลงมาไปทัดไว้หลังหู ลมหายใจของเขาแทบจะพรมรดไปบนดวงหน้ารูปไข่ของเฉียวเยว่
"ข้านึกว่าเฉียวเยว่จะเดาได้ั้แ่เด็กแล้วเสียอีก กระต่ายน้อยน่าเอ็นดู ช่างน่ารักจริงๆ"
หลังจากนั้นก็ถอยไปด้านหลัง เอนกายพิงที่นั่งบนรถม้า
เฉียวเยว่ขบริมฝีปาก ก้มหน้าไม่พูดไม่จา
ท่าทางของทั้งสองดูเหมือนจะล้ำเส้นอยู่บ้าง เื่ที่คุยกันก็แปลกๆ ชวนให้คนมองไม่ออก ฉีอันรู้สึกกดดันอย่างมาก
เขามองคนนี้ที คนนั้นที แต่ไม่กล้าพูดอะไร
อย่างไรเสีย เสียงคนลอยวืดออกไปตกที่พื้นก็ตราตรึงในความทรงจำอย่างล้ำลึก
เกรงว่าเมืองหลวงคงจะไม่สงบไปอีกสองสามเดือน การตอบโต้อย่างดุเดือดและตรงไปตรงมาเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็ทำใจให้สงบได้ยาก
หรงจ้านส่งสองพี่น้องกลับจวนซู่เฉิงโหวอย่างสุภาพอ่อนน้อม
เขากล่าวอำลากับไท่ไทสามแล้วจากไป ไม่รั้งอยู่ต่อนานนัก สีหน้าของไท่ไท่สามเผยแววเก้อเขิน แม้ว่าจะพยายามซ่อนเร้นอย่างดีที่สุด แต่ก็ยังคงมองออก
นางตามเด็กทั้งสองมาสอบถามที่ห้องโถง "เหตุใดข้าถึงได้ยินว่าเกิดเื่?"
ข่าวมาถึงก่อนนานแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าก็ส่งคนมาถามถึงสองสามรอบ นางก็ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี ในที่สุดบุตรทั้งสองคนก็กลับมา
"รีบเล่ามาให้ข้าฟัง"
เฉียวเยว่ชี้ไปที่ฉีอันแล้วเอ่ยว่า "ข้ารู้สึกะเืขวัญ คงเล่าได้ไม่ชัดแจ้ง ท่านแม่ถามฉีอันเถอะ"
ฉีอันร้องโวยวายเสียงดัง "ซูเฉียวเยว่ เ้ายังมีหน้ามาพูดอีกหรือ เ้าไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย คนที่ควระเืขวัญเป็ข้าต่างหาก เป็ข้า เป็ข้า เป็ข้า"
เฉียวเยว่หัวเราะพรืดออกมา
"ยังมาหัวเราะอีก รู้หรือไม่ว่าข้ากลัวแค่ไหน" ฉีอันบ่นอุบ
เฉียวเยว่คล้องแขนไท่ไท่สาม "ท่านแม่ข้าใมากจริงๆ นะเ้าคะ"
ไท่ไท่สามเห็นเด็กสองคนยังเล่นกันได้ ก็รู้สึกสบายใจขึ้นหลายส่วน เดิมทีนางวิตกกังวลมาก แต่เห็นพวกเขาต่างไม่เก็บมาใส่ใจ ก็เอ่ยขึ้นว่า "เอาล่ะ ฉีอัน เ้ามาเล่า"
ฉีอันถูกเรียกชื่อ จำต้องยินยอม "ก็ได้ขอรับ"
เขาเริ่มเล่าอย่างละเอียด คนเดียวสวมเป็หลายบทบาทแสดงถึงสถานการณ์ตอนนั้นออกมา
เฉียวเยว่รำพึงในใจ ความจำของฉีอันใช้ประโยชน์ได้ดีจริงๆ ไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่อักษรเดียว
หลังจากแสดงบทบาทมาถึงสุดท้าย ฉีอันก็พรูลมหายใจออกมาทางปากแล้วประสานมือ "เื่ก็เป็เช่นนี้ขอรับ"
ไท่ไท่สามอ้าปากตาค้าง ไม่นึกว่าสถานการณ์จะรุนแรงถึงเพียงนี้
"จับคนโยนลงไปเลยหรือ?" นางถาม
ฉีอันกับเฉียวเยว่พยักหน้าพร้อมกัน
พอเห็นมารดาดูเหมือนจะใอย่างมากและไม่อาจเข้าใจได้ ฉีอันก็พูดเสริมขึ้นมา "ท่านอ๋องทำเช่นนี้ดูเหมือนว่าจะปรึกษาหารือกับท่านลุงเอาไว้แล้วขอรับ"
แววตาของไท่ไท่สามพลันสงบลง พลางเอ่ยในใจ มิน่าเล่าพี่ใหญ่ถึงส่งจดหมายมาบอกว่าอย่าขัดขวางการไปมาหาสู่ระหว่างเฉียวเยว่กับหรงจ้าน ที่แท้ก็เพราะอย่างนี้เองหรือ?
ไท่ไท่สามเม้มปาก เข้าใจทุกอย่างในบัดดล หากพี่ใหญ่มีส่วนร่วมอยู่ในเื่นี้ ก็ไม่น่าแปลกใจที่เหตุการณ์จะบานปลายอย่างที่เห็น
"เอาล่ะ พวกเ้ากลับไปอาบน้ำชำระร่างกายก่อน แล้วค่อยไปนั่งที่เรือนของท่านย่าสักครู่เถอะ ท่านย่าของพวกเ้าเป็ห่วงแย่แล้ว"
เฉียวเยว่รับคำ
หลังจากเหลือเพียงพวกเขาสองพี่น้อง ฉีอันก็สะกิดเฉียวเยว่ "เ้าว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ข้าไม่เห็นจะเข้าใจเลย?"
"เ้ายังไม่รู้ แล้วข้าจะรู้หรือ?" เฉียวเยว่ตอบไปตามตรง
"เห็นอยู่ว่าพวกเ้าคุยกันอย่างคลุมเครือ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าไม่มีแผนการอันใด"
ฉีอันรู้สึกว่าความอยากรู้อยากเห็นของตนเองรุนแรงขึ้น
เฉียวเยว่ตบๆ ใบหน้าของน้องชายแล้วเอ่ยว่า "เ้าน่ะ อยู่เฉยๆ แล้วหลบไปเล่นด้านข้างเถอะ"
หลังจากนั้นก็ผละจากไป
เฉียวเยว่ไม่เก็บเื่ที่เกิดขึ้นวันนี้มาใส่ใจ ส่วนหรงจ้านก็อารมณ์ดียิ่ง เขานั่งอ่านตำราอย่างสงบ
ซื่อผิงเข้ามาในห้องแล้วรายงาน "ใต้เท้าเฉินคือคนที่เคยตกหลุมรักชายาองค์ชายสี่มาก่อนพ่ะย่ะค่ะ เื่นี้น่าจะเป็ฝีมือของพวกเขา"
หรงจ้านดูไม่ตื่นเต้นนัก เขาคาดเดาความเป็ไปได้ข้อนี้มานานแล้ว "ลอบสังหาริ่จื้อรุ่ย โจมตีิ่หวาย แล้วใช้ข่าวลือเื่นี้มาโจมตีซูเฉียวเยว่ เพื่อทำลายความสัมพันธ์ของจวนแม่ทัพิ่กับจวนซู่เฉิงโหวให้ขาดออกจากกันโดยสิ้นเชิง นอกจากนี้ยังปั้นเื่เท็จว่าซูเฉียวเยว่คงจะแต่งงานยาก หลังจากนั้นชายาองค์ชายสี่ก็จะมาปรากฏตัวเพื่อสู่ขอเฉียวเยว่ให้กับมู่หรงจิ่ว โอกาสสำเร็จย่อมจะมีสูงขึ้น เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองแคว้นประกอบกับสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนักของซูเฉียวเยว่ พวกเขาเชื่อว่าโอกาสที่ฝ่าาจะตอบตกลงมีสูงถึงแปดเก้าส่วน"
หรงจ้านหัวเราะเบาๆ "เพียงแต่พวกเขาวางแผนมาวางแผนไปก็เท่านั้น ในเมื่อของอย่างเช่นสมองพวกเขาก็ไม่เคยมีกันอยู่แล้ว"
"เช่นนั้นขั้นต่อไปของพวกเรา..."
"ไปบอกเฉินฮูหยินว่าคนรักเก่าของใต้เท้าเฉินกลับมาแล้ว ซ้ำยังล่อลวงบุตรชายของเขาไปแล้วด้วย"
"ข้าชอบเห็นความวุ่นวายโกลาหลของครอบครัวผู้อื่นเป็ที่สุด" หรงจ้านเอ่ย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้