ในห้วงฝันของหนีเจียเอ๋อร์...
เปลวเพลิงลุกลามจนสว่างไสวไปทั่วเมือง ผู้คนต่างวิ่งหนีเอาตัวรอดกันชุลมุน เหลือไว้เพียงเปลวไฟที่โหมกระหน่ำ และเสียงเครื่องเรือนต่างๆ ถูกเผาไหม้
หนีเจียเอ๋อร์เดินฝ่ากองไฟ ท่ามกลางควันหนาทึบที่ปะทะเข้าใบหน้า นางต้องใช้แขนเสื้อปัดป่ายไปมา จึงจะมองเห็นทาง
ควันเริ่มหนาทึบขึ้นเรื่อยๆ มือของหญิงสาวตกลงอย่างอ่อนแรง ได้แต่ะโเรียกหาคนอื่นๆ “ท่านพ่อ อี๋เหนียง น้องพี่!”
ควันหนาทึบปะทุเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงที่ะโออกไป ไร้ซึ่งการตอบสนอง
“ท่านพ่อ อี๋เหนียง ท่านพี่!”
เสียงที่เล็ดลอดออกจากปากแหบแห้ง ลำคอคล้ายจะถูกแผดเผาจนไม่อาจเปล่งเสียงได้อีก
เส้นทางสายนี้ ราวกับจะทอดยาวไปไกลอย่างไร้ที่สิ้นสุด ระยะการมองเห็นเหลือเพียงหนึ่งจั้งเท่านั้น หนีเจียเอ๋อร์จึงเริ่มรู้สึกพรั่นพรึง...
ทันใดนั้น ประตูตรงหน้าก็เปิดออก
“ท่านพ่อ!”
หญิงสาวกรีดร้อง ดวงตาเบิกกว้าง เมื่อเห็นเืไหลนองพื้นเป็ทางยาวหน้าประตู นางก็ไม่กล้าแม้แต่จะก้าวขา
ไม่อยากยอมรับเสียด้วยซ้ำ ว่านี่คือความจริง...
ท่านพ่อตายแล้ว!
สายตากวาดมองไปรอบข้าง ถัดจากร่างท่านพ่อ มีอีกร่างหนึ่งนอนแน่นิ่ง ใบหน้าอันงดงามและเยือกเย็นของเว่ยอี๋เหนียง บัดนี้ดูบิดเบี้ยว เหมือนถูกทรมานก่อนตาย
“ไม่ๆๆ!” หนีเจียเอ๋อร์ตะเบ็งเสียง
จากนั้นก็สังเกตเห็นว่า ที่จุดหนึ่งของร่างไร้ิญญา มีาแรูปดาราปรากฏขึ้น นางจึงจับจ้องไม่วางตา
“เจียเอ๋อร์ ช่วยพี่ด้วย!”
ใคร... นั่นเสียงใคร?
นางเดินตามหาต้นเสียง แต่ไม่พบที่มา
“พี่อยู่ข้างหลังเ้า ตรงนี้!”
หนีเจียเอ๋อร์หันขวับ เห็นร่างใกล้สิ้นใจที่อยู่ทางด้านซ้ายมือของเว่ยอี๋เหนียง คนผู้นั้นกำลังยื่นมือออกมา นางจึงปรี่เข้าหาไปหาอย่างรวดเร็ว
“พี่เจียเฮ่อ รีบลุกขึ้น เร็ว! จะแสร้งทำเป็นอนตายอยู่บนพื้นด้วยเหตุใด?” หนีเจียเอ๋อร์พูดเสียงสั่นระคนหวาดกลัว หากย้อนเวลากลับไปได้ ทุกอย่างคงไม่เป็เช่นนี้
“เจ็บ... ช่วยข้าด้วย!” จู่ๆ คนในอ้อมแขนก็ดิ้นทุรนทุราย
หนีเจียเอ๋อร์ทรุดตัวล้มลงกับพื้น น้ำตาหลั่งไหลไม่ขาดสาย ได้แต่มองอีกฝ่ายร้องครวญครางอย่างเ็ป โดยไม่อาจทำอะไรได้
ไม่นานนัก ร่างของหนีเจียเฮ่อก็แน่นิ่งไป
หนีเจียเอ๋อร์เรียกเบาๆ แต่ไร้การตอบสนอง นางเบิกตากว้าง ส่งเสียงกรีดร้อง พลางผุดลุกขึ้นวิ่งไปยังประตูโดยไม่เหลียวหลัง
ทว่า ขณะที่กำลังก้าวเท้า ถนนซึ่งปูด้วยหินกลับพังทลายกลายเป็หลุมลึกไม่มีที่สิ้นสุด ร่างของนางจึงร่วงหล่นลงไป...
หญิงสาวพลันกรีดร้องอย่างตื่นตระหนก
แต่หลุมลึกไร้ก้นนี้ แทบจะดูดกลืนสติ รวมถึงเสียงร้องขอความช่วยเหลือไปจนหมดสิ้น
จากนั้นถนนก็กลับคืนสู่สภาพเดิม ผู้คนสัญจรพลุกพล่านอย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น...
หนีเจียเอ๋อร์สะดุ้งตื่นบนเตียงนอน เหงื่อเย็นๆ ไหลริน จนผ้าห่มเปียกชุ่ม
ผู้ที่อยู่เื้ัรอยแผลรูปดารา ต้องเป็สวีเพ่ยหรานแน่ๆ!
ดวงตาของนางมืดครึ้ม ขณะครุ่นคิดอย่างเงียบๆ
าแรูปดารานั้น ถูกพบก่อนที่นางจะมาถึง ตอนรู้ว่าครอบครัวที่บ้านเดิมถูกฆ่าตายอย่างน่าสังเวชในชั่วข้ามคืน มีเพียงร่องรอยที่เห็นเด่นชัดจากสภาพศพ ว่าถูกบีบคอตายอย่างทารุณ ทว่ากลับไม่อาจเสาะหาเบาะแส หรือเงื่อนงำอื่นใดได้อีก
สวีเพ่ยหรานต้องรู้ตัวผู้ที่อยู่เื้ั และร่วมมือกับคนผู้นั้นเป็แน่ มิฉะนั้น เขาคงไม่มีเหตุผลที่จะฆ่านาง
หนีเจียเอ๋อร์พลิกตัว เงยหน้ามองไปนอกหน้าต่าง ซึ่งมีดวงจันทร์ทอแสงนวลตา
หรือสวีเพ่ยหรานจะมิได้ร่วมมือกับคนผู้นั้น แต่มีสัญญาบางอย่างต่อกัน หรือไม่ก็ถูกบีบบังคับ…
หรือบางทีก็อาจเป็ตัวสวีเพ่ยหรานเอง ที่เป็ผู้สั่งการ!
แต่ไม่ว่าจะเป็แบบไหน สวีเพ่ยหรานที่มีความสัมพันธ์อันดีกับนางมาตลอด จะสังหารตนได้อย่างไร การตายของนาง ยังคงหาสาเหตุหรือแรงจูงใจมิได้…
รอยแผลดารา?
ผู้ที่อยู่เื้ัซ่อนตัวอย่างลึกลับ ไม่เผยพิรุธแม้แต่น้อย จะมีก็แต่าแบนร่างของพ่อ อี๋เหนียง และพี่ชายเท่านั้น
การหาตัวผู้ที่อยู่เื้ั ก่อนอื่นก็ต้องรู้ให้ได้ ว่ายอดฝีมือคนใดที่มักจะทิ้งรอยแผลรูปดาราไว้บนร่างของเหยื่อ
และแน่นอนว่า นางจะต้องสืบหาความจริงให้จงได้!
“คุณหนู คุณชายสวีมาพบเ้าค่ะ” เสี่ยวเสวียนเอ่ย ขณะใช้หวีสางผมของหญิงสาว
หนีเจียเอ๋อร์มองกระจกทองแดง พลางกล่าวอย่างเฉยชา “จะมาก็ช่างเถิด ไม่จำเป็ต้องบอกข้า”
เสี่ยวเสวียนอ้าปาก แล้วหยุดไป หลังเกล้าผมเรียบร้อย นางก็พูดต่อ “แต่คุณชายบอกว่า มีเื่จะพูดกับคุณหนูนะเ้าคะ”
หนีเจียเอ๋อร์ถอนหายใจ แล้วลุกขึ้น
เมื่อเดินไปยังสวนดอกไม้ สายตาก็สบเข้ากับชายหนุ่ม ซึ่งกำลังยืนอยู่ใต้ต้นไห่ถัง ใบหน้าอันหล่อเหลา และคิ้วเรียวยาวที่แสดงออกถึงความเศร้าหมองนั้น ช่างตราตรึงใจนัก
“ท่านพี่หราน” หนีเจียเอ๋อร์ทักทายเบาๆ
แม้ก่อนหน้านี้ นางจะปฏิเสธความสัมพันธ์ไปแล้ว แต่ก็ไม่คิดจะทำตัวเหินห่างจนอีกฝ่ายตั้งข้อกังขา
“เ้ามาแล้ว” สวีเพ่ยหรานยิ้มอย่างอ่อนโยน ความโศกเศร้าที่เคยมี เลือนหายไปดุจภาพลวงตา
ชายหนุ่มมองสตรีในดวงใจ ซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าอย่างเพ่งพินิจ ด้วยรู้สึกสงสัยเกินบรรยาย
“วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส ท่านพี่จะไม่ไปวาดรูปสักหน่อยหรือเ้าคะ?” หนีเจียเอ๋อร์ลอบถอนหายใจกับท่าทีของคนตรงหน้า
“แล้วเ้าจะไปกับข้าหรือไม่?” สวีเพ่ยหรานเอ่ยถามอย่างคาดหวัง
“อีกไม่นานก็จะถึงวันเกิดอี๋เหนียงแล้ว วันนี้ข้าต้องเตรียมงานเลี้ยง คงไปกับท่านมิได้เ้าค่ะ” หญิงสาวเอ่ยยิ้มๆ
ประกายในดวงตาจางหาย ชายหนุ่มอ้าปากหมายจะกล่าวบางอย่าง แต่ก็ต้องกลืนคำพูดเ่าั้ลงไป เขาหันมามองอีกฝ่ายนิ่งๆ ครู่หนึ่ง ก่อนถามด้วยน้ำเสียงน้อยใจว่า “เหตุใด วันนั้นเ้าถึงปฏิเสธพี่?”
“ข้าไม่เหมาะสมกับท่านพี่หราน”
“แต่วันก่อน เ้ายังยินดีอยู่นี่ พี่ทำอะไรผิดหรือ? ขอแค่เ้าเอ่ยปาก พี่ต้องแก้ไขแน่” สวีเพ่ยหรานถาม ด้วยคิดว่าเป็ความผิดของตน... มันต้องเป็อย่างนั้นแน่ๆ!
เมื่อมองไปที่ชายหนุ่ม ที่เหมือนติดอยู่ในกรงขัง หนีเจียเอ๋อร์ก็ส่ายหน้าและกล่าวว่า “ข้ากับท่าน พวกเราไม่เหมาะสมกันจริงๆ!”
คำพูดที่เคยอ่อนโยน มาวันนี้กลับเยียบเย็นดั่งน้ำแข็ง
สวีเพ่ยหรานจึงเอ่ยเสียงอ่อน ด้วยสีหน้าขมขื่น “เสี่ยวเอ๋อร์!”
เสียงถอนหายใจแ่เบา ไม่ต่างจากคลื่นทะเลที่โถมทับจิตใจนาง ใช่ว่าหญิงสาวจะไร้ความรู้สึก... คนผู้นี้ ช่างเสแสร้งแกล้งทำได้สมจริงนัก จนตนเกือบจะหลงกลเข้าแล้ว!
แต่บางที เขาอาจจะเ็ปจริงๆ...
เมื่อความคิดนี้แวบขึ้นมา หนีเจียเอ๋อร์ก็สะกดความรู้สึกทันที หากเทียบกับการตายอย่างทุกข์ทรมาน หลังแต่งงานกันมาสิบปี ความเ็ปแค่นี้ จะนับเป็อันใดได้
ยิ่งจะให้กลับมาพูดคุยกันอย่างจริงใจ หรือร่วมฝ่าฟันอุปสรรคละก็... เห็นทีจะมิได้!
อีกทั้งนางยังประจักษ์ชัด ว่าแววตาของอีกฝ่ายในวันนั้น เต็มไปด้วยความเกลียดชัง มิได้ดูเ็ป หรือฝืนใจแม้แต่น้อย
“ว่าแต่ ท่านพี่หราน ดอกบัวเหล่านี้กำลังเบ่งบานงดงามนัก ท่านวาดสักภาพหรือไม่เ้าคะ?” หนีเจียเอ๋อร์เปลี่ยนเื่ ด้วยไม่อยากจมจ่อมอยู่กับเื่เ่าั้มากเกินไป
ชายหนุ่มพยักหน้า แล้วก้มลงหยิบอุปกรณ์วาดรูปออกมา
เขาเป็หลานชายของหนีฮูหยิน ผู้เป็ภรรยาเอก จึงเข้าออกจวนแห่งนี้มาั้แ่เด็ก ด้วยอาหญิงไร้บุตรชาย มีเพียงหนีจวิ้นหว่านเป็ลูกสาวคนเดียวเท่านั้น จึงรักสวีเพ่ยหรานดั่งบุตรในอุทร ถึงขนาดจัดเตรียมพื้นส่วนตัวเช่นนี้ไว้ให้
ชายหนุ่มมองไปยังดอกบัวอย่างตั้งอกตั้งใจ ส่วนหนีเจียเอ๋อร์ ก็คอยนั่งฝนหมึกเป็วงกลม กลิ่นหอมของบุปผาฟุ้งกำจาย พาให้จิตใจแช่มชื่น
หลังสังเกตทิวทัศน์มาพักใหญ่ สวีเพ่ยหรานก็พอจะมีภาพดอกบัวในใจแล้ว จึงเตรียมถ่ายทอดลงบนแผ่นกระดาษ
เขาจับพู่กันขึ้นมาตวัดวาดลายเส้นดั่งเมฆคล้อยสายน้ำไหล กลายเป็ทิวทัศน์เสมือนจริงรูปหนึ่ง
“งดงามมากเ้าค่ะ” หนีเจียเอ๋อร์เอ่ยชม พลางชงชารินใส่จอกให้
เมื่อได้ยินคำพูดนาง ทั้งสองก็หัวเราะพร้อมกัน ทุกสิ่งเหมือนย้อนกลับไปในอดีต ราวกับเื่เลวร้ายทั้งหลายไม่เคยเกิดขึ้น
สวีเพ่ยหรานหันไปรับน้ำชา
“ระวัง!” หนีเจียเอ๋อร์อุทานด้วยความใ
จอกชาเอียง น้ำชาร้อนๆ จึงกระฉอกลงบนเสื้อผ้าของสวีเพ่ยหราน จนเขาถึงกับหลุดเสียงอุทาน
หนีเจียเอ๋อร์รีบดึงผ้าเช็ดหน้าของตนออกมา เช็ดให้ชายหนุ่มทันที
เมื่อเห็นหญิงสาวยังคงห่วงใยตัวเอง สวีเพ่ยหรานจึงสั่นศีรษะ แล้วเอ่ยเรียก “เสี่ยวเสวียน”
สาวใช้จึงรีบพาเขาไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนหนีเจียเอ๋อร์ก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม พลางทำหน้านิ่ว
แท้จริงแล้ว นางเพียง้าทดสอบเท่านั้น จึงแสร้งทำจอกชาร้อนจัดหกใส่ เพราะหากสวีเพ่ยหรานมีวรยุทธ์จริงๆ ย่อมสามารถหลบเลี่ยงได้
สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ ร่างกายย่อมตอบสนองอย่างว่องไว เพราะผ่านการฝึกฝนมาเป็พิเศษ แต่เมื่อจอกชาคว่ำใส่ สวีเพ่ยหรานกลับสะดุ้งโหยงไม่ต่างจากคนทั่วไป เช่นนี้แล้ว เขาคงมิใช่ฆาตกรที่ลงมือสังหารครอบครัวนาง หรือหากจะเกี่ยวข้องจริงๆ อย่างน้อยก็คงมิได้ลงมือเอง
ถ้าอย่างนั้น... เป็ฝีมือใคร?
หนีเจียเอ๋อร์เงยหน้าขึ้น เหลือบไปเห็นชายผ้าหายลับไปหลังต้นไม้ในูเา
พอสวีเพ่ยหรานเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวก็เอ่ยปากขอโทษสองสามคำ จากนั้นทั้งสองก็สนทนากัน ก่อนที่หนีเจียเอ๋อร์จะพูดขึ้นว่า “อากาศกำลังเปลี่ยนเข้าสารทฤดู หมู่นี้ฝนตกชุก กลางคืนลมพัดแรง เมื่อเย็นวานพี่หญิงตากลม วันนี้เพิ่งจะดีขึ้น”
“ร่างกายนางค่อนข้างอ่อนแอ ฤดูนี้มืดเร็ว ซ้ำยังมีฝนตก ย่อมเจ็บป่วยง่าย แต่อาหญิงกลับมิได้พูดถึง” สวีเพ่ยหรานตอบ
“ถ้าฮูหยินรู้ว่าพี่หญิงล้มป่วย ต้องให้หมอมาสั่งยาแน่ แต่นางไม่ชอบรสขม จึงปิดเื่นี้เอาไว้”
“ที่ปิดบังก็แค่เพราะกลัวว่าต้องกินยา นิสัยเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน” สวีเพ่ยหรานคลี่ยิ้ม
เพราะคิดว่าอีกฝ่ายเป็ลูกพี่ลูกน้องของตน ดังนั้น เขาจึงค่อนข้างตามใจหนีจวิ้นหว่าน
แม้จะทำตัววุ่นวายลับหลังสวีเพ่ยหราน แต่ต่อหน้าเขา นางก็ยังรักษาภาพลักษณ์ของหญิงสาวผู้อ่อนแอและขี้อาย แล้วชายหนุ่มจะรู้ได้หรือ ว่าโดยเนื้อแท้แล้ว หนีจวิ้นหว่านนั้นเป็เช่นไร!
“ถึงพี่หญิงจะไม่มีอาการร้ายแรง ทว่าก็ควรกินยา ขืนปล่อยทิ้งไว้ อาจลุกลามกลายเป็โรคเรื้อรัง แต่หากท่านพี่หรานไม่หว่านล้อม มีหรือที่นางจะยอมกินยา” หนีเจียเอ๋อร์พูดเสียงเบา
“บางที เ้าก็คิดแทนหนีจวิ้นหว่านมากเกินไป”
สวีเพ่ยหรานไม่เข้าใจเลย หนีเจียเอ๋อร์ไม่เคยแสดงท่าทีไม่ลงรอยกับพี่สาวสักครั้ง แต่หนีจวิ้นหว่านกลับแอบใส่ไฟอีกฝ่ายมาตลอด
ถึงหนีเจียเอ๋อร์จะไม่ติดใจเอาความ ทว่าหนีจวิ้นหว่านก็ยังระรานไม่หยุดหย่อน แม้เสี่ยวเอ๋อร์จะไม่ขุ่นเคือง แต่เขาก็อดกังวลมิได้
“อะไรกัน! ท่านอยากให้ข้าเมินพี่สาวแท้ๆ ของตนหรือ?” หญิงสาวหัวเราะ
สวีเพ่ยหรานส่ายหน้า เขาคงคิดมากเกินไป นางเป็คนใจคอกว้างขวาง ย่อมไม่ใส่ใจแน่
ทั้งสองหยอกล้อกันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วชายหนุ่มก็อดมิได้ที่จะเอ่ยขึ้นอีก “เสี่ยวเอ๋อร์ ข้ารู้ว่าตัวเองต้องทำอะไรผิดไปเป็แน่ ข้าจะแก้ไขให้ถูกต้อง!”
พอคล้อยหลังอีกฝ่าย หนีเจียเอ๋อร์ก็หันไปยังูเา ในจุดที่พบชายผ้าปริศนาอีกครั้ง แต่เพื่อมิให้ผิดสังเกต นางจึงแสร้งทำทีเป็เดินเล่น แต่เมื่อมาถึง บริเวณนั้นก็ว่างเปล่าไร้ซึ่งผู้คนไปแล้ว เหลือเพียงสายลมเย็นที่พัดผ่านร่างไป...
(จบฉาก)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้