ตอนที่ 197 ฉันรักษาตนบริสุทธิ์ดุจหยก [1] มา 20 ปี
โจวเฉิงไม่รู้ตัวเลยว่าเพียงแค่ตนเผยโฉมหน้าก็ดึงดูดเกาเฟยเสียจิตใจไม่อยู่กับร่องกับรอย
แม้รู้เขาก็ไม่ทบทวนตนเองอยู่ดี มีแต่จะด่าเหล่าฟางว่าผิดปกติที่คบหากับสตรีเช่นนี้และไม่รู้สึกว่าสตรีที่ตกหลุมรักเขาั้แ่แรกพบนั้นน่าซาบซึ้งใจสักเท่าไรผู้หญิงที่ถูกใจเขาเพียงั้แ่แรกเห็นนั้นไม่ซื่อตรงเอาเสียเลย
คนซื่อตรงเป็เช่นไร?
แน่นอนว่าต้องเป็แบบเสี่ยวหลานภรรยาของเขา ไม่ว่าเขาหล่อเหลาขนาดไหน เธอก็ปฏิบัติต่อเขาเป็สหายธรรมดาได้
หากมิใช่เพราะโจวเฉิงหนังหน้าหนา บวกกับความกระตือรือร้นในการเทียวไล้เทียวขื่อภรรยาเขาคงไม่ตกลงคบหาดูใจกับเขาแน่ บอกว่าเข้าสู่ ‘ระยะดูใจ’ แต่โจวเฉิงเมินข้ามระยะดูใจอย่างไร้ยางอายทันทีเคยจับมือก็แล้วเคยโอบกอดก็แล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานไม่จำเป็ต้องรับผิดชอบเขาหรือ! ทั้งห้วงความคิดของโจวเฉิงนั้น เซี่ยเสี่ยวหลานคือภรรยาของเขา เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใช่โฉมสะคราญอันดับหนึ่งบนโลกใบนี้ทว่าตาปากจมูกของเธอ ส่วนไหนๆ ก็ต้องใจโจวเฉิงทั้งหมด
กระทั่งเส้นผมยังงอกยาวตามลักษณะที่โจวเฉิงโปรดปรานอย่างไรเสียโจวเฉิงเห็นแวบแรกก็ชอบเสียแล้ว ั้แ่รูปลักษณ์จนถึงนิสัยใจคอทุกสิ่งทุกอย่างสมกับรสนิยมของเขา
อัญมณีอยู่ตรงหน้า สตรีอื่นยังเข้าตาได้อีกที่ไหน
โจวเฉิงไม่มีวันหยุด จึงเฝ้าคอยเซี่ยเสี่ยวหลานมาเจอเขาทุกเมื่อเชื่อวันทั้งกังวลว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะเหนื่อยล้า ทั้งต้องเรียนหนังสือและยังต้องทำธุรกิจเนื้อหาในหนังสือใช้สมองมาก ส่วนธุรกิจก็ต้องให้ความสมดุลทั้งสติปัญญาและแรงกายโจวเฉิงชอบความมุ่งมั่นของเซี่ยเสี่ยวหลาน แต่ก็คิดว่าเธอช่างดื้อรั้นเหลือเกิน
หากเสี่ยวหลานรับธุรกิจของคังเหว่ยไป นั่นก็ดีที่สุดแล้วมิใช่หรือ?
งานหนักก็มอบให้คังเหว่ยทำคนเดียว เพียงเท่านี้ภรรยาเขาก็สามารถหาเงินได้อย่างสบายๆ
ไม่รู้ว่าของขวัญปีใหม่ที่ส่งไปนั้น ภรรยาและว่าที่แม่ภรรยาเขาจะชอบหรือไม่ไว่ฮุ่ยเชวี่ยนยังน้อยไปหน่อย ถ้าแลกมากกว่านี้ เสี่ยวหลานคงจะซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นได้บ้างมีเครื่องซักผ้าแล้ว ซื้อโทรทัศน์อีกสักเครื่องก็ดีทีเดียว...เขาเพียงกังวลใจว่าภรรยาจะยุ่งถึงขนาดที่ไม่มีเวลาดูโทรทัศน์ด้วยซ้ำ
ต้องวานให้คังเหว่ยแลกไว่ฮุ่ยเชวี่ยนเพิ่มเสียหน่อยแล้ว
สินค้าที่ห้างมิตรภาพจำหน่ายพวกนั้นมีความ้าซื้อสูงมากโจวเฉิงอยากนำสิ่งที่ดีที่สุดมาถวายตรงหน้าเซี่ยเสี่ยวหลานยิ่งนักทั้งสองคนคบหาดูใจโดยไม่สามารถพบหน้ากันบ่อยครั้งได้ ในใจเขาจึงรู้สึกติดค้างความรู้สึกติดค้างใช้เงินมาทดแทนไม่ได้ โจวเฉิงมีความรักเป็ครั้งแรกทั้งหัวใจคิดเพียงแต่จะเอาใจคนที่ชอบ กลัวว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะรู้สึกขุ่นข้องหมองใจที่เขาไม่สามารถไปพบเธอได้
เขาเองยังทนไม่ได้ที่ต้องปล่อยให้เซี่ยเสี่ยวหลานหมองใจคนอื่นยิ่งไม่มีสิทธิ์ที่จะทำให้เธอเป็เช่นนั้น
เื่ฉีกหน้าจูฟ่างนั่น โจวเฉิงไม่คิดว่าตนเองทำผิด ที่เขาทำมันน้อยไปเสียด้วยซ้ำเห็นมารดาจูฟ่างแผลงฤทธิ์ขนาดนั้น ก็ไม่ควรปล่อยไว้ให้ทำร้ายเสี่ยวหลาน วันที่สามที่ได้เจอกับคังเหว่ยหลังจากรับประทานอาหารในบ้านเสร็จ โจวเฉิงก็ขับรถส่งคังเหว่ยกลับไป
ระหว่างทางโจวเฉิงถึงรับรู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเข้าสถานีตำรวจหนึ่งหนเพราะบ้านจู อกของเขาแทบะเิด้วยความโมโห
“พี่ พี่ว่าบังเอิญไหมเ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบซักคำให้การก็คือตำรวจหญิงประจำสถานีตำรวจเขตอันชิ่งคนนั้น...”
บังเอิญบ้าบอน่ะสิ!
ในจดหมายที่เสี่ยวหลานส่งให้เขาเล่าแค่บ้านจูพยายามขโมยไก่แต่เสียเมล็ดข้าว [2] กลับโดนจับจุดอ่อนได้และถูกสั่งสอนไปยกใหญ่แต่ไม่ได้เล่าว่าทะเลาะกันถึงขั้นไปยังสถานีตำรวจตอนนั้นคังเหว่ยเห็นโจวเฉิงสีหน้าไม่สู้ดี จึงรีบร้อนลูบไล้ไปตามแนวขนให้ [3] นำเื่สุดรันทดของตนเล่าออกมาเล่า “เลขาโหวที่ทำงานให้คุณลุงของเสี่ยวกวงนั้นร้ายกาจเกินไปแล้วมองผมโดนกระบองฟาดเปล่าๆ ตั้งสองทีถึงจะโผล่มา ที่โดนตีน่ะมีแค่ผมพี่สะใภ้ไม่เสียหายแม้แต่น้อย!”
“คังจื่อ นายคงลำบากแย่เลย น้ำใจของนายฉันจดจำไว้ทั้งหมด!”
โจวเฉิงกล่าวอย่างจริงใจ คังเหว่ยรู้สึกกระอักกระอ่วนไม่น้อยพูดถึงน้ำใจจะมิใช่การห่างเหินหรือ หากพูดถึงน้ำใจจริงๆ ล่ะก็เป็โจวเฉิงต่างหากที่พาเขาก้าวหน้าเสมอตอนนั้นคังเหว่ยก็ได้แจ้งบัญชีแก่โจวเฉิงอีกด้วย
โจวเฉิงได้เงินมากมายทว่าไม่มีที่สำหรับใช้จ่ายนึกได้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานบอกให้เขาซื้อบ้าน จึงวานคังเหว่ยช่วยจัดการ
คังเหว่ยครุ่นคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา “บ้านจะมีราคาได้จริงๆหรือ?”
ซื้อบ้านในตอนนี้เป็เื่ยาก แต่ก็ต้องส่งคนไปจัดการสอบถามจากผู้มีข้อมูลครบถ้วนสักสองสามคน ก็ยังพอซื้อบ้านสองหลังได้คังเหว่ยไม่สนใจซื่อเหอเยวี่ยนเล็กเก่าซอมซ่อพวกนั้น ตัวเขานั้นไม่ค่อยไวต่อการลงทุนเหล่านี้ทว่าเขาเดินตามรอยคนฉลาดมาโดยตลอด
พี่เฉิงจื่อยังต้องเชื่อฟังวาจาของว่าที่พี่สะใภ้ ดังนั้นคังเหว่ยจึงคิดว่าตนเองก็จำเป็ต้องฟังเช่นกัน
“พี่ ผมจะเป็ธุระให้เอง ใช่แล้ว ที่แท้โจวอี๋เป็คนพูดเื่พี่สะใภ้พี่ว่าทำไมผู้หญิงพวกนี้เ้าแผนการขนาดนั้นกันนะ?”
โจวอี๋อาจหลุดปากหรือเปล่า?
ไม่ โจวอี๋จงใจแน่นอน!
นิสัยปากเปราะเช่นเส้ากวงหรงนั้นยังไม่มีทางยกเื่นี้มาพูดต่อหน้าผู้ใหญ่ได้
หากกล่าวอย่างไม่น่าฟัง โจวเฉิงยังไม่ได้พาคนรักไปถึงบ้าน อาจเป็เพราะความสัมพันธ์ยังไม่ถึงขั้นหรือยังไม่ถึงฤกษ์งามยามดีอันเหมาะสมคนอื่นก็ไม่ควรจุ้นจ้านเกินพอดีโดยการแพร่งพรายตัวตนของเซี่ยเสี่ยวหลานต่อหน้าผู้าุโกวนฮุ่ยเอ๋อได้ยินเื่ลูกชายมีคนรักจากปากคนอื่น ผู้เป็มารดาอย่างเธอย่อมรู้สึกว่าเธอนี้ยังใกล้ชิดสู้คนอื่นไม่ได้ดังนั้นไม่ว่าแฟนสาวที่โจวเฉิงคบด้วยจัเป็อย่างไรกวนฮุ่ยเอ๋อย่อมอคติไม่ยินดีสักสามส่วนแล้ว
พวกเขาเติบโตมากับครอบครัวแบบนี้ ใช่ว่าจะมีความสามารถรอบด้านทุกคนแต่ล้วนเคยเรียนรู้ว่าควรพูดอะไรในสถานการณ์ไหน
ไม่ได้เจตนา?
พลั้งปากจนคนอื่นเดือดร้อนเช่นนี้ น่าจะจงใจเสียมากกว่า
โจวเฉิงอายุสิบกว่าปีก็เข้าทำงานไม่ถือว่าสนิทสนมกับเหล่าลูกพี่ลูกน้องชายหญิงรุ่นเดียวกันในตระกูลโจวสักเท่าไรอีกอย่างโจวอี๋เป็พี่สาวเขาด้วย ครั้งวัยเยาว์ทั้งคู่ไม่ได้เล่นสนุกด้วยกันโจวอี๋ไม่พอใจอะไรเขา? โจวเฉิงนึกขึ้นได้อย่างเลือนรางตอนรับประทานอาหารที่บ้านดั้งเดิมเมื่อปีกลาย เหมือนโจวอี๋จะแนะนำหญิงสาวคนหนึ่งให้แก่เขา
ในตอนนั้นโจวเฉิงเพิ่งกลับมาจากแนวหน้า นอนหลับยามค่ำคืนยังคงฝันถึงแต่ประกายไฟทั่วฟ้าทหาราเ็ที่แขนขาดขาหลุดก็พอทนได้ แต่ยังมีคนที่ร่างกายโดนะเิจนกลายเป็ชิ้นส่วนไส้และเนื้อกระเด็นไปทุกทิศทาง รวบรวมร่างให้สมบูรณ์ไม่ได้ด้วยซ้ำ...โจวเฉิงมิใช่เทพ ตอนนั้นเขาอายุเพียง 19 ปี ก็ประสบกับาแนวหน้าอันแสนโหดร้ายแล้วขณะอยู่แนวหน้าไม่มีเวลาคิดเรื่อยเปื่อยพอว่างเว้นลงเล็กน้อยก็เริ่มฝันร้ายไม่หยุดหย่อน
ฝันร้ายดำเนินติดต่อกันนานกว่าสองเดือน เขาถึงค่อยๆ ผ่อนคลายมากขึ้น
แต่โจวอี๋กลับแนะนำแฟนสาวให้เขาในสถานการณ์เช่นนั้น?
แค่งีบหลับโจวเฉิงยังระแวงไม่แน่ว่าอาจควักปืนออกมายิงปึงปังใส่คนแปลกหน้าในระยะสองเมตรรอบกาย โจวอี๋แนะนำใครให้เขากันนะเหมือนจะเป็ใครสักคนของบ้านเจิ้ง โจวเฉิงจำเื่นี้ไว้ในใจรอภรรยาเขามาถึงปักกิ่งเมื่อไร ถ้าอสูรร้ายพวกนี้ยังกล้าพยายามก่อเื่เขาจะทำให้พวกเธอได้เห็นดีกันแน่!
โจวเฉิงกังวลไม่น้อย สตรีเ่าั้ชื่นชอบเขาเขาไม่รู้สึกยินดีสักนิดเดียว
เขา้าแค่เซี่ยเสี่ยวหลานชอบเขาเท่านั้น
คิดไปคิดมาโจวเฉิงก็มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมอีกครั้งเขาไม่เคยคบหาคนรักมากมายดั่งเส้ากวงหรง ครอบครัวก็ไม่เคยจัดแจงหมั้นหมายั้แ่วัยเยาว์อะไรให้เนื่องจากอายุยังไม่ถึงวัยจึงไม่ได้เตรียมการวิวาห์ ยิ่งไม่มีกระทั่ง ‘แสงจันทร์ขาวนวล’ ที่แอบหลงรัก... เขานั้นผุดผ่องไร้ราคีรักษาตนบริสุทธิ์ดุจหยกมา 20 ปีเพื่อเซี่ยเสี่ยวหลานภรรยาของเขาเซี่ยเสี่ยวหลานต้องรับผิดชอบในตัวเขาเท่านั้น
----------------------------------------
“ฮัดเช้ย!”
พอลงจากรถ เซี่ยเสี่ยวหลานก็จามเสียแล้ว
หยางเฉิงในเดือนกุมภาพันธ์มีกลิ่นอายของฤดูใบไม้ผลิแล้วหลี่เฟิ่งเหมยเดินทางไกลเป็ครั้งแรก ตั๋วนั่งธรรมดาสามสิบกว่าชั่วโมงทำให้เธอเมื่อยเอวปวดหลังและรับรู้ถึงความลำบากของเซี่ยเสี่ยวหลาน
ได้ยินเซี่ยเสี่ยวหลานจาม หลี่เฟิ่งเหมยเป็ห่วงมาก
“ใส่เสื้อผ้าน้อยไปหรือ?”
เซี่ยเสี่ยวหลานส่ายหน้า “หยางเฉิงอุ่นกว่าซางตูไม่หนาวเลยสักนิด”
หยางเฉิงอากาศไม่หนาวเมื่อแสงแดดออกเล็กน้อยอุณหภูมิก็อยู่ระหว่างสิบแปดสิบเก้าองศาลมหายใจที่ออกมาขณะอยู่ในซางตูคือหมอกขาวอยู่หยางเฉิงสวมแค่เสื้อไหมพรมทับด้วยเสื้อนอกนั้นเพียงพอแล้วนอกจากผู้มีอายุมากร่างกายและอ่อนแอ ไม่มีใครสวมเสื้ออ่าวกันหนาวตัวหนาเสื้อกันลมและเสื้อขนเป็ดมีไว้สำหรับขายแก่คนต่างเมืองเท่านั้น
หลี่เฟิ่งเหมยจับกระเป๋าในมือแน่น “ถ้าอย่างนั้นก็มีคนคิดถึงหลานหลานเลยจาม”
พานซานข่มขู่เคออีสยฺงไว้ ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ประมาทเลินเล่อไป๋เจินจูพาศิษย์พี่สองคนมารับที่สถานีผ่านไปครึ่งเดือนกว่าหลังจากไป๋เจินจูและเซี่ยเสี่ยวหลานพบหน้ากันคราวก่อนกระเป๋าเงินของเถ้าแก่ไป๋เหลือเฟือกว่าเดิมไม่น้อยอย่างเห็นได้ชัด
่แรกของการก่อตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ขนาดเล็กอยู่ในความวุ่นวาย ราวกับเป็สถานที่รับทรัพย์ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อไป๋เจินจูโดยเฉพาะ
เชิงอรรถ
[1]守身如玉 รักษาตนบริสุทธิ์ดุจหยก หมายถึง รักนวลสงวนตัว
[2]偷鸡不成蚀把米 พยายามขโมยไก่แต่เสียเมล็ดข้าว หมายถึงพยายามเอาเปรียบแต่จบลงด้วยการสูญเสียเสียเอง
[3]顺毛捋 ลูบไล้ตามแนวขน หมายถึง พูดจาหรือกระทำตามอารมณ์ของอีกฝ่ายเพื่อทำให้อีกฝ่ายอ่อนโยนและเชื่อฟัง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้