ครั้นซั่งกวานจือหนิงเห็นว่ามีหญ้าเพลิงอยู่บนเทือกเขา ดวงตาคู่สวยสาดแสงตะลึงงัน ปกติแล้วนางมิจำเป็ต้องใช้หญ้าเพลิง ทว่าหญ้าเพลิงนั้นสำคัญยิ่งยวดต่อนิกาย
หญ้าเพลิงจำนวนไม่น้อยหยั่งรากอยู่บนเทือกเขา ถ้าเก็บเกี่ยวพวกมันได้ทั้งหมดก็เพียงพอที่จักทำให้ฐานพลังของนิกายรุดหน้ารวดเร็วอย่างก้าวะโ
ทว่าราชสีห์วินาศโลกันตร์เป็อุปสรรคใหญ่ที่สุดของพวกเขา เทือกเขาที่ล้อมรอบพวกเขายามนี้ล้วนเป็อาณาเขตของมัน โดยธรรมชาติแล้วอสูรดึกดำบรรพ์หวงอาณาเขตของตัวเองเป็อย่างมาก มันไม่มีทางยอมให้สิ่งมีชีวิตอื่นรุกล้ำเข้ามาในอาณาเขตโดยเด็ดขาด
หากอยากได้หญ้าเพลิง ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต่อสู้กับราชสีห์วินาศโลกันตร์!
“พวกเ้าห้าคนตั้งค่ายกลซะ ข้าจักขับเคลื่อนสมบัติล้ำค่าของพ่อข้า!” ซั่งกวานจือหนิงสูดลมหายใจเข้าลึก ถึงเป็นางก็ยังหวาดหวั่นต่อราชสีห์วินาศโลกันตร์
“ขอรับ คุณหนู!” คนทั้งห้าตอบรับโดยพลัน พวกเขาทำตามคำสั่งของซั่งกวานจือหนิงอย่างไม่ลังเล
พวกเขาทั้งห้าเป็หนึ่งในยอดฝีมือของขุนเขากระบี่เทียนหยวน แม้ว่ายามนี้ขั้นบำเพ็ญเพียรจักถูกสยบอยู่ในขั้นเคลื่อนย้ายลมปราณ ทว่าเมื่อใดที่ผสานค่ายกลก็พอจะต่อกรกับราชสีห์วินาศโลกันตร์ได้ใน่ระยะเวลาหนึ่ง ตราบใดที่ยื้อเวลาให้กับซั่งกวานจือหนิงได้มากพอ จะประมือกับราชสีห์วินาศโลกันตร์ก็มิใช่ปัญหาใหญ่
ส่วนจูชิงใครจักสนใจเขา คนธรรมดาสามัญที่ยังมิได้ก้าวสู่ธรณีประตูเส้นทางแห่งยุทธ์ ทั้งยังถูกล่ามด้วยโซ่เหล็ก จะหนีไปอยู่ที่ไหนบนเกาะหลัวโหวได้หรือ?
จูชิงพิงต้นไม้อายุพันปีอย่าง "ว่าง่าย" ทำทีคล้ายราวกับยอมจำนนไม่มีทางหนีไปไหนแน่นอน
ยามนี้ซั่งกวานจือหนิงเตรียมตัวพร้อมแล้ว กระบี่สีทองขนาดเล็กประจักษ์ในมือ สาดแสงสว่างจรัสแจ้ง
จูชิงจับจ้องมองกระบี่เล่มนั้นแล้วก็รู้สึกเหมือนตาจะบอด เขารีบหลับตาลงในทันที ไม่กล้าชำเลืองมองมันอีก
“ฆ่า!” พวกเขาทั้งห้าคนผสานค่ายกลโจนทะยานเข้าไปในถ้ำของราชสีห์วินาศโลกันตร์
ราชสีห์วินาศโลกันตร์กำลังหลับใหลอยู่ ครั้นััได้ว่ามีคนแปลกหน้าบุกรุกเข้ามาในอาณาเขตของมันก็เป็โทสะ มันเป็นฤบาลของเทือกเขาแห่งนี้ มนุษย์ที่อ่อนแอกล้ารุกล้ำอาณาเขตของมันได้อย่างไร!
มันเคยกินมนุษย์มาแล้วเมื่อหลายปีก่อน เืเนื้ออร่อยแสนหยั่งถึง หากมนุษย์โง่เขลาพวกนั้นอยากตายมาก มันก็ไม่รังเกียจที่จักกินของว่างรองท้องยามบ่าย
พวกเขาทั้งห้าผสานค่ายกล ลมปราณผสานรวมเป็หนึ่งประหนึ่ง เมฆโลหิตถั่งโถมเข้าใส่ราชสีห์วินาศโลกันตร์
แสงดาบสาดสะท้อนผ่านเมฆาโลหิต ทรงพลังยิ่งยวดจนจูชิงยังใ!
“นี่หรือพลังของจอมยุทธ์ แข็งแกร่งมาก!” จูชิงมองพวกเขาทั้งห้าคนด้วยความอิจฉา
เขาเพิ่งรู้ว่าที่แท้ก่อนหน้านี้ซั่งกวานจือหนิงเห็นเขาเป็เพียงของเล่นชิ้นหนึ่ง ถ้าซั่งกวานจือหนิง้าย่อมสามารถฆ่าเขาให้ตายได้ในกระบี่เดียว
ความต่างชั้นราวฟ้ากับเหวนั้นสร้างแรงกดดันอย่างมหาศาลให้กับจูชิง แต่เพราะฉะนั้นแล้วเขาจึงปรารถนาว่าจักต้องแข็งแกร่งเฉกเช่นนั้นให้ได้ในสักวันหนึ่ง!
“ฆ่า!” พวกเขาทั้งห้าคนคำรามออกมาพร้อมกัน กระบี่ั์สีแดงเพลิงประจักษ์เหนือศีรษะ เพียงเหวี่ยงวาดฟาดฟัน พลังน่าสะพรึงแสนหยั่งถึงคล้ายกับสามารถแยกแผ่นดินออกเป็สองส่วน
ราชสีห์วินาศโลกันตร์แสยะยิ้มอย่างไม่แยแส ผ่านมาตั้งนานหลายปีมนุษย์ก็ยังอ่อนแอ ช่างเปราะบางเสียเหลือเกิน
“แคร่ก!” ราชสีห์วินาศโลกันตร์ตะปบกรงเล็บ กระบี่ั์แหลกสลายในพริบตาเดียว!
แต่แล้ว่เวลานั้นเองในที่สุดซั่งกวานจือหนิงก็เคลื่อนไหว กระบี่เล็กสีทองอร่ามลอยทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า
วินาทีนั้นเกิดอัสนีกัมปนาทคำรามอึกทึก วายุบ้าคลั่งโหมกระหน่ำ แววตาตกตะลึงปรากฏในแววตาของราชสีห์วินาศโลกันตร์
มันััได้ถึงพลังน่าพรั่นพรึงที่อัดแน่นอยู่ในกระบี่เล็ก แลนั่นก็เพียงพอที่จักกลืนกินชีวิตของมัน!
“อัสนีเก้า์! อัสนีเก้า์!” คนทั้งห้ากู่ร้องออกมาด้วยความปลื้มปีติ อัสนีเก้า์คือเคล็ดวิชาของขุนเขากระบี่เทียนหยวน ซึ่งขุนเขากระบี่เทียนหยวนนั้นเป็นิกายที่ขึ้นชื่อลือชาในศาสตร์แห่งกระบี่ มีชื่อเสียงโด่งดังในทวีปเฉียนหยวน พลานุภาพทรงพลังเหนือชั้นเกินพรรณนา
อัสนีทองคำสาดแสงแปลบปลาบบนท้องฟ้า มาดแม้นแต่ผู้แข็งแกร่งอย่างราชสีห์วินาศโลกันตร์ยังหวาดหวั่นขวัญแขวน พลังของอัสนีบนชั้นฟ้านั้นมันเกินกว่าที่ตัวมันจักต้านทานไหว
“นะ...นี่มันคือพลังของมนุษย์จริงๆ อย่างนั้นหรือ?” จูชิงแหงนหน้ามองอัสนีทองคำที่อยู่บนท้องฟ้า ภายในใจหวาดกลัวสุดแสน พลานุภาพเปรียบดั่งเทพ์ คิดไม่ถึงเลยว่าจอมยุทธ์จักแกร่งกล้าได้ถึงขั้นนั้น
“ถ้าข้าหมั่นบำเพ็ญเพียร ข้าจักมีพลังเช่นนั้นหรือไม่?” จูชิงพูดพึมพำกับตัวเอง
ในวินาทีเดียวกันก็คล้ายกับมีเสียงคำรามอีกเสียงหนึ่งดังก้องในใจ “ข้าจักต้องเป็จอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกเขาได้อย่างแน่นอน”
หากพวกขุนเขากระบี่เทียนหยวนรู้ว่าจูชิงที่เป็เพียงคนธรรมดาสามัญมีความคิดเช่นนี้ เกรงว่าคงหัวเราะจนฟันหลุดร่วงเป็แน่แท้ คนที่ไม่ใช่แม้กระทั่งจอมยุทธ์จักเหนือชั้นไปกว่าพวกเขาได้อย่างไร?
ทว่าเฒ่าปีศาจกลับยิ้มออกมา “จิตใจเข้มแข็งไม่เลว เห็นทีมิได้หมดหวังไปซะทีเดียว!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้