เสิ่นเยวี่ยอย่างไรก็คิดไม่ถึง ลูกน้องนักสู้ระดับเงินทั้งสามที่ตระกูลเสินเซิ่งส่งมากลับตกอยู่ในสายตาของเฉินหลินเจี้ยนแล้ว เฉินหลินเจี้ยนจะต้องคิดหาทุกวิถีทางเพื่อฆ่าคนทั้งสามนั้น!
หากรู้ว่าทั้งสามเป็คนของตระกูลเสินเซิ่ง เฉินหลินเจี้ยนยังอาจจะยั้งมือ แต่เมื่อเขาได้ยินเนี่ยหลีบอกว่าสามคนนี้น่าจะเป็คนของสมาคมมืด เฉินหลินเจี้ยนย่อมต้องไร้ความเมตตาอย่างแน่นอน!
คิดจะเล่นกับข้า พวกเ้ายังอ่อนหัดนัก! เนี่ยหลีไม่ต้องลงมือเองก็สามารถเล่นงานเสิ่นเยวี่ยถึงตายได้แล้ว!
เยี่ยจื่ออวิ๋นเป็เด็กฉลาดและขยันหมั่นเพียร เมื่อรู้ว่าเนี่ยหลีผู้อยู่ข้างๆ เป็ดั่งขุมทรัพย์เคลื่อนที่ บ่อยครั้งจึงคอยขอความรู้เื่ยันต์และเคล็ดวิชาต่างๆ เนี่ยหลีก็ตอบคำถามของนางทั้งหมด
ท่าทางของคนทั้งสองที่คุยไปหัวเราะไป พวกเด็กหนุ่มรอบด้านอดที่จะจ้องมองด้วยสายตาอิจฉาไม่ได้
ต้องพูดว่าเยี่ยจื่ออวิ๋นผู้งดงามตรึงใจผู้คนเป็เทพธิดาในใจของเด็กหนุ่มเหล่านี้ แต่เพราะฐานะอันสูงส่งยิ่งของเยี่ยจื่ออวิ๋น เด็กหนุ่มหลายคนจึงไม่กล้าเข้าใกล้เยี่ยจื่ออวิ๋น ยามอยู่ต่อหน้าเยี่ยจื่ออวิ๋นพวกเขามักรู้สึกด้อยกว่ามาก ยิ่งไปกว่านั้น บุคลิกที่เ็าของนางก็ยิ่งทำให้นางมีระยะห่างกับผู้อื่นยิ่งนัก
แม้พวกเขาชื่นชมเยี่ยจื่ออวิ๋น แต่กลับไม่มีความกล้าพอที่จะพูดคุยกับนาง
แต่เหตุใด ยามเยี่ยจื่ออวิ๋นพูดคุยกับเนี่ยหลีจึงดูสบายๆ และเป็ธรรมชาติอย่างยิ่ง รอยยิ้มงดงามของนางทำให้เด็กหนุ่มทั้งหลายใจเต้นระรัวไม่เป็จังหวะเสียแล้ว
เด็กหนุ่มรอบด้านจึงอดที่จะแอบมองไม่ได้
เห็นรอยยิ้มหวานตรึงใจของเยี่ยจื่ออวิ๋น เนี่ยหลีก็อดที่จะคิดถึงความหลังในชีวิตหนก่อนมิได้ เวลานั้นเยี่ยจื่ออวิ๋นยิ่งดูมีเสน่ห์กว่าขณะนี้มาก มองดูเด็กสาวตรงหน้า เขาจึงเกิดความคิดว่าเมื่อไหร่นางจะเติบโตจนกลายเป็สาวงามเต็มตัวเช่นนั้นหนอ?
เห็นเนี่ยหลีกำลังจ้องมองมาที่ตน เยี่ยจื่ออวิ๋นอดหน้าแดงขึ้นมาไม่ได้ นางก้มหน้าก้มตา ไม่รู้ว่ากำลังคิดถึงสิ่งใด นางหวนนึกถึงท่าทางใจกล้าในห้องเรียนของเนี่ยหลี แต่ก่อนนางเคยรู้สึกรำคาญใจยิ่ง แต่เวลานี้นางเองก็บอกไม่ถูกว่าตนรู้สึกอย่างไร
ยามอยู่ต่อหน้าเนี่ยหลี เยี่ยจื่ออวิ๋นมักคิดถึงเื่ราวเหล่านี้ อดที่จะรู้สึกผิดในใจมิได้
ระหว่างเนี่ยหลีกับเซียวหนิงเอ๋อร์ดูเหมือนจะยังไม่ชัดเจนอยู่บ้าง
ชั่วขณะที่เนี่ยหลีและเยี่ยจื่ออวิ๋นกำลังสนทนากันอยู่ ป่าด้านหลังมีระลอกพลังิญญาผันผวนบังเกิดขึ้น บ่งบอกว่ามีการต่อสู้ที่ดุเดือดอยู่
นักสู้ระดับเงินแปลกหน้าสามคนถูกพวกยอดฝีมือระดับเงินห้าคนที่เฉินหลินเจี้ยนพามาโอบล้อมเอาไว้
“จงบอกข้ามา! พวกเ้าเป็ใคร? ้าสิ่งใด หากไม่ยอมพูด ก็อย่าโทษข้าว่าข้าใจร้าย!” เฉินหลินเจี้ยนสองคิ้วขมวดขั้นสูง พูดอย่างเ็าเกรี้ยวกราด
เพราะภัยคุกคามจากสัตว์อสูร ทุกครอบครัวในเมืองกวงฮุยจึงมีความสามัคคีกันอย่างยิ่ง ปกติไม่ฆ่าคนของครอบครัวอื่น เว้นแต่สมาคมมืด สมาคมมืดเป็องค์กรของพวกนักฆ่า หากพวกเขายืนยันว่าเป็คนของสมาคมมืด เช่นนั้นเฉินหลินเจี้ยนก็จะต้องไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปแน่นอน
นักสู้ระดับเงินทั้งสามมองหน้ากัน พวกมันอย่างไรก็ไม่กล้าพูดว่ามาจากตระกูลเสินเซิ่ง! หากสอบสวนขึ้นมาอาจก่อให้เกิดปัญหาใหญ่แก่ตระกูลได้ ดังนั้นนักสู้ระดับเงินทั้งสามจึงไม่ยอมพูดไม่ยอมจา พากันพุ่งตัวออกไป
“ในเมื่อพวกเ้าไม่้าเปิดเผยฐานะ... อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจแล้ว!” เฉินหลินเจี้ยนเห็นพวกมันนิ่งเงียบ คิดว่าพวกมันจะต้องเป็คนจากสมาคมมืดเป็แน่ จึงะโพูด “ฆ่าพวกมัน!”
หากเป็คนของครอบครัวอื่น เฉินหลินเจี้ยนย่อมไม่ลงมือโเี้ แต่หากเป็คนของสมาคมมืด เช่นนั้นย่อมไม่ออมมือ!
ผู้ติดตามของเฉินหลินเจี้ยนพุ่งตัวออกไป สองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือด ดาบกระบี่ฉวัดเฉวียน ยอดฝีมือคนหนึ่งของนักสู้ระดับเงินทั้งสามตายไป สองคนที่เหลือหนีไปได้ด้วยสภาพาเ็สาหัส
หลังจากรู้เื่ เสิ่นเยวี่ยแทบเป็บ้า เขานำนักสู้ระดับเงินสามดาวมาเพื่อจัดการเนี่ยหลี คิดไม่ถึงว่าจะถูกเฉินหลินเจี้ยนจัดการ สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ เนี่ยหลีเป็ผู้ให้ข่าวนี้แก่เฉินหลินเจี้ยน และเฉินหลินเจี้ยนจึงได้ลงมือ
“ดูเหมือนข้าจะต้องลงมือเองเสียแล้ว!” เสิ่นเยวี่ยจิตใจหดหู่ เขานำคนมาหกคน สามคนเป็นักสู้ระดับทองแดงหนึ่งดาว อีกสามคนเป็นักสู้ระดับเงินสองดาว ครั้งที่แล้วเขาต้องพ่ายแพ้ให้แก่เนี่ยหลีก็เพราะไม่รู้ว่าเนี่ยหลีสวมชุดเกราะระดับทองแดงทั้งชุดเอาไว้ หากโจมตีเนี่ยหลีที่ศีรษะั้แ่เริ่มเปิดฉากจู่โจม เนี่ยหลีคงไม่สามารถหลบพ้นไปได้!
เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเสิ่นเยวี่ย เนี่ยหลีก็รู้แล้วว่าเ้าบ้านี่จะต้องกำลังวางแผนการอะไรบางอย่างอยู่เป็แน่
ผ่านไปครู่หนึ่ง เฉินหลินเจี้ยนพานักสู้ระดับเงินห้าคนกลับมา
“คุณชายเฉิน สามคนนั้นเป็ใครกันหรือ?” เพื่อนคนหนึ่งของเฉินหลินเจี้ยนเอ่ยถาม
“หากให้ข้าเดา... น่าจะเป็คนของสมาคมมืด!” เฉินหลินเจี้ยนตอบ
“ที่แท้ก็เป็คนของสมาคมมืด พวกมันสมควรตายแล้ว!”
ได้ยินคำสนทนาของพวกเขา เสิ่นเยวี่ยหน้ากระตุกวูบ เฉินหลินเจี้ยนเข้าใจผิดคิดว่าลูกน้องของเขาทั้งสามคนเป็พวกสมาคมมืดจึงได้ลงมืออย่างโเี้ ไม่เช่นนั้นพวกมันคงเพียงถูกไล่ให้กลับไป แต่เขาไม่อาจพูดอะไรได้ ไม่อาจบอกคนพวกนี้ได้ว่าสามคนนั้นเป็ตระกูลเสินเซิ่งส่งมา
คนหนึ่งตายอย่างสูญเปล่า อีกสองคนก็ไม่ทราบว่าหนีไปอยู่ที่ไหนแล้ว ไม่ว่าจะขื่นขมเพียงใด เสิ่นเยวี่ยก็ได้แต่กลืนลงท้องไป
เนี่ยหลี เ้าคนชั่วช้า!
เมื่อทราบว่าเฉินหลินเจี้ยนให้ความสำคัญต่อเนี่ยหลี ฐานะของเนี่ยหลีในกลุ่มก็เริ่มสูงขึ้น เพื่อนของเฉินหลินเจี้ยนบางคนก็เริ่มมาพูดคุยกับเนี่ยหลี
“ข้ามีนามว่าหูเหยียนหลันรั่ว เป็เพื่อนของคุณชายเฉิน มาจากตระกูลหูเหยียน” หูเหยียนหลันรั่วยิ้มน้อยๆ นางมีอายุราวสิบหกสิบเจ็ดปี เรือนร่างเร่าร้อนเปี่ยมเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้าม โดยเฉพาะทรวงอกชูชันคู่นั้น ช่างมีอิทธิพลอย่างเหลือล้น ชุดผ้าไหมสีขาวไม่อาจปกปิดร่องลึกนั้นได้หมด ยามเดินสั่นะเืเล็กน้อย ดวงตางามฉายแววน่ารักเปี่ยมเสน่ห์
แม่นางผู้นี้เป็สตรีที่งามล้ำเย้ายวนใจผู้หนึ่ง
แม้ตระกูลหูเหยียนมิใช่หนึ่งในสามตระกูลหลัก แต่ก็เป็ตระกูลที่ทรงอิทธิพลตระกูลหนึ่งในหมู่ชนชั้นสูง
“ยินดีที่ได้รู้จักแม่นางเหยียนรั่ว ข้าชื่อเนี่ยหลี” เนี่ยหลีมองๆ หูเหนียนหลันรั่วและพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย ไม่ถูกความงามล่อลวง เขามีความประทับใจหูเหยียนหลันรั่วอยู่เล็กน้อย นางมีพร์สูงส่ง เวลานี้ก็เป็ผู้ควบคุมจิติญญาระดับเงินสามดาวผู้หนึ่งแล้ว หลังจากนี้อีกหลายปี นางก็จะขึ้นเป็ว่าที่ของประมุขแห่งตระกูล
หากมีคนคิดว่าหูเหยียนหลันรั่วเป็เพียงเด็กสาวน่ารักอ่อนแอ เช่นนั้นก็คิดผิดแล้ว สามารถดำรงตำแหน่งสูงส่งในตระกูลได้ แม้จะเป็เพียงว่าที่ประมุข แต่หากไม่มีความสามารถอะไรเลยก็คงเป็ประมุขไม่ได้แล้ว
หูเหยียนหลันรั่วแปลกใจเล็กน้อย เนี่ยหลีไม่มีความหวั่นไหวต่อความงามของนาง ด้วยอายุของเนี่ยหลีในเวลานี้น่าจะเข้าใจเื่ราวระหว่างชายหญิงแล้ว เด็กหนุ่มมากมายล้วนหน้าแดงก่ำเมื่ออยู่ต่อหน้านาง แม้กระทั่งเดินก็ไม่ตรงทางแล้ว ทว่าเนี่ยหลีกลับมีทีท่าสงบสุขุมยิ่งนัก
ยังมีเด็กหนุ่มบางคนตั้งใจจ้องมองทรวงอกและบั้นท้ายของนาง เต็มไปด้วยความปรารถนา ในขณะที่เนี่ยหลีจ้องมองนางตรงๆ ด้วยดวงตาสดใส ไม่สนใจเรือนร่างที่เต็มไปด้วยความยั่วยวนของนางแม้แต่น้อย
หูเหยียนหลันรั่วมีความรู้สึกประทับใจเด็กหนุ่มเนี่ยหลีผู้นี้นัก
“ข้าแก่กว่าเ้าหลายปี อีกหน่อยเ้าเรียกข้าว่าพี่หลันรั่วก็ได้” หูเหยียนหลันรั่วยิ้มแพรวพราวพร้อมกับพูดขึ้นมา
“เรียกเ้าว่าพี่หรือ...” เนี่ยหลีค่อนข้างอาย หากหูเหยียนหลันรั่วรู้อายุที่แท้จริงของเขา ไม่รู้ว่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง
“ทำไมรึ ไม่ดีหรือ?” หูเหยียนหลัวรั่วพูดและหัวเราะอย่างอ่อนโยน
เยี่ยจื่ออวิ๋นที่อยู่ข้างๆ เนี่ยหลีรู้สึกไม่ชอบหูเหยียนหลันรั่ว พอได้ยินเสียงหัวเราะอ่อนโยนของหูเหยียนหลันรั่ว นางก็หันหน้าไปทางอื่นอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย
แม้เยี่ยจื่ออวิ๋นไม่สวยไม่เร่าร้อนยั่วยวนใจเช่นหูเหยียนหลันรั่ว แต่หากพูดถึงความงดงามสง่าที่กระจายออกมารอบตัวนาง นี่มิใช่สิ่งที่หูเหยียนหลันรั่วจะเปรียบเทียบได้เช่นกัน อีกไม่กี่ปีข้างหน้าเยี่ยจื่ออวิ๋นก็จะยิ่งมีเสน่ห์ชวนให้ผู้คนหวั่นไหวได้มากขึ้นยิ่งกว่าหูเหยียนหลันรั่ว เยี่ยจื่ออวิ๋นทำให้สายตา*ของเนี่ยหลีสูงลิบลิ่วแล้ว ดังนั้นต่อให้มีโฉมงามหูเหยียนหลันรั่วมายืนอยู่ตรงหน้า เนี่ยหลีก็ไม่มีความหวั่นไหวแม้แต่น้อย (*หมายถึงรสนิยมหรือบรรทัดฐานด้านความงามสูงลิ่ว)
หูเหยียนหลันรั่วกระพริบตาปริบๆ นางมีความสนใจในตัวเนี่ยหลีไม่น้อย
เห็นเนี่ยหลีข้างหนึ่งยืนเคียงโฉมงามเยี่ยจื่ออวิ๋น อีกข้างกำลังสนทนาอยู่กับหูเหยียนหลันรั่วผู้เร่าร้อน ทำให้พวกผู้ชายหลายคนไม่ชอบใจเข้าไปใหญ่แล้ว
ชายผู้หนึ่งเดินตรงมาทางเนี่ยหลี ร่างของเขาผอมสูง สวมใส่ชุดยาวสีขาว ดูท่าคงเป็ลูกหลานชนชั้นสูง ผิวของเขาซีดขาวเล็กน้อย ฝีเท้าเบายิ่ง เขาชื่อฉู่หยวน เป็เด็กในครอบครัวชนชั้นสูงผู้หนึ่งเช่นกัน
ดวงตาของเขากวาดมองเรือนร่างของเยี่ยจื่ออวิ๋นครั้งหนึ่ง สายตาฉายแววกระหายเล็กน้อย แม้อายุยังน้อย แต่เยี่ยจื่ออวิ๋นก็เริ่มค่อยๆ เผยความงามระดับที่จะสามารถสร้างความหายนะออกมาได้แล้ว อนาคตข้างหน้าจะต้องกลายเป็สตรีที่มีความงามที่ถูกร่ำลือกันไปทั่วทั้งเมืองอย่างแน่นอน
เสียดายที่เขารู้ดี ฐานะของเยี่ยจื่ออวิ๋นสูงส่ง ไม่ใช่ผู้ที่เขาจะแตะต้องได้อย่างเด็ดขาด
ตรงกันข้าม ฐานะของหูเหยียนหลันรั่วนั้นพอๆ กับเขา หากเขาสามารถจับหูเหยียนหลันรั่วได้ ย่อมต้องเป็ประโยชน์ต่อฐานะในครอบครัวของเขาเป็อันมาก เรือนร่างเร่าร้อนของหูเหยียนหลันรั่วทำให้หัวใจของเขาร้อนเร่า
“พวกเ้ากำลังคุยอะไรกันอยู่หรือ ข้าฟังด้วยได้หรือไม่?” ฉู่หยวนพูดขึ้นพร้อมยิ้มแย้ม ขณะมองๆ เนี่ยหลี สายตาแฝงแววดูแคลน ตามข้อมูลที่เขาได้รู้มา เนี่ยหลีมาจากครอบครัวเล็กๆ นอกจากนั้นยังไม่ใช่นักสู้ระดับหนึ่งดาวด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงความจริงที่เนี่ยหลีมีข้อขัดแย้งกับตระกูลเสินเซิ่ง แม้ตระกูลเสินเซิ่งยังไม่ลงมือกับเนี่ยหลี คิดว่าเนี่ยหลีจะยังสามารถทำตัวโอหังต่อไปได้หรือ? นั่นถือเป็การดูแคลนตระกูลเสินเซิ่งแล้ว!
“พวกเรากำลังคุยกันถึงเื่ยันต์” หูเหยียนหลันรั่วหาข้ออ้าง ในขณะเดียวกันสีหน้าของนางก็แฝงด้วยความรังเกียจและหงุดหงิด นางไม่ชอบฉู่หยวน แต่ความจริงที่ว่าตระกูลฉู่ของเขาก็มีชื่อเสียงอยู่ในเมืองกวงฮุยเช่นกัน นางจึงได้แต่ทำทีเป็มีไมตรีจิตที่ดีต่อกันในฉากหน้าเท่านั้น
“รูปแบบยันต์เป็ความชำนาญพิเศษของข้าทีเดียว! หากหลันรั่วมีตรงไหนไม่เข้าใจ เ้ามาหาข้าได้เสมอ การศึกษาวิจัยรูปแบบยันต์ของข้าย่อมต้องลึกซึ้งกว้างขวางกว่าเด็กอายุสิบสามปีผู้นี้อย่างแน่นอน” ฉู่หยวนพูดพร้อมกับหัวเราะฮ่าๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
ในใจของเยี่ยจื่ออวิ๋นไม่ค่อยเห็นด้วย ฉู่หยวนจะเชี่ยวชาญเื่ยันต์เท่าไหร่กัน เทียบกับป้าเซวียของนางได้หรือไม่? อย่างไรก็ตาม แม้กระทั่งเซวียยินก็ยังยอมรับว่าเนี่ยหลีเป็อาจารย์นักเขียนยันต์ผู้หนึ่ง!
พูดจาใหญ่โต ในใจของหูเหยียนหลันรั่วเยาะหยัน นางมีความสนใจเนี่ยหลีก็เพราะว่าเนี่ยหลีมองเพียงครั้งเดียวก็เข้าใจทะลุปรุโปร่งถึงที่มาของยันต์ะเิเพลิงสีแดง หากไม่มีความเชี่ยวชาญในเื่ยันต์เป็อย่างยิ่ง จะรู้ได้อย่างไรว่ายันต์ะเิเพลิงสีแดงนั้นมาจากหนังสืออัคคีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เล่า? เกรงว่าทุกคนคงยังไม่เคยอ่านหนังสืออัคคีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์มาก่อนด้วยซ้ำ เื่นี้ไม่ใช่แค่อาศัยโชคก็สามารถอธิบายได้
“ข้ากลับคิดว่าไม่จำเป็ หลายครั้งที่อายุก็ไม่สามารถบ่งบอกอะไรได้ มีคนที่สามารถทำลายขอบเขตของอายุอยู่เสมอ ซึ่งพวกเรามักเรียกคนเช่นนั้นว่าอัจฉริยะ” หูเหยียนหลันรั่วพูดด้วยเจตนาประจบเอาใจเล็กน้อยขณะกวาดตามองผ่านเนี่ยหลี
หูเหยียนหลันรั่วคิดว่าเนี่ยหลีเป็อัจฉริยะหรือ? ฉู่หยวนยิ้มดูแคลน หากพูดว่าเยี่ยจื่ออวิ๋นเป็อัจฉริยะผู้หนึ่งเขาคงไม่ปฏิเสธเพราะนางก้าวผ่านถึงระดับทองแดงหนึ่งดาวแล้ว อย่างไรก็ตาม เนี่ยหลีมีอาณาเขติญญาสีแดงและพลังิญญาก็ต่ำต้อยจนน่าขัน หากคนเช่นนี้สามารถนับว่าเป็อัจฉริยะได้ เช่นนั้นคำว่าอัจฉริยะก็คงไร้ค่าไปไม่น้อยแล้ว หรือมิใช่?
ต่อให้พอจะมีความรู้ด้านยันต์อยู่บ้าง แล้วจะเป็อย่างไร? เมืองกวงฮุยให้ความเคารพกับผู้เยี่ยมยุทธ์เป็อันมาก มีเพียงผู้เยี่ยมยุทธ์จึงสมควรได้รับความนับถือจากผู้อื่น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้