สามวันต่อมา! ยามค่ำคืนภายในลานที่พักเล็กๆ ของตระกูลเย่ฝั่งตะวันออก
ติ๋งๆ!
เย่ชิงหานนั่งอยู่ข้างเตียงเพียงลำพัง สองตาปิดสนิท แขนเสื้อทั้งสองข้างถูกม้วนขึ้น มือข้างขวากุมแขนข้างซ้ายของตนเองไว้มั่น บริเวณข้อมือซ้ายมีรอยแผลถูกบาดด้วยคมมีด เืสีแดงสดจากาแไหลหยดลงบนถังไม้อย่างช้าๆ มองดูแล้วเป็ที่น่าขนลุกขนพองเป็อย่างยิ่ง
ถังไม้สีดำที่อยู่ปลายเตียงในตอนนี้เต็มไปด้วยเืสีแดงสด คาดคะเนโดยคร่าวๆ น่าจะมีน้ำหนักสักหนึ่งลิตรกว่าๆ เห็นจะได้
ขณะนี้เป็เวลาดึกสงัด ตระกูลเย่ที่มีเสียงเอะอะอึกทึกครึกโครมมาตลอดทั้งวันในที่สุดก็เงียบสงบลง ภายนอกหน้าต่าง ดวงจันทร์ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้ายิ่งเสริมให้บรรยากาศในยามค่ำคืนเด่นชัดขึ้นไปอีก
ฮู่ว...
เย่ชิงหานปล่อยลมหายใจยาวออกมาครั้งหนึ่ง ใบหน้าซีดเผือดรู้สึกหัวหนักอึ้งและเท้าเบาหวิวไร้เรี่ยวแรง เขาฝืนบังคับตัวเองเอื้อมมือไปฉีกผ้าที่พอจะคว้าได้ข้างเตียงมามัดปากแผลเพื่อห้ามเืที่กำลังไหล ดูจากปริมาณเืสีแดงสดที่อยู่ในถังไม้คิดว่าน่าจะเพียงพอแล้วสำหรับการถ่ายเื จากนั้นจึงใช้เท้าถีบถังไม้ซุกไว้ข้างหนึ่งให้ห่างจากปลายเตียงแล้วจึงล้มตัวลงบนเตียงและหลับสนิทไปด้วยอาการอ่อนเพลีย
วันรุ่งขึ้น ตะวันโด่งฟ้า
“ท่านพี่ท่านเป็อะไร? รีบฟื้นขึ้นมาสิ!”
เย่ชิงอวี่ที่ผลักประตูเข้ามาได้กลิ่นคาวเืจางๆ ลอยมากระทบกับโสตประสาท นางรีบตรงเข้าไปหาพี่ชายที่นอนตะแคงอยู่บนเตียง มองเห็นผ้าที่เปรอะเปรื้อนไปด้วยคราบเืบนแขนซ้ายของเขายิ่งทำให้นางตื่นตระหนกจนหน้าซีดเผือดยิ่งกว่าเดิม ในขณะเดียวกันก็เริ่มร้องเรียกเขย่าปลุกเขาให้ตื่น
“หือ?” เย่ชิงหานลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ สองตาพร่ามัวเห็นดาวระยิบระยับ หัวหมุนคว้างด้วยอาการวิงเวียนแยกไม่ออกว่าทิศใดเหนือใต้ หลังจากหลับตาพักผ่อนลงไปอีกชั่วครู่จึงสามารถเรียกสติกลับคืนมา เมื่อมองเห็นน้องสาวที่นั่งอยู่ข้างเตียงใบหน้าเต็มไปด้วยอาการห่วงกังวลจนทำอะไรไม่ถูกนั้น ภายในก้นบึ้งจิตใจของเย่ชิงหานบังเกิดความอบอุ่นอ่อนโยนขึ้น เขายิ้มเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยขึ้น “เด็กโง่...ไม่มีอะไรหรอก คงเป็เพราะวันนั้นเสียเืมากเกินไป เ้าอย่าทำเป็กระต่ายตื่นตูมไปหน่อยเลย”
“แต่...แต่ว่าสภาพท่านพี่ในตอนนี้ดูอ่อนเพลียมากเลย”
“ไม่มีอะไรหรอก คงเป็เพราะหลายวันมานี้ข้าคงเหนื่อยเกินไป พักสักหน่อยคงไม่เป็อะไรแล้ว!” มองเห็นดวงตาที่ใสซื่อบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของน้องสาวที่เต็มไปด้วยความห่วงกังวลนั้น เย่ชิงหานยิ้มออกมาด้วยความอ่อนโยนพร้อมกับพูดปลอบโยนให้นางสบายใจ
หลังจากที่พูดปลอบโยนให้น้องสาวจากไปได้ เย่ชิงหานถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกออกมาครั้งหนึ่ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดสืบเนื่องมาจากเมื่อคืนวานที่เขาในที่สุดก็ตัดสินใจฝึกคัมภีร์ลับเืเทพขั้นที่หนึ่ง - ถ่ายเื
เย่ชิงหานหลับตาเอนกายลงไปพักผ่อนอีกชั่วครู่ ใช้มือนวดคลึงบริเวณขมับตนเองเพื่อเรียกสติและกำลังวังชาให้กลับคืนมา จากนั้นจึงลุกขึ้นยกถังไม้ใส่เืแอบเอาไปเทท้ายที่พัก
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยเย่ชิงหานออกมาจากลานที่พักตระกูลเย่ เดินมาที่ตลาดเพื่อหาซื้อเครื่องในสัตว์และผงยาสมุนไพรตามที่คัมภีร์ลับเืเทพเขียนไว้ หลังจากหาซื้อทุกอย่างได้ครบ พอกลับมาถึงห้องก็เริ่มใช้มีดสับเครื่องในสัตว์ที่ซื้อมาจนละเอียด จากนั้นโรยด้วยผงสมุนไพรลงไปแล้วทำการคลุกเคล้าให้เข้ากัน
เพียงเท่านี้ยาบำรุงเืฤทธิ์รุนแรงตามที่คัมภีร์ลับเืเทพว่าไว้ก็เป็อันสำเร็จ
“ของสิ่งนี้...มันกินได้จริงๆ หรือ?”
มองดูเครื่องในที่มีทั้งสีแดงดำปะปนกันและเืสีแดงส่งกลิ่นแปลกประหลาดคาวคละคลุ้ง แค่มองก็ถึงกับทำให้เย่ชิงหานเกิดอาการมวนท้องอยากจะอาเจียนขึ้นมาทันที ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการให้กินลงไปดิบๆ ทั้งอย่างนี้อีก
"อุ๊บ!"
เย่ชิงหานหลับตาลองหยิบเครื่องในขึ้นมาชิ้นหนึ่งโยนเข้าปาก เขาเคี้ยวไปหลายทีก่อนจะกลืนลงไป แต่เพิ่งจะกลืนลงไปได้ไม่นาน อาการพะอืดพะอมที่ตีกลับขึ้นมาจากกระเพาะทำให้เขาต้องอาเจียนสิ่งที่กลืนลงไปเมื่อสักครู่กลับออกมาเช่นเดิม
จะทำอย่างไรดี?
ขั้นตอนที่สองในคัมภีร์ลับเืเทพก็บอกไว้อย่างชัดเจนว่ายาที่ปรุงตามสูตรนี้สามารถบำรุงเืได้เป็อย่างดี แถมเมื่อวานก็ถ่ายเืออกไปหนึ่งในสี่ส่วนแล้ว หากไม่รีบทำการบำรุงเืมาทดแทนก็จะไม่สามารถดำเนินการหลอมโลหิตซึ่งเป็ขั้นที่สามได้ ในคัมภีร์อธิบายไว้อย่างชัดเจนว่าขั้นตอนที่หนึ่งและสองทั้งหมดก็เพื่อปูทางไปสู่ขั้นตอนที่สามการหลอมโลหิต ในการหลอมโลหิตนั้นจำเป็จะต้องอาศัยการสร้างเืใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง เืใหม่ที่ถูกสร้างออกมานั้นมีทั้งที่เป็เืธรรมดาและเืเทพ เืใหม่ทั้งหมดที่ถูกสร้างขึ้นมาจะถูกนำมาหลอม เืธรรมดาก็จะถูกหลอมละลายหายไปหลงเหลือไว้แต่เืใหม่ที่เป็เืเทพ ทำเช่นนี้วนซ้ำไปเรื่อยๆ ปริมาณเืเทพภายในร่างก็จะยิ่งมีมากขึ้นและเข้มข้นขึ้นเป็ทวีคูณ
ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว!
ต้องกินลงไปเท่านั้น!
ภายในหัวของเย่ชิงหานปรากฏภาพเหตุการณ์ต่างๆ ในอดีตที่ผ่านมา ทำให้จิตใจเริ่มหนักแน่นขึ้นเป็ลำดับ
เพื่อท่านพ่อที่ตายไป...กิน! เพื่อความรักที่ท่านแม่มีต่อตนเอง...กิน! เพื่อความอัปยศอดสูที่ได้รับมาตลอดหลายปี...! เพื่อน้องสาวผู้น่ารักและอ่อนโยน...กิน!
ต้องกิน! กิน! กินมันลงไปเท่านั้น!
เย่ชิงหานในตอนนี้ราวกับเครื่องจักร เขาจับเครื่องในที่วางอยู่ตรงหน้ายัดเข้าปากอย่างต่อเนื่อง ออกแรงเคี้ยวอยู่สักพักก่อนจะกลืนลงไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกพะอืดพะอมหรือรังเกียจเหมือนแต่ก่อน คล้ายกับว่าเขาได้ปิดต่อมรับกลิ่นและรสไปแล้ว
ทั้งมือและปากของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยรอยเืจากเครื่องใน กระทั่งริมฝีปากยังมีเศษเนื้อเล็กๆ ติดอยู่โดยรอบ เขาไม่ได้สนใจไยดีกับสภาพของตนในขณะนี้และยังคงเคี้ยวและกลืนเครื่องในต่อไปด้วยอาการเ็า จะมีก็แต่บางครั้งที่เขาแสยะยิ้มขึ้นเล็กน้อยซึ่งทำให้สภาพของเขาดูเป็ที่น่าขนลุกมากยิ่งขึ้น
ผ่านไปไม่นาน เครื่องในสัตว์ชามใหญ่ก็ถูกเขากินจนไม่เหลือ น้ำที่เตรียมไว้ข้างๆ ั้แ่แรกถูกเขายกขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด หลังจากที่คว้าเอาผ้ามาเช็ดปากและมือจนสะอาดจึงนั่งกลับลงไปบนเตียงนอน ทำการถอดเสื้อผ้าออกจนหมดเหลือไว้แค่กางเกงขาสั้นเพียงตัวเดียว
เย่ชิงหานเอื้อมมือไปหยิบเข็มเงินที่เตรียมไว้ที่หัวเตียง จากนั้นปักเข็มลงไปอย่างระมัดระวังยังจุดชีพจรทั้งสิบสองแห่งตามภาพประกอบในคัมภีร์ โดยทั้งสิบสองจุดแบ่งเป็ บนศีรษะสองจุด แขนและขาทั้งสองข้าง ข้างละสองจุด บนลำตัวอีกสองจุด ทั้งหมดล้วนเป็จุดที่เชื่อมต่อกันของเส้นเื ยังดีที่จุดทั้งหมดนี้อยู่ด้านหน้าของร่างกาย หากอยู่ด้านหลังแล้วเล่าก็ เย่ชิงหานเองก็ไม่รู้ว่าจะปักลงไปให้ถูกได้อย่างไร
หืม?
หลังจากที่ปักเข็มเงินลงไป เย่ชิงหานรู้สึกได้ถึงความร้อนวูบวาบและความรู้สึกเจ็บๆ คันๆ เล็กๆ ที่แผ่ออกมาจากจุดชีพจรนั้น ความรู้สึกคล้ายกับมีมดสิบสองตัวกำลังกัดอยู่ตรงจุดชีพจรทั้งสิบสองจุด
ได้ผล!
เย่ชิงหานรู้สึกตื่นตระหนกระคนยินดี ถึงแม้จะไม่รู้ว่าปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้เป็สิ่งดีหรือไม่ดี แต่อย่างน้อยมันก็ได้ผล
คัน! คัน! คัน!
ทันใดนั้นเอง จุดชีพจรทั้งสิบสองจุดเรื่อยไปจนถึงเส้นเืทั่วร่าง จากแรกเริ่มที่รู้สึกร้อนวูบวาบและรู้สึกเหมือนถูกมดสิบสองตัวกำลังกัด แต่ตอนนี้กลับรู้สึกแสบคันไปทั่วร่างราวกับถูกมดนับล้านๆ ตัวรุมกัดแทะและร้อนผ่าวเหมือนโดนไฟลวก แม้จะเป็การเ็ปแสบคันที่ไม่รุนแรงมากแต่ก็ไม่ใช่เื่ง่ายที่จะทนรับไหว ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือเขาไม่สามารถที่จะไปเกาหรือแตะต้องััมันได้ ในคัมภีร์เขียนไว้อย่างชัดเจนว่าลักษณะอาการเช่นนี้เป็กระบวนการของการหลอมโลหิต พูดง่ายๆ ก็คือ เคล็ดวิชาในคัมภีร์กำลังแสดงผล เป็กระบวนการในการสร้างเืใหม่
ทั้งเ็ปและทั้งมีความสุข!
นี่คือความรู้สึกของเย่ชิงหานในตอนนี้ เ็ปคืออาการทางร่างกายที่ได้รับ มีความสุขคือความรู้สึกที่เกิดขึ้นทางจิตใจ เพราะเขารู้สึกได้ถึงความหวัง คัมภีร์ลับเืเทพใช้ได้ผลจริงๆ เช่นนี้ก็แสดงว่าเขามีโอกาสที่จะเรียกสัตว์อสูรระดับสูงให้ออกมาได้ในพิธีปลุกพลังทางสายเือีกสิบวันต่อจากนี้ แสดงว่าเขามีหวังที่จะได้เข้าร่วมเป็ศิษย์สายในของตระกูล แสดงว่าเขาสามารถที่จะทำตามความปรารถนาสุดท้ายของมารดาให้สำเร็จได้ แสดงว่าเขาสามารถที่จะแก้แค้นที่โดนซัดหนึ่งฝ่ามือในวันนั้น แสดงว่าเขามีโอกาสกลายเป็ผู้ที่สูงส่งกว่าคนทั่วไปและสามารถกำหนดชะตาชีวิตของตนเองได้
คนเรามีชีวิตอยู่ถึงจะมีความหวัง มีความหวังจิตใจถึงจะมีสิ่งกระตุ้นและแรงขับเคลื่อน!
ยังดีที่ความรู้สึกราวกับถูกมดนับล้านรุมกัดแทะคงอยู่แค่ไม่นาน เวลาผ่านไปเพียงแค่สิบกว่านาทีความรู้สึกนั้นก็ค่อยๆ จางหายไป แต่สำหรับเย่ชิงหานกลับรู้สึกว่าเวลาได้ผ่านไปเนิ่นนานหลายปีเสียอย่างนั้น ตอนนี้ทั่วทั้งร่างของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อร้อน ผมบนศีรษะเปียกชุ่มราวกับคนที่กำลังเพิ่งจะสระผมทำความสะอาดมาใหม่ๆ
ฮู่ว!
เย่ชิงหานปล่อยลมหายใจยาวออกมาครั้งหนึ่ง ภายในใจเกิดความคิดอะไรบางอย่างขึ้น “ท่านพ่อสมกับที่เป็ท่านพ่อจริงๆ! ไม่เสียทีที่เป็อัจฉริยะบุคคลผู้มีพร์ที่ร้ายกาจที่สุดที่ยากจะพบพานในรอบร้อยปีของตระกูล อย่างน้อยคัมภีร์วิชาลับเืเทพเล่มนี้ก็เป็สิ่งที่แสดงให้เห็นถึงพร์ของท่าน แม้ไม่รู้ว่าผลที่ได้รับจากการฝึกจะเป็เช่นไร แต่ดูจากขั้นตอนวิธีการฝึกั้แ่การถ่ายเื การบำรุงเื และการหลอมโลหิต แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ชื่อเสียงของท่านสั่นะเืเลื่อนลั่นไปทั่วแผ่นดิน”
เมื่อมีประสบการณ์การฝึกของวันแรกเป็เครื่องนำทางแล้ว การฝึกของวันต่อๆ มาก็ราบรื่นไปด้วยดี ทุกๆ วันเย่ชิงหานจะขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง ถ้าหากไม่ฝึกพลังปราณรบก็จะฝึกวิชาลับเืเทพสลับกันไป วันเวลาที่ผ่านไปล้วนใช้ไปในการฝึกฝนอย่างหนักอย่างคุ้มค่า
ส่วนเย่ชิงอวี่แรกเริ่มนางก็มีความห่วงกังวลอยู่บ้าง เมื่อเย่ชิงหานฝึกฝนวิชาลับเืเทพถึงวันที่สามถูกนางสอบถามจนหมดหนทางที่จะพูดบ่ายเบี่ยง จึงบอกความจริงกับนางไปว่าตนเองกำลังฝึกฝนวิชาลับเืเทพที่อยู่ในคัมภีร์ลับนั้น แต่เมื่อนางเห็นถึงปณิธานอันแน่วแน่ของเขาและการฝึกฝนก็ได้ล่วงเลยมาจนสามวันแล้ว นอกจากหน้าตาที่ซีดเผือดและร่างกายที่ซูบผอม ส่วนอื่นก็ไม่ได้ผิดปกติหรือเจ็บป่วยแต่อย่างใด ดังนั้นจึงไม่ได้ขัดขวางหรือห้ามปราม ที่นางทำได้ก็เพียงแค่ทุกๆ วันที่จุดธูปคารวะป้ายิญญาของท่านพ่อและท่านแม่นางก็จะอธิษฐานขอพรให้พี่ชายด้วยทุกครั้ง
วันที่สิบห้าของการฝึกวิชาลับเืเทพ
เย่ชิงหานเก็บเข็มเงินใส่ถุงผ้าอย่างเงียบๆ ตลอดสิบห้าวันของการฝึกอย่างหนักทำให้ร่างกายของเขาซูบผอมลงไปมาก ใน่ของการฝึกเขาทานแค่ผักและผลไม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะต้องกินเครื่องในสัตว์สดๆ บำรุงเือยู่ทุกวัน จึงไม่มีกะจิตกะใจกินอาหารอย่างอื่น ดังนั้นที่ซูบผอมลงมากเช่นนี้จึงไม่ใช่เื่ที่แปลก
จากการฝึกฝนอย่างหนักตลอดสิบกว่าวันเป็ผลทำให้ร่างกายของเขาดูมีประกายขึ้นอย่างเด่นชัด ราวกับถูกจับใส่เครื่องกลั่นคัดกรองเอาสิ่งเจือปนที่ไม่ดีออกไปจนหมด รวมถึงสายตาที่มีความเด็ดเดี่ยวและแหลมคมยิ่งขึ้นกว่าเก่า
“ฮู่ว! ในที่สุดก็ฝึกสำเร็จซะที ตลอดสิบห้าวันมานี้ไม่ต่างจากตกนรกเลยเชียว ได้ผลไม่ได้ผลรอดูพรุ่งนี้ก็แล้วกัน!”
เย่ชิงหานนั่งอยู่ข้างหน้าต่างมองดูดวงจันทร์สว่างไสวที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า เขาถอนหายใจยาวออกมาครั้งหนึ่ง สิบกว่าวันของการฝึกฝนอันทรมานที่เหมือนดั่งตกนรกในที่สุดก็จบลง ่เวลานั้นมันเกือบจะทำเอาสติสัมปชัญญะของเขาพังทลายไปเลยก็ว่าได้
วันพรุ่งนี้!
พรุ่งนี้เป็วันงานพิธีปลุกพลังทางสายเืของตระกูลเย่ที่จัดขึ้นปีละครั้ง และครั้งนี้เป็โอกาสครั้งสุดท้ายที่เย่ชิงหานจะได้เข้าร่วม เพราะอายุครบสิบห้าปีพอดี
ตลอดสิบห้าปีที่ฝึกฝนอย่างยากลำบาก ตลอดสิบห้าวันของการฝึกที่ทุกข์ทรมานราวกับตกนรก ความปรารถนาครั้งสุดท้ายของมารดา อนาคตข้างหน้าของตนเองและน้องสาว ทั้งหมดทั้งมวล...ความหวังและความฝัน จะดำเนินต่อไปหรือสิ้นสุดลงก็ขึ้นอยู่กับวันพรุ่งนี้แล้ว!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้