เจียลี่คอยปรนนิบัติท่านอามาร่วมสามเดือน นางทำอาหารให้เขาวันละมื้อ แวะเวียนมาตรวจตราความเรียบร้อยในเรือนไม้กว้างขวาง ไม่ไกลจากตลาดในตัวเมืองทุกเย็นหลังจากที่นางเลิกงานขายผ้า ถึงแม้ว่านางจะยุ่งวุ่นวายสักเท่าไร
ก็ไม่แปลกที่นางสามารถแยกแยะได้ว่าวันไหนเขาเมาเล็กน้อย อาจแค่มึนศีรษะ เพียงแต่ว่ายังไม่เมา วันไหนเขาเมาเละเทะ เมาหัวราน้ำ หรือว่าแสร้งเมา...
หลายวันมานี้นางพบมิตรสหายของท่านอา แลเห็นว่าเขาแสร้งเมาเสียมากกว่าเมาเละเทะ เขาไม่นำสุราซึ่งนางยอมรับเงินของเขาไปเป็ธุระให้ มาแช่อาบ ทว่าดื่มกินอย่างละเมียดละไม รินใส่จอกเหล้า ขณะเจรจาเื่งานกับชายผู้สวมอาภรณ์ขุนนาง
“มาแล้วหรือเจียลี่” เสียงเข้มถามทันทีที่พบร่างบางในอาภรณ์สีขาวสะอาด นางถือตะกร้าอาหาร วางห่อผ้าลงบนโต๊ะไม้สักในห้องรับรองแขก
“วันนี้มีอะไรมาให้ข้ากิน?”
“ผัดผัก แกงจืดผักกาดขาว ไก่ตุ๋น ขนมอีกหลายอย่างเ้าค่ะท่านอา” ริมฝีปากอิ่มงามด้วยกระดาษชาดตอบอย่างสำรวม นางหันไปยกมือทำความเคารพแขกของท่านอาอย่างสุภาพนอบน้อม
“ยินดีที่ได้พบแม่นาง สกุลเยี่ยใช่หรือไม่? ท่านหวังเฟยพูดถึงเ้าอยู่”
“เ้าค่ะ”
“ไม่ยักรู้ว่าท่าน... มีสาวงามมาคอยส่งข้าวปลาอาหารด้วย มิน่าเล่า พักนี้ถึงดูแลตัวเองดี”
“พวกข้าขอตัวลาก่อนดีกว่า ไว้มาดื่มกันใหม่”
ชายในอาภรณ์ขุนนางทั้งสี่กล่าวลาเ้าของเรือน ถือไหสุราลุกขึ้นเดินออกจากห้องรับแขก แทนที่จะให้นางเป็ฝ่ายออกไปไม่รบกวนพวกเขา
เจียลี่วางตัวไม่ถูกนัก เมื่อนางอยู่ในสถานะสตรีชนชั้นต่ำกว่า อายุวัยน้อยกว่าพวกเขามาก มิตรสหายของเขาลอบยิ้มกรุ้มกริ่มมองนางและเ้าของบ้านก่อนจะขึ้นรถม้าไป หวังเฟยเรียกนางซึ่งยืนรอเขาอยู่ด้านหน้า ให้เข้ามานั่งด้วยกัน
บรรดามิตรสหายคงรู้ว่าแม่ครัวคนนี้ทำให้น้ำหนักที่เคยลดฮวบของหวังเฟยคืนกลับมา แก้มที่เคยซูบตอบแลดูอิ่มเอิบ เคราครึ้มแซมเทาบนใบหน้าหล่อเหลาก็เกลี้ยงเกลา เรือนกายกำยำมีมัดกล้ามอย่างชายชาตินักรบผู้ทำงานกับโรงถลุงแร่และงานตีเหล็ก
“เ้ารู้ว่าข้าชอบกินอะไร พวกเขาเลยไม่รบกวนข้า ให้ข้าได้กินอาหารให้อิ่มเสียก่อน ร่ำสุราเมื่อใดก็ได้ ไม่ใช่ปัญหา” หวังเฟยไขข้อข้องใจให้นางเลิกสงสัย นางนั่งลงบนโต๊ะอาหารในห้องรับรองแขก ในฝั่งตรงข้าม
“ท่านอาชอบผัดผักใส่ไข่ อาหารไม่เค็มจัด ต่างจากผู้อื่น นิยมกินอาหารรสชาติเค็ม แต่ข้าเห็นท่านกินทุกอย่าง”
“ไท่เป่า[1]ชื่นชมอาหารฝีมือเ้า คงจะขอวานเ้าเอามาให้ข้าอีก ข้ามีค่าจ้างเ้าทำ”
“ข้าไม่ชอบรับเงินจากท่านเท่าไร”
“รับอย่างอื่นดีไหม?” ถามด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ขณะใบหน้าสวยหวานก้มลงมองอาหารบนโต๊ะ นางคีบอาหารเข้าปากอย่างระวังกิริยามารยาท อาหารคำเล็ก ๆ ในมือเรียว อยู่ในสายตาเอ็นดูของท่านอา เขากินข้าวชามใหญ่ ตักข้าวถึงสามถ้วย ไม่ใช่หวังเฟยผู้ซูบผอมเป็โครงกระดูก
‘ทีเ้ายังไม่ชอบให้ใครมาดูแคลนเ้าเื่ขาของเ้า ไยลับหลังข้า ได้ยินจากบ่าวว่าเ้าพูด... ข้าเป็ไอ้ขี้เมา ผ่ายผอมเป็ยาจก’
‘ข้าเป็เช่นนี้มาแต่กำเนิด ผิดจากท่านที่เลือกได้ว่าจะผ่ายผอมหรือแข็งแรง ท่านสามารถเลือกได้ว่าจะออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์และงดสุรา’
คำพูดจาของเจียลี่คล้ายกับว่ากำลังสั่งสอนท่านอาทางอ้อม หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน เขาก็เริ่มไล่ตะเพิดบ่าวรับใช้ ขว้างปาถ้วยชามแตกกระจาย จึงไม่มีใครอยู่ทน บ่าววิ่งวุ่นกันไปหมด มาช่วยงานไม่กี่วันก็สลับเปลี่ยนผู้อื่นให้เข้ามา เพื่อที่ตนจะได้กลับไปทำงานหน้าเตาเผา คงสบายใจกว่ารองรับอารมณ์ร้อน ๆ ของผู้คุมโรงแร่ที่เกิดบ้าคลั่งเพราะฤทธิ์สุรา
“เ้าไปแจ้งสกุลเยี่ยด้วยว่าไม่ต้องนำผ้ามาให้ข้าอีก ข้าไม่ใช่หญิงงามที่จะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกวัน วันละหลาย ๆ ชุด ให้ทันยุคสมัยตามใครเขาสวมใส่อะไร หากข้าอยากได้ผ้าเมื่อไร ข้าจะไปซื้อที่หน้าร้านด้วยตัวข้าเอง”
“ข้าจะรีบกลับไปบอกผู้าุโเ้าค่ะ”
“ไม่ต้องรีบไป เ้ากินให้อิ่มก่อน” หวังเฟยกำชับนาง ด้วยเห็นว่านางเป็สตรีกินข้าวเชื่องช้า นั่นก็เป็เื่ดีของเขาอีกอย่างหนึ่ง เมื่อเขาจะได้พบนางวันละหนึ่งมื้อเป็เวลานาน เฝ้ามองนางคีบอาหารเข้าปากทีละคำ
“วันนี้ข้าไม่ได้กลิ่นขี้วัว?”
“ข้าเดินเลี่ยงไปทางอื่น ไม่เจอพวกเด็ก ๆ แกล้งข้า...”
“เด็กพวกนั้นถูกตามใจจนเคยตัว ควรได้รับโทษทัณฑ์ ฐานกลั่นแกล้งผู้อื่นเสียบ้าง ได้ยินว่าเป็ลูกหลานคหบดี ทำตัวเป็นักเลงโตมานาน”
หวังเฟยพอรู้มาบ้างว่านางถูกกลั่นแกล้งเป็ประจำั้แ่เล็ก เพราะเื่ขาของนางเป็จุดสนใจ มารดาของนางไม่ได้มีหน้ามีหน้าตาในสังคม อยู่ ๆ ก็ร่ำรวยขึ้นมาหลังสกุลเยี่ยเปิดกิจการขายผ้า เด็กชายกลุ่มหนึ่งละแวกบ้านของนางเติบโตเป็วัยรุ่น ตั้งใจมาเฝ้ารอนาง หากวันไหนนางเดินเท้ากลับบ้าน
“ข้าไม่เป็ไร ข้าชินแล้ว ท่านอย่าได้ไปสนใจพวกเขาเลย คุยเื่อื่นดีกว่า”
เจียลี่ไม่อยากให้ใครเดือดร้อนเพราะนาง จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา นางเกรงว่าท่านอาจะไปเอาเื่พวกเขาแล้วเกิดปัญหาในภายหลัง นางเองก็ระวังตัว นางเลือกที่จะกลับบ้านด้วยรถม้า กับบ่าวรับใช้ชายตัวโต ๆ ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่อาจช่วยเหลือนางได้ คงอุ่นใจกว่าเดินเท้ากลับบ้านคนเดียว
ข้าวสวยที่มีควันลอยฉุยจากโถข้าวทำให้นางลืมาแภายในจิตใจ ท่านอาเขยตักข้าวให้นาง บ่นว่ากินไม่ไหวแล้ว นางตักข้าวกลับคืนให้เขา ใช้ตะเกียบคีบอาหารโดยไม่นึกรังเกียจ หวังเฟยนึกเื่สำคัญขึ้นมาได้
“ท่านอาหญิงของเ้าเพิ่งมาแคว้นหลู่ได้สักพัก นางมาพบข้าครั้งหนึ่ง...”
“ท่านอา... ไม่เป็ไรใช่ไหม?”
“ข้าสบายดี เพียงแต่” ปลายเสียงเงียบงัน ลังเลใจว่าจะพูดกับนางดีหรือไม่
“ลี่จิ่นบอกข้าว่า... เ้าชอบข้าหรือ? เจียลี่”
“ชอบสิเ้าคะ ท่านอาดีกับข้า ท่านเป็ผู้มีพระคุณของข้า คอยช่วยเหลือครอบครัวข้าเสมอ”
“ข้าไม่ได้หมายถึงเื่นั้น”
ท่านอาไม่คิดทำลายบรรยากาศบนโต๊ะอาหาร ทว่าเขาไม่ชอบรอยยิ้มเสแสร้ง พูดจาฉะฉานไม่สะท้านะเื ในเมื่อจี่ลิ่นเป็ผู้เอ่ยความจริงกับเขาว่าทำไมหลานสาวจึงยอมห่ออาหารให้เป็อย่างดี เื่ที่นางมาดูแลเขาก็ไม่ใช่เพียงผลประโยชน์ คนทางบ้านนางวานขอให้นางมา
“อาหญิงเ้าบอกกับข้าว่า... เ้าคิดคดทรยศนาง เ้ามีใจให้ข้านับั้แ่ที่ข้าเริ่มคบหากับนาง ล่วงรู้ความในใจเ้ามาโดยตลอด เ้าเฝ้ามองข้าอย่างหญิงมองชาย ไม่เคยคิดว่าข้าเป็ท่านอาเขย นางจึงสบโอกาสใช้ประโยชน์จากเ้า เื่ทำอาหาร...”
เจียลี่รู้สึกถึงความร้อนทั่วใบหน้าและลำคอ นางกลืนข้าวไม่ลง รีบยกแก้วขึ้นดื่มน้ำอึกใหญ่ นางเช็ดปากลวก ๆ ก้มศีรษะว่องไว
“ข้าขอตัวลาเ้าค่ะ พอดีว่า... ข้ามีธุระด่วน”
“ตอบข้ามา ก่อนที่ข้าจะหักขาเ้าเสีย จะได้ไม่ต้องลุกหนีไปไหน...” ถ้อยคำเด็ดขาดของท่านอารั้งนางไม่ให้ลุกจากที่นั่ง ั์ตาลุ่มลึกปรากฏอารมณ์เคียดแค้นระลอกหนึ่ง เขากดดันนาง เพื่อให้นางตอบคำถาม
[1] ไท่เป่า 太保 องครักษ์ใหญ่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้