ตอนที่ใต้เท้าไซพูดชื่ออาหารออกมา ใบหน้าและท่าทางอ่อนโยนราวกับกำลังนึกย้อนไปถึงความทรงจำอันงดงามในครั้งเก่า
ใต้เท้าไซเล่าว่า ตอนที่ทานอาหารชนิดนี้ให้ความรู้สึกอบอุ่นอ่อนโยนเหมือนมีกระแสอบอุ่นสายหนึ่งแล่นเข้ามาในร่างกาย เริ่มจากกระเพาะอาหารก่อนจะไหลเวียนไปทั่วทั้งร่าง น้ำแกงข้นเห็ดหูหนูใส่รังนกมีรสชาติหวาน ทานแล้วทำให้จิตใจเบิกบาน รสชาติเช่นนั้นแม้จะผ่านมาหลายปีแล้วก็ยากที่จะลืมได้ลง
อาหารที่มีเื่ราวส่วนใหญ่มักจะเป็ฝีมือของคนที่มีเื่ราวร่วมกัน หนิงมู่ฉือจึงถามถึงคนที่ทำอาหารชนิดนั้นกับใต้เท้าไซ เมื่อได้รู้คำตอบในใจนางจึงเริ่มเป็รูปเป็ร่าง
ทั้งสองคุยเื่หนังสืออภัยโทษในห้องหนังสือไม่นาน ที่นานเพราะคุยเื่น้ำแกงข้นเห็ดหูหนูใส่รังนก จ้าวซีเหอกับไซพานอันที่รออยู่ด้านนอกคนหนึ่งนั่งนิ่งรอด้วยไม่มีอะไรทำ ส่วนอีกคนอยู่ไม่นิ่งอย่างร้อนรน
“ซื่อจื่อ เหตุใดท่านถึงไม่มีท่าทีร้อนใจเลย” ไซพานอันที่เดินไปมาหลายรอบหันไปถามจ้าวซีเหอที่เอาแต่นั่งนิ่งอยู่ตลอดด้วยความโมโห ที่ชายหนุ่มไม่สบอารมณ์เป็เพราะอยากรู้ว่าเหตุใดบิดาถึงเก็บเื่นี้เป็ความลับแม้แต่กับตัวเขาเอง
โดยที่ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่าใต้เท้าไซเองก็ลำบากใจเช่นกัน หากบอกเื่นี้ให้แก่บุตรชาย บุตรชายจะต้องดีใจจนป่าวประกาศเื่นี้ไปทั่วท้องถนนเป็แน่ พอถึงตอนนั้นทุกคนก็จะรู้เื่นี้กันไปทั่ว
ความที่จ้าวซีเหอเข้าใจในเื่นี้ดีจึงไม่มีท่าทีร้อนใจ
“จะใจร้อนไปไย หากเื่มันง่ายดายเช่นนั้นข้าจะมาหาเ้าทำไม ข้าจัดการเองไม่ดีกว่าหรือ” จ้าวซีเหอที่ไม่มีอะไรทำจึงเล่นกับนกแก้วที่อยู่ในกรง ถูกต้อง นั่นคือนกแก้วตัวเดียวกับตัวที่จิกมือไซพานอันก่อนหน้านี้
“สมกับเป็สัตว์เดรัจฉาน ข้าเลี้ยงเ้ามานานไม่เห็นจะเชื่องเช่นนี้เลย ไม่รู้หรือว่าผู้ใดกันแน่คือนายของเ้า!” ไซพานอันมองนกแก้วที่กำลังกินอาหารที่จ้าวซีเหอยื่นให้อย่างเชื่อฟังขณะบ่นเ้านกแก้วผู้ไม่รู้ความ
“ซื่อจื่อ ท่านว่าเหตุใดแม่นางหนิงกับท่านพ่อเข้าไปคุยกันในห้องหนังสือตั้งนานแล้วถึงยังคุยกันไม่เสร็จอีก” เขาเดินไปเดินมาพร้อมกับพูดก็ยังพอว่า แต่นี่กลับชะโงกศีรษะไปทางห้องหนังสือด้วย ทว่าห้องหนังสือกลับปิดเงียบทำให้มองข้างในไม่เห็น
ในที่สุดหนิงมู่ฉือและใต้เท้าไซก็เดินออกมาจากห้องหนังสือ ครั้นใต้เท้าไซเห็นบุตรชายกับจ้าวซีเหอที่ยังคงนั่งรออยู่ด้านนอกจึงหันหลังไปเอ่ยกับหนิงมู่ฉือว่า “รบกวนแม่นางแล้ว” ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาจ้าวซีเหอ โค้งกายทักทายจากนั้นถึงค่อยหมุนตัวเดินออกไป
“แม่นางหนิง เป็อย่างไรบ้าง สำเร็จหรือไม่” ไซพานอันเอ่ยถามอย่างร้อนใจระคนเป็ห่วง หนิงมู่ฉือได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดเนื่องจากต้องปิดบังเื่นี้จากอีกฝ่าย
“คุณชายไซ เื่ของข้ามันก็เป็เช่นนี้ แต่ถึงอย่างไรข้าก็ต้องขอบคุณคุณชายมากที่ช่วยเหลือ เพื่อตอบแทนท่าน คำที่ข้าพูดก่อนหน้านี้ข้าจะทำตามนั้นทั้งหมด” หนิงมู่ฉือไม่ได้ตอบออกไปว่าสำเร็จหรือไม่สำเร็จ แต่ใช้เื่การทำอาหารมากลบเกลื่อนแทน
เพียงแค่เห็นรอยยิ้มของหนิงมู่ฉือ จ้าวซีเหอก็เข้าใจทันที ก่อนจะจากไปใต้เท้าไซกล่าวว่า “รบกวนแล้ว” ก็น่าจะเกี่ยวกับการทำอาหาร ในเมื่อตอนนี้เื่นี้สำเร็จไปได้ด้วยดี เช่นนั้นก็หมดเื่ของเขาแล้ว
เมื่อไซพานอันได้ยินว่าหญิงสาวจะอยู่ที่นี่ทำอาหารให้ทานก็รู้สึกดีใจอย่างยิ่ง ไม่ถามต่ออีกว่าสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ตัวเองได้ในสิ่งที่้าเป็พอ
“เมื่อสักครู่ท่านพ่อมีเื่ใดรบกวนท่านหรือ” ไซพานอันเห็นเหตุการณ์ตอนที่ทั้งสองคนออกจากห้องหนังสือเช่นกันจึงอดไม่ได้ที่จะถามอย่างอยากรู้
“ใต้เท้าไซอยากทานน้ำแกงข้นเห็ดหูหนูใส่รังนก ข้าจึงจะทำให้ เพียงแต่…”
ครั้นได้ยินว่าจะมีของอร่อยให้ทาน แววตาของชายหนุ่มทั้งสองพลันเปล่งเป็ประกาย “เพียงแต่อะไรหรือ” ในเมื่อหนิงมู่ฉือจะทำของอร่อย จ้าวซีเหอจึงคิดว่าตัวเองจะทำหน้าหนาขออยู่ทานที่นี่สักมื้อ
“เพียงแต่รังนกเป็วัตถุดิบที่หาได้ยาก” การจะทำอาหารให้อร่อยก็ต้องใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุด มันถึงจะดึงเสน่ห์ของอาหารออกมาได้
“ข้าก็นึกว่าเื่ใดกัน เื่รังนกเ้าอยากได้เท่าไหร่ข้าสามารถช่วยเ้าหามาได้เท่านั้น เพียงแต่รังนกของจวนเสนาบดีมีหรือจะสู้รังนกของตำหนักอ๋องได้ เดี๋ยวข้าให้คนไปนำรังนกที่ได้รับบรรณาการมามาให้”
เพื่อให้สามารถอยู่ทานของอร่อยที่นี่ได้ เขาจะต้องยอมเสียสละบ้าง จะได้มีข้ออ้างในการอยู่ทาน จ้าวซีเหอคิดในใจ
“จะใช้รังนกที่ได้รับบรรณาการมาไม่ได้ รังนกที่ข้า้าต้องเป็รังนกที่เก็บสดๆ ใหม่ๆ ต่อให้รังนกที่ได้รับบรรณาการมาจะคุณภาพดีแค่ไหน หรือมีประโยชน์มากมายเพียงใด หากก็เป็รังนกที่เก็บมานานแล้ว มันจะส่งผลต่อรสชาติได้”
หนิงมู่ฉือเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง เดิมทีนางเป็แม่ครัวที่มีพร์จึงตั้งอกตั้งใจกับเื่การทำอาหารเป็พิเศษ
ในสายตาคนทั่วไป บางทีรสชาติอาจจะไม่แตกต่างกันมาก หรือบางคนอาจจะแยกไม่ออกเลยด้วยซ้ำ แต่เพื่อให้ได้รสชาติอย่างที่ใต้เท้าไซ้า และเพื่อเป็การท้าทายตัวเองไปในตัว นางจึงต้องตั้งใจให้มาก
จ้าวซีเหอกลอกตามองบน ทำอาหารก็คือทำอาหาร เหตุใดต้องมากเื่เช่นนี้ด้วย ฝีมือการทำอาหารของหนิงมู่ฉือเป็อย่างไรเขารู้ดี ต่อให้ทำในสภาพแวดล้อมที่ขัดสนและลำบาก นางก็สามารถทำอาหารเลิศรสออกมาได้ แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงได้มามากเื่กับเื่วัตถุดิบเล่า
“เ้าโง่หรือไร ที่นี่เมืองหลวงนะไม่ใช่ริมทะเล จะไปหารังนกสดใหม่มาจากที่ใด ต่อให้รีบเร่งขนส่งมาจากทะเลก็ยังต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะมาถึงที่นี่” จ้าวซีเหอว่า
หากเพื่่ออาหารชนิดเดียวถึงกับต้องทุ่มเทถึงเพียงนี้ เช่นนั้นเขาไม่ทานก็ได้
หนิงมู่ฉือมีสีหน้าเคร่งเครียด ไม่มีวิธีใดจะแก้ปัญหาเื่นี้ได้เลยหรือ หากใช้รังนกธรรมดาจะได้รสชาติอย่างที่ใต้เท้าไซ้าหรือเปล่านางเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน
“เื่นี้แก้ได้ง่ายมาก” ไซพานอันเอ่ยออกมาในเวลานี้เอง ทำให้ทั้งจ้าวซีเหอและหนิงมู่ฉือต่างตาโตด้วยความนึกไม่ถึง
“เ้ามีวิธีอย่างไรหรือ” จ้าวซีเหอเอ่ยถามคล้ายไม่เชื่อ ขนาดเขาเป็ถึงซื่อจื่อผู้ที่มีมันสมองฉลาดหลักแหลมยังคิดวิธีไม่ได้ แล้วอีกฝ่ายที่เป็แค่ ‘คุณชายโง่เง่า’ ผู้หนึ่งจะไปหาวิธีมาจากที่ใด
“หากท่าน้ารังนกสดใหม่ ข้าสามารถพาท่านไปเก็บได้ เพียงแต่ไม่ใช่รังนกจากริมทะเล สมัยเด็ก ข้ากับบิดาเคยไปเที่ยวนอกเมือง ต่อมาเกิดหลงทาง ทำให้บังเอิญไปเจอรังนกนางแอ่นในูเาลูกหนึ่งเข้า ตอนนั้นพวกเรารังเกียจที่มันอยู่บนเขา รู้สึกว่ามันไม่สะอาดจึงไม่มีความคิดอยากจะเก็บมันมาทาน”
หนิงมู่ฉือได้ฟังแววตาพลันเป็ประกาย “คงจะเป็รังนกในถ้ำบนูเา แม้สีสันจะเทียบกับรังนกในถ้ำริมทะเลไม่ได้ แต่ก็มีสรรพคุณพอๆ กัน!”
ไซพานอันได้ฟังที่หนิงมู่ฉือพูดก็คิดในใจว่า ที่แท้มันก็สามารถทานได้ เขาจึงอาสากับหญิงสาวว่าจะพาไปเก็บ โดยไม่มีทีท่าว่าจะชวนจ้าวซีเหอให้ไปด้วยแต่อย่างใด
จ้าวซีเหอแค่นเสียงฮึในลำคออย่างเ็า ก่อนจะลากตัวหนิงมู่ฉือกลับตำหนัก ตอนนี้เริ่มจะเย็นแล้ว หากขึ้นูเาตอนนี้อาจจะไปเจอสิงสาราสัตว์ดุร้ายได้ เพื่อความปลอดภัยไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน