มู่หรงอวี้รีบเดินไปด้านนอกเอ่ยถามด้วยเสียงหนักแน่น “เหมือนจะหาเจอ? ที่ไหน?”
มู่หรงฉือเห็นเขาร้อนใจขนาดนี้ ในใจก็รู้สึกจุกเล็กน้อย
เสิ่นจือเหยียนชี้ไปยังองครักษ์สองคนที่อยู่ด้านล่างบันไดของตำหนัก “องครักษ์สองคนนี้บอกว่าเหมือนกุ้ยเฟยจะอยู่ที่หอหลิงเฟิง แต่ว่ายังไม่แน่ใจมากนักพ่ะย่ะค่ะ”
มู่หรงอวี้มองนางอย่างไม่ใส่ใจนัก ในดวงตาซุกซ่อนความคิดอันลึกล้ำไร้ขีดจำกัด “ไปดูด้วยกัน”
นางถลึงตาใส่เขา ก่อนจะเดินนำออกไปด้านนอก
หอหลิงเฟิงอยู่ไม่ไกลจากตำหนักชิงหลวนไปทางตะวันตกเฉียงใต้ ตัวหออยู่ตรงกลางของทางตะวันตกของสวนในวัง หอหลิงเฟิงมีสี่ชั้น เมื่อมองออกไปจะเห็นทิวทัศน์กว้างไกล ตามเสาสลักลายทาสีงดงาม รอบหอปลูกต้นไม้ดอกไม้หายาก ปกติแล้วเฟยผินหลายคนมักจะมาเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจที่นี่
วันนี้เป็งานเฉลิมฉลองวันเกิดของเซียวกุ้ยเฟย เฟยผินที่วังหลังต่างจะต้องมาร่วมเฉลิมฉลองงานทั้งสิ้น คนงานในวังมากมายต่างถูกส่งไปช่วยงาน ไม่มีผู้ใดมาที่หอหลิงเฟิง
เหล่าคุณหนูคุณชายจากตระกูลที่มีชื่อเสียงที่รออยู่ที่ตำหนักด้านข้างได้ยินว่าหาเซียวกุ้ยเฟยพบแล้ว ทั้งยังได้ยินว่าพบนางที่หอหลิงเฟิง ทุกคนพลันตื่นเต้น พากันวิ่งไปดูว่าเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่ ข้าหลวงหลายคนอยากจะขวางก็ขวางเอาไว้ไม่ได้
ดังนั้นจึงมีคนนับร้อยพากันไปยังหอหลิงเฟิง
ส่วนพวกมู่หรงอวี้กับมู่หรงฉือไปถึงหอหลิงเฟิงก่อน จากนั้นข้าหลวงและองครักษ์กลุ่มใหญ่ก็ตามมา
พวกเขายืนอยู่ใต้หอเงยหน้ามองขึ้นไป ที่ยืนอยู่ตรงระเบียงชั้นสี่ก็คือเซียวกุ้ยเฟย
ทุกคนต่างตื่นตระหนก เซียวกุ้ยเฟยกำลังจะทำอะไร? ท่าทางเหมือนนกตัวใหญ่ที่พร้อมจะบินลงมาอย่างไรอย่างนั้น?
มู่หรงฉือขมวดคิ้ว ร่างทั้งร่างของเซียวกุ้ยเฟยเอนออกมาด้านนอก ประหนึ่งมุมหนึ่งของระเบียงที่อาจร่วงลงมาได้ตลอดเวลา อันตรายมาก
นางหันไปมองมู่หรงอวี้ สีหน้าของเขาเขียวคล้ำ ในดวงตาปรากฏหมอกควันกลุ่มใหญ่
เป็กังวลถึงความปลอดภัยของเซียวกุ้ยเฟยจริงๆ เสียด้วย
“เซียวกุ้ยเฟยยืนอยู่ที่นั่นเอง หรือว่าคนร้ายเป็คนทำ?” เสิ่นจือเหยียนพูดอย่างไม่เข้าใจ “พูดกันตามหลักเหตุผลแล้ว ท่าทางเช่นนั้นของเซียวกุ้ยเฟยสามารถตกลงมาได้ง่ายมากจริงๆ”
“สองมือของเซียวกุ้ยเฟยไม่ได้จับราวอยู่หรือ? เหตุใดนางถึงต้องทำเช่นนี้?” นางคิดมากมายแต่ก็ไม่เข้าใจ หรือว่าเป็เพราะคนร้ายข่มขู่นาง?
ดวงตะวันสีแดงประดับอยู่บนท้องฟ้า ครึ่งหนึ่งของท้องฟ้าถูกปูไว้ด้วยพยัพเมฆสีแดงทอง งดงามหาใดเปรียบ
บนหอสูง ภายใต้ท้องฟ้าสีแดงและสายลมที่พัดผ่าน เส้นผมดำยาวกับชุดกระโปรงสีแดงพลิ้วไสวไปตามลมดั่งลูกไฟที่เปล่งประกายจนทำให้คนปวดตา
เหล่าคุณหนูคุณชายที่มารวมตัวกันอยู่ด้านล่างพากันเงยหน้ามองไป พูดคุยกันไปมา
เสิ่นจือเหยียนมีลางสังหรณ์ไม่ดี คนแต่งกายงดงามแต่กลับดูเศร้าสร้อย งานเลี้ยงที่จัดขึ้นเพื่อความเบิกบานกลับเกิดเหตุการณ์เช่นนี้
เซียวกุ้ยเฟยเป็ประหนึ่งเฟิ่งหวงที่บินผ่าน์เก้าชั้น ราวกับจะลอยไปกับสายลม ทั้งยังเหมือนกับลูกไฟที่ลุกโชติ่
ใบหน้าของมู่หรงอวี้เ็า เขาสั่งให้องครักษ์ขึ้นไปให้ความช่วยเหลือ แต่ในตอนนั้นเองที่เฟิ่งหวงสีแดงปะทะกับลมบนหอหลิงเฟิงจนร่วงหล่นลงมา
ภายใต้แสงอาทิตย์แดงเฉิดฉัน ท้องฟ้าสีแดงทองและกระแสลมที่พัดโหม อาภรณ์สีสันเจิดจ้าร่ายรำพลิ้วไหว ปีกสีแดงสดสยายออก
“กรี๊ด...”
คุณหนูหลายคนกรีดร้องออกมา สีหน้าของเถาจือเปลี่ยนไปแล้วะโด้วยความหวาดผวา “กุ้ยเฟย”
ทุกคนต่างนิ่งค้าง มองภาพแปลกประหลาดนี้ด้วยความตกตะลึง
มู่หรงอวี้ทะยานตัวขึ้นไป คิดจะรับนางไว้
มู่หรงฉือถอนหายใจข้างใน ถึงแม้นางจะเกลียดเซียวกุ้ยเฟยเข้ากระดูก แต่ว่าอย่างไรก็เป็ชีวิตคนผู้หนึ่ง เขาไปช่วยคนก็ไม่ได้นับว่าเกินไปนัก
จากกำลังภายในกับวิชาตัวเบาของเขา การรับร่างเซียวกุ้ยเฟยที่ตกลงมาจากฟ้าคงจะไม่ยากนัก
ทว่าไม่รู้ว่าเขาคำนวณพลาด หรือว่าเป็เพราะแรงลมพัดคนให้ลอยห่างออกไปอีกทาง หรือเป็เพราะเขาช้าเกินไป ร่างนั้นถึงได้ตกกระแทกพื้นห่างจากเขาครึ่งจั้ง
ปั่ก
เสียงทุ้มดังสนั่น
ภาพนี้ได้กลายเป็ฝันร้ายตอนกลางวันของผู้คนมากมาย
นางกำลังคิดว่าเขาสามารถทะยานขึ้นไปรับคนได้กลางอากาศเชียวนะ
เหตุใดเขาถึงไม่ทำเช่นนั้นเล่า?
เวลานี้วินาทีนี้ นางไม่มีเวลามาขบคิดให้ลึกซึ้ง รีบรุดเข้าไปดูเซียวกุ้ยเฟยพร้อมกับเสิ่นจือเหยียนว่ายังจะพอช่วยชีวิตคนได้หรือไม่
คนที่มีความกล้าก็รีบตามเข้าไปดู เถาจือพุ่งตัวนำไปก่อนคนแรก เห็นเ้านายของตนตกลงมาเป็เช่นนี้ก็คุกเข่านั่งอยู่กับพื้นด้วยความโศกเศร้า ทั้งร้องไห้ทั้งร้องเรียก “กุ้ยเฟย...กุ้ยเฟย...”
เืสดๆ ไหลออกมาจากศีรษะของเซียวกุ้ยเฟย เพียงครู่เดียวก็เจิ่งนองราวแม่น้ำ ดวงตาสวยคู่นั้นยังเบิกกว้างเหมือนคนตายตาไม่หลับ ราวกับกำลังกล่าวโทษทุกคน
หัวใจของเสิ่นจือลี่เต้นแรง กระทั่งจะมองก็ยังไม่กล้ามองอีก
คิดไม่ถึงว่าเซียวกุ้ยเฟยที่ไม่นานมานี้เพิ่งจะเตือนนางด้วยท่าทางวางอำนาจจะมาตายไปเช่นนี้ ถึงกับะโลงมาตายต่อหน้าผู้คนมากมาย
มู่หรงฉือไม่รู้ว่าตนเองรู้สึกอย่างไร มันซับซ้อนไปหมด
นางเคยคิดลอบสังหารเซียวกุ้ยเฟย ให้เซียวกุ้ยเฟยไม่สามารถล่อลวงเสด็จพ่อได้อีก นางเคยเกลียดชังเซียวกุ้ยเฟย อยากจะแทงนางให้ตาย แต่ว่าตอนนี้เมื่อได้เห็นเซียวกุ้ยเฟยตกลงมาจากที่สูงแล้วตายไปกับตาของตนเอง นางกลับไม่ได้รู้สึกมีความสุขเลยสักนิด กลับรู้สึกว่าชีวิตคนเราช่างไม่แน่นอนเหลือเกิน
วันนี้เป็วันเกิดของนาง ในวันเกิดที่เป็มงคลเช่นนี้นางกลับต้องจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถ เศร้าสลด และกลายเป็ประเด็นร้อนที่คงเป็ที่กล่าวถึงทั่วราชสำนัก
เป็ตายห่างกันเพียงชั่วอึดใจเดียว
เสิ่นจือเหยียนตรวจสอบศพย่างละเอียดแล้วพูดออกมาด้วยความเศร้าสลด “ศีรษะของเซียวกุ้ยเฟยกระแทกกับพื้น เสียชีวิตทันทีโดยไม่มีทางช่วยเหลือ”
ประโยคนี้เป็การประกาศออกมาอย่างเป็ทางการว่าชีวิตนี้ของเซียวกุ้ยเฟยได้จบลงตรงนี้
มู่หรงอวี้สั่งให้องครักษ์ยกศพกลับไปยังตำหนักชิงหลวน ต่อมาก็สั่งให้นางกำนัลจัดการส่งบรรดาคุณหนูคุณชายจากตระกูลต่างๆ ออกจากวัง จากนั้นก็พูดกับเสิ่นจือเหยียน “ขึ้นไปดูกัน”
เสิ่นจือเหยียนพยักหน้าแล้วขึ้นไปบนหอพร้อมกับมู่หรงฉือ
มู่หรงสือแอบมองร่างของเซียวกุ้ยเฟยที่ถูกยกไปก็ตัวสั่นพลางพูดกับเสิ่นจือลี่ “น่ากลัวเหลือเกิน”
เสิ่นจือลี่พูดด้วยท่าทางนิ่งสงบราวสายน้ำ “องค์หญิง พวกเราออกจากวังกันเถิดเพคะ”
ตอนที่หมุนตัวนั้น นางหันไปลอบมองเงาของผู้สวมอาภรณ์สีดำผู้นั้นด้วยแววตาหลงใหล
เขายังองอาจผ่าเผยเช่นเคย ทว่าเขายังคงไม่รู้จักนาง
ขึ้นไปถึงชั้นที่สี่ของหอ มู่หรงฉือก็พูดเสียงเบา “เสียใจกับท่านอ๋องด้วย”
มู่หรงอวี้มองนางนิ่ง ไม่เอ่ยคำใด ดวงหน้าขาวปรากฏความเ็าเล็กน้อย
“เปิ่นกงพูดออกมาจากใจจริง”
“เหตุใดเปิ่นหวางจะต้องเสียใจด้วย?”
นางเป็คนของท่านนี่
แน่นอนว่า มีบุคคลที่สามอยู่ที่ตรงนั้น นางย่อมไม่ได้พูดประโยคนี้ออกมา เพียงกลอกตาขึ้นฟ้าอย่างหมดคำพูด แล้วไปตรวจสอบด้านในหอ
ในหอหลิงเฟิง ห้องทุกชั้นล้วนจัดวางเก้าอี้เอาไว้ให้คนที่เข้ามาเที่ยวเล่นที่นี่ได้พักเท้า ปกติแล้วจะมีนางกำนัลคอยทำความสะอาดจึงไม่มีฝุ่นผง แต่บนพื้นมีรอยเท้าอยู่ไม่น้อย แต่เพราะคนที่มาหอหลิงเฟิ่งก็ไม่น้อยเช่นกัน จึงไม่นับว่าเป็อะไรได้นัก
เสิ่นจือเหยียนกับมู่หรงฉือมาถึงทางเดินด้านนอกด้วยกัน ต่างมองไปรอบๆ จากนั้นก็ยืนตรงตำแหน่งที่เซียวกุ้ยเฟยเสียชีวิต
มู่หรงอวี้ถามเสียงเข้ม “พบอะไรหรือไม่?”
เสิ่นจือเหยียนคุกเข่ามองไปตามพื้น “ตอนนี้ยังไม่พบสิ่งใดพ่ะย่ะค่ะ”
มู่หรงฉือพาดตัวไปกับราวสีแดงมองออกไปด้านนอก มู่หรงอวี้รีบคว้าแขนของนางเอาไว้ หัวใจกระตุกวาบ
นางหันกลับไปมองเขาโดยใช้สายตาถาม : ทำอะไร?
เขาปล่อยมือแล้วใช้สายตาตอบกลับไปว่า : ระวังหน่อย
นางพาดตัวไปกับราวแล้วมองข้างล่างต่อ ก่อนจะพูดออกมา “จากตรงนี้มองลงไปสูงมาก แต่ว่าหากขาทั้งสองข้างลงพื้นก่อน ก็อาจจะโชคดีแค่ขาหักแขนหัก แต่ไม่ถึงกับเสียชีวิต เอ๋...”
นางคุกเข่าลงทันที ยื่นมือไปนอกราว ในตอนที่หดมือกลับมานิ้วมือของนางหนีบเส้นไหมสีขาวกลับมาด้วย “นี่คืออะไร?”
เสิ่นจือเหยียนหยิบไปดู ก่อนจะคลี่เส้นไหมนั้น “ดูเหมือนจะเป็ไหมธรรมชาติ”
มู่หรงอวี้พูดเสียงเย็น “ไหมธรรมชาตินี้เอามาทำเป็เส้นไหมที่คมดั่งมีด อ่อนดุจสายน้ำ คมจนสามารถตัดเกราะได้ เอาไว้ใช้เป็อาวุธทางทหาร”
ในชั่ววินาทีนั้น หัวของมู่หรงฉือพลันแล่นขึ้นมาจนต้องปิดตาลง
“เตี้ยนเซี่ยเป็อะไรไป?” ดวงตาที่ยังคงเ็าอยู่ไม่คลายเจือความกังวลอยู่เล็กน้อย
“เตี้ยนเซี่ยไม่เป็อะไร ท่านอ๋องอย่าได้กังวล” เสิ่นจือเหยียนรู้ว่านี่เป็นิสัยของเตี้ยนเซี่ย จึงยิ้มแล้วอธิบาย “เตี้ยนเซี่ยกำลังคิดถึงรูปคดีอยู่”
ไม่นานนางก็ลืมตาขึ้น แววตาสดใสดุจสายน้ำ “จือเหยียน เ้าคิดว่าเซียวกุ้ยเฟยจะะโลงมาเองหรือไม่?”
เขาส่ายหน้า “เหตุใดเซียวกุ้ยเฟยถึงะโลงมาอย่างไร้เหตุผล? เซียวกุ้ยเฟยไม่มีเหตุผลที่จะตาย นี่มันไม่สมเหตุสมผลอย่างชัดเจน”
มู่หรงอวี้เสนอความเห็นต่าง “แต่เซียวกุ้ยเฟยดูเหมือนจะะโลงมาเอง”
เสิ่นจือเหยียนโต้แย้งทันที “ท่านอ๋องลืมไปแล้วหรือ? เซียวกุ้ยเฟยถูกคนร้ายลักพาตัวมาที่นี่ คนร้ายคงจะจัดฉากให้เหมือนว่านางะโฆ่าตัวตายที่หอหลิงเฟิง เพื่อให้ทุกคนพากันคิดว่าเซียวกุ้ยเฟยะโลงมาเอง”
มีลมพัดมา แขนเสื้อของมู่หรงฉือกับเส้นผมด้านหลังพลิ้วสะบัด “ก่อนอื่น เซียวกุ้ยเฟยไม่ได้ะโลงมาด้วยตัวเอง ตอนนั้นนางไม่มีสติ หรืออาจจะมีสติอยู่แต่ไม่อาจขยับตัวได้เพราะถูกคนสกัดจุดเอาไว้”
“ตอนนั้นทั้งร่างของเซียวกุ้ยเฟยอยู่ด้านนอกราว ลำตัวเอนไปด้านนอก อาศัยเพียงสองมือจับราวเอาไว้ถึงได้ไม่ร่วงลงมา หากนางไม่ได้สติ หรือถูกสกัดจุดเอาไว้นางจะใช้แรงได้อย่างไร จะดึงตัวเองให้เอนออกไปข้างนอกได้อย่างไร?” เสิ่นจือเหยียนโต้
“เ้าลืมไปแล้วหรือว่ายังมีสิ่งนี้” นางยกเส้นไหมขึ้นมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความมั่นใจ “ความยาวของไหมนี้เพียงพอที่จะรัดเอวของเซียวกุ้ยเฟยเอาไว้ แล้วค่อยมามัดที่ราว คนร้ายใช้ก้อนหินเล็กๆ เป็อาวุธคลายจุดสกัดเซียวกุ้ยเฟยในตอนที่เส้นไหมขาด ยามที่นางได้สติก็ช่วยตัวเองไม่ทันแล้ว ได้แต่มองตัวเองตกลงไป”
“ถึงแม้ว่าเส้นไหมจะบางมาก แต่ก็เพียงพอที่จะยื้อเวลาได้ครู่หนึ่ง รอจนกระทั่งเส้นไหมขาดคนถึงจะร่วงลงมา” ดวงตาของมู่หรงอวี้เ็า “ตอนที่ทุกคนกำลังมองศพบนพื้น คนร้ายก็อาศัยโอกาสนี้หลบหนีไป”
“วิธีการสังหารของคนร้ายรายนี้ฉลาดยิ่งนัก” เสิ่นจือเหยียนกล่าว
“ที่ทำให้คนไม่เข้าใจก็คือ ในเมื่อคนร้ายมีความสามารถที่จะพาเซียวกุ้ยเฟยมาที่นี่ จัดฉากให้นางะโฆ่าตัวตาย เหตุใดไม่ทำให้มันง่ายไปเสียเลย อย่างการสังหารนางในหนึ่งดาบ?” คิ้วของมู่หรงฉือขมวดเข้าหากันแน่น “คนร้ายคิดจะทำสิ่งใดกันแน่?”
“เซียวกุ้ยเฟยเป็เฟยลำดับสูงสุดในวังหลัง ได้รับความโปรดปรานเกียรติยศมากมาย คนร้ายเลือกวิธียุ่งยากเช่นนี้มาทำให้นางมีจุดจบที่น่าอเนจอนาถ ทั้งยังใช้วิธีทำให้ตายต่อหน้าผู้คนมากมาย...ใช่แล้ว ท่ามกลางสายตาของคนมากมาย!”เสิ่นจือเหยียนพูดด้วยความยินดี “คนร้าย้าให้เซียวกุ้ยเฟยเสียชีวิตอย่างอนาถต่อหน้าคนจำนวนมาก”
มู่หรงฉือพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ก็มีแค่การอธิบายนี้แล้ว”
มู่หรงอวี้ถาม “คนร้ายเป็สตรี มีความเป็ไปได้ว่าจะเป็คนในวัง นางกำนัล บรรดาเฟยผินในวังตั้งมากมาย จะต้องตรวจสอบจากตรงไหน?”
นางพูดต่อ “นางกำนัลที่เกลียดชังเซียวกุ้ยเฟยก็มีอยู่ไม่น้อย หากลงมือจากจุดนี้ เกรงว่าจะตรวจสอบได้ยาก อีกอย่างนางกำนัลส่วนมากก็ไม่มีวิทยายุทธ์”
เสิ่นจือเหยียนยกไหมเส้นนั้นขึ้นมา “ตอนนี้มีเบาะแสเดียวก็คือไหมธรรมชาตินี้”
คนที่มีไหมธรรมชาติ คนผู้นั้นก็เป็ผู้ต้องสงสัย
ปัญหาก็คือ ไม่อาจใช้เพียงสิ่งนี้ในการสืบค้นนี่สิ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้