แม้ฮูหยินเยี่ยนเองก็รู้ว่า สวี่ชิวเยวี่ยนั้นไม่มีทางแต่งกับเยี่ยนอวิ๋นเฟยได้ หรือต่อให้แต่งได้ ก็ไม่มีทางแต่งกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว ไม่มีเหตุผลอื่น เพียงเพราะเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วแต่เดิมก็ไม่ใช่บุรุษอยู่แล้ว ดังนั้น แม้ฮูหยินเยี่ยนลงแรงลำบากรับสวี่ชิวเยวี่ยมาจากเจียงหนาน ทั้งดูแลให้กินดีอยู่ดี นั่นก็เพียงเพื่อข่ม ‘เยวี่ยเยียนหราน’ ตรงหน้าผู้นี้เท่านั้น หากฮูหยินเยี่ยนมีความคิดที่จะให้สวี่ชิวเยวี่ยแต่งกับเยี่ยนอวิ๋นเฟยจริง แล้วจะมัวรั้งรอจนถึงตอนนี้ทำไมกัน?
แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร สวี่ชิวเยวี่ยก็เป็หลานสาวแท้ๆ ของฮูหยินเยี่ยน นอกจากนี้ยังเป็เพราะฮูหยินเยี่ยน นางถึงได้ถูกดึงเข้ามาในมรสุมครั้งนี้... หากเพื่อที่จะคลี่คลายสถานการณ์อันยากลำบากของตน แล้วควานหาใครสักคนมาแต่งกับสวี่ชิวเยวี่ย ก็ยากที่จะเลี่ยงไม่ให้ในใจของสวี่ชิวเยวี่ยเกินความรู้สึกอันยากจะปล่อยวาง...
ดังนั้นในเื่นี้ ฮูหยินเยี่ยนจึงคิดใคร่ครวญอยู่ไม่น้อย ถึงอย่างไร นางเองก็ไม่้าที่จะหลงเหลือคำครหาในตอนท้ายว่า สิ้นวิหคธนูหมดค่า หมดกระต่ายล่าแล่สุนัขกิน [1] ยิ่งไม่อยากจะถูกหลานสาวที่เ้าคิดเ้าแค้นผู้นี้ของตนแอบคิดอาฆาตผูกพยาบาทอย่างลับๆ หรอกไม่ใช่หรือ?
ทว่าผู้กำลังพูดคุยอยู่เบื้องหน้าฮูหยินเยี่ยนยามนี้นั้น ก็นับว่าเป็โอกาสอันดีจริงๆ ถึงอย่างไร... เื่ที่จะให้สวี่ชิวเยวี่ยออกเรือนไปก็เป็ความคิดที่เยวี่ยเยียนหรานเสนอ หาใช่ตนไม่ หากจะต้องถูกสวี่ชิวเยวี่ยแค้นเคือง เช่นนั้นตนก็ยังมีเยวี่ยเยียนหรานขวางเป็ดาบหน้าให้ตนอยู่
หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ภายในห้องก็เงียบลงโดยไม่รู้ตัว มือที่ประคองถ้วยชาของเยวี่ยเจาหรานนั้นยังคงเกร็งแข็ง ทั้งยังไม่กล้าเอ่ยปากขึ้นมาโดยพลการ ได้แต่รอคอยคำพูดต่อไปของฮูหยินเยี่ยนอย่างใจจดใจจ่อ
“เจตนาที่เ้ามาหาข้าวันนี้ ข้าเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว...” ในที่สุดฮูหยินเยี่ยนก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง เยวี่ยเจาหรานรีบพยักหน้า โดยยังคงไม่กล้าส่งเสียงอะไร “แต่ว่าเื่นี้ ทำได้ไม่ง่ายนัก ไม่เช่นนั้น ข้าก็คงไม่ให้ชิวเยวี่ยต้องคอยแล้วคอยเล่าอยู่นานขนาดนี้ เ้าคงเข้าใจความหมายของข้าใช่หรือไม่?”
เมื่อเผชิญกับการหยั่งเชิงของฮูหยินเยี่ยน เยวี่ยเจาหรานก็รีบรับ่ทันที เพื่อไม่ให้ฮูหยินเยี่ยนคอยนานจนอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาอีก “เข้าใจเ้าค่ะ เข้าใจเ้าค่ะ ท่านแม่กลัวว่าเปี่ยวเม่ยชิวเยวี่ยจะน้อยเนื้อต่ำใจใช่หรือไม่ เื่นี้ข้ากับอวิ๋นเฟยเองก็คิดคำนวณไว้มากพอควร ถึงอย่างไรเปี่ยวเม่ยชิวเยวี่ยก็เป็ลูกพี่ลูกน้องแท้ๆ ของอวิ๋นเฟย ทั้งเป็การให้เกียรติต่อท่านแม่ อย่างไรก็ไม่ใช่เื่ที่ทำตามอำเภอใจได้ ถูกหรือไม่เ้าคะ~”
คนเฉลียวฉลาดอย่างเยวี่ยเจาหราน มองความคิดของฮูหยินเยี่ยนออกในระหว่างที่ตอบโต้กันนี้ตั้งนานแล้ว ฮูหยินเยี่ยนในยามนี้ก็เห็นสวี่ชิวเยวี่ยเป็หัวมันลวกมือ [2] เช่นกัน จะเก็บไว้ก็ไม่ดี จะทิ้งไปก็ไม่ได้ ถึงอย่างไรฮูหยินเยี่ยนเองก็รู้ว่าหากตัวตนที่แท้จริงของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วถูกเปิดโปงขึ้นมา จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงกับทั้งจวนเยี่ยน หรือกระทั่งทั้งเมืองหลวงเลยก็ได้
ดังนั้น ฮูหยินเยี่ยนเองก็ไม่กล้าตัดสินใจในเื่การแต่งงานของเยี่ยนอวิ๋นเฟยตัวปลอมผู้นี้โดยพลการเช่นกัน ทว่า... สวี่ชิวเยวี่ยนั้นอย่างไรก็เป็คนที่ฮูหยินเยี่ยนดึงตัวเข้ามา หากนางกลายเป็หมากที่ถูกโยนทิ้ง ไม่ทันไรก็ทอดทิ้งกลับไปเจียงหนาน หรือหาใครสักคนมาไล่ออกไปตามอำเภอใจ จะไม่เป็การไม่ไว้หน้าญาติพี่น้องห่างๆ มากเกินไปหรอกหรือ?
ฮูหยินเยี่ยนเป็คนรักหน้าตาศักดิ์ศรี นางคงไม่ยอมให้ตนเองเสียหายเช่นนั้นแน่ เยวี่ยเจาหรานที่เร่งร้อนมาเวลานี้ อาจจะคลี่คลายปัญหาใหญ่นี้ให้นางได้อย่างไม่ตั้งใจก็ได้...
เยวี่ยเจาหรานผู้เฉลียวฉลาดเมื่อเห็นถ้วยชาในมือของฮูหยินเยี่ยนว่างเปล่า ก็รีบยกมือขึ้นรินชาถ้วยหนึ่ง แล้วส่งไปให้ “ที่ท่านแม่รักใคร่หวงแหนเปี่ยวเม่ยชิวเยวี่ย ในใจข้ากับอวิ๋นเฟยเข้าใจชัดยิ่งเ้าค่ะ~”
“อืม...” ฮูหยินเยี่ยนนั้นสุขกายสบายใจกับการปรนนิบัติอย่างเอาใจใส่ของเยวี่ยเจาหรานในครั้งนี้ยิ่งนัก นางจิบชาไปพลางแย้มยิ้มออกมาอย่างเนิบช้า แล้วเอ่ยขึ้นอย่างลังเล “ถึงอย่างไรมารดาของนางก็เป็น้องสาวต่างแม่ที่ข้าเห็นมาั้แ่เล็ก... หากข้าไม่รักนาง แล้วบนโลกนี้ใครจะรักนางเล่า? ดังนั้นเื่นี้ จึงเป็ปัญหาที่แก้ไม่ตกในใจของข้า ยากจะจัดการ ยากจะจัดการนัก...”
ฮูหยินเยี่ยนพูดไปพลาง เหลือบตาขึ้นมองไปทางเยวี่ยเจาหรานอย่างอดไม่ได้ไปพลาง ความรู้สึกลึกล้ำที่แฝงอยู่ภายในแววตาก็มองออกได้ไม่ยาก เยวี่ยเจาหรานเห็นเช่นนั้น ย่อมพยักหน้าอย่างตระหนักแก่ใจ
“เข้าใจเ้าค่ะ ความทุกข์ใจของท่านแม่ ข้าและอวิ๋นเฟยต่างรู้ดี เปี่ยวเม่ยชิวเยวี่ยเป็ลูกสาวที่น้องสาวต่างมารดาของท่านรักยิ่งสุดหัวใจ เื่การออกเรือนนี้เป็เื่ใหญ่ที่เกี่ยวพันถึงชั่วชีวิต ย่อมไม่อาจตัดสินใจได้โดยพลการ เมื่อเป็เช่นนี้ ข้ากับอวิ๋นเฟยจึงเฟ้นหาบุตรชายตระกูลสูงศักดิ์ที่เหมาะสมในเมืองหลวงมา... ท่านแม่ลองดูสักหน่อยดีหรือไม่เ้าคะ?”
ในเวลาและสถานการณ์ที่เหมาะสม เยวี่ยเจาหรานก็ค่อยๆ หยิบกระดาษรายชื่อที่ได้เตรียมพร้อมเอาไว้นั้นออกมาจากแขนเสื้อ สิ่งที่เขียนอยู่บนนั้น ส่วนมากล้วนเป็ตัวเลือกที่มีหน้ามีตาในเมืองหลวง ถึงวัยอันสมควรและยังไม่ได้แต่งงาน มีเพียงท่านอ๋องแปดคนเดียวเท่านั้น ที่ที่มีชายาเอกอยู่แล้ว
“เ้ามีความตั้งใจเช่นนี้เลยเชียวหรือ?” ได้ยินเยวี่ยเจาหรานเอ่ยเช่นนั้น ฮูหยินเยี่ยนก็หันไปมองเขาทันใด ราวกับไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย ทั้งยังมีความตื่นเต้นแปลกใจที่พยายามจะซ่อนเอาไว้อย่างสุดชีวิตอีกด้วย “ให้ข้าดูหน่อย” นางหลุบตาลง แล้วยื่นมือออกไปทางเยวี่ยเจาหราน
ฮูหยินเยี่ยนคงเหน็ดเหนื่อยเกินไป เยวี่ยเจาหรานจึงยื่นรายชื่อในมือไปให้อย่างเอาอกเอาใจ ในแววตาแต้มรอยยิ้มมากยิ่งขึ้น ราวกับดีอกดีใจที่เื่นี้กำลังจะสำเร็จอย่างไรอย่างนั้น “ข้าเป็ทุกข์ใจแทนเปี่ยวเม่ยชิวเยวี่ยเสียที่ไหนเ้าคะ นี่ก็เพราะกลัวว่าท่านแม่จะคอยพะวงคิดมากทั้งวันทั้งคืน หากร่างกายท่านเจ็บป่วย อวิ๋นเฟยก็คงเป็ห่วงแน่เ้าค่ะ!”
ต้องบอกเลยว่าฝีมือในการประจบสอพลอของเยวี่ยเจาหรานนี้ นับวันก็ยิ่งคุ้นชินรู้ลู่ทาง หากเยวี่ยเจาหรานในอดีตมาเห็นสภาพดั่งสุนัขรับใช้ของตนในตอนนี้ รับรองว่าคงโมโหจนเป็ลมหมดสติไปอย่างแน่นอน
ฮูหยินเยี่ยนรับรายชื่อมาแล้วก็เพียงแย้มยิ้มออกมา ไม่ได้เอ่ยคำใดต่ออีก นางมองดูอยู่นาน แล้วจึงชี้ไปที่ชื่อหนึ่งบนรายชื่อเอ่ยว่า “คุณชายจางคนนี้ไม่ดี บิดาของเขากับบิดาของอวิ๋นเฟยไม่ลงรอยกัน จะคู่ควรกับชิวเยวี่ยได้อย่างไร? ไม่ดี ไม่ดี...”
เมื่อได้ยินนางเอ่ยเช่นนั้น เยวี่ยเจาหรานก็กระวนกระวายขึ้นมา กลัวว่าฮูหยินเยี่ยนจะไม่ชอบใจคนที่ตนคัดเลือกมา หรือกระทั่งคิดว่าตนทำเช่นนี้เพราะรีบร้อนเพิ่มความกลุ้มใจให้กับนางและแม่ทัพเยี่ยน เช่นนั้นคงวุ่นวายแน่
“ท่านแม่ ท่านฟังข้าก่อน บิดาของคุณชายจางผู้นี้แม้ในอดีตจะไม่ลงรอยกับท่านพ่อ แต่หากอาศัยตำแหน่งในราชสำนักของท่านพ่อ เขาย่อมไม่กล้า กระทั่งเพราะก่อนนี้เคยกระทบกระทั่งกันกับท่านพ่อ ในใจนั้นไม่ต้องบอกเลยว่านึกเสียใจแค่ไหน ได้ยินว่ายังคิดอยากจะมาสู่ขอน้องสาวของเราอีกด้วยนะเ้าคะ...”
เยวี่ยเจาหรานพูดถึงตรงนี้ ลูกคิดรางแก้วในใจก็นับว่าคิดมาได้อย่างสมบูรณ์ อยากแต่งกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วหรือ? เป็ไปไม่ได้เด็ดขาด เกลี้ยกล่อมให้คุณชายจางผู้นี้ตัดใจเสียแต่เนิ่นๆ แล้วแต่งงานกับสวี่ชิวเยวี่ยก็นับว่าเป็การให้เกียรติเขามากแล้ว!
“จริงหรือ?” แววตาของฮูหยินเยี่ยนเผยความสงสัยออกมาเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าให้กับเยวี่ยเจาหรานอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “ใช่เ้าค่ะ หากช่วยเชื่อมวาสนาเปี่ยวเม่ยกับเขาได้ ข้าเห็นว่า จะสามารถเป็หนทางและโอกาสในการผ่อนทุเลาความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองตระกูลได้ ท่านว่าอย่างไรเ้าคะ?”
“ที่เ้าพูด ก็นับว่ามีเหตุผลอยู่...” ฮูหยินเยี่ยนเงียบขรึมลงชั่วครู่ แล้วจึงพูดต่ออย่างเชื่องช้า แม้ว่าในน้ำเสียงจะไม่มีความลิงโลดดีใจอะไรมากมายนัก แต่ความรู้สึกในดวงตาของนางกลับฉายความพึงพอใจอย่างยิ่ง
แต่ว่า ฮูหยินเยี่ยนที่กำลังพึงพอใจและเยวี่ยเจาหรานที่คลายความกังวลในใจไปแล้วนั้น ในยามนี้ต่างไม่รู้เลยว่า นอกประตูที่กำแพงกั้นเอาไว้ได้เกิดอะไรขึ้น...
เชิงอรรถ
[1] สิ้นวิหคธนูหมดค่า หมดกระต่ายล่าแล่สุนัขกิน (鸟尽弓藏,兔死狗烹) หมายถึงเมื่อบรรลุเป้าหมายก็ถีบหัวส่งผู้ที่คอยช่วยเหลือ เปรียบได้กับสำนวน เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล
[2] หัวมันลวกมือ (烫手山芋) หมายถึงเื่ราวหรือปัญหาที่แก้ไขยาก รับมือยาก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้