ไม่รู้ว่าแม่เฒ่าเซี่ยทราบเื่นี้หรือเปล่า?
แต่ดูท่าทางจะไม่แจ่มแจ้งนัก
แต่อาจรู้ก็ได้เช่นกัน เช่นนั้นยิ่งน่าขยะแขยงเข้าไปใหญ่เงินที่จางชุ่ยหาได้มิใช่น้อย แม่เฒ่าเซี่ยยังจะขูดรีดประโยชน์จากคนอื่นอีก เธอเห็นเซี่ยจื่ออวี้เป็หลานสาวแท้ๆส่วนคนอื่นเป็แค่วัชพืชซึ่งเก็บจากข้างทางหรือ?
เซี่ยเสี่ยวหลานรับประทานบะหมี่เสร็จจึงจ่ายเงิน “คุณน้าก็ฝีมือดีนะคะ ไม่ได้คิดขยับขยายธุรกิจให้ใหญ่โตบ้างหรือ? อย่างเช่นจากแผงบะหมี่เป็ร้านบะหมี่?”
น้าหวงจะไม่อยากได้อย่างไร!
หนึ่งวัน ‘จางจี้’ ทำเงินได้มากน้อยเท่าไรหนึ่งวันของแผงบะหมี่น้าหวงก็ทำเงินได้บ้างเหมือนกัน แต่เทียบกับ ‘จางจี้’ แล้วยังห่างกันไกลโข
น้าหวง้าอธิบายกับเซี่ยเสี่ยวหลานเสียหน่อย ทว่าสุดท้ายก็กลืนคำพูดลงไปทำได้เพียงตอบอย่างกำกวม
“เปิดร้านต้องมีเงินทุน หน้าร้านก็หาเช่ายากเื่นี้จัดการยากนะ...”
เซี่ยเสี่ยวหลานเข้าใจดี หากถามต่อไปจะเป็การละลาบละล้วงเกินไป คนไม่สนิทสนมกันจะให้ถามมากไปก็ไม่ใช่เื่ที่ดีนักใจในเธอผุดความคิดหนึ่งขึ้น เวลานี้ตนยังหาเงินไม่เพียงพอ เื่ก่อความไม่สงบแก่ ‘จางจี้’ จึงยังไม่อาจรีบร้อนได้เซี่ยเสี่ยวหลานมีลางสังหรณ์บางอย่าง พวกน่ารำคาญจากตระกูลเซี่ยไม่มีทางปล่อยเธอวิ่งไปสู่ชีวิตใหม่อย่างง่ายดายได้แน่เช่นนั้นก็ต่างคนต่างชิงไหวชิงพริบ ทุกคนคอยชมบทสรุปแล้วกัน!
ใช้เวลาอยู่ที่โรงเรียนได้พักใหญ่เสร็จสิ้นอาหารกลางวันที่แผงบะหมี่น้าหวงเซี่ยเสี่ยวหลานถึงเดินทางไปยังบ้านพักรับรองอันชิ่ง
ถ้าวันนี้ไม่เจอโจวเฉิง เธอก็จะไม่รอเขา และตั้งใจไปหยางเฉิงตามแผนที่วางไว้เท่านั้น
เซี่ยเสี่ยวหลานเห็นรถยนต์ตงเฟิงที่คุ้นตามาั้แ่ไกล หญิงสาวเผยใบหน้ายิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
โจวเฉิงรอคอยมาสักพักแล้วอยากไปหาที่หมู่บ้านชีจิ่งให้รู้แล้วรู้รอดตั้งหลายหนแต่เซี่ยเสี่ยวหลานอาจไม่อยู่ที่หมู่บ้านเขาเลยรออยู่บ้านพักรับรองอันชิ่งตามสถานที่นัดหมายในโทรเลข
ความอดทนกำลังจะไม่หลงเหลือ แต่สุดท้ายเซี่ยเสี่ยวหลานก็ปรากฏตัว
โจวเฉิงมองเธอด้วยสายตาปรารถนา จากศีรษะจรดปลายเท้าไม่ว่าส่วนใดของเซี่ยเสี่ยวหลานเขาล้วนชื่นชอบมากเหลือเกิน!
“เสี่ยวหลาน!”
โจวเฉิงก้าวเท้ายาวเข้ามาในที่สาธารณะเขาไม่สามารถคว้าเธอเข้าอ้อมอกมากอดอย่างแแ่ได้
“ในที่สุดเธอก็มาแล้ว”
เซี่ยเสี่ยวหลานส่งยิ้มให้แก่โจวเฉิงเธอไม่รู้ว่าตัวเองชอบโจวเฉิงหรือไม่ แต่โจวเฉิงมีรูปโฉมเจริญตาเจริญใจสำรวจผู้ชายอายุใกล้เคียงกันรอบกายเซี่ยเสี่ยวหลานโดยคร่าวแล้วไม่มีใครน่าโปรดปรานเท่าโจวเฉิงอีก โจวเฉิงเป็คนเปิดเผยไม่ปิดบังความกระตือรือร้นของตนแม้แต่น้อย มีความร้ายกาจบ้างทว่าเป็ชายหนุ่มที่ไม่กักขฬะ... หนุ่มน้อยหล่อเหลาแสดงมิตรภาพด้วยความอบอุ่นและจริงใจเช่นนี้เซี่ยเสี่ยวหลานย่อมยากที่จะรังเกียจรังงอน
“พี่โจว พวกพี่มาถึงนานหรือยัง?”
โจวเฉิงส่ายหน้า “เพิ่งถึงได้ครู่เดียว”
คังเหว่ยหิ้วอาหารกลางวันกลับมาได้ยินพอดียอมรับในฝีไม้ลายมือการโกหกหน้าด้านของโจวเฉิงทีเดียว
เพิ่งถึงได้ครู่เดียว?
รอตั้งสี่ห้าชั่วโมงแล้วต่างหาก รีบขับรถมาเขตอันชิ่งทั้งคืนพอถึงบ้านพักกลับไม่อยากเข้าไปนอนเอาแรงในห้อง จะเฝ้าอยู่บนรถให้ได้เพราะกลัวว่าจะพลาดการมาเยือนของเซี่ยเสี่ยวหลาน!
“พี่สะใภ้เสี่ยวหลาน ฉันเอาข้าวกลางวันมา กินด้วยกันหน่อยไหม?”
คังเหว่ยเรียกพี่สะใภ้อย่างตรงไปตรงมา เซี่ยเสี่ยวหลานจึงจ้องเขาสายตาอ่อนละมุนไม่มีความน่าเกรงขามอะไรนัก
“ที่แท้พวกพี่ยังไม่ได้กินข้าว? กินอะไรกับไปก่อนเถอะ ฉันกินแล้วถึงมา”
โจวเฉิงนึกตำหนิในใจ คังเหว่ยคนนี้นี่ไม่ดูตาม้าตาเรือเอาเสียเลยเวลาแบบนี้เขาจะมีอารมณ์กินข้าวที่ไหนกัน ทว่าพอกล่องข้าวเปิดออกกลิ่นหอมของอาหารเตะจมูก โจวเฉิงก็รู้สึกว่าท้องตัวเองร้องหิวโหยอยู่เหมือนกันพวกเขาใช้โต๊ะน้ำชาในชั้นหนึ่งของบ้านพักเป็โต๊ะอาหาร โจวเฉิงรับประทานไปพลางเงยหน้ามองเซี่ยเสี่ยวหลานไปพลาง ได้มองคนที่ชื่นชอบแม้แต่รสชาติอาหารที่คังเหว่ยซื้อมาแบบตามมีตามเกิดก็เพิ่มพูนอร่อยมากขึ้น!
เซี่ยเสี่ยวหลานรอจนพวกเขารับประทานเสร็จถึงได้กล่าวความตั้งใจของตน
“อีกเดี๋ยวฉันก็จะไปสถานีรถไฟซื้อตั๋วถึงหยางเฉิงหากไม่ได้รับโทรเลขของพี่อาจจะไปั้แ่สองวันก่อน ครั้งนี้พวกพี่ก็ผ่านเขตอันชิ่งเพื่อไปทำงานต่อเหมือนเดิมสินะ?”
ตั้งใจรอสองวัน ไม่ปล่อยให้โจวเฉิงพลาดความตั้งใจสำหรับเซี่ยเสี่ยวหลานคือการแสดงออกที่ให้ความสำคัญต่ออีกฝ่ายอย่างมากแล้ว
แต่จะให้เธออยู่เขตอันชิ่งต้อนรับประหนึ่งเ้าบ้านต่อไปกลับไม่ค่อยเหมาะสมนัก
โจวเฉิงชะงัก จากนั้นเปลี่ยนมาเผยใบหน้ายิ้มแย้มแทน “เธอไปหยางเฉิงเพื่อตุนสินค้าหรือ?”
เขาตั้งใจพักที่เขตอันชิ่งสองวันค่อยเดินทางต่อไปทางใต้ทว่าไม่คาดคิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานปลีกเวลามาไม่ได้พบกันเพียงระยะสั้นไม่อาจปัดเป่าไข้ทางใจของเขาได้จริงๆ แน่นอนว่าเขาเป็คนที่เผด็จการมากคนหนึ่งแต่ไม่ได้โง่เง่า... ความหวงแหนยังไม่เหมาะที่จะแสดงออกในเวลานี้ โจวเฉิงััได้ถึงความจริงจังในนิสัยของเซี่ยเสี่ยวหลานเธอดูบอบบางเสียจนทำให้คนอยากปกป้องอย่างช่วยไม่ได้ แต่แท้จริงแล้วกลับมีจุดยืนมากทีเดียว
โดยเฉพาะถ้าจะทำธุระเป็การเป็งานโจวเฉิงไม่คิดว่าสัดส่วนของตนเองมื่อเปรียบเทียบกับเื่งานในสายตาเซี่ยเสี่ยวหลานแล้วตนเองจะสำคัญกว่า
อย่างน้อยตอนนี้ก็เป็เช่นนั้น
การตัดสินใจของโจวเฉิงถูกต้อง!
คังเหว่ยเปิดปากอยากกล่าวบางอย่าง เซี่ยเสี่ยวหลานกลับทำเป็ไม่รู้ไม่เห็นกิริยาของโจวเฉิงทำให้เธอพอใจไม่น้อย และรู้สึกว่าการคบค้าสมาคมกับเขาแล้วผ่อนคลายสบายใจ
“อือ อยากไปซื้อเสื้อผ้าผู้หญิงจากหยางเฉิงกลับมาขายน่ะ”
ขณะที่เธอเอ่ยคำพูดนี้ แม้จะไม่ได้เย่อหยิ่งและโอ้อวด แต่ทั้งร่างกลับเหมือนจะมีแสงเปล่งประกายออกมา
คังเหว่ยได้แต่คิด คนที่พี่เฉิงจื่อชอบนี่ช่างมีความพยายามเสียจริงไม่นานมานี้ยังขายไข่ไก่? ต่อมาก็ขายปลาไหลทุกวันนี้มีความกล้ามากขึ้น จึงอยากลงใต้ไปหยางเฉิงรับซื้อสินค้าด้วยตัวคนเดียว—ทำธุรกิจเล็กน้อยพวกนั้นมีกำไรสักเท่าไรกันเชียว? คังเหว่ยคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจเซี่ยเสี่ยวหลานดูไม่ออกว่าพี่เฉิงจื่อชอบเธอเพียงใดหรือ? ขอแค่เธอเอ่ยปากแม้แต่สินค้าทั้งคันรถของพวกเขาคันนี้ โจวเฉิงล้วนยอมมอบให้ได้!
มูลค่าของสินค้ารถนี้ แม้เซี่ยเสี่ยวหลานอาศัยความพยายามทั้งหมดของตนเองยังไม่รู้ว่าจะต้องหาเงินนานแค่ไหนจึงจะได้มากเท่าเลย
ไฉ่ซิงเอี๊ย [1] ตัวจริงอยู่ตรงหน้า เซี่ยเสี่ยวหลานก็ยังไม่ยอมกราบไหว้คังเหว่ยยอมจำนนอย่างเสียไม่ได้
สิ่งที่คังเหว่ยคิด โจวเฉิงจะไม่เข้าใจได้อย่างไร?
โจวเฉิงเคยบอกไว้นานแล้วเขาไม่อยากให้เซี่ยเสี่ยวหลานลำบากเลยสักนิดเดียวแต่ตัวเซี่ยเสี่ยวหลานเองยินดีอย่างเห็นได้ชัด คนที่เขาชอบมีจิติญญานักสู้ไม่ย่อท้อโจวเฉิงทั้งเอ็นดูและนับถือ หัวใจเต้นที่เต้นแรงเพียงครั้งคราวเป็เพียงความคลั่งใคล้ต่อรูปกายภายนอกทว่าความรักอันยืนยง ไม่ว่าหญิงหรือชาย ย่อมต้องเกิดเพราะบนตัวอีกฝ่ายมีจุดเด่นที่น่าชื่นชมยินดี
“เสื้อผ้าผู้หญิง... เธอเก็บเงินต้นทุนได้เร็วขนาดนี้เลยหรือ?”
“ไม่ถือว่ามาก แต่นำเข้าของมาขายครั้งแรกก็เป็แค่การลอง ต้องดูปฏิกิริยาของตลาดอีกที”
หนแรกที่ไปตลาดสินค้าเกษตรของเมืองซางตูเซี่ยเสี่ยวหลานก็ถูกใจธุรกิจชนิดนี้แล้วโจวเฉินเข้าใจสถานการณ์ของเซี่ยเสี่ยวหลานดี สองแม่ลูกถูกไล่ออกจากตระกูลเซี่ยไม่มีทางได้รับทรัพย์สินมากมายติดตัวดังนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานถึงเลือกธุรกิจที่ต้นทุนน้อยอีกทั้งยังเหน็ดเหนื่อยมาก...เทียบกับการขายไข่ไก่และปลาไหลแล้ว จะไปหยางเฉิงรับซื้อเสื้อผ้าสตรีต้องใช้เงินทุนมากกว่านี้แน่นอน
กำไรของไข่ไก่และปลาไหลเป็อย่างไร โจวเฉิงเห็นอยู่กับตาทั้งสองคนเพิ่งแยกจากกัน่หนึ่งเซี่ยเสี่ยวหลานคงลำบากลำบนหาเงินทุกคืนวันเป็แน่ ไม่แปลกใจที่เจอคราวนี้เธอจะผอมลงเล็กน้อยอีกแล้ว
“อันที่จริงพวกเราก็จะไปหยางเฉิงแต่เธอไม่เหมาะจะไปด้วยกันกับพวกเราเท่าไร เธอซื้อตั๋วรถไฟหรือยังออกเดินทางกี่โมง?”
ต่อให้เดิมทีไม่ไปหยางเฉิง โจวเฉิงก็จะไปสักรอบให้ได้
เขาย่อมยินดีให้เซี่ยเสี่ยวหลานนั่งห้องโดยสารข้างคนขับอยู่แล้ว สองเราเดินทางเคียงกันทว่าหนทางที่เขาและคังเหว่ยขนสินค้าเต็มไปด้วยอันตรายที่คาดการณ์ไม่ได้ ยอมให้เซี่ยเสี่ยวหลานนั่งรถไฟไปทางใต้เพียงคนเดียวย่อมปลอดภัยกว่า
“ฉันอยากเดินทางวันนี้ ถ้ายังซื้อตั๋วได้ล่ะนะ”
คนวางแผนเดินทางไกลที่ไหนกัน เลยเวลาเที่ยงวันไปแล้วยังไม่ไปซื้อตั๋วรถ? โจวเฉิงเบิกบานอยู่ในหัวใจ นี่คือเพราะอยากพบเขาสักครั้งถึงรอจวบจนถึงตอนนี้คำพูดของเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นจริงจังมาก แต่ความคิดของโจวเฉิงนั้นคิดไม่ซื่อคำพูดธรรมดาสามัญกลับถูกเขาฟังเป็คำหวานที่แสนเพราะพริ้ง
ในสุ้มเสียงของเขาราวกับห่อหุ้มน้ำผึ้งไว้ครึ่งชั่งเช่นกัน
“ไปเถอะ ฉันไปซื้อตั๋วเป็เพื่อนเธอเอง วันนี้ซื้อตั๋วไม่ได้ก็ไม่รีบพักผ่อนที่บ้านพักสักคืนค่อยเดินทางก็ได้”
เชิงอรรถ
[1]财神 ไฉ่ซิงเอี๊ย คือเทพเ้าแห่งความมั่งคั่งร่ำรวย