หลังจากนั้นสองวัน มู่อวิ๋นจิ่นได้นอนพักฟื้นอยู่ในห้อง ในใจพยายามครุ่นคิดหาวิธีจะเปิดโปงเื่ที่ฉู่ชิงเฉียงสมคบคิดกันกับหอบุหลันให้ใต้หล้ารู้กันทั่ว
ในเมื่อฉู่ชิงเฉียงกล้ามาลอบกัดนาง ก็จงเตรียมใจรับผมกรรมที่ทำเอาไว้แล้วกัน
“คุณหนูถึงเวลาดื่มยาแล้วเ้าค่ะ” จื่อเซียงยกชามเข้ามาในห้อง
เมื่อเห็นยาสมุนไพรมีควันร้อนกรุ่นลอยขึ้น มู่อวิ๋นจิ่นชะงักจนพูดไม่ออก ่นี้ซวยเหลือเกินต้องมาทานยาที่ขมปี๋อีกแล้ว
หลังจากฝืนใจดื่มยาจนหมด จื่อเซียงก็ยื่นลูกอมน้ำผึ้งใส่ปากมู่อวิ๋นจิ่นแล้วเอ่ยขึ้นว่า “คุณหนู ได้ยินมาว่าพระชายาหรงและพวกคุณหนูฉิน จะเข้าเยี่ยมคุณหนูและมาขอโทษกับเื่ที่เกิดเ้าค่ะ”
“พวกปลิ้นปล้อนตลบแตลง จิตคิดไม่ซื่อ บอกไปว่าข้าไม่สบาย ไม่พบใครทั้งนั้น” มู่อวิ๋นจิ่นกำชับหนักแน่น
จื่อเซียงได้ยินรีบยิ้มมุมปาก “ด้านองค์ชายได้สั่งเอาไว้แล้ว ่ที่คุณหนูพักรักษาตัว ไม่ให้ผู้ใดเข้ามารบกวนเป็อันขาดเ้าค่ะ”
“อืม” มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้าพอใจ และพูดคุยเื่สนุกกันไป
จนกระทั่งไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยไปนานเพียงใด นอกประตูมีเสียงเคาะดังขึ้น “พระชายา บ่าวเองเ้าค่ะ”
“เื่อะไร?” มู่อวิ๋นจิ่นถามอย่างี้เี
“ท่านอ๋องหรง พระชายาหรงและคุณหนูฉินมาเยี่ยมเ้าค่ะ ถึงแม้องค์ชายสั่งห้ามใครพบ แต่องค์ชายไม่อยู่ที่จวนในเวลานี้ บ่าวไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไรได้คนเดียวเ้าค่ะ” แม่นมเสิ่นเอ่ยอย่างลำบากใจ
มู่อวิ๋นจิ่นเม้มปาก พูดอย่างเบื่อหน่าย “อย่างนั้นก็ให้พวกนั้นกลับไปให้หมดแล้วกัน”
“บ่าวบอกไปแล้ว แต่พระชายาหรงบอกว่า เื่ที่พระชายาตกน้ำเป็เพราะจัดการได้ไม่เหมาะสม หากไปมาขอโทษด้วยตนเอง นางยากจะทำใจได้เ้าค่ะ”
“ยากจะทำใจอย่างนั้น” มู่อวิ๋นจิ่นหัวเราะเยาะ
เมื่อได้ฟังน้ำเสียงลำบากใจอย่างมากของแม่นมเสิ่น มู่อวิ๋นจิ่นจึงตัดสินใจลุกขึ้น เตรียมสวมรองเท้าเดินไป
จื่อเซียงรีบเข้าไปห้ามปราม “คุณหนูจะไปพบคนพวกนั้น? เมื่อวันก่อน พวกนางยังอำมหิตปล่อยคุณหนูทิ้งไว้คนเดียวนะเ้าค่ะ……”
“ไม่เป็ไรหรอก พวกนางพาท่านอ๋องหรงมาด้วย แสดงว่าเตรียมตัวมาก่อนล่วงหน้า หากข้าไม่ออกไปพบ วันพรุ่งนี้อาจมีข่าวลือไปทั่วเมืองเตี๋ยฮวากระจายทั่วเป็แน่” มู่อวิ๋นจิ่นสวมรองเท้า เรียกให้จื่อเซียงมาช่วยเกล้าผม
จากนั้นไม่นาน มู่อวิ๋นจิ่นก็ก้าวออกจากห้อง เดินไปที่ห้องโถงด้านหน้า
……
ในห้องโถงเวลานี้ ท่านอ๋องหรง พระชายาหรงและฉินมู่เยว่นั่งรออยู่ เมื่อมู่อวิ๋นจิ่นเดินเข้าประตูไป กลับไม่เห็นแสดงความเคารพท่านอ๋องหรงและพระชายาหรง กลับเดินไปนั่งเก้าอี้เบื้องหน้า กวาดสายตามองทั้งสามคนอย่างอ่อนแรง
ท่านอ๋องหรงไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดใจแต่อย่างใด กลับหัวเราะขึ้นมา “หลานสะใภ้ ลุงได้ยินมาว่าเมื่อสองสามวันก่อนเข้าตกน้ำไม่ได้สติ ตอนนี้ดีขึ้นบ้างหรือยัง?”
“รอดพ้นอันตรายถึงแก่ชีวิตแล้ว” มู่อวิ๋นจิ่นยกถ้วยน้ำชาที่จื่อเซียงเอามาให้ขึ้นมาจิบกลั้วคอ
พระชายาหรงเห็นมู่อวิ๋นจิ่นสีหน้ายังซีดขาว ทว่าไม่เห็นร่างกายดูอ่อนแอแม้แต่น้อย พลันรู้ได้ทันทีว่านางไม่เป็อะไรมาก
ดังนั้นนางจึงฝืนยิ้มปั้นหน้าเห็นใจ “หลานสะใภ้ ในวันนี้เปิ่นเฟยตั้งมาขอโทษเ้าถึงที่นี่ด้วยตนเอง วันก่อนที่ร่ายกลอนล่องเรือ เป็เพราะเปิ่นเฟยดูแลอบรมมู่เช่อเฟยไม่ดี จึงเกิดเื่เช่นนั้นขึ้นมา”
“ใช่แล้วๆๆ พี่สะใภ้อวิ๋นจิ่น เื่นี้น้องสี่ไม่รู้จักรักตนเอง ะโจากเรือไม้ลงน้ำสร้างความวุ่นวาย โชคยังดีที่เื่นี้ไม่สำเร็จ มิอย่างนั้นในใจมู่เยว่คงมิอาจให้อภัยตนเองได้” ฉินมู่เยว่สำทับขึ้น พลางยิ้มไปทางมู่อวิ๋นจิ่น
เมื่อได้ยินคนพวกนี้โยนความผิดไปให้มู่หลิงจูเพียงคนเดียว มู่อวิ๋นจิ่นก็ตบไปที่โต๊ะโดยไม่เอ่ยคำใด
บรรยากาศภายในห้องโถงกลับเงียบสงัดและกดดันอย่างบอกไม่ถูก
“องค์ชายกลับมาแล้ว!” แม่นมเสิ่นที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูเอ่ยขึ้น จากนั้นฉู่ลี่ก็เดินเข้ามาด้านใน
พระชายาต้องรับมือสามคนนี้พร้อมกัน จนเหงื่อไหลไคลย้อยไม่น้อย
ระหว่างที่ฉู่ลี่ก้าวเข้ามาเห็นมู่อวิ๋นจิ่นสวมอาภรณ์น้อย ใบหน้าซีดขาว และหันกลับมาจ้องที่คนทั้งสาม
“พี่ลี่…” ฉินมู่เยว่เอ่ยขึ้นด้วยความดีใจ
ฉู่ลี่ไม่มองแม้แต่หางตาเดินผ่านหน้าไปทางหามู่อวิ๋นจิ่นด้วยแววตาแน่นิ่ง “เ้าออกมาทำไม?”
“ข้า……” มู่อวิ๋นจิ่นเห็นแววตาแน่นิ่งของเขา จนไม่รู้จะเอ่ยปากตอบเช่นไร
“ลี่เอ๋อร์ วันนี้ท่านป้ามาขอโทษหลานสะใภ้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อน จนเกือบสร้างความผิดมหันต์ขึ้นมา” ท่านอ๋องหรงอธิบายขึ้นมา
ฉู่ลี่ได้ยินตอบรับเสียงเรียบ ปรายตาไปทางท่านอ๋องหรง “ในเมื่อขอโทษเรียบร้อยแล้ว ท่านลุงกลับกันไปก่อนเถอะ”
“ได้ๆๆๆ เดิมทีพวกเราตั้งใจจะกลับพอดีเชียว” ท่านอ๋องหรงพยักหน้างกๆ ในใจคิดต่อว่าตนเองที่ทำตัวเหมือนคนกระจอก ทุกครั้งที่พบหน้าฉู่ลี่จะรู้สึกกดดันหายใจไม่ทั่วท้อง แต่ความเป็จริงนั้นเขาเป็ผู้ใหญ่กว่าฉู่ลี่นี่หน่า
ทางด้านฉินมู่เยว่ทำได้เพียงกัดฟันกรอดๆ มองฉู่ลี่ให้ความเป็หวงกับมู่อวิ๋นจิ่น จนไฟริษยาลุกท่วมตัว ส่วนพระชายาหรงที่เห็นปฏิกิริยาของฉินมู่เยว่ ทำได้เพียงส่ายหน้าไปมา
“เช่นนั้นพวกเราขอกลับก่อน หลานสะใภ้ วันนี้ลุงได้นำโสมพันปีมาฝากให้กล่องหนึ่ง เป็ของบำรุงร่างกาย” ท่านอ๋องหรงลุกขึ้น
มู่อวิ๋นจิ่นยิ้มมุมปาก “ขอบพระทัยท่านอ๋องหรง”
“เป็ครอบครัวเดียวกันทั้ง มิต้องขอบคุณหรอก” ท่านอ๋องหรงชายตาเรียกพระชายาหรงและฉินมู่เยว่ให้ออกไปพร้อมกัน
ฉินมู่เยว่เดินขึ้นไปสองก้าว หันพูดกับฉู่ลี่ “พี่ลี่ อีกไม่กี่วัน พวกเราไปดูดอกบัวดำ……”
“ไม่ต้องหรอก เ้ากลับไปก่อนแล้วกัน” ฉู่ลี่พูดขัด33อย่างเืเย็น
ฉินมู่เยว่ชะงักแต่รีบยิ้มกลบเกลื่อนและเดินออกไป
พอห้องโถงเงียบสงบเข้าสู่ภาวะปกติ มู่อวิ๋นจิ่นค่อยๆ ถอนลมหายใจ นั่งพิงพนักเก้าอี้อย่างโล่งอกไปที
“ร่างกายเ้าดีขึ้นหรือยัง?” ฉู่ลี่เห็นนางนอนแผ่จึงถามอย่างกังวล
“เกือบหายดีแล้ว ที่จริงข้าไม่เป็อะไรซักนิดเดียว” มู่อวิ๋นจิ่นยักคิ้วหลิ่วตา
ฉู่ลี่มองดูเวลา “เ้าพักผ่อนอีกสองวันแล้วค่อยติดตามเปิ่นหวงจื่อไปที่เมืองธารรัตติกรแล้วกัน”
“ทำไมต้องไปที่นั่นด้วย?” มู่อวิ๋นจิ่นถามอย่างสงสัย เพราะรู้สึกไม่ดีกับเมืองนั้นเสียเท่าไหร่
“ถึงตอนนั้นเ้าจะรู้เอง” ฉู่ลี่ทิ้งคำพูดไว้ก่อนเดินไปเรือนด้านหลัง
มู่อวิ๋นจิ่นเบะปาก พึมพำต่อว่าฉู่ลี่ลับหลังไปหลายประโยค เป็แบบนี้ทุกครั้งพูดครึ่งๆ กลางๆ ทำให้คนอยากรู้
ช่างเป็คนแปลกพิลึกชัดๆ
……
หลังจากนั้นไม่กี่วัน รถม้าเคลื่อนเดินทางไปจนถึงเมืองธารรัตติกร
มู่อวิ๋นจิ่นนั่งอยู่รถม้าด้านหลัง ตั้งใจพูดว่านั่งไม่ค่อยสบาย ฉู่ลี่จึงพยักหน้าอนญาตให้นางนอนลงได้
เวลาในการเดินทางไปจนถึงเมืองธารรัตติกรไม่ช้าไม่เร็ว หากนั่งจะปวดเมื่อยเนื้อตัว พอนอนลงได้ค่อยสบายขึ้นหน่อย
มู่อวิ๋นจิ่นนอนแผ่ลงฟูกนุ่มนิ่ม ลองแขนแทนหมอน มองหลังคารถม้าขยับไปมา พลางเหลือบตามองด้านข้าง “ตอนนี้เ้าบอกข้ามาสิ ไปทำอะไรที่เมืองธารรัตติกร”
“ดอกบัวดำจะบาน จำเป็ต้องพาเ้าไปลอง”ฉู่ลี่มองมาที่นาง
“อะไรนะ? จะใช้เืข้าในการลองอย่างนั้น? เ้ามั่นใจเหรอว่าวิธีนี้จะได้ผล?” มู่อวิ๋นจิ่นหน้าตาแตกตื่น ขนาดเืของชนชั้นสูงอย่างฉินมู่เยว่ยังไม่ได้ผล นางเป็แค่ธรรมดา จะไปเร่งให้ดอกบัวดำบานได้อย่างไรกัน
ฉู่ลี่ได้ที่นางพูด พลันหรี่ตามองอย่างแน่นิ่ง “เ้ารู้ได้ยังไง ว่าต้องใช้เืของเ้า?”
“......” มู่อวิ๋นจิ่นเม้มริมฝีปากทันที ต่อว่าต่อขานตนเองที่ปากพล่อย หลุดเื่นี้ไปได้ยังไง
ฉู่ลี่เห็นนางไม่พูดต่อ ภายในหัวของเขาคิดไปถึงวา หากดอกบัวดำบานแล้ว ถ้ำในูเาต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง ชั่วพริบตาเดียวเสียงที่เยือกเย็นดังขึ้นจากในรถม้า
“คืนนั้น คนที่อยู่นอกถ้ำเป็เ้านี่เอง!”
มู่อวิ๋นจิ่นเริ่มลอกแลก ลุกขึ้นมานั่ง ยื่นมือไปลูบหัวเข่า หันไปสบตาฉู่ลี่ “ข้าไม่ได้ตั้งใจแอบฟังเ้าคุยสักหน่อย ตอนนั้นข้ามีเื่ไปหาเ้า กลับได้ยินโดยไม่ได้ตั้งใจ”
ฉู่ลี่เห็นนางอธิบายอย่างรีบร้อนและจริงจัง จึงเบือนปากหันหน้ามองไปทางอื่น
มู่อวิ๋นจิ่นพยายามหาเื่อื่นเข้ามาพูดคุย จึงลงไปนอนแผ่หลับตาดังเดิม
หลังจากนั้นประมาณสองชั่วยาม รถม้ามาหยุดลงที่ทางขึ้นูเา มู่อวิ๋นจิ่นเดินลงรถม้า หันมองูเาที่อยู่เบื้องหน้า “ูเาลูกนี้มีชื่อไหม?”
“ไม่มี” ฉู่ลี่ส่ายหน้า
“น่าเสียดายซะจริง” มู่อวิ๋นจิ่นยู่ปาก
ฉู่ลี่เหลือบมองนางด้วยหางตา “ถ้าเ้าเสียดายก็ตั้งชื่อูเาลูกนี้สิ”
มู่อวิ๋นจิ่นยักไหล่ผายมือ “ี้เีตั้ง รีบไปกัน รีบเดินขึ้นูเาเถอะ”
ฉู่ลี่เห็นนางแล้วอดขำมิได้ที่นางมีอารมณ์แปรปรวนเดาใจไม่ถูก จากนั้นต่างพากันเดินขึ้นูเาไป
ติงเซี่ยนเดินตามข้างหลังเห็นเ้านายทั้งสองเดินเคียงคู่กัน ในใจคิดว่าที่แท้องค์ชายของเขาก็มี่ที่เถียงสู้คนอื่นไม่ได้เหมือนกัน
มู่อวิ๋นจิ่นเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็รู้สึกขาสั่นด้วยความอ่อนแรง แผ่นหลังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ อีกทั้งแสงตะวันที่แผดเผาประเดี๋ยวหนางประเดี๋ยวเย็น ร่างกายของมู่อวิ๋นจิ่นยากจะปรับตัวได้ทัน
ร่างนี้ทำไมช่างอ่อนแอได้ถึงเพียงนี้!
“ข้าเดินต่อไปไม่ไหวแล้ว ขอพักครู่หนึ่ง” มู่อวิ๋นจิ่นหันไปโบกมือให้ฉู่ลี่ แล้วนั่งลงใต้ต้นไม่ใหญ่ ควักผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อ
ฉู่ลี่รู้สึกเหนือความคาดหมาย จึงเดินไปนั่งข้างนาง พอเห็นใบหน้าของมู่อวิ๋นจิ่นซีดเผือดอย่างผิดสังเกต หน้าผากมีเหงื่อซึมไม่หยุด ร่างกายเริ่มสั่นสะเทิ้มขึ้นเรื่อยๆ
“เ้าไม่สบาย?” ฉู่ลี่ขยับเข้าไปด้านข้าง ยื่นมือหมายจะแตะดูว่านางตัวร้อนหรือเปล่า
“อาจเป็เพราะอากาศร้อนแรงเกินไป จึงเป็ไข้แดดกระมัง” มู่อวิ๋นจิ่นเอ่ยขึ้นช้าๆ
ติงเซี่ยนที่เห็นเหตุการณ์ เดินเข้าไปใกล้ดูอาการของมู่อวิ๋นจิ่น จากนั้นหันมารายงานอาการาให้ฉู่ลี่ฟัง “ให้กระหม่อมแบกพระชายาขึ้นไปหลบในถ้ำ ที่นั่นอากาศเย็นสบายสามารถหลบร้อนได้พ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ต้องหรอก”
ติงเซี่ยนได้ฟังนึกว่าฉู่ลี่คงปล่อยมู่อวิ๋นจิ่นไว้ใต้ต้นไม้นี้ แต่ไม่นึกไม่ฝันว่าฉู่ลี่ยื่นมือออกไปคว้ามู่อวิ๋นจิ่นแบกขึ้นหลัง
ติงเซี่ยนมองภาพเบื้องหน้าด้วยความใ จนต้องยกมือขยี้ตา ตาไม่ฟาด ตาไม่ฟาดจริงๆ ด้วย ไม่คิดไม่ฝันว่าองค์ชายจะแบกสตรี……
วันนี้ สงสัยฝนจะตกห่าใหญ่แล้ว!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้