จ่างกุ้ยเป็ผู้รู้ความ เมื่อเห็นว่าพวกนางใส่ชุดผ้าไหม เขาก็คอยปรนนิบัติอย่างระมัดระวัง
เขาแนะนำอาหารที่เป็จานขายดีให้สองสามอย่าง พร้อมทั้งอธิบายวิธีการทำอย่างอดทน เพียงแค่ฟังคำอธิบายอวิ๋นอี้ก็อดน้ำลายไหลมิได้
หว่านฉือเป็เ้าภาพจึงสั่งอาหารมาหลายอย่าง จ่างกุ้ยยิ้มจนตาหยี พูดชมนางมิได้หยุด ประจบประแจงไม่ขาด
การทำอาหารของหลิวเซียนโหลวรวดเร็วทันใจ นั่งได้ไม่นาน ประตูห้องก็ถูกเคาะ
จ่างกุ้ยรีบเดินไปเปิดประตู กลิ่นหอมของอาหารพุ่งขึ้นในทุกทิศทาง เข้าไปัักับจมูก ััต่อมรับรส ทำให้อวิ๋นอี้กลืนน้ำลายมิได้หยุด
อาหารจานสุดท้ายก็เป็เป็ดย่างที่มีชื่อเสียง
หนังกรอบมันเยิ้มภายนอกนั้นติดกับเนื้อเป็ดที่นุ่มด้านใน จุ่มลงใน น้ำมันพริกสด ทั้งยังน้ำส้มสายชูที่มีกลิ่นหอม เป็รสชาติที่งดงามจนทำให้ผู้คนขึ้น์
“อร่อย!” อวิ๋นอี้หลุดปากชมอย่างควบคุมมิได้
หว่านฉือกุมมือปิดปาก น้ำเสียงภูมิใจเล็กน้อย “คิดไว้แล้วเชียวว่าท่านพี่ต้องชอบเพคะ หากชอบก็ทานเยอะๆ นะเพคะ เป็ดย่างร้านนี้รสชาติดีจริงๆ!”
กว่าอวิ๋นอี้จะมีความชอบเดียวกับนาง มิคิดเลยว่าจะเป็เื่ทานอาหาร นางคีบเนื้อมาอีกชิ้นหนึ่ง ทานหมดภายในสองสามคำ แล้วมองดูหว่านฉือ กลับเห็นว่าในจานของนางสะอาดสะอ้าน ดูเหมือนว่านางจะมิได้ขยับตะเกียบเลย
“เ้าไม่ทานหรือ?” นางถามอย่างสงสัย หลังจากนั้นก็ถึงจะคิดได้ว่า นางคงมิได้โดนวางยาพิษหรอกใช่หรือไม่? แต่ไม่นานก็คิดได้ว่าหว่านฉือมิได้โง่เช่นนั้น
หากว่านางเกิดเื่ระหว่างที่ออกมาทานข้าวกับนาง นางคงจะหนีไม่พ้น อีกอย่างนางยังเป็คนพามาที่ร้านเป็ดย่างนี้อีกด้วย
อวิ๋นอี้โล่งอก สีหน้าดูเป็ธรรมชาติมากขึ้น นางทานพลางรอคำตอบ
“น้องไม่ค่อยอยากทานน่ะเพคะ อยากทานพวกผักเสียมากกว่า” หว่านฉือพูดแล้วก็หยิบผักเข้าไปไว้ในจาน
อวิ๋นอี้ยักไหล่เบาๆ ผู้ใดจะรู้กันว่านางทานไม่ลงจริงๆ หรือแค่กลัวอ้วนกัน
ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองมิได้สนิทกันเช่นนั้น หว่านฉือพูดเช่นนั้น อวิ๋นอี้ก็มิได้คะยั้นคะยอกระไรมาก ก้มหน้าก้มตาทานต่อไป
เมื่อทานจนพอใจแล้ว จ่างกุ้ยราวกับรู้เวลาอย่างไรอย่างนั้น ทันทีที่พวกนางวางตะเกียบลง เขาก็ขอเข้าพบ
เมื่อให้เขาเข้ามา ก็ได้ยินเขาแนะนำของหวานสองสามอย่าง บอกว่าทานหลังอาหารจะอร่อยที่สุด
หว่านฉือหันไปถามความเห็นนาง “ท่านพี่อยากลองหรือไม่เพคะ?”
อวิ๋นอี้สับสนเล็กน้อย นางไม่เคยคิดเลยว่าจะมีความสัมพันธ์ที่กลมกลืนกับศัตรูหัวใจได้เช่นนี้ น่าขันเสียจริง
ระงับความคิดในใจและหวนคืนสู่ความเป็จริง นางอยากจะลองทานของหวานจริงๆ ว่าอร่อยจริงหรือไม่ นางจึงถามกลับ "น้องอยากหรือไม่?"
“แน่นอนสิเพคะ"
"อื้ม" อวิ๋นอี้พูดกับจ่างกุ้ยว่า "ของหวานที่เ้าแนะนำ มีสิ่งใดบ้างนะ?"
"ขนมถาวฮวา [1] ขนมฮว๋ายฮวา [2] ขนมถั่วเขียว ล้วนขายดีมากเลยพ่ะย่ะค่ะ"
“อืม... " หว่านฉือพูด "ข้าเอาขนมถาวฮวา"
"กระนั้นข้าเอาขนมฮว๋ายฮวา" อวิ๋นอี้สั่ง
ตามที่คาดไว้ สมแล้วที่หลิวเซียนโหลวมีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็อาหารหรือของหวานก็ล้วนอร่อยทั้งนั้น
เมื่อทานไปคำแรก กลิ่นหอมจางๆ ของขนมฮว๋ายฮวาก็ติดอยู่ในปาก ทำให้ความมันและเผ็ดของเป็ดย่างหายไป เหลือไว้แต่ความหวานที่ทำให้หลงใหล
นางหลับตาเพลิดเพลินกับการลิ้มรส ก็ถูกหว่านฉือพูดล้อเล่น "ท่านพี่ ขนมฮว๋ายฮวาอร่อยเช่นนั้นเลยหรือเพคะ?"
"เ้าลองสั่งมาชิมสิ"
"ท่านพี่จะรังเกียจที่จะแบ่งข้าครึ่งหนึ่งได้หรือไม่เพคะ?"
"......หือ?” อวิ๋นอี้ใกับคำขออย่างกะทันหันของนาง ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ หากนางได้ยินถูกและมิได้โง่แล้วละก็ หว่านฉือบอกว่าอยากทานกับนางหรือ?
นางบ้าไปแล้วหรืออีกฝ่ายบ้ากันแน่
ความสัมพันธ์ของพวกเขามิได้ดีเช่นนั้นนะ ถึงจะดี แต่มีที่ใดกันที่แบ่งกันทานขนมคนละครึ่งเล่า?
อวิ๋นอี้กลับมาได้สติ ะโออกไปนอกประตูด้วยรอยยิ้ม ก็มีคนใช้เข้ามาทันที นางสั่งว่า "เอาขนมฮว๋ายฮวามาอีกชิ้น"
“ท่านพี่ช่างรอบคอบ ข้าหุนหันไปจริงๆ” หว่านฉือพูดอย่างหน้าเสีย "ท่านพี่อย่าได้ถือสานะเพคะ"
มีเื่เกิดขึ้นอย่างอธิบายไม่ถูก หลังจากแก้ไขสถานการณ์ได้แล้ว สถานการณ์ถัดมาก็นับว่าผ่านไปอย่างราบรื่น มิได้เกิดเื่กระไรที่ทำให้คนปวดใจอีก
หว่านฉือเอ่ยปากชมขนมฮว๋ายฮวาที่มาใหม่ไม่ขาดปาก ถึงขนาดก่อนกลับให้คนจัดมาอีกสองชุด ชุดหนึ่งของนาง อีกชุดเป็ของอวิ๋นอี้
“วันนี้ขอบพระคุณท่านพี่มากเลยนะเพคะ” หว่านฉือกล่าวขอบคุณอีกครา “ข้าหวังว่าหลังจากที่น้องเข้าจวนแล้ว เราจะยังมีความสุขกันได้เช่นนี้นะเพคะ”
เริ่มแสดงอีกแล้ว
อวิ๋นอี้แสร้งทำเป็ลูบหู ในเวลานั้นเองหว่านฉือก็เดินเข้าไป เอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ทั้งสองเข้าใกล้กันมากขึ้น นางพูดด้วยน้ำเสียงที่ได้ยินกันแค่สองคนว่า “ท่านพี่มิต้องเป็กังวลนะเพคะ หว่านฉือรับปากกับท่านได้เลยว่า หลังจากเข้าจวนไป เื่การอภิเษกของข้ากับองค์ชายซาลง ข้าจะหาข้ออ้างออกจากจวนองค์ชายเอง ท่านพี่ต้องเชื่อข้านะเพคะ”
ทุกคนล้วนเป็สตรี ในคำพูดล้วนจริงอยู่สามปลอมอยู่เจ็ด จะหลอกลวงกันไปด้วยเหตุใดเล่า
ในตอนที่หว่านฉือทำตัวสงบไม่พูดกระไร ก็ยังพอจะดูสบายตา แต่ทันทีที่นางเอ่ยปากทำท่าทำทาง ก็ทำให้อึดอัดเสียเช่นนั้น
อวิ๋นอี้ไม่อยากที่จะหักหน้านาง จึงไม่ตอบกระไร เพียงคว้าขนมฮว๋ายฮวาแล้วเดินขึ้นรถม้าไป
“กลับจวน”
เซียงเหอกังวลั้แ่นางออกจากจวนไป คราก่อนที่อวิ๋นอี้ต้องเสียหายเพราะหว่านฉือ ทุกคราที่พูดถึงหว่านฉือนางก็รู้สึกอัปมงคล
เมื่ออวิ๋นอี้ออกไป นางก็ส่งคนไปแจ้งหรงซิวในวัง แต่น่าเสียดายที่มิมีการตอบรับใดๆ ไม่เห็นแม้แต่เงาของหรงซิว
นางมิมีทางเลือกนอกจากต้องทนรอไป ั้แ่เช้าจรดบ่าย ในที่สุดก็เห็นอวิ๋นอี้กลับมาแล้ว
“พระชายาเพคะ!” เซียงเหอพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น “ท่านกลับมาได้เสียที! มิได้เกิดกระไรขึ้นใช่หรือไม่เพคะ?”
“มิมีกระไร” อวิ๋นอี้ส่ายหัว ยกเว้นพฤติกรรมแปลกๆ ของหว่านฉือในหลิวเซียนโหลว ทุกอย่างก็ปกติดี นางคิดว่า ครานี้คงจะมิได้โดนเล่นงาน
เซียงเหอโล่งใจและพูดอย่างมีความสุขว่า "ไม่เป็กระไรก็ดีแล้วเพคะ แต่พระชายาไปมาหาสู่กับท่านหญิงหว่านฉือให้น้อยลงหน่อยเถิดนะเพคะ ข้ากังวลแทบแย่”
อวิ๋นอี้มุ่ยปาก “ข้าต่างหากที่ไม่อยากจะไปมาหาสู่กับนางที่สุด!"
ทั้งปลอม ทั้งเสแสร้งเก่ง เดินเลือกซื้อของกับนางครานี้ ไม่เพียงแค่ขาที่เหนื่อย ใจก็เหนื่อย นางแก่ขึ้นสองปีได้กระมัง
เมื่อรู้ว่าพูดถึงหว่านฉือจะมีแต่ทำให้มิมีความสุข เซียงเหอจึงเลือกที่จะหุบปากอย่างฉลาด พยุงอวิ๋นอี้เข้าไปในจวน แล้วหยิบขนมที่เตรียมไว้ ให้นางชิม
อวิ๋นอี้นึกถึงขนมฮว๋ายฮวาขึ้นได้ ก็หยิบมาให้เซียงเหอ ทำให้นางยิ้มแก้มปริ
ตอนเย็น หรงซิวที่ยุ่งทั้งวันจนไม่เห็นเงาก็กลับมาแล้ว "ได้ยินว่าเ้าออกไปกับหว่านฉือหรือ?”
“ใช่สิเพคะ" อวิ๋นอี้ตอบอย่างกระฟัดกระเฟียด “ฝ่าาถามอย่างกระตือรือร้นเช่นนี้ กลัวว่าข้าจะรังแกนางหรือเพคะ?”
“เ้านี่กวนโมโหเก่งนัก” หรงซิวจับหน้านาง "ข้าเกรงว่าเ้าจะเป็กระไร"
“หากกลัวว่าข้าจะเป็กระไรก็ไม่ควร......” อวิ๋นอี้หยุดการสนทนาไว้ได้ทันเวลา รู้ว่าพูดคำนั้นไปก็ไร้ประโยชน์ ทำได้เพียงพึมพำเสียงอย่างเฉยเมย "ข้าไม่เป็กระไรเพคะ ฝ่าานั่นแหละ ไม่เห็นั้แ่เช้า ไปที่ใดมาเพคะ?"
“ไปที่วังมา” หรงซิวพูดตอบทันใด “ข้าเอาขนมอร่อยๆ มาให้ด้วย จะลองทานหรือไม่?”
อวิ๋นอี้เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ “จากร้านใดเพคะ?”
“ร้านหลิวเซียนโหลวที่เปิดใหม่ในเมือง รสชาติดีเลย ข้าตั้งใจซื้อมาให้เ้าโดยเฉพาะ”
“บังเอิญเสียจริง” อวิ๋นอี้รับขนมมาด้วยรอยยิ้ม ยกขึ้นที่ปลายจมูกแล้วดม แล้วบอกเขาว่า "ตอนบ่ายข้าก็ไปทานข้าวที่นั่นกับหว่านฉือ"
"พวกเ้ายังทานข้าวด้วยกันอีกด้วยหรือ?" หรงซิวกดคาง หัวเราะอย่างหมดคำพูด "จริงหรือ?”
“จริงสิเพคะ" อวิ๋นอี้กลอกตาขาว “ข้านิสัยดีเช่นนี้ ก็ต้องเข้ากันได้ดีกับน้องอยู่แล้ว มิสร้างปัญหาหลังบ้านให้ฝ่าาเป็กังวลหรอกเพคะ”
พูดเสียน่าฟังกว่าร้องเพลง สตรีตัวน้อยไม่พอใจขึ้นมาก็จะพูดคำพูดเสียดสีไม่หยุด
หรงซิวกอดนางไว้ในอ้อมแขน บิขนมออก แล้วป้อนเข้าปากนาง นางกำลังหันหน้าอย่างออดอ้อน ก็ได้ยินเสียงของพ่อบ้านวิ่งเข้ามา หอบหายใจอย่างรีบร้อน
“ฝ่าา! ฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ! อีก...อีกแล้ว...ท่านหญิงหว่านฉือเกิดเื่อีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
เชิงอรรถ
[1] ถาวฮวา 桃花 หมายถึง พีช
[2] ฮว๋ายฮวา 槐花 หมายถึงดอกฮว๋าย หนึ่งในดอกไม้ของจีน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้